พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1938 ประมุขชิงปวดหัว
สาวใช้ที่ทำความเคารพอยู่ข้างๆ ถูกตบรางวัลจนรู้สึกแปลกใจ
เม่ยเหนียงที่อยู่จวนอ๋องสวรรค์ก่วงก็แปลกใจเช่นกัน อยู่ดีๆ ก็ถูกเรียกมาเล่นหมากล้อมเป็นเพื่อนก่วงลิ่งกง แล้วก่วงลิ่งกงก็ไม่พูดอะไรสักคำ
รู้ว่าช่วงนี้ก่วงลิ่งกงอารมณ์ไม่ดี เม่ยเหนียงกลัวว่าจะพูดอะไรผิดหู จึงอยู่เป็นเพื่อนเขาเงียบๆ
“เม่ยเอ๋อร์ไม่ใช่เด็กแล้ว” ก่วงลิ่งกงที่เล่นหมากล้อมเงียบๆ สุดท้ายก็เปิดปากพูดแล้ว
“หืม?” เม่ยเหนียงเงยหน้ามองเขา ตามปกติแล้วคำพูดนี้หมายถึง…นางไม่กล้าแน่ใจ ถามหยั่งเชิงว่า “ท่านอ๋องมีตัวเลือกที่เหมาะสมแล้วหรือคะ?”
ก่วงลิ่งกงเหมือนไม่รู้จะพูดอย่างไรกับนางดี หลังจากวางตัวหมากลงช้าๆ ก็ถามว่า “เจ้ารู้สึกว่าหนิวโหย่วเต๋อเป็นยังไง?”
“หา!” เม่ยเหนียงอุทานอย่างตะลึง นางกะพริบตาด้วยแววตาเป็นประกาย ในใจมีความหวังโผล่ขึ้นมาหลายส่วน รู้สึกว่าท่านอ๋องไม่ใช่คนที่ยิงธนูโดยไร้เป้า พูดอย่างนี้แสดงว่ามีสาเหตุแน่นอน อย่าบอกนะว่าโน้มน้าวหนิวโหย่วเต๋อและฮูหยินได้แล้ว? ถ้าเป็นอย่างนี้จริ เช่นนั้นก็ดีที่สุดแล้ว นางได้ยินข่าวลือมาบ้าง ว่าตอนนี้ในมือหนิวโหย่วเต๋อมีกำลังพลห้าสิบล้านเพิ่มขึ้นมา กอปรกับระดับผู้ตรวจการใหญ่ เป็นบุคคลที่มีอำนาจทางทหารอย่างแท้จริง สามารถหนุนหลังให้สองแม่ลูกได้ ต่อไปนี้คนทั้งจวนอ๋องก็ไม่มีใครกล้าชักสีหน้าใส่นางแล้ว เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านอ๋องนางก็จะมีความมั่นใจในการพูดแล้ว ทั้งใต้หล้านี้หาลูกเขยที่เหมาะสมกว่านี้ไม่ได้แล้วจริงๆ
พอนึกถึงตรงนี้ นางก็แอบรู้สึกทอดถอนใจเป็นอย่างมาก ตอนแรกได้ยินคนไม่น้อยพูดว่าหนิวโหย่วเต๋อมีอนาคต ด้วยเหตุนี้จึงถ่อไปถึงน่านฟ้าระกาติง แต่ผลปรากฏว่าไม่สำเร็จ! เรื่องจริงได้พิสูจน์แล้วว่าทุกคนพูดไม่ผิด หนิวโหย่วเต๋อคนนี้มีอนาคตจริงๆ เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าจะโดดเด่นเร็วขนาดนี้ สร้างผลงานได้ขนาดนี้ตั้งแต่ยังเป็นหนุ่ม ในอนาคตก็ยิ่งไร้ขีดจำกัด แต่กลับถูกแม่หม้ายคว้าไปก่อนแล้ว เหตุผลนี้จะไปฟ้องที่ไหนได้ แม่หม้ายนั่นมีอาศัยอะไรกัน? ไม่มีจุดไหนที่เทียบลูกสาวนางได้เลยสักนิด ผู้ชายดีมักจะไม่ได้ภรรยาดี
ตอนนี้จู่ๆ ท่านอ๋องก็ถามแบบนี้ นางไม่กล้าแน่ใจ จึงถามหยั่งเชิงว่า “ก็คู่ควรกับเม่ยเอ๋อร์ แต่หนิวโหย่วเต๋อมีภรรยาเอกแล้ว จะให้เม่ยเอ๋อร์เป็นอนุภรรยาไม่ได้หรอก ใช่มั้ยคะ?”
ใครจะคิดว่าก่วงลิ่งกงจะกล่าวเสียงเรียกว่า “ที่จริงเป็นอนุภรรยาก็ไม่ได้แย่อะไร”
เม่ยเหนียงเหม่อทันที แบบนี้ไม่เหมือนที่นางจินตนาการไว้ นางจึงเริ่มร้อนใจแล้ว พลันลุกขึ้นยืน “ท่านอ๋อง ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม นางเป็นลูกสาวของท่านนะ! ไม่ได้ ข้าไม่ตกลง นอกเสียจากจะให้หนิวโหย่วเต๋อเลิกกับอวิ๋นจือชิว หรือไม่ท่านก็หาทางกำจัดอวิ๋นจือชิวนั่นสิ ไม่อย่างนั้นข้าไม่ตกลงแน่นอน!”
ก่วงลิ่งกงใช้นิ้วฟั่นเครา ดวงตาจ้องไปที่กระดานหมากล้อม กล่าวอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “เจ้าเองก็เริ่มต้นจากการเป็นอนุภรรยาเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
เดิมทีเขาไม่อยากบอกเรื่องนี้กับเม่ยเหนียง เพียงแต่ตอนหลังก็ยังต้องให้มารดาอย่างนางมาปลอบใจลูกสาว เขาเองก็ไม่มีทางเอ่ยปากกับลูกสาวได้ ส่วนทางด้านหนิวโหย่วเต๋อเขาไม่กังวล เขาหลีกทางให้มากขนาดนี้แล้ว วางผลประโยชน์ให้ชัดเจน นอกเสียจากหนิวโหย่วเต๋อจะเป็นคนโง่เท่านั้น การที่หนิวโหย่วเต๋อไต่เต้าจนถึงตำแหน่งเหมือนอย่างวันนี้ได้ จะเป็นคนที่ไม่รู้จักแยกแยะผลดีผลเสียเชียวหรือ? เขาถึงขั้นรับประกันฐานะของอวิ๋นจือชิวด้วย ไม่ได้ทำให้หนิวโหย่วเต๋อลำบาก หนิวโหย่วเต๋อไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ
ดังนั้นหลังจากไตร่ตรองดูแล้ว ก็รู้สึกว่าต้องพูดกับลูกสาวให้เข้าใจก่อน อย่าให้เม่ยเอ๋อร์รู้ข่าวทีหลัง ผู้หญิงคนนี้ยอมรับความจริงไม่ได้ แล้วโวยวายจนคนรู้กันหมด
เม่ยเหนียงยืนหยัดไม่ทำตาม “แบบนั้นจะเหมือนกันได้ยังไง พื้นเพของข้าไปเทียบกับพื้นเพของเม่ยเอ๋อร์ได้เหรอ? ท่านอ๋อง ต่อให้ท่านไม่คำนึงถึงเม่ยเอ๋อร์ แต่ก็ควรคำนึงถึงตัวเองด้วยสิ ท่านอยากให้คนทั้งใต้หล้าหัวเราะเยาะท่านเหรอ?”
“เม่ยเอ๋อร์เป็นลูกสาวของข้า อ๋องผู้นี้จะไม่พิจารณาเพื่อนางเชียวเหรอ? ข้าจะให้นางเป็นอนุภรรยาตลอดไปได้ยังไง? เพียงแต่สถานการณ์ตอนนี้ซับซ้อนกว่าที่เจ้าคิด…” ก่วงลิ่งกงวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันให้ฟังทันที อธิบายชัดเจนว่ามีเพียงการให้เม่ยเอ๋อร์กับหนิวโหย่วเต๋อแอบคงความสัมพันธ์ชายหญิงไว้เท่านั้น ไม่ได้ประกาศให้คนอื่นรู้รอให้ถึงเวลาประกาศ ก็จะต้องไม่เกี่ยวข้องกับอวิ๋นจือชิวแล้วแน่นอน ตอนที่ประกาศ เม่ยเอ๋อร์ก็จะกลายเป็นฮูหยินเอกของหนิวโหย่วเต๋อแล้ว ขอเพียงเม่ยเอ๋อร์ตั้งใจ หนิวโหย่วเต๋อไม่มีสิทธิ์อนุญาตหรือไม่อนุญาตหรอก ตั้งครรภ์ลูกชายหรือลูกสาวก็เป็นเรื่องง่ายมาก
เมื่อฟังถึงตอนหลัง เม่ยเหนียงก็นั่งลงอย่างห่อเหี่ยว นางเข้าใจแล้ว ตอนแรกลูกสาวเป็นหมากตัวหนึ่งก่อน เรื่องรองถึงจะเป็นปัญหาการแต่งงานของลูกสาว เรื่องแบบนี้เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ภาพรวมที่ท่านอ๋องวางไว้ นางไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ
แต่คิดไปคิดมาก็ใช่ว่าจะพิจารณาไม่ได้ นางกัดฟันมองฝั่งตรงข้ามอย่างจนใจ “ท่านอ๋อง งั้นท่านต้องรับปากข้า เมื่อประกาศความสัมพันธ์เมื่อไหร่ ต้องเป็นเวลาที่หนิวโหย่วเต๋อแต่งตั้งเม่ยเอ๋อร์ให้เป็นภรรยาเอก!”
ก่วงลิ่งกงลุกขึ้นยืน เดินมาข้างกายนางแล้วจับมือนางไว้ กล่าวปลอบใจว่า “หวังเฟยที่รักวางใจได้ เม่ยเอ๋อร์มีค่าดุจไข่มุกในมือข้า ข้ารักนางที่สุด มีหรือที่จะทำให้ชีวิตการแต่งงานของนางผิดพลาด? ข้าให้คำสัญญากับเจ้า ตอนที่ประกาศเรื่องความสัมพันธ์ เม่ยเอ๋อร์จะต้องเป็นฮูหยินเอกของหนิวโหย่วเต๋อแน่นอน ถึงตอนนั้นข้าจะให้เม่ยเอ๋อร์ออกเรือนอย่างมีหน้ามีตา ข้าจะยอมทุ่มทุกอย่างเพื่อจัดพิธีแต่งงานที่คนทั้งใต้หล้าอิจฉาให้เม่ยเอ๋อร์เพื่อชดเชย ไม่กลืนคำพูดตัวเองแน่นอน!”
เม่ยเหนียงก้มหน้าอย่างหดหู นับว่าตอบตกลงแล้ว
“ต่อไปถ้าเม่ยเอ๋อร์ติดต่อเจ้า หวังว่าเจ้า…” ก่วงลิ่งกงพูดไปปได้ครึ่งหนึ่งก็ปล่อยมือนาง หยิบระฆังดาราออกมา โกวเยว่ส่งข่าวมาแล้ว
โกวเยว่บอกว่าตอนนี้อยู่ระหว่างทางกลับ พูดเสริมด้วยว่าหนิวโหย่วเต๋อไม่ตอบตกลง เขาพาคุณหนูเม่ยเอ๋อร์กลับมาแล้ว
ก่วงลิ่งกงฟันแทบจะยื่นออกมา รีบหันตัวไปเขย่าระฆังดาราตะคอก : เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่ตอบตกลง! ท่าทีของเจ้ามีปัญหาหรือเปล่า?
โกวเยว่คิดในใจว่า ท่าทีของข้าอาจจะมีปัญหาจริงๆ แต่เรื่องแบบนี้จะให้ข้าก้มหัวขอร้องเขาไม่ได้หรอก เขาจึงอธิบายสถานการณ์ให้ฟังอีกครั้งทันที
ไม่ตอบตกลงจริงๆ ก่วงลิ่งกงโกรธจนหน้าเขียวแล้ว กำระฆังดาราในมือไว้แน่น พร้อมกล่าวอย่างดุร้ายว่า “ข้าให้โอกาสเจ้าแล้วแต่เจ้าไม่เอา ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตายเอง เช่นนั้นก็อย่าโทษข้าแล้วกัน!”
ไปเทียบกับเรื่องเกาเหยียนไม่ได้ ครั้งนี้เขาถูกยั่วโมโหแล้วจริงๆ สิ่งนี้สร้างความอัปยศใหญ่หลวงต่อเขามาก!
เม่ยเหนียงเงยหน้าอย่างงุนงง รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายสังหารบนตัวก่วงลิ่งกง นางลุกขึ้นยืนแล้วถามว่า “ท่านอ๋อง เป็นอะไรไปคะ?”
พอได้ยินเสียงเสียงคนข้างหลัง ก่วงลิ่งกงก็แทบจะกระอักเลือด เมื่อครู่เขาดึงเพิ่งบอกเม่ยเหนียงไปว่าเรื่องนี้สำเร็จแน่นอน เขาไม่ได้มองหน้าเม่ยเหนียง เดินก้าวยาวออกไปพร้อมพูดทิ้งท้ายว่า “เจ้าไม่ต้องรู้สึกว่าขาดความยุติธรรมอีกแล้ว ข้าขอกลับคำพูด ไม่ต้องคิดจะให้เม่ยเอ๋อร์แต่งงานกับเขาอีกแล้ว!”
คำพูดประโยคเดียวก็ทำให้สถานการณ์จบลงด้วยดีแล้ว
“…” เม่ยเหนียงพูดไม่ออก ทันใดนั้นก็ไล่ตามไปที่ประตู นางอยากจะบอกว่านางไม่ได้รู้สึกว่าขาดความยุติธรรม เรื่องนี้ยังปรึกษากันได้อีก นางสามารถเร่งให้ลูกสาวรีบให้กำเนิดทายาทได้ ที่จริงตอนได้ยินว่าในภายหลังจะได้กลายเป็นฮูหยินเอก นางก็ไม่มีความเห็นแย้งแล้ว เมื่อครู่นางก็แค่อิดออดเฉยๆ ไม่อย่างนั้นผู้หญิงอย่างนางจะดูขี้ประจบสอพลอเกินไปยามอยู่ต่อหน้าท่านอ๋อง ที่จริงก็หาลูกเขยที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว ตราบใดที่ลูกสาวยืนยันความสัมพันธ์กับหนิวโหย่วเต๋อ ต่อให้เป็นการลักลอบ แต่ตัวเองที่อยู่ในจวนท่านอ๋องก็จะเหมือนมีพระคุ้มครองทันที มีลูกเขยเป็นผู้ตรวจการใหญ่ที่กุมกำลังทหารห้าสิบล้านเชียวนะ! อีกทั้งทัพเกรียงไกรห้าสิบล้านนี้ก็ไม่ถูกท่านอ๋องควบคุม เวลามีเรื่องอะไรไปฟ้องต่อหน้าท่านอ๋อง ท่านอ๋องก็จะต้องพิจารณาที่จะปกป้องนาง
พอวิ่งมาถึงประตูก็ไม่เห็นเงาก่วงลิ่งกงแล้ว…
“หึ! ก่วงลิ่งกงช่างหน้าไม่อายจริงๆ!”
ในตำหนักดาราจักร ประมุขชิงที่นั่งสง่าอยู่หลังโต๊ะยาวกำลังฟังรายงานของซือหม่าเวิ่นเทียน แต่ในใจก็ยังมีความสุข แสดงว่าหนิวโหย่วเต๋อยังมองสถานการณ์ภาพรวมได้ชัดเจน อำนาจอยู่ที่เขาแล้ว ไม่ได้อยู่ฝั่งก่วงลิ่งกง หนิวโหย่วเต๋อไม่ถูกล่อล่วงจากภายนอก มีจิตใจแน่วแน่ที่จะติดตามชิงหยวนจุน สิ่งนี้ทำให้เขาพอใจมาก พอใจมากจริงๆ
แน่นอน สิ่งที่ทำให้เขาพอใจไม่ได้มีแค่เรื่องนี้ ทั้งยังมีศีรษะคนในมือของอู๋ฉวี่ด้วย ศีรษะของอิ๋งจิ่วกวง
ตอนนี้ ลูกน้องคนสนิทมากันครบแล้ว โพ่จวินกับอู๋ฉวี่นำกองทัพองครักษ์ถอนกำลังกลับมาแล้ว
ซือหม่าเวิ่นเทียนกำลังรายงานลับ ดังนั้นทุกคนจึงไม่รู้ว่าการที่ประมุขชิงด่าก่วงลิ่งกงหมายความว่าอะไร
เห็นได้ชัดว่าประมุขชิงไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องสายลับที่อยู่ข้างกายหนิวโหย่วเต๋อ สายตาเขาไปหยุดอยู่บนศีรษะอิ๋งจิ่วกวง ถามว่า “พวกคนสำคัญของตระกูลอิ๋งล่ะ?”
โพ่จวินส่ายหน้า “ตอนที่บุกสังหารไปถึงรังของอิ๋งจิ่วกวง คนพวกนั้นก็หายไปแล้ว คาดว่าคงหนีไปก่อนแล้วก้าวหนึ่ง”
ซือหม่าเวิ่นเทียนรายงายอีกว่า “ฝ่าบาท ตามที่สายลับของตระกูลอิ๋งรายงานมา ก่อนที่อิ๋งจิ่วกวงจะออกรบ จั่วเอ๋อร์ได้รวบรวมสมาชิกคนสำคัญในตระกูลอิ๋งไว้ด้วยกันแล้ว หลังจากอิ๋งจิ่วกวงออกรบ จั่วเอ๋อร์ก็พาพวกเขาหนีไปแล้ว คาดว่าคงพาบุคคลสำคัญของตระกูลอิ๋งหนีไปที่อาณาเขตดาวนิรนาม สายลับไม่มีทางปะปนเข้าไปได้ ถ้าคิดจะตามหาตอนนี้เกรงว่าคงยุ่งยาก”
ประมุขชิงแสยะยิ้ม “เช่นนั้นก็ไม่ต้องสนใจแล้ว พออิ๋งจิ่วกวงล้ม คนพวกนั้นก็ไม่เป็นโล้เป็นพายแล้ว เถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อก็อีกฝ่ายจะมาล้างแค้น คงคิดทำทุกวิถีทางเพื่อตัดรากถอนโคน ให้พวกเขาสองคนไปกังวลกันเอาเอง”
ตรงนี้เพิ่งจะพูดจบ หัวคิ้วเขาก็ขยับเล็กน้อย ในดวงตาฉายแววประหลาดใจ หยิบระฆังดาราออกมาอันหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าจ้านหรูอี้จะเป็นฝ่ายติดต่อเขาก่อน
ทุกคนมองหน้าเขา ไม่รู้ว่าท่านไหนที่ติดต่อมาหาประมุขชิงโดยตรง
หลังจากติดต่อแล้ว ประมุขชิงถึงได้รู้ว่าจ้านหรูอี้ต้องการพบเขา เขาชำเลืองมองโพ่จวิน ถ้ามีโพ่จวินอยู่ตรงนี้ เขาก็ไม่กล้าเอ่ยเรื่องจ้านหรูอี้ โดยพาะในเวลาแบบนี้ เขาเก็บระฆังดาราอย่างแนบเนียน บอกว่า “เอาล่ะ ถ้ามีสถานการณ์อะไรก็รายงานขึ้นมาได้ทุกเมื่อ ลำบากทุกคนแล้ว กลับไปพักผ่อนกันก่อน”
“รับทราบ!” พวกโพ่จวินกุมหมัดคารวะแล้วออกไป
รอจนกระทั่งคนพวกนี้ออกไปแล้ว ประมุขชิงก็ลุกขึ้นยืนทันที “ไป ไปตำหนักบูรพา!”
“…” ซ่างกวนชิงพูดไม่ออก อดไม่ได้ที่จะปาดเหงื่อแทนเขา นับว่าเข้าใจแล้วว่าทำไมจู่ๆ ประมุขชิงถึงต้องการจะไล่คนพวกนี้ออกไป สงสัยจะกลัวโพ่จวิน!
เขาเข้าใจดีเกินไป โชคดีที่ไม่ได้ให้โพ่จวินรู้ ไม่อย่างนั้นแล้ว ตอนนี้กำลังปรึกษาเรื่องสำคัญกันอยู่ แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะเลิกประชุมเพื่อจ้านหรูอี้ โพ่จวินอาจจะโมโหแล้วใช้กำลังทหารบีบบังคับราชัน นำคนไปล้างเลือดตำหนักบูรพาตัดหัวจ้านหรูอี้เลยก็ได้
ประมุขชิงเดินเร็วกว่าปกติ ทั้งสองเดินตรงไปที่ตำหนักบูรพา
พอเข้ามาในตำหนักหลัก เห็นจ้านหรูอี้แล้ว ประมุขชิงยังไม่ทันได้พูดอะไร จ้านหรูอี้ก็คุกเข่าใช้สองมือยื่นแผ่นหยกให้แล้ว
ประมุขชิงอึ้งไปชั่วขณะ รีบก้าวออกไปใช้สองมือประคองนาง “เหตุใดสนมรักจึงมากพิธีขนาดนี้?”
จ้านหรูอี้กลับไม่ลุกขึ้น ส่งแผ่นหยกให้ตรงหน้าเขา “ฝ่าบาทได้โปรดอภัยโทษคนเหล่านี้!”
ประมุขชิงลังเล หยิบแผ่นหยกในมือมาอ่าน ทำให้รู้สึกปวดหัวทันที นึกเสียใจทีหลังนิดหน่อยที่ให้จ้านหรูอี้กับพวกจ้านผิงติดต่อกัน ก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่เพราะกลัวนางจะคิดไม่ได้หรอกเหรอ ถึงได้ให้นางติดต่อกับบิดามารดา เขาแน่ใจได้เลยว่าจ้านผิงเป็นคนนำรายชื่อพวกนี้มาให้
ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นกำลังพลที่ติดตามจ้านผิงสู้ตายในตอนนั้น คนพวกนี้รบตายหมดแล้ว จ้านผิงต้องการจะปกป้องคนในครอบครัวพวกเขาไม่ให้ได้รับความอัปยศ
ประมุขชิงกำลังจะยัดข้อหากบฏไปให้อิ๋งจิ่วกวงอยู่แล้ว ทหารที่รบตายพวกนั้นไม่ยอมแพ้ล้วนเป็นคนที่ต่อต้าน ที่เขาปกป้องจ้านหรูอี้กับบิดามารดาก็ต้องทนคำวิพากษ์วิจารณ์แล้ว ถ้าปกป้องคนจำนวนมากขนาดนี้อีก จะให้เขาพูดออกไปได้อย่างไร คิดจริงเหรอว่าประมุขของใต้หล้าคิดจะทำอะไรก็ทำได้?
………………………