พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1952 งงเป็นไก่ตาแตก
เมื่อได้ยินแบบนี้ ในใจเหมียวอี้ก็รู้สึกปวดอย่างรุนแรง หันหลังให้ทุกคน พร้อมเขย่าระฆังดาราในมือตอบกลับไป : เขาไม่เข้าใจว่าท่านบุรุษเว่ยหมายความว่าอะไร
พวกชิงเยว่มองเงาหลังของเขาที่ยืนอยู่ริมหน้าผา ไม่รู้ว่าเขากำลังติดต่อใคร
เว่ยซู : มีเรื่องกับคนเยอะเกินไป หนีไม่พ้นวันที่กรรมตามสนอง! ถ้าท่านผู้สำเร็จราชการดึงดันจะแกล้งโง่ งั้นข้าก็ไม่มีทางเลือกแล้ว ข้าก็แค่เตือนด้วยเจตนาดีเท่านั้น ถ้าเจ้ายังมีไมตรีต่อสำนักลมปราณ ก็อย่าทำร้ายพวกเขา ส่งสำนักลมปราณออกมาให้บริหารร้านขายของชำซื่อตรงต่อไป ไม่มีใครอยากมีเรื่องกับเงินทองหรอก พวกเขาย่อมปลอดภัยไร้กังวล ทำไมต้องให้พวกเขาลงหลุมศพไปกลับท่านผู้สำเร็จราชการด้วยล่ะ?
เหมียวอี้ : แล้วถ้าไม่ส่งให้ล่ะ?
เว่ยซู : ไม่อย่างนั้นสำนักลมปราณก็ต้องลงหลุมศพไปกับเจ้า ถึงตอนนั้นฝ่ายข้าก็สามารถชี้แจงต่อผู้ถือหุ้นของร้านขายของชำได้แล้ว ว่าสำนักลมปราณถูกพวกเขาสังหารแล้ว จะมาโทษฝ่ายพวกเราไม่ได้ หรือไม่พวกเขาก็ลงมือร์แย่งชิงคนของสำนักลมปราณกลับมา เจ้าคิดว่าการที่เจ้าจะส่งมาหรือไม่ส่งมาจะส่งผลกระทบต่อข้าเหรอ? ข้าก็แค่ไม่อยากให้สำนักลมปราณรับความลำบากนี้ก็เท่านั้นเอง…ไม่พูดอะไรจอมปลอมแล้ว ฝ่ายข้าขี้คร้านจะยุ่งยาก เราเองก็มีจิตสำนึกสักหน่อยเถอะ
เหมียวอี้ : น้ำใจของท่านบุรุษเว่ย ข้ารับไว้แล้ว
เว่ยซู : งั้นเจ้าก็ดูแลตัวเองให้ดีแล้วกัน!
ขณะที่ฝั่งนี้กำลังติดต่อกัน ในห้องหนังสือของจวนจอมพลสายเถาะ ผังก้วนเอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาเงียบๆ ไม่หยุด เฉินหวยจิ่วมองตามเขาเดินไปเดินมา
รออยู่สักพัก เฉินหวยจิ่วก็บอกว่า “ท่านจอมพล ต้องการคนหรือต้องการทรัพย์สิน ถึงเวลาที่ควรจะตัดสินใจแล้วขอรับ”
ผังก้วนหยุดเดิน แล้วเงยหน้าถอนหายใจ “เลือกได้แค่อย่างเดียวเหรอ?”
เฉินหวยจิ่วยิ้มเจื่อน “ท่านจอมพล ท่านคิดว่าหนิวโหย่วเต๋อจะหนีพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้หรือ? ถ้าท่านคิดว่าหนีได้ เช่นนั้นท่านก็เลือกคนได้ แต่ถ้ารู้สึกว่าหนีไม่พ้น การทิ้งขว้างทรัพย์สินพวกนั้นไม่น่าเสียดายหรอกหรือขอรับ?”
ผังก้วนก้มหน้าไตร่ตรองเงียบๆ พักหนึ่ง แล้วเอียงหน้าถามว่า “แล้วถ้าเขาไม่ยอมให้ทรัพย์สินล่ะ? ในภายหลังถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดโปง เขาจะไม่รู้เจตนาของข้าในทันทีหรอกหรือ?”
“เรื่องนี้จัดการง่าย ลองพยายามสุดความสามารถสักครั้งก่อน ถ้าเขาไม่ยอม พวกเราค่อยรายงานตามความจริง ไม่ผิดใจใครด้วย แต่ถ้าเขายอมให้ เมื่อของมาถึงมือแล้ว ก็ปิดปากเขาซะ! ต่อให้เขาทิ้งแผนสำรองไว้ ไม่สะดวกจะปิดปาก แต่เขาก็ยากที่จะผ่านด่านตรงหน้าไปได้!” เฉินหวยจิ่วกล่าว
ผังก้วนกลั่นกรองความคิด แล้วสุดท้ายก็พยักหน้าเบาๆ แล้วโบกมือบอกใบ้เล็กน้อย
“รับทราบ!” เฉินหวยจิ่วหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อเหมียวอี้ทันที
ฝั่งเหมียวอี้เพิ่งจะจบการติดต่อกับเว่ยซู ในใจกำลังเก็บกลั้นความโกรธ จู่ๆ เฉินหวยจิ่วก็ติดต่อมา ทำให้เขารู้สึกผิดคาดเล็กน้อย เขาถือระฆังดาราขึ้นมา ถามว่า : พ่อบ้านเฉินมีอะไรจะกำชับ?
เฉินหวยจิ่วตอบว่า : มิบังอาจกำชับ ท่านผู้สำเร็จราชการ บ่าวจะมาบอกข่าวดีท่านเรื่องหนึ่ง ทางด้านแดนมรณะดึกดำบรรพ์ สุดท้ายท่านจอมพลก็เตรียมการเรียบร้อยแล้ว สามารถเข้าไปเอาของออกมาได้ทันที
เหมียวอี้งงไปชั่วขณะ ยังนึกว่าส่งข่าวมาเตือนเสียอีก ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเรื่องนี้ สีหน้าเขาค่อยๆ บึ้งตึงลงทีละนิด ตอบกลับไปว่า : พ่อบ้านเฉินคงจะรู้แล้วเช่นกัน ข้าเพิ่งได้รับกำลังพลห้าสิบล้าน งานในมือมีเยอะมาก ยังไปไหนไม่ได้ รอให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อนดีไหม?
เฉินหวยจิ่วโน้มน้าวทันที : ท่านผู้สำเร็จราชการ ท่านเองก็รู้ ว่าการเข้าแดนมรณะดึกดำบรรพ์ไม่ใช่เรื่องง่าย ผ่านไปหลายปีขนาดนี้แล้ว ไม่ง่ายเลยกว่าท่านจอมพลจะหาโอกาสเตรียมการให้สักครั้ง ถ้าพลาดครั้งนี้ไป ครั้งหน้าก็ไม่รู้ว่าต้องรอถึงเมื่อไร
เมื่อได้ฟังแบบนี้ ไฟโกรธในใจเหมียวอี้ก็ลุกโหมขึ้นในชั่วพริบตาเดียว ในหัวมีความคิดหนึ่งแวบเข้ามา นั่นก็คือผังก้วนอยากจะฆ่าคนปล้นทรัพย์ ฆ่าปิดปากเขา!
เป็นเพราะเวลาที่นัดเขาเข้าแดนมรณะดึกดำบรรพ์บังเอิญเกินไป เพิ่งจะรู้ว่ามีคนต้องการลงมือเล่นงานเขาให้ถึงตาย ผังก้วนก็นัดเขาเข้าแดนมรณะดึกดำบรรพ์ทันที จะไม่ให้เขาสงสัยก็คงยาก เขาจึงแสร้งทำเป็นไม่มีเวลาเพื่อหยั่งเชิง พบว่าอีกฝ่ายรีบร้อนจะลงมือจริงๆ ด้วย!
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเพิ่งได้รับคำเตือนจากเว่ยซู เกรงว่าเขาคงจะเลอะเลือนและไปตามนัดจริงๆ ผังก้วนอยากจะชิงลงมือกอบโกยสมบัติก่อนที่คนพวกนั้นจะลงมือ ผังก้วนคงจะรู้ว่ามีคนต้องการลงมือกับเขา!
พอนึกถึงตรงนี้ เหมียวอี้ก็ตอบกลับด้วยสีหน้าเย็นเยียบว่า : พ่อบ้านเฉิน ท่านจอมพลผังอยากจะฆ่าปิดปากเหรอ?
เฉินหวยจิ่วสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย แล้วตอบกลับอย่างสุขุม : เหตุใดท่านผู้สำเร็จราชการจึงกล่าวเช่นนี้? ท่านจอมพลจะลงมือกับท่านผู้สำเร็จราชการได้ยังไง ถ้าท่านผู้สำเร็จราชการเหลือแผนสำรองไว้ แล้วเกิดเรื่องขึ้น เรื่องหาสมบัติของท่านจอมพลจะไม่ถูกเปิดโปงหรอกหรือ?
เหมียวอี้ : ท่ามกลางกำลังพลที่จะโจมตีจวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาล เกรงว่าคงมีกำลังพลของท่านจอมพลสินะ?
ตอนนี้เฉินหวยจิ่วปีหน้าเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง มองไปที่ผังก้วนด้วยรอยยิ้มเจื่อน “เขารู้ข่าวแล้วว่าจะมีคนลงมือกับจวนผู้สำเร็จราชการ เกรงว่าพวกเราคงปล่อยไก่แล้ว”
ผังก้วนประหลาดใจ “จะเป็นไปได้ยังไง? เบื้องบนก็แค่แจ้งให้ฝั่งนี้แอบเตรียมรวบรวมคน เบื้องล่างไม่มีใครรู้เรื่องนี้ เขาจะรู้ได้ยังไง?”
เฉินหวยจิ่วยิ้มเจื่อน “เขารู้แล้วจริงๆ เขายังถามอีกว่าในกำลังพลที่จะโจมตีจวนผู้สำเร็จราชการมีคนของท่านจอมพลหรือไม่ คาดว่าบรรดาท่านอ๋องคงจะมีใครปล่อยข่าวแล้ว เขาคือคนที่ประมุขชิงชุบเลี้ยงเพื่อชิงหยวนจุนไม่ใช่หรือ มีช่องทางข่าวสารของประมุขชิงอยู่เบื้องหลัง รู้ข่าวล่วงหน้าได้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”
เหมียวอี้บอกอีกว่า : ทำไมพ่อบ้านเฉินเงียบไปแล้วล่ะ หรือว่ากินปูนร้อนท้อง?
“เขาถามว่ากินปูนร้อนท้องหรือเปล่า” เฉินหวยจิ่วถือระฆังดารายิ้มเจื่อนให้ผังก้วนอีกครั้ง
ผังก้วนก็ยิ้มเจื่อนเช่นกัน อยากอวดฉลาดแต่กลายเป็นปล่อยไก่แล้ว เขาพยักหน้าเล็กน้อย “เช่นนั้นก็บอกกับเขาให้ชัดเจนไปเลย เขาจะรับได้หรือไม่ก็ตามใจเขา ถึงยังไงเรื่องในปีนั้นก็ผ่านไปนานแล้ว เอาจุดอ่อนเล็กน้อยนั่นมาขู่ฆ่าไม่ได้อีก! อิ๋งจิ่วกวงก็ตายแล้ว เรื่องที่อุทยานหลวงในปีนั้นพี่ข้าปล่อยเขาให้เขาจนทำหลานชายของอิ๋งจิ่วกวงตาย ตระกูลอิ๋งก็ไม่มีใครมาหาเรื่องใครอีกแล้วอยู่ดี”
เฉินหวยจิ่วพยักหน้า ตอบว่า : ในเมื่อท่านผู้สำเร็จราชการรู้แล้ว เช่นนั้นก็จะพูดเปิดอกกันตรงๆ เรื่องในครั้งนี้ท่านจอมพลของเราช่วยท่านไม่ได้แล้วจริงๆ ที่ทำแบบนี้ก็เพราะไม่มีทางเลือกเหมือนกัน ถ้าเปลี่ยนเป็นท่านบ้างจะทำอย่างไรล่ะ?
เหมียวอี้ : ก็ได้! ข้าก็ไม่ใช่คนที่ไร้เหตุผล ข้าอยากจะรู้ว่าทำไมครั้งนี้ถึงต้องการโจมตีข้า?
เฉินหวยจิ่ว : ท่านจอมพลไม่ทราบรายละเอียดเช่นกัน รู้เพียงว่าตอนแรกตระกูลเหล่านั้นก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าจะใช้คนมากขณะนี้ เป็นอ๋องสวรรค์ก่วงที่กระตือรือร้นจะทำให้สำเร็จ!
ก่วงลิ่งกง? เหมียวอี้เข้าใจทันที ตามหลักแล้วไม่ถึงขั้นเคลื่อนไหวใหญ่ขนาดนี้ บรรดาอ๋องสวรรค์จะร่วมมือกันส่งทัพใหญ่มาสู้กับเขาคนเดียวไปทำไม ถึงอย่างไรก็ยังมีอิทธิพลของประมุขชิง สงสัยก่วงลิ่งกงจะเล่นไม่ซื่ออยู่เบื้องหลัง!
พอมานึกดูตอนนี้ ก็พบว่าการที่ก่วงลิ่งกงทำแบบนี้ไม่ได้เหนือความคาดหมาย หลังจากเขาทำให้เกาเหยียนตาย ก่วงลิ่งกงเคลื่อนไหวใหญ่ขนาดนั้นเพื่อเล่นงานเขาได้ ก็จะเห็นได้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนใจกว้างอะไร เกรงว่าเรื่องปฏิเสธการแต่งงานครั้งก่อนคงทำให้ท่านนี้อับอายจนโมโห จะกลั่นแกล้งเขาอีกครั้งก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล เป็นการอาศัยเรื่องส่วนรวมมาล้างแค้นส่วนตัวล้วนๆ
แต่จะว่าไปแล้ว พอคิดไปคิดมา ถ้าตัวเองเป็นก่วงลิ่งกง แล้วมีโอกาสโน้มน้าวคนอื่นให้ร่วมมือกันกำจัดเขา ก็คงจะไม่ปราณีเช่นกัน ถ้ามีแค่ก่วงลิ่งกงที่แบกรับผลที่ตามมาฝ่ายเดียว ก่วงลิ่งกงก็คงไม่ทำอย่างนี้
แต่เขาก็เข้าใจเช่นกัน ว่าแผนการที่หยางชิ่งวางไว้ดีๆ ถูกเขาทำให้ปั่นป่วนแล้ว คาดการณ์ไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเรื่องที่ตลาดสวรรค์คงไม่ทำให้บรรดาอ๋องเลิกราง่ายๆ เตรียมแผนรับมือไว้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้พอเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น เผชิญความกดดันจากกำลังทหารที่เหนือกว่า ไม่ว่าใช้แผนการอะไรก็เปล่าประโยชน์
ลองใช้ความคิดครู่หนึ่ง เหมียวอี้ถามอีกว่า : เตรียมจะใช้กำลังพลเท่าไหร่มาสู้กับข้า?
เฉินหวยจิ่ว : กำลังพลสี่ร้อยล้าน!
เหมียวอี้สูดหายใจลึกด้วยความตระหนก นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะใช้กำลังพลเยอะขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่าสี่อ๋องสวรรค์จะใช้กำลังคนเยอะกว่าเขาแปดเท่าเพื่อมาสู้กับเขา ประเมินเขาสูงเกินไปหน่อยแล้ว ก่อนหน้านี้เขายังมีความคิดว่าจะใช้กำลังปะทะกัน แต่ตอนนี้หมดความคิดนั้นโดยสิ้นเชิง รู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลในชั่วพริบตาเดียว
มิน่าล่ะ ไม่แปลกใจที่ผังก้วนรีบจัดเก็บสมบัติในแดนมรณะดึกดำบรรพ์
เหมียวอี้ : จอมพลผังช่วยข้าได้หรือเปล่า?
เฉินหวยจิ่ว : ท่านผู้สำเร็จราชการ ท่านกำลังล้อเล่นใช่ไหม? จะช่วยได้ยังไง? พื้นที่เล็กน้อยอย่างแดนรัตติกาล ทั้งยังป้องกันอันตรายไม่ได้ ยัดกำลังพลมากขนาดนั้นเข้าไป ทุกที่มีแต่คน คาดว่าแม้แต่เปิดเผยสถานการณ์ทางทหารก็ไม่จำเป็นแล้วมั้ง? ท่านคงจะให้ท่านจอมพลหันหัวหอกไปช่วยเจ้าเข่นฆ่าไม่ได้หรอกมั้ง?
เหมียวอี้ : สมบัติที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์ ข้าขออภัยจริงๆ ตอนนี้ข้าให้จอมพลผังไม่ได้ รอให้ผ่านด่านตรงหน้าไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน
เฉินหวยจิ่ว : ได้ จะรอข่าวดีจากท่านผู้สำเร็จราชการ!
การติดต่อจบลงกลางคัน เหมียวอี้เอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาอยู่บนยอดเขา ปากพึมพำซ้ำๆ ว่า “ก่วงลิ่งกง” น้ำเสียงฟังดูแค้นเคือง
พวกเหวินเจ๋อกำลังมองเขาเดินไปเดินมาอยู่ริมหน้าผาไม่ไกล รู้ว่าเขากำลังคิดหาทางรับมือเรื่องตลาดสวรรค์ ไม่มีใครรบกวนเขา
โชคดีที่คนกลุ่มนี้ยังไม่รู้ว่ากำลังจะมีกำลังพลสี่ร้อยล้านรุกโจมตี ไม่อย่างนั้นคงตกใจแน่นอน คาดว่าเหวินเจ๋อที่ถ่อมาเป็นรองผู้สำเร็จราชการคงจะเป็นคนแรกที่งงเป็นไก่ตาแตก
พอพึมพำชื่อก่วงลิ่งกงไปได้สักพักหนึ่ง เหมียวอี้ก็อารมณ์เสียแล้วเช่นกัน ตัดสินใจว่าจะไม่ยอมให้ก่วงลิ่งกงอยู่สบาย จึงหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อโกวเยว่ พ่อบ้านของตระกูลก่วง
พวกเหวินเจ๋อก็ไม่รู้เช่นกันว่าเขากำลังเปลี่ยนระฆังดาราไปติดต่อกับใครอีก
หลังจากโกวเยว่ได้รับข้อความแล้ว ก็ถามเขาเลยว่า : ท่านผู้สำเร็จราชการทำไมว่างมาติดต่อกับบ่าว?
ในคำพูดแฝงความหมายเหน็บแนมเย้ยหยันเล็กน้อย
เหมียวอี้บอกเขาอย่างเคร่งขรึมมากกว่า : ท่านบุรุษโกว เรื่องที่ท่านพูดครั้งก่อน ค่าลองคิดอย่างจริงจังแล้ว เงาร่างอันงดงามของคุณหนูเม่ยเอ๋อร์ยังวนเวียนอยู่ในหัวข้า ข้าตัดสินใจแล้ว การได้เป็นบุตรเขยของท่านอ๋องถือเป็นเกียรติยศของข้า คุณหนูของเจ้าจะมาเมื่อไหร่ล่ะ?
“…” โกวเยว่ที่อื่นอยู่ในศาลางงงวย ใบหน้าเย้ยหยันค้างนิ่ง ชั่วขณะนั้นไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไรเหมียวอี้ดี งงเป็นไก่ตาแตก
ร้านจะเงียบไปพักใหญ่ เขาก็ทำได้เพียงตอบกลับมาอย่างซื่อๆ ว่า : เรื่องนี้ถ้าตัดสินใจไม่ได้ ให้ข้าไปรายงานท่านอ๋องก่อน แล้วจะตอบกลับอีกที
เหมียวอี้ : ดี! รบกวนท่านบุรุษโกวด้วย
หลังจากติดต่อกันเสร็จแล้ว เหมียวอี้ก็แสยะยิ้ม คิดในใจว่า ถ้าก่วงลิ่งกงเก่งนักก็ส่งลูกสาวมาสิ คอยดูว่าข้าจะกล้านอนด้วยหรือเปล่า พอนอนด้วยแล้วข้าค่อยเป็นฝ่ายรายงานประมุขชิงเอง!
เขาไม่คิดว่าก่วงลิ่งกงจะตอบตกลงเรื่องนี้ กำลังจงใจทำให้ก่วงลิ่งกงสะอิดสะเอียนเท่า ก่วงลิ่งกงจะได้ไม่ยินดีปรีดาในความโชคร้ายของเขาลับหลัง
จากนั้นก็หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ แจ้งให้ทราบถึงวิกฤติที่กำลังจะเผชิญ ขอให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ขอร้องต่อประมุขชิง ไม่ว่าจะมีประโยชน์หรือไม่ ก็ต้องลองดูสักหน่อย
ในจวนอ๋องสวรรค์ก่วง โกวเยว่ที่เก็บระฆังดาราอย่างงงงวยหันกลับมามองก่วงลิ่งกงที่กำลังฟังกู่ฉินอยู่ในศาลา ก่วงเม่ยเอ๋อร์กำลังดีดฉิน เม่ยเหนียงกำลังชี้แนะอยู่ข้างๆ
โกวเยว่ใช้สองมือลูบหน้าอย่างแรง ไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยปากกับก่วงลิ่งกงอย่างไร ถ้าท่านอ๋องรู้ว่าหนิวโหย่วเต๋อยังสามาระตอบตกลงเรื่องนี้ จะนึกเสียใจทีหลังหรือเปล่าที่ลงมือเร็วเกินไป?
เรื่องบางเรื่องเขาไม่อาจตัดสินใจเองได้ คิดไปคิดมาก็แข็งใจเดินเข้าไป ย่องไปข้างกายก่วงลิ่งกง แล้วโน้มตัวถ่ายทอดเสียงกระซิบก่วงลิ่งกงที่กำลังนั่งขัดสมาธิไปไม่กี่ประโยค
……………