พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2009 พลาดโอกาสไม่ได้
จู่ๆ หยวนกงก็หายไป ทำให้ฝั่งนี้ตกอยู่ในความหวาดระแวงสงสัย
ในโถงเงียบงันไร้เสียง ทุกคนต่างก็กำลังครุ่นคิด หลังจากผ่านไปนานเหมียวอี้ก็จ้องหยางชิ่ง พอเห็นหยางชิ่งไม่พูดอะไร ก็เป็นฝ่ายถามก่อนว่า “จะหยุด หรือจะทำต่อไป?”
ในเวลานี้เขายังอยากฟังความเห็นของหยางชิ่ง
เห็นได้ชัดว่าหยางชิ่งลังเลแล้ว หลังจากลังเลอยู่หลายครั้ง ก็กล่าวช้าๆ ว่า “ลองตัดออกทีละข้อ การหายตัวไปของหยวนกงมีความเป็นไปได้สองอย่าง ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดก็คือบังเอิญเกิดเรื่องขึ้นกับเขา ผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดก็คือหยวนกงตั้งใจหายไป ผลลัพธ์ที่ดีจะไม่ส่งผลกระทบต่อแผนของนายท่าน ไม่ต้องสนใจก็ได้ เช่นนั้นก็ต้องวางแผนในกรณีที่เกิดผลลัพธ์แย่ ทำไมหยวนกงถึงตั้งใจหายไปในเวลานี้? สำหรับแผนของพวกเราแล้ว มีความเป็นไปได้สองอย่าง หนึ่งคืออาจจะหายไปโดยไม่เกี่ยวข้องกับแผนของพวกเรา สองก็คือเกี่ยวข้องกับแผนของพวกเรา ถ้าไม่เกี่ยวข้องกับแผนของพวกเรา เช่นนั้นก็ไม่ต้องสนใจเหมือนกัน แต่ถ้าเกี่ยวข้องกับแผนของพวกเรา เช่นนั้นก็มีเพียงผลลัพธ์เดียว นั้นก็คือหยวนกงรู้แผนของพวกเราแล้ว หยวนกงรู้แล้วว่าตัวเองโดนเปิดโปง และการที่หยวนกงรู้เรื่องก็มีความเป็นไปได้สองอย่าง หนึ่งคือหยวนกงรู้เอง สองคือมีคนสังเกตเห็นแล้วบอกให้หยวนกงหายตัวไป”
“เป็นเฉาหม่านหรือเปล่าที่เปิดเผยความลับ?” หยางเจาชิงถาม
หยางชิ่งกล่าวอย่างไม่แน่ใจว่า “การวางกำลังลับของตระกูลเซี่ยโห้ว เห็นได้ชัดว่าผ่านแผนการอันแยบยลของเซี่ยโห้วท่า ทั้งคงการตั้งตัวเป็นอิสระของแต่ละคนไว้ได้ ทั้งควบคุมและถ่วงดุลกันได้ในระดับหนึ่ง ถ้าทุกคนต่างรู้ตัวตนของกันและกัน คาดว่าประมุขแต่ละยุคคงสืบสาวไปถึงต้นตอและขุดรากถอนโคนไปนานแล้ว เมื่อคาดคะเนจากสิ่งนี้ เกรงว่าเฉาหม่านคงจะไม่รู้ว่าหยวนกงหายไปแล้ว ผู้นำอำนาจลับของตระกูลที่ตระกูลเซี่ยโห้วรู้จักตอนนี้ เกรงว่าคงจะมีแค่หัวหน้าตระกูลอย่างเซี่ยโห้วลิ่ง อย่างมากเฉาหม่านก็รู้ว่าข้างกายนายท่านมีคนของตระกูลเซี่ยโห้ว ต้องเกี่ยวข้องกับที่ก่อนหน้านี้ไม่กล้ารับปากนายท่านแน่นอน พูดในกรณีที่แย่ที่สุด ต่อให้เฉาหม่านรู้ตัวตนของหยวนกง ถ้าเฉาหม่านเปิดเผยความลับจริงๆ แต่เขาทั้งเปิดเผยทั้งบอกให้นายท่านลงมือ แหวกหญ้าให้งูตื่นชัดเจนขนาดนี้ เห็นนายท่านเป็นคนโง่งั้นเหรอ? เพราะฉะนั้น ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่เฉาหม่านจะเป็นคนเปิดเผยเรื่องนี้”
“ถ้าพูดอย่างนี้ ก็เหลือแค่ความเป็นไปได้สองอย่างแล้ว หยวนกงรู้เอง หรือไม่เซี่ยโห้วลิ่งก็รู้แล้วบอกเขา?” หยางเจาชิงสงสัย
หยางชิ่งขมวดคิ้วส่ายหน้าช้าๆ “พูดยาก ไม่มีเบาะแสอะไรให้พวกเรา ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น!”
“จำมีอำนาจฝ่ายที่สามเข้ามาแทรกแซงหรือเปล่า?” หยางเจาชิงถาม
หยางชิ่งกล่าวอย่างแน่ใจว่า “ความเป็นไปได้นี้มีไม่มาก ตระกูลเซี่ยโห้วแอบบีบจุดอ่อนนายท่านเอาไว้ใช้งานในเวลาสำคัญ เป็นความลับสุดยอดของตระกูลเซี่ยโห้ว เกรงว่าคนภายในของตระกูลเซี่ยโห้วที่รู้เรื่องคงมีไม่เยอะ ความลับสุดยอดขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลเซี่ยโห้วจะบอกคนนอก ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่รู้เรื่องนี้ คนนอกไม่มีทางมองออกถึงจุดประสงค์ของนายท่าน คนที่มองออกมีเพียงบุคคลภายในของตระกูลเซี่ยโห้ว…ตอนนี้ข้ากังวลว่าตระกูลเซี่ยโห้วยังมีอำนาจที่พวกเราไม่รู้สอดมือเข้ามาแทรกเรื่องนี้หรือเปล่า”
เหมียวอี้ตาเป็นมัน ถามทันทีว่า “หมายความว่ายังไง?”
หยางชิ่งอธิบายว่า “ข้อแรก สมมุติว่าเซี่ยโห้วลิ่งรู้เรื่องแล้วบอกให้หยวนกงหายตัวไป ก็เท่ากับว่าทำให้นายท่านรู้ว่าแผนพังแล้ว ทำให้นายท่านไม่กล้าแตะต้องเขาอีก พอเป็นแบบนี้ เซี่ยโห้วลิ่งก็จะไม่วางแผนทำร้ายนายท่านอีกแล้ว จะไม่มีการใส่ร้ายว่าเฉาหม่านไร้คุณธรรมเช่นกัน เซี่ยโห้วลิ่งย่อมรู้ว่าเฉาหม่านจะไม่ทิ้งจุดอ่อนใดๆ ไว้กับเรื่องนี้ เป็นไปไม่ได้ที่เฉาหม่านจะปล่อยให้วุ่นวายจนทั้งใต้หล้ารู้กันหมด ให้ทั้งตระกูลเซี่ยโห้วรู้หมดว่าเขาสังหารหัวหน้าตระกูล แบบนั้นตำแหน่งหัวหน้าตระกูลของเฉาหม่านจะไม่มั่นคง เซี่ยโห้วลิ่งรู้ว่าเฉาหม่านจะต้องยืมมือนายท่านดำเนินการเรื่องนี้ ข้อสอง เฉาหม่านไม่ได้เปิดเผยความลับนี้ ยังลงมือเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าหยวนกงหายไปแล้ว นายท่านไม่รู้สึกว่าตรรกะระหว่างสองข้อนี้มันขัดแย้งกันเหรอ?”
“ก็มีขัดแย้งบ้าง” เหมียวอี้เอามือจับหน้าผากอย่างงุนงง สุดท้ายก็บอกตรงๆ ว่า “แต่เจ้าก็อ้อมค้อมจนข้าแทบจะเลอะเลือนแล้ว อธิบายง่ายๆ หน่อยได้มั้ย?”
หยางเจาชิงเม้มริมฝีปากกลั้นขำ
“…” หยางชิ่งก็อ้าปากค้างเช่นกัน จากนั้นวกเข้าประเด็นหลักทันที “นายท่านแหวกเมฆหนาที่อยู่ตรงหน้าออกไปก่อน แล้วค่อยมองเซี่ยโห้วลิ่งกับเฉาหม่านอีกที หยวนกงจะหายตัวไปหรือไม่หายตัวไปนั้นมีความแตกต่างกันหรือเปล่า? ฝั่งเซี่ยโห้วลิ่ง นอกจากสิ่งที่พวกเราคาดเดาแล้วก็เหมือนจะไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร เฉาหม่านยังจะลงมือเหมือนเดิม หยวนกงอยู่ที่ตระกูลเซี่ยโห้วนับว่ากุมกำลังพลไว้เยอะมาก การที่เขาหายไปกลับไม่ทำให้สองฝั่งเกิดความผิดปกติใดๆ เหมือนทุกอย่างยังคงเดิมไว้ตลอด แต่ก็มีความผิดปกตินิดหน่อยเช่นกัน เหมือนเรื่องการหายตัวไปของหยวนกงจะปิดบังทั้งสองไว้แล้ว!”
เหมียวอี้เลิกคิ้ว “เจ้ากำลังบอกว่าเซี่ยโห้วลิ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหยวนกงหายตัวไป?”
“ถ้านี่คือเรื่องจริง! ภายใต้สถานการณ์ที่คนนอกไม่รู้ มีเพียงตระกูลเซี่ยโห้วที่รู้ การหายไปของหยวนกงก็มีแค่สองสถานการณ์นี้ หนึ่งคือหยวนกงหายตัวไปเอง สองคนมีอีกคนของตระกูลเซี่ยโห้วสั่งให้หยวนกงหายไป” หยางชิ่งกล่าว
“แล้วนี่เกี่ยวอะไรกับที่เจ้าสงสัยว่ามีคนอื่นยื่นมือเข้ามาแทรก?” เหมียวอี้ถาม
หยางชิ่งบอกว่า “นายท่านอย่ารำคาญที่ข้าน้อยอ้อมไปอ้อมมาจนรู้สึกยุ่งยาก พวกเรากำลังวิเคราะห์อย่างละเอียดแบบดึงรังไหมออกมาทีละเส้น…ถ้าหยวนกงรู้ความจริง แล้วตัวเองหายไปเองหมายความว่าอะไรล่ะ? ก็เพราะไม่อยากเข้ามาเกี่ยวข้องเรื่องการเข่นฆ่ากันเองระหว่างพี่น้อง ไม่ช่วยทั้งสองฝ่าย จงใจใช้วิธีการนี้มาทำลายแผนของนายท่าน ให้นายท่านหยุด ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอยากให้เกิดเหตุการณ์ ‘นกกับหอยทะเลาะกัน ถูกชาวประมงจับไปทั้งคู่'[1] “
เหมียวอี้กับหยางเจาชิงพยักหน้าครุ่นคิด รู้สึกว่ามีเหตุผล ถ้าหยวนกงอยากให้ขาวประมงตักตวงผลประโยชน์ ก็สามารถทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้เลย ปล่อยให้เซี่ยโห้วลิ่งกับเฉาหม่านฆ่ากันเอง หายตัวไปตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับทำลายแผนการ
หยางชิ่งพูดต่อไปว่า “ถ้าตระกูลเซี่ยโห้วมีอีกคนสั่งให้หยวนกงหายตัวไป เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ควรค่าให้ครุ่นคิดแล้ว ต่อให้เป็นเซี่ยโห้วลิ่งกับเฉาหม่าน ก็อาจจะไม่ทำให้หยวนกงเชื่อฟังก็ได้ ตอนนี้ใครของตระกูลเซี่ยโห้วที่มีอิทธิพลมากขนาดนั้นล่ะ? ถ้าจะบอกว่าหยวนกงหายไปเพราะถูกฆ่า นั่นก็มีความเป็นไปได้ต่ำจริงๆ หยวนกงมีกำลังพลแดนรัตติกาลคุ้มครองอยู่ในที่แจ้ง ทั้งยังมีกำลังพลของตระกูลเซี่ยโห้วปกป้องอยู่ในที่ลับ เป็นไปไม่ได้ที่จะหายตัวไปเงียบๆ เพราะโดนฆ่า น่าจะมีคนเกลี้ยกล่อมให้ถอยออกไปมากกว่า!”
สองคนที่ฟังอยู่ข้างๆ เริ่มทำสีหน้าจริงจัง ถ้าเป็นอย่างนี้จริง ก็แสดงว่ามีคนเห็นเซี่ยโห้วลิ่งกับเฉาหม่านเป็นหมากแล้ว แม้แต่หยวนกงก็ยังต้องเชื่อฟังคำสั่ง
“ตอนนี้ตระกูลเซี่ยโห้วไม่มีคนแบบนี้อยู่แล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นอย่างที่เจ้าบอกจริงๆ หยวนกงไม่อยากเห็นพี่น้องฆ่ากันเอง” หยางเจาชิงกล่าว
หยางชิ่งบอกว่า “ประเด็นสำคัญของปัญหาก็คือ เรื่องที่นายท่านเป็นคนของหกลัทธิคือความลับสุดยอดของตระกูลเซี่ยโห้ว หยวนกงก็อาจจะไม่รู้เรื่อง ภายใต้เงื่อนไขนี้ หยวนกงจะมองแผนของนายท่านออกได้ยังไง?”
“ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่ามีอำนาจที่ไม่รู้จักจากตระกูลเซี่ยโห้วลงมือแล้ว?” เหมียวอี้ถาม
หยางชิ่งพยักหน้าสื่อว่ายอมรับ
“ตระกูลเซี่ยโห้วจะมีใครมีอิทธิพลมากขนาดนั้น?” หยางเจาชิงถาม
“ถ้าจะพูดอย่างนี้ เช่นนั้นคนที่น่าสงสัยที่สุดก็คงเป็นพ่อบ้านของตระกูลเซี่ยโห้ว เว่ยซู!” หยางชิ่งกล่าว
สองคนที่ฟังอยู่ข้างๆ ขมวดคิ้วพร้อมกัน คนนี้ติดตามเซี่ยโห้วท่ามาหลายปี ล้ำลึกจนคนสืบไม่เจอ ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์หรืออำนาจบารมีก็ล้วนไม่ธรรมดา คิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าเป็นไปได้
“การคาดคะเนของเจ้าล้วนตั้งอยู่ภายใต้เงื่อนไขเดียว นั่นก็คือเซี่ยโห้วลิ่งไม่รู้จริงๆ ว่าหยวนกงหายไปแล้ว!” หยางเจาชิงถาม
หยางชิ่งบอกว่า “ลองดูสักหน่อยก็ได้ ถ้าพวกเราดำเนินการตามแผน แล้วเซี่ยโห้วลิ่งไม่กล้ามา นั่นก็แสดงว่าเขารู้เรื่องแล้วจริงๆ แต่ถ้ายังมา ก็แสดงว่าเขาไม่รู้เรื่องและถูกคนมองเป็นหมากตัวหนึ่ง มีอีกมือเข้ามาแทรกแซงจริงๆ”
เหมียวอี้เอามือลูบคางอย่างไม่แน่ใจ “เจ้าหมายความว่าจะเสี่ยงทำตามแผนการต่อไปเหรอ?”
“นายท่านโยนสมุนไพรจิตวิญญาณออกมาหยั่งเชิงเฉาหม่านแล้ว ดูจากตอนนี้ เฉาหม่านก็เป็นอย่างที่พวกเราคาดไว้ ไม่พูดเรื่องสมุนไพรจิตวิญญาณที่อื่น ไม่อย่างนั้นตระกูลเซี่ยโห้วจะต้องมาหานายท่านแน่นอน ในมือนายท่านมีของที่พระปีศาจหนานโปต้องการ ตระกูลเซี่ยโห้วจะปล่อยให้ของสิ่งนี้ตกอยู่ในมือพระปีศาจได้ยังไง ต่อให้เรื่องนี้ไม่สำเร็จ แต่ก็ยังเหลือทางหนีทีไล่ให้ดึงสถานการณ์กลับคืนมา และถ้านายท่านพลาดโอกาสครั้งนี้ไป…พลาดโอกาสนี้ไม่ได้ พลาดแล้วพลาดเลย!” หยางชิ่งตอบเขา
เห็นได้ชัดว่ากำลังบอกว่า ที่จริงแล้วก็ไม่ได้อันตรายมากนัก
“ใช้ความพยายามขนาดนี้เพื่อให้เฉาหม่านขึ้นสู่ตำแหน่ง ไม่สู้ร่วมมือกับเซี่ยโห้วลิ่งไปเสียเลย” หยางเจาชิงกล่าว
เหมียวอี้ส่ายหน้า “เซี่ยโห้วลิ่งโดนข้าวางแผนเล่นงาน หลายปีมานี้ยังไม่มีทางรวบรวมกำลังของตระกูลเซี่ยโห้วได้เลย สำหรับผู้กุมอำนาจแต่ละฝ่ายของตระกูลเซี่ยโห้ว เกรงว่าช้าเร็วก็คงหมดอำนาจบารมี ถ้าคิดจะอาศัยให้เซี่ยโห้วลิ่งได้รับการสนับสนุนรอบด้านจากตระกูลเซี่ยโห้ว นั่นก็เสี่ยงไปหน่อย อีกทั้งแผนการของพวกเราครั้งนี้ก็ต้องได้รับการสนับสนุนรอบด้านจากตระกูลเซี่ยโห้ว ถึงจะสำเร็จได้ สำหรับตอนนี้ เฉาหม่านคือตัวเลือกเดียว”
เหมียวอี้เอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาขณะครุ่นคิด จู่ๆ ก็หยุดแล้วหันกลับมามอง จ้องหยางชิ่งพร้อมกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว “เช่นนั้นก็ลองดู! ส่วนรายละเอียดของแผนการ เดี๋ยวเจ้าค่อยร่างมาอีกที”
“รับทราบ!” หยางชิ่งกุมหมัดคารวะ
บนโต๊ะสีเรียบๆ สะอาดตา ในเตาถ่านมีไฟคุโชน เซี่ยโห้วลิ่งนั่งสง่า ท่วงท่ายามชงชาดูสง่างาม
เว่ยซูเดินมาจากข้างนอก พอมาถึงข้างกายก็ถามอย่างเคารพว่า “นายท่าน มีอะไรจะกำชับขอรับ?”
เซี่ยโห้วลิ่งยื่นมือบอกใบ้ให้นั่งลงตรงข้าม
เว่ยซูยกชายเสื้อขึ้น แล้วนั่งยองๆ ตรงข้าม ดูเซี่ยโห้วลิ่งรินน้ำชาอย่างสง่างาม
รินน้ำชาสองถ้วย ให้ฝั่งตรงข้ามถ้วยหนึ่ง แล้วตัวเองก็จิบช้าๆ จากอีกถ้วยหนึ่ง เสร็จแล้วเซี่ยโห้วลิ่งถึงได้กล่าวอย่างสบายๆ ว่า “หนิวโหย่วเต๋อเพิ่งติดต่อข้ามา”
เว่ยซูที่กำลังดื่มน้ำชาชะงักทันที “หนิวโหย่วเต๋อติดต่อนายท่านมาทำไมขอรับ?”
“เจ้าสามปิดบังเรื่องบางอย่างกับข้าจริงๆ ด้วย หนิวโหย่วเต๋อพูดขึ้นมาข้าถึงได้รู้ หนิวโหย่วเต๋อเคยสู้กับพระปีศาจหนานโปแล้ว เจ้าสามก็รู้ผ่านหนิวโหย่วเต๋อเช่นกันว่าพระปีศาจหนานโปกับผู้รอดชีวิตตระกูลอิ๋งไปรวมตัวกัน!” เซี่ยโห้วลิ่งกล่าว
“พระปีศาจหลุดออกมาแล้วก็ไม่เห็นเคลื่อนไหวที่อื่น ทำไมถึงลงมือกับหนิวโหย่วเต๋อก่อนได้?” เว่ยซูถาม
“ท่านรู้สึกว่าแปลกใช่มั้ย?” เซี่ยโห้วลิ่งถาม
“รู้สึกแปลกจริงๆ”
“ไม่ใช่ว่าหนิวโหย่วเต๋ออยากจะสู้กับเขา แต่พระปีศาจหนานโปมาหาเขา”
“พระปีศาจไปหาเขาทำไม?”
“พระปีศาจต้องการของบางอย่างจากเขา ในปีนั้นหนิวโหย่วเต๋อเคยสู้กับปีศาจโลหิต โดนขังไว้ในค่ายกลมารโลหิตของปีศาจโลหิต ตอนที่ทำลายค่ายกลได้ หนิวโหย่วเต๋อถือโอกาสดึงบัวโลหิตไปด้วยต้นหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะพระปีศาจเอ่ยถึง หนิวโหย่วเต๋อเองก็แทบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ดังนั้นหนิวโหย่วเต๋อจึงสงสัยมาก ว่าทำไมพระปีศาจหนานโปรู้เรื่องนี้? เขาไม่รู้ว่าปีศาจโลหิตเคยถูกขังที่สถานที่ผนึกมาก่อนหรือเปล่า แต่พวกเรากลับรู้ดี”
“บัวโลหิต?” เว่ยซูพึมพำอย่างสงสัย
เซี่ยโห้วลิ่งพยักหน้า “พระปีศาจไปหาเขาก็เพราะต้องการบัวโลหิตต้นนั้น จนป่านนี้แล้วหนิวโหย่วเต๋อก็ยังไม่รู้ว่าพระปีศาจต้องการสิ่งนี้ไปทำอะไร เขาคิดว่าตระกูลเซี่ยโห้วมีช่องทางข่าวสารรวดเร็ว จึงมาสืบกับตระกูลเซี่ยโห้ว ผลปรากฏว่าเจ้าสามกลับไม่บอกเรื่องนี้กับพวกเรา และไม่ให้คำตอบที่แท้จริงกับหนิวโหย่วเต๋อด้วย หนิวโหย่วเต๋อเลยมาสืบกับข้าอีก” พูดจบก็ทำเสียงฮึดฮัด เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจที่เฉาหม่านปิดบัง
…………………