พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1923 สะสางทั้งบัญชีเก่าบัญชีใหม่
ราชินีสวรรค์ส่งข่าวกลับมาแล้ว เหมียวอี้ที่อยู่บนหอประตูเมืองฉีกหน้ากากบนใบหน้าออก แล้วหันไปประกาศข่าวต่อทุกคนด้วยรอยยิ้มว่า “เถิงเฟย เฉิงไท่เจ๋อก่อกกบฎแล้ว อิ๋งจิ่วกวงรบแพ้โดนประหาร ถูกกองทัพองครักษ์จัดการแล้ว สถานการณ์ภาพรวมถูกกำหนดแล้ว สามารถเผยโฉมหน้าที่แท้จริงได้แล้ว” พูดจบก็เดินตรงไปที่บันไดทางเข้า
พวกหยางเจาชิงเดินตามไป ทยอยกันถอดหน้ากากออก มีเพียงซิงที่ไม่สะทกสะท้าน นางไม่คุ้นชิดกับกันเผยตัวในที่สาธารณะ
ชิงเยว่ที่เดินตามตกตะลึงมาก อิ๋งจิ่วกวงล้มแล้วเหรอ?
ความตกตะลึงในใจฝูชิงยากจะบรรยายออกมาได้ ขณะมองตามเหมียวอี้เดินลงตึกไป ในใจก็บรรยายความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดได้ยาก
เมื่อเดินลงมาบนหอประตูเมือง แล้วเห็นคนในร้านค้าของขุนนางใหญ่ที่ถูกคุมตัวไว้ เหมียวอี้ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงปกติ “ปล่อยไปให้หมด คลายผนึกประตูเมืองทั้งสี่ด้าน ให้อิสระกับพ่อค้าด้วย แจ้งให้ตลาดสวรรค์แต่ละแห่งทำแบบนี้”
“รับทราบ!” หยางเจาชิงกับฝูชิงเอ่ยรับ
กลุ่มคนที่ถูกจับและถูกตั้งกลุ่มชั่วคราวบนหอประตูเมืองแยกย้ายกันทันที ทหารยามถล่มเปิดหอประตูเมืองแล้ว คลายผนึกประตูเมืองทั้งสี่ด้านพร้อมกัน
เพียงแต่มีคนไม่น้อยมองเหมียวอี้ด้วยความประหลาดใจ แค่เห็นลักษณะท่าทางก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนธรรมดา ข้างกายมียอดฝีมือระดับสำแดงฤทธิ์อยู่ด้วย แม้แต่ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์อย่างฝูชิงก็มีสิทธิ์แค่ยืนหลีกอยู่ข้างๆ แค่คิดก็รู้แล้วว่าคนผู้นี้มีฐานะเป็นอย่างไร
“นานมากแล้วที่ไม่ได้เดินตลาดที่นี่” เหมียวอี้กล่าวอย่างทอดถอนใจขณะเดินอยู่บนถนน ที่จริงเขาไม่มีอารมณ์มาเดินตลาด แต่เพื่อแสดงความจริงใจให้ลิ่งหูโต้วจ้งเห็น เขาเชื่อว่าอีกไม่นานลิ่งหูโต้วจ้งก็จะรู้
พอฝูชิงเห็นดังนั้น ทหารสวรรค์หายสิบคนมาเบิกทางข้างหน้าให้ ให้พ่อค้าบนถนนหลีกทางให้สองฝั่ง
“ผู้จัดการร้าน คนนี้คือใครกัน?” ตรงประตูร้านค้ามีคนถ่ายทอดเสียงถามผู้จัดการร้าน
ผู้จัดการร้านมองเหมียวอี้อย่างเหม่อลอยเล็กน้อย หลังจากดึงสติกลับมาแล้ว ก็สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง แล้วถ่ายทอดเสียงตอบทันทีว่า “คนที่กล้าเล่นแบบนี้ที่ตลาดสวรรค์ยังจะมีใครได้อีก? หัวหน้าภาคแดนรัตติกาล ทูตลาดตระเวนตลาดสวรรค์หนิวโหย่วเต๋อไง! แต่ไม่ได้เห็นเขามาหลายปีแล้ว ทำไมมาโผล่อยู่ที่นี่อีก”
“โอ้โฮ นั่นใครน่ะ? มันไม่ใช่หนิวโหย่วเต๋อหรอกเหรอ?”
“จุจุ ข้าก็ว่าใครมันใจกล้าตัดหัวคนของตระกูลอิ๋ง ที่แท้ก็เป็นเขานี่เอง!”
“เถ้าแก่ เขาคือใครเหรอ?”
“หนิวโหย่วเต๋อไม่เคยได้ยินเหรอ? เขาเคยเป็นผู้บัญชาการใหญ่ของที่นี่ ตอนนี้เป็นผู้ตรวจการใหญ่ตลาดสวรรค์ ควบตำแหน่งหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลแล้ว”
“เด็กดี หนิวโหย่วเต๋อไง เขานำกำลังพลครึ่งธงพยัคฆ์ตีทัพใหญ่หนึ่งล้านแตกพ่าย ที่ศึกสระน้ำมังกรดำก็นำกำลังพลหนึ่งแสนตีทัพตะวันออกห้าล้านแตกพ่าย!”
“สาวๆ รีบมาดูสิ หนิวโหย่วเต๋อ หนิวโหย่วเต๋อมาแล้วจริงๆ”
หอมงกุฎงาม ท่านแม่เฝิงยื่นตัวออกจากหน้าต่างบนตึก ชะโงกหน้ามองถนนอยู่ไกลๆ นางสะบัดผ้าเช็ดหน้าเรียกคนในห้องอย่างตื่นเต้น
ผ่านไปไม่นาน กลุ่มสาวงามที่ส่งเสียงจ้อกแจ้กจอแจก็เบียดกันยื่นศีรษะออกจากหน้าต่างหลายบาน แต่ละคนตาลุกวาว
“เขาก็คือหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลหนิวโหย่วเต๋อไง! มีสง่าราศีไม่ธรรมดาจริงๆด้วย!”
“พี่เขาลือกันเป็นเรื่องจริง รีบมาดูสิ ข้างกายเขามียอดฝีมือระดับสำแดงฤทธิ์ติดตามด้วย”
“ท่านแม่ ทำไมไม่เห็นพี่เฟยหงล่ะ?”
“พี่เฟยหงของพวกเจ้าบินขึ้นยอดไม้ไปแล้ว เสพสุขกับเกียรติยศเงินทองเต็มที่กลายเป็นคนที่ดูแพงมาก ขนาดท่านแม่อย่างข้าอยากจะเข้าใกล้ก็ยังทำไม่ได้เลย พวกว่าพวกเจ้าอยากเห็นแล้วก็เห็นได้ นึกถึงในปีนั้นสิ ไม่มีใครเห็นดีด้วยกับนายท่านหนิวสักคน ตอนนี้ใครจะไปคาดคิดล่ะ กลายเป็นผู้ตรวจการใหญ่ตลาดสวรรค์ซะแล้ว ข้ามระดับท่านโหวไปแล้ว อีกนิดเดียวก็จะได้เข้าประชุมขุนนางแล้ว เฟยหงช่างมีวาสนาจริงๆ!” ท่านแม่เฝิงอุทานด้วยความทึ่ง จากนั้นก็พูดกับสาวงามชุดขาวที่คลุมผ้ามุ้งบนใบหน้าว่า “โยวหวน เห็นหรือยังล่ะ ถ้าอยากได้ดีก็ต้องกลายเป็นดาวเด่นให้ได้! เฟยหงจากหอมงกุฎงามได้ดีก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว เสวี่ยหลิงหลงดาวเด่นของหอกลิ่นสวรรค์ในปีนั้น ตอนนี้เป็นภรรยาเอกของรองหัวหน้าภาคสวีเชียวนะ แต่ละคนล้วนได้ดี เราก็ต้องพยายามเข้านะ!”
สาวงามชุดขาวที่อยู่ข้างหลังมองเหมียวอี้เดินมาตลอดทาง นางเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วถ่ายทอดเสียงบอกว่า “ท่านแม่ เขาลือกันว่าคนของหอกลิ่นสวรรค์หายไปเกี่ยวข้องกับรองหัวหน้าภาคสวีคนนั้น ลูกสาวแนะนำว่าต่อไปนี้ ท่านอย่าดึงพี่เฟยหงมาเกี่ยวข้องกับหอมงกุฎงามอีกเลย ฐานะของพี่เฟยหงตอนนี้ไม่ธรรมดาแล้ว ไม่ควรเอ่ยถึงเรื่องที่เกี่ยวกับหอมงกุฎงามอีก ถ้าข่าวแพร่ไปออกไป จะไม่ดีต่อพวกเรา สำหรับอีกฝ่าย ชีวิตอันไร้ค่าของพวกเราเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ไม่คุ้มเงินทอง”
ท่านแม่เฝิงตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็ตัวสั่นด้วยความกลัว รีบบอกคนของหอมงกุฎงามว่าต่อไปนี้ห้ามเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก
เหมียวอี้เดินมาตลอดทาง สองริมฝั่งถนนซุบซิบกันไม่หยุด บางคนก็ทำสายตาอิจฉา บางคนก็ทำสายตาริษยา บางคนก็หวาดกลัว ร้านค้าของตระกูลอิ๋งถูกกวาดล้างไปแล้ว ถูกตัดหัวไปแล้ว ทุกคนต่างก็กำลังแอบพึมพำว่า พอท่านนี้มาถึงตลาดสวรรค์ ก็มีหัวคนร่วงลงพื้นทันที!
รอจนกระทั่งจบเรื่องแล้วรู้ข่าว รู้ว่าเหมียวอี้ตัดหัวคนที่ตลาดสวรรค์ไปแล้วรอบหนึ่ง ที่นี่ก็ยิ่งฮือฮาเข้าไปใหญ่ เพราะว่าท่านนี้ช่างจองเวรจองกรรมตลาดสวรรค์!
กลับเข้ามาในตำหนักคุ้มเมืองได้ไม่นาน เหมียวอี้ก็ได้ข่าวจากราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วเฉิงอวี่อีก เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ราวกับเป็นบ้าไปแล้ว ให้เขาคิดหาวิธีการทำให้สนมสวรรค์จ้านหรูอี้ตาย!
เหมียวอี้หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก จ้านหรูอี้ได้รับการปกป้องจากราชันสวรรค์อยู่ที่วังสวรรค์ ต่อให้เขาเก่งกาจขนาดไหนก็แตะต้องไม่ได้ จะให้ฆ่าอย่างไรล่ะ? เป็นภารกิจที่ไม่มีทางสำเร็จ!
หลังจากอธิบายความเป็นไปไม่ได้แล้ว เขาก็ใช้อีกเรื่องหนึ่งมาเบี่ยงเบนความสนใจของเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ บอกว่าในมือเขากำลังวางแผนเรื่องใหญ่ ถ้าทำสำเร็จเมื่อไหร่ ก็จะทำให้ในมือนางมีกำลังทหารห้าสิบล้าน!
เรื่องนี้ทำให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ตะลึงค้างแล้วจริงๆ นางโยนเรื่องของจ้านหรูอี้เอาไว้ชั่วคราว แล้วถามว่าเรื่องเป็นอย่างไร
เหมียวอี้บอกว่าตอนนี้ยังอยู่ระหว่างติดต่อพูดคุย รอให้มีเค้าเรื่องก่อนแล้วค่อยรายงานอีกที ไม่กล้าพูดเรื่องที่ไม่มั่นใจซี้ซั้วต่อหน้าราชินีสวรรค์ ดังนั้นเซี่ยโห้วเฉิงอวี่จึงกล่าวชมเขา เรื่องที่กำจัดอิ๋งจิ่วกวงได้ นางก็ย่อมต้องชมเชย บอกว่านางจะรอฟังข่าวดีจากเขาอยู่ที่ตำหนักนารีสวรรค์
กำลังพลห้าสิบล้าน! เซี่ยโห้วเฉิงอวี่เดินไปเดินมาอยู่ในตำหนักนารีสวรรค์ ตอนนี้ความโกรธแค้นถูกกวาดหายไปหมดแล้ว ในใจนางเฝ้ารอมาก ถ้าได้คุมกำลังพลมากขนาดนี้เมื่อไหร่ ตราบใดที่หนิวโหย่วเต๋อแน่วแน่ว่าจะเชื่อฟังนาง เกรงว่าแม้แต่ราชันสวรรค์ก็ต้องไว้หน้านางบ้าง ในมือมีอำนาจทางทหารแล้ว ยามพูดจาก็ย่อมแข็งข้อได้ ถ้าแนวโน้มสถานการณ์เป็นอย่างนี้ต่อไป ไม่แน่ว่าอาจจะมีสักวันที่ตัวเองหลุดพ้นจากการควบคุมของตระกูลเซี่ยโห้วก็ได้ แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว แอบทึ่งไม่หยุด หนิวโหย่วเต๋อช่างเป็นแม่ทัพที่มีความสามารถของหน้าจริงๆ!
หลังจากเดินไปเดินมาอยู่นาน เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็แอบตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ว่าถ้าหนิวโหย่วเต๋อสามารถนำเรื่องน่ายินดีที่ใหญ่โตขนาดนั้นมาสู่นางได้ นางก็จะพยายามสุดความสามารถเพื่อหาบรรดาศักดิ์ใหญ่โตให้อวิ๋นจือชิว ได้ยินว่าหนิวโหย่วเต๋อให้ความสำคัญกับฮูหยินคนนั้นมาก
ถึงแม้ในสายตานางจะค่อนข้างดูถูกผู้หญิงพี่เคยแต่งงานแล้วยังอวิ๋นจือชิว แต่ก็ช่วยไม่ได้ นางจำเป็นต้องดึงหนิวโหย่วเต๋อมาเข้าพวกให้ได้!
ส่วนในตำหนักคุ้มเมือง เหมียวอี้ที่กำลังเดินไปเดินมาอยู่ในสวนดอกไม้ สุดท้ายก็หยุดเดินแล้วเงยหน้ามองฟ้า เขาถอนหายใจเบาๆ นึกไม่ถึงว่าจ้านหรูอี้ยังไม่ตาย เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้น ไม่น่าเชื่อว่าประมุขชิงจะยังปกป้อง จากสิ่งนี้จะเห็นได้ว่าประมุขชิงรักจ้านหรูอี้ถึงขั้นไหน
ถ้ามองจากบางมุม เขายอมให้จ้านหรูอี้ตายไปเสียเลยดีกว่า เรื่องบางเรื่องจะได้จบๆ ไป ถ้ายังไม่ตายความรู้สึกผิดในใจเขาก็ยังไม่หายไปสักที
ในปีนั้นปฏิเสธจ้านหรูอี้ ตอนนี้ก็คนล้มทั้งตระกูลของอิ๋งจิ่วกวง ตอนที่เขาเคยอยู่อุทยานหลวง เขาก็พอจะรู้เรื่องของวังหลังอยู่บ้าง เมื่อไม่มีตระกูลอิ๋งปกป้องแล้ว จากนี้ก็จินตนาการได้เลยว่าชีวิตของจ้านหรูอี้ในวังจะเป็นอย่างไร เขาไม่รู้ว่าตอนนี้จ้านหรูอี้แค้นเขาไปถึงขั้นไหนแล้ว
เขาไม่รู้ว่าควรจะมองจ้านหรูอี้เป็นปัญหาเรื้อรังหรือเปล่า ประมุขชิงรักและโปรดปรานขนาดนี้ ถ้าจ้านหรูอี้ต้องการจะล้างแค้นขึ้นมา ก็ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเขาเลยจริงๆ…
จวนอ๋องสวรรค์ก่วง ในห้องหนังสือ ก่วงลิ่งกงหลับตานั่งอยู่บนเก้าอี้ จิตใจเซื่องซึม ถึงขั้นดูไร้ชีวิตชีวา ดูไม่มีพลังอำนาจเหมือนในอดีตแล้ว
การตายของอิ๋งจิ่วกวงส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของเขามาก จะเรียกว่ากระต่ายสิ้นใจจิ้งจอกร่ำไห้ก็ไม่ถือว่ากล่าวเกินไป วิธีการแข็งกร้าวของประมุขชิงทำให้เขาโกรธแค้นมาก ถึงขนาดสงสัยว่าคนต่อไปที่จะถูกลงดาบคือพวกเขาหรือเปล่า เขาเกิดอารมณ์ชั่ววูบอยากจะร่วมมือกับท่านอ๋องที่เหลือก่อกบฏ ทว่าสุดท้ายก็ดับความคิดนี้ไป เพราะไม่มีโอกาสชนะ!
โกวเยว่ที่ถือระฆังดาราอยู่ข้างๆ รายงานเสียงเบาว่า “ท่านอ๋อง คนของพวกเราที่ตลาดสวรรค์ถูกหนิวโหย่วเต๋อปล่อยตัวแล้ว แล้วหนิวโหย่วเต๋อก็ปรากฏตัวที่ตลาดสวรรค์ดาวเทียนหยวนด้วย ดูจากสถานการณ์แล้ว ตอนที่เกิดเรื่อง เขาคงจะหลบอยู่ในตลาดสวรรค์และคอยบัญชาการมาตลอด”
ก่วงลิ่งกงลืมตาอย่างช้าๆ แล้วจู่ๆ ก็แสยะยิ้มไม่หยุด ปั้ง! สุดท้ายก็ตบโต๊ะ “ใจกล้าไม่เบา ทั้งยังกล้าเปิดหน้าโอ้อวดอยู่ในอาณาเขตของสี่ทัพ! เรื่องสำนักลมปราณข้ายังไม่ได้สะสางบัญชีกับเขาเลย ยังกล้ามาเข้าร่วมเรื่องนี้อีก ก็ได้ สะสางทั้งบัญชีเก่าบัญชีใหม่พร้อมกันไปเลย ดาวเทียนหยวนเป็นอาณาเขตของเฉิงไท่เจ๋อใช่มั้ย?”
โกวเยว่พยักหน้า “ใช่ขอรับ”
ก่วงลิ่งกงแสยะยิ้ม “แจ้งเฉิงไท่เจ๋อ ว่าข้าไม่อยากเห็นหนิวโหย่วเต๋อมีชีวิตรอดออกจากอาณาเขตของเขา!”
“รับทราบ!” โกวเยว่เอ่ยรับคำสั่ง แล้วรีบติดต่อเฉิงไท่เจ๋อ ทว่าหลังจากติดต่อแล้ว ผลที่ได้ก็ไม่ค่อยน่าพอใจ ถือระฆังดาราพลางทำท่าอึกอักพูดไม่ออก แต่จะไม่พูดก็ไม่ได้ ต่อให้ท่านอ๋องอารมณ์ไม่ดี แต่เขาก็ต้องแข็งใจรายงานว่า “ท่านอ๋อง เฉิงไท่เจ๋อบอกว่าเขายังอยู่ที่รังเดิมของอิ๋งจิ่วกวง กำลังร่วมมือกับเถิงเฟยเพื่อล้อมปราบทหารที้เหลือ ยังต้องปรึกษากับเถิงเฟยเรื่องแบ่งอาณาเขตอีก งานยุ่งมาก ส่วนที่เทียนหยวนก็ไม่มีกำลังพลของเขา เกรงว่าจะทำให้ท่านอ๋องผิดหวังแล้ว”
ก่วงลิ่งกงพลันยืนขึ้น ตะคอกอย่างเดือดดาลว่า “ข้ออ้าง! ตอนนี้จะรีบดึงกำลังพลมาสักกลุ่มไม่ได้เชียวเหรอ? เขายังมีความจริงใจจะร่วมงานกันอยู่หรือเปล่า?”
“ท่านอ๋องโปรดระงับโทสะ!” โกวเยว่กุมหมัดคารวะ รู้ว่าตอนนี้เขาอารมณ์ไม่ดี ไม่ค่อยสุขุม จึงพูดปลอบว่า “ท่านอ๋อง พอจะเข้าใจความคิดของเฉิงไท่เจ๋อได้ ตอนนี้เรื่องที่ประมุขชิงสัญญากับเขาก็ยังไม่เป็นจริง ตอนนี้ถ้าให้เขาลอบสังหารผู้ตรวจการใหญ่ ก็ไม่รู้ว่าจะยั่วโมโหประมุขชิงหรือเปล่า ในเวลานี้เขาจะปล่อยให้มีปัญหาอื่นเข้ามาแทรกได้อย่างไรขอรับ?”
ก่วงลิ่งกงเองก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผล เพียงแต่ควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้ เมื่ออธิบายเหตุผลชัดเจนแล้ว เขาก็ย่อมเข้าใจ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งก็บอกว่า “บอกเขาไป ในเมื่อเขาลำบากใจ ข้าก็ไม่บังคับ แต่ถ้าข้าจะระดมกำลังพลกลุ่มหนึ่งเข้าไปจัดการเรื่องนี้ในอาณาเขตเขา ก็คงได้ใช่มั้ย?”
…………