พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2027 หวังเล่า
เมื่อจบการประชุมแล้ว ประมุขชิงก็นำบรรดาขุนนางคนสนิทออกจากตำหนักหลัง เขาหยุดเดินระหว่างทาง หันตัวกลับมามองพวกลูกน้อง แล้วกล่าวช้าๆ ว่า “ซือหม่า เจ้าเล่าเรื่องที่ทัพใต้เคลื่อนไหวผิดปกติให้พวกเขาฟังหน่อย”
“ขอรับ!” ซือหม่าเวิ่นเทียนเล่าเรื่องที่หนิวโหย่วเต๋อจับพวกเหวินเจ๋อครั้งก่อนให้ฟัง แล้วก็เรื่องที่ทัพใต้ระดมพลเร่งด่วนด้วย
พวกเขาทำท่าทางครุ่นคิด ประมุขชิงกล่าวเสียงต่ำว่า “หน่วยตรวจการซ้ายสืบเจอแค่ว่า การระดมพลด่วนของทัพใต้ครั้งนั้นเป็นเพราะตระกูลเซี่ยโห้วไหว้หวาน วันนี้เซี่ยโห้วลิ่งหาข้ออ้างไม่เข้าประชุม พวกเจ้าคิดว่ายังไง?”
“อาจจะมีลับลมคมในนิดหน่อย” อู๋ฉวี่ไม่แน่ใจ
“สถานการณ์ไม่ชัดเจน พูดยาก” เกาก้วน
ประมุขชิงเอียงหน้ามองซ่างกวนชิง “เลยเวงลามาพอสมควรแล้ว ให้เฉิงอวี่ถามเรื่องที่พวกเหวินเจ๋อโดนจับสักหน่อย ดูว่าฝั่งหนิวโหย่วเต๋อรู้อะไรมาบ้างหรือเปล่า”
“ขอรับ!” ซ่างกวนชิงเอ่ยรับ
วังนารีสวรรค์ ซ่างกวนชิงมาทำความเคารพ พอเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ได้ยินเรื่องนี้ ก็ตกใจไม่น้อย “หนิวโหย่วเต๋อจับคนที่ฝ่าบาทส่งไปจวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาล?”
ซ่างกวนชิงพยักหน้าเบาๆ
“อย่าบอกนะว่าคิดจะก่อกบฏ?” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่กล่าวอย่างแค้นใจ
ไม่ได้แค้นแต่ปาก ในใจก็แค้นเช่นกัน เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว นี่หรือที่นางจะยังไม่เข้าใจว่าตัวเองโดนหนิวโหย่วเต๋อหลอกใช้ หนิวโหย่วเต๋ออาศัยกำลังทหารแข็งข้อต่อเบื้องบน นางไม่สามารถบัญชาการได้อีกแล้ว นางตั้งใจจะหยั่งเชิง ปล่อยข่าวว่าอยากจะย้ายเหมียวอี้ไปที่ตลาดสวรรค์ แต่พวกพี่ใหญ่ของตำหนักสวรรค์ไม่ยอม กังวลว่าเหมียวอี้จะก่อเรื่องที่ตลาดสวรรค์อีก แม้แต่ตระกูลเซี่ยโห้วก็ไม่ยอมเช่นกัน ฝั่งฮ่าวเต๋อฟางก็ยิ่งช่วยเหลือ เหมียวอี้แอบข่มขู่นาง บอกว่าถ้าตัวเองออกจากจวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาล พวกลูกน้องก็จะก่อเรื่องใหญ่ เกรงว่าราชินีสวรรค์อย่างนางจะต้องรับผลที่ตามมาเอง
นางถึงได้พบว่าคนที่เดินมาถึงระดับอย่างเหมียวอี้ เติบโตยิ่งใหญ่แล้ว ถอนขนเส้นเดียวขยับทั้งร่าง เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของคนจำนวนมากเกินไป นางจะแตะต้องตามอำเภอใจได้อย่างไร แม้แต่ประมุขชิงก็เตือนนางว่าอย่าทำซี้ซั้ว
แต่นางก็ดันไม่กล้าแตกคอกับเหมียวอี้ เหมียวอี้ประกาศต่อภายนอกว่ายังทำงานให้วังนารีสวรรค์ ทรัพย์สินที่ส่งมาให้นางก็ไม่เคยขาด ถ้าฝั่งนี้สั่งอะไรแล้วเหมียวอี้สามารถทำได้ก็จะทำให้นาง ยังเคารพนับถือลูกชายนางเหมือนเดิม อย่างน้อยเหมียวอี้ยังแสดงท่าทีวัดสนับสนุนนางให้ภายนอกเห็น ถ้าบีบให้เหมียวอี้แปรพักตร์ นางก็เสียหน้าแล้วจริงๆ กลัวว่าจะกลายเป็นที่หัวเราะเยาะของวังหลัง
ซ่างกวนชิงยอมเข้าใจถึงความคับแค้นของนาง ที่จริงทางด้านฝ่าบาทก็รู้อยู่แก่ใจเช่นกัน โมโหหนิวโหย่วเต๋อมากเหมือนกัน แต่ฝ่าบาทก็ย่อมมีการชั่งน้ำหนักของฝ่าบาทเอง ทำไมถึงแบ่งอำนาจของอิ๋งจิ่วกวงจากหนึ่งเป็นสองล่ะ? ก็เพราะอยากจะสลายกองกำลังของฝ่ายอำนาจใหญ่ๆ ในใต้หล้าไปทีละขั้น แบ่งให้เป็นกลุ่มอำนาจเล็กๆ ถึงตอนนั้นวังสวรรค์ก็จะยิ่งใหญ่ที่สุดเพียงฝ่ายเดียว แบบนี้ถึงจะควบคุมสะดวก แต่ใต้หล้าใหญ่โตขนาดนั้น ผลประโยชน์ก็เยอะขนาดนั้น หนิวโหย่วเต๋อผงาดขึ้นมาแล้ว ในมือมีกำลังพลจำนวนมาก ขังไว้ที่แดนรัตติกาลไม่ใช่แผนการที่ดีในระยะยาว ช้าเร็วก็ต้องเกิดความขัดแย้งกับอำนาจฝ่ายอื่น ฝ่าบาทอยากจะช่วยคนกลุ่มนั้นโจมตีใจจะขาด จากนั้นค่อยฉวยโอกาสลงมืออีกที!
ขณะเดียวกันฝ่าบาทก็อยากจะให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ได้เห็น ว่าตระกูลเซี่ยโห้วเชื่อถือไม่ได้ ขุนนางที่เป็นคนนอกอย่างหนิวโหย่วเต๋อก็เชื่อถือไม่ได้เช่นกัน
“คงไม่ถึงขั้นก่อกบฏ เขายังไม่มีความสามารถนั้น” ซ่างกวนชิงกล่าวเสียงเรียบ
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ข่มความแค้นในใจเอาไว้ หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อหนิวโหย่วเต๋อ ถามว่าจับพวกเหวินเจ๋อไปทำไม
เหมียวอี้หาข้ออ้างตอบส่งเดช บอกว่าเฉาหม่านรายงานว่าพวกเหวินเจ๋อไปปล้น เขาไม่ได้จับกุมพวกเหวินเจ๋อ แค่แสดงให้เฉาหม่านเห็นเท่านั้น ไม่ได้ปฏิบัติต่อพวกเหวินเจ๋อไม่ดีเลย แม้แต่สอบสวนก็ไม่ได้ทำ แค่เข้าไปอยู่ในคุกสบายๆ ทุกวันมีสุราอาหารชั้นดี รับรองว่าอีกไม่นานก็จะปล่อยคนแล้ว
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่บอกเหตุผลนี้กลับซ่างกวนชิง ทำให้ซ่างกวนชิงพูดไม่ออกเช่นกัน เมื่อเจอเหตุผลแบบนี้เจ้าจะสืบก็ไม่สะดวกแล้ว
ถ้าเปลี่ยนเป็นคนทั่วไป เกรงว่าเจ้าคงชี้แจงอย่างนี้ไม่ได้ แต่ตอนนี้เหมียวอี้มีความมั่นใจที่จะต่อต้านแล้ว เมื่อก่อนไม่กล้าชี้แจงแบบนี้แน่นอน
จวนอ๋องสวรรค์ฮ่าว นายบ่าวเดินไปเดินมาอยู่ระหว่างศาลา
“เซี่ยโห้วลิ่งไม่ได้เข้าประชุมขุนนางหรือ?” ฮ่าวเต๋อฟางพึมพำ
“บอกประมาณว่าไปเฝ้าสุสาน ต้องเป็นข้ออ้างแน่นอนค่ะ” ซูอวิ้นตอบ
ฮ่าวเต๋อฟางหรี่ตาถาม “ครั้งก่อนตระกูลเซี่ยโห้วโดนปล้นแล้วขอกำลังเสริมมันเรื่องอะไรกันแน่ จะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือเปล่า?”
ซูอวิ้นส่ายหน้า “ไม่มีทางสืบความจริงจากฝั่งตระกูลเซี่ยโห้วได้เลย ทั้งนั้นไม่พูดความจริงแน่นอน”
จวนจอมพลสายเถาะ ผังก้วนกลับมาจากประชุมขุนนางแล้ว เดินตรงไปที่ห้องหนังสือ ไปนั่งด้านหลังโต๊ะยาว
เฉินหวยจิ่วนำน้ำชามาวางตรงหน้าเขา มองออกแล้วว่าเขามีสีหน้าผิดปกติ จึงถามว่า “นายท่าน หรือว่าบนราชสำนักมีเรื่องอะไร?”
“เซี่ยโห้วลิ่งไม่เข้าประชุมขุนนาง…” ผังก้วนเล่าสถานการณ์บนราชสำนักให้ฟังคร่าวๆ
เฉินหวยจิ่วพยักหน้า “สงสัยจะเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ ถ้าจะบอกว่าเฉาหม่านกับเซี่ยโห้วลิ่งช่วยกันเล่นละครให้นายท่านดู ก็ฟังดูเหลวไหล เซี่ยโห้วลิ่งคงจะตายไปแล้ว!”
“จอมพลผู้นี้ยังไม่มีคุณสมบัติที่จะทำให้ตระกูลเซี่ยโห้วยุ่งยากแบบนั้น!” ผังก้วนรู้ถึงกำลังของตัวเอง เอามือจับบนถ้วยช้า เหมือนจะตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ถามว่า “รวบรวมข้อมูลสถานการณ์เบื้องล่างเรียง?”
เฉินหวยจิ่วนำแผ่นหยกแผ่นหนึ่งออกมา แล้วใช้สองมือยื่นให้ “ลูกน้องคนไหนที่อาจจะเป็นสายลับของฮ่าวเต๋อฟาง รายชื่ออยู่ในนี้แล้วขอรับ”
ผังก้วนรับมาไว้ในมือ ยังไม่ทันอ่านละเอียดก็วางไว้ข้างๆ แล้ว ดวงตาวูบไหวไม่หยุดนิ่ง
“นายท่านตัดสินใจจริงๆ แล้วใช่มั้ยว่าจะลงมือ?” เฉินหวยจิ่วถามหยั่งเชิง
ผังก้วนเหลือบตาขึ้น “ถ้าพลาดโอกาสนี้ไป ในภายหลังเกรงว่าจะไม่มีโอกาสดีแบบนี้แล้ว หรือเจ้ารู้สึกว่าไม่เหมาะสม?”
“เปล่าขอรับ บ่าวเพียงอยากจะเตือนนายท่านเท่านั้น ว่าถ้าทำเรื่องนี้แล้ว ก็จะไม่มีทางให้ถอยกลับ ถ้าไม่สำเร็จก็ต้องล้มเหลว!” เฉินหวยจิ่วกล่าว
“หลักการนี้ข้าย่อมเข้าใจ!” ผังก้วนพยักหน้า จากนั้นก็พิงเก้าอี้แล้วถอนหายใจอีก “ถ้าใช้กำลังปะทะตรงๆ มีโอกาสชนะมาก ดังนั้นปัญหาใหญ่สุดก็คือฮ่าวเต๋อฟาง ขอเพียงกำจัดฮ่าวเต๋อฟางได้ ก็ถือว่าสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง ทัพใต้จะต้องวุ่นวายแน่นอน คนใต้บังคับบัญชาของฮ่าวเต๋อฟางไม่มีแกนนำแล้ว ใครจะยอมใครกันแน่? มังกรไร้หัวยากจะรวมกลุ่มรุกโจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพ หนิวโหย่วเต๋อเคลื่อนทัพใหญ่ออกจากแดนรัตติกาล แล้วก็มีตระกูลเซี่ยโห้วช่วยเหลือ งานใหญ่สำเร็จได้! แต่มันยากตรงที่จะกำจัดฮ่าวเต๋อฟางยังไง รังของฮ่าวเต๋อฟางมีกำลังทหารเข้มแข็ง จะให้บุกโจมตีโดยตรงก็เป็นเรื่องเพ้อฝัน เดาว่าคงต้องล่อฮ่าวเต๋อฟางออกมา ขอเพียงให้เขาออกมา ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะพากำลังพลของตัวเองออกมาหมด นั่นต่างหากคือโอกาสในการลงมือ แต่ฮ่าวเต๋อฟางก็ไม่ใช่ไก่อ่อน ถ้าใช้วิธีการไม่ปกติล่อให้เขาออกมา ก็กลัวว่าจะทำให้เขาสงสัย”
เฉินหวยจิ่วครุ่นคิด แล้วบอกว่า “ถ้าจะล่อเขาออกมา ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ หลายวันนี้บ่าวคิดแผนการได้อย่างหนึ่ง ไม่ทราบว่าควรจะพูดหรือเปล่า”
ผังก้วนเหลือบสายตาขึ้น “ระหว่างเจ้ากับข้าจำเป็นต้องปิดบังกันด้วยเหรอ พูดมาได้เลย!”
เฉินหวยจิ่วเหมือนเอ่ยปากลำบากนิดหน่อย สุดท้ายก็เอ่ยชื่อของคนคนหนึ่งเพื่อเตือน “หวังเล่า!”
“หวังเล่า?” ผังก้วนขมวดคิ้ว เป็นแม่ทัพใหญ่ของเขาเอง แต่กลับมีพื้นเพมาจากทหารองครักษ์ของฮ่าวเต๋อฟาง หลังจากผังก้วนเลื่อนตำแหน่งเป็นจอมพล ฮ่าวเต๋อฟางก็ส่งเขามาอยู่ใต้บังคับบัญชาผังก้วน จุดประสงค์ทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจ เอาไว้จับตาดูผังก้วน
ส่วนหวังเล่าคนนี้ก็เป็นเด็กกำพร้าที่ฮ่าวเต๋อฟางเคยรับเลี้ยงไว้ เป็นลูกน้องคนสนิทที่ฮ่าวเต๋อฟางเลี้ยงมาจนโต จากนั้นก็คอยอารักขาอยู่ข้างกายมาตลอด เวลาแต่งงานสร้างครอบครัวก็ล้วนเป็นฮ่าวเต๋อฟางที่จัดการให้ จงรักภักดีต่อฮ่าวเต๋อฟาง ตอนหลังภรรยาตายระหว่างทำศึก ไม่ได้แต่งงานใหม่มาหลายปีแล้ว ที่แปลกก็คือตอนหลังกลับถูกใจอวี้เหนียง ลูกสาวของผังก้วน สาเหตุก็เป็นเพราะผังอวี้เหนียงหน้าตาคล้ายภรรยาของเขาที่ตายไปแล้ว
มารดาเจ้าเถอะ เจ้ากับข้าอายุพอๆ กัน เมื่อก่อนยังเรียกพี่เรียกน้องกันอยู่เลย ลูกชายก็โตขนาดนั้นแล้ว ยังคิดจะแต่งงานกับลูกสาวข้าอีก ข้าผังก้วนไม่จำเป็นต้องเอาใจเจ้า จำเป็นต้องทำอย่างนั้นด้วยเหรอ? แค่นั้นยังไม่พอ เจ้านั่นดันจงรักภักดีต่อฮ่าวเต๋อฟาง เจ้าซื่อสัตย์ต่อฮ่าวเต๋อฟางแล้วมาจับตาดูข้า ทั้งยังคิดจะแต่งงานกับลูกสาวข้าด้วย มีเรื่องดีๆ อย่างนี้ด้วยหรือ? ดังนั้นต่อให้ฮ่าวเต๋อฟางจะเคยเอ่ยถึง แต่ก็ถูกผังก้วนปฏิเสธแล้ว
แต่ความปรารถนาของเจ้าเวรหวังเล่าก็ชัดเจนแล้ว พล่ามคำพูดเหลวไหลออกมา ทั้งยังเป็นลูกน้องคนสนิทของฮ่าวเต๋อฟาง ใครจะกล้ามาแย่งผู้หญิงกับหวังเล่าล่ะ? ดังนั้นจึงทำให้ผังอวี้เหนียงแต่งงานไม่ออกมาตั้งหลายปี ไม่ใช่ว่าแต่งไม่ออก แต่ไม่มีใครกล้าแต่งด้วย
ผังก้วนเดาว่าที่หนิวโหย่วเต๋อเลือกผังเสี้ยวเสี้ยวแต่ไม่เลือกผังอวี้เหนียง ก็คงพิจารณาถึงเหตุผลทางด้านนี้เช่นกัน
“เจ้าหมายความว่าจะให้อวี้เหนียงแต่งงานกับเขาหรอ?” ผังก้วนสงสัย
พูดเปิดเผยเสียขนาดนี้แล้ว เฉินหวยจิ่วไม่จำเป็นต้องปิดบังอีก “ถ้าให้คุณหนูอวี้เหนียงแต่งงานกับคนอื่น เกรงว่าฮ่าวเต๋อฟางอาจจะไม่ออกหน้าเอง แต่ถ้าให้คุณหนูแต่งงานกับหวังเล่า ต่อให้เป็นการซื้อใจลูกน้อง เขาก็ต้องออกหน้ามาแสดงความยินดีด้วยตัวเองแน่นอ! พอออกจากรังแล้ว ก็มาถึงอาณาเขตที่นายท่านควบคุมเบ็ดเสร็จ สถานการณ์ได้เปรียบของสองฝ่ายก็จะสลับกันทันที เป็นโอกาสดีที่จะลงมือ!”
ผังก้วนครุ่นคิดเล็กน้อย สุดท้ายก็ส่ายหน้าโบกมือ “ไม่เหมาะสม ไม่เหมาะ! เขาปฏิเสธมาตั้งหลายปี อยู่ดีๆ มาตอบตกลงให้อวี้เหนียงแต่งงานกับเขา ฮ่าวเต๋อฟางจะต้องสงสัยทันทีแน่นอน!”
“แล้วถ้ามีสาเหตุว่าให้ต้องแต่งงานเท่านั้นล่ะ?” เฉินหวยจิ่วถาม จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นถ่ายทอดเสียง “หลังจากนี้ครึ่งเดือน จะเป็นงานชุมนุมตระการตา ถ้าคุณหนูอวี้เหนียงไปที่นั่น หวังเล่าได้ข่าวแล้วจะต้องไปแน่นอน…”
ผังก้วนตาเป็นประกาย พยักหน้าเบาๆ ลุกขึ้นยืนแล้วเช่นกัน หลังจากเดินไปเดินมาอยู่ในห้องหนังสือ ก็พลันหันตัวมากำชับว่า “เรื่องนี้เจ้าไปจัดการ อย่าให้ฮูหยินรู้เด็ดขาด!”
ดาวเกาะคราม ตรงระเบียงบนหน้าผา พระปีศาจหนานโปราวกับรูปสลักหิน
เขามักจะหลับตายืนนิ่งอยู่ตรงนี้ แม้แต่กายหยาบที่ยึดครองไว้ก็ดำลงแล้วไม่น้อย เหมือนกำลังดื่มด่ำอะไรสักอย่าง
ในทะเลใต้หน้าผา เงาร่างขนาดใหญ่หลายตัวแหวกว่ายอยู่ในน้ำ บางครั้งก็มีคลื่นใหญ่ซัดขึ้นมา มันกระโดดขึ้นมา ร่างกายที่มีครีบหลังโผล่บนพ้นขึ้นมาด้วย เป็นสัตว์ประหลาดดุร้ายในทะเล
จั่วเอ๋อร์เดินมาทำความเคารพข้างหลังหนานโปอย่างระมัดระวัง
“เรื่องราวคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว?” หนานโปถามเสียงเรียบ
จั่วเอ๋อร์พยักหน้าตอบอย่างประหม่า “สถานที่หลอมสมบัติยังคิดหาทางอยู่ แต่ทางด้านสมาคมวีรชนมีความคืบหน้าแล้ว คนที่รู้ข้อมูลลับของสมาคมวีรชนคงมีไม่เยอะ หวงฝู่เลี่ยนคง หัวหน้าตระกูลหวงฝู่จะต้องเป็นหนึ่งในนั้นแน่นอน ยังมีอีกคนหนึ่งที่น่าจะเป็นไปได้ หวงฝู่เยี่ยน ลูกชายของหวงฝู่เลี่ยนคง หวงฝู่เลี่ยนคงใช้ให้เขาทำงานสำคัญมาตลอด มีอำนาจมากที่ตระกูลหวงฝู่…”
“สิ่งที่เจ้าพล่ามมาข้ารู้หมดแล้ว พูดแต่เรื่องสำคัญ” หนานโปกล่าว
“ค่ะ!” จั่วเอ๋อร์เตอบรับ แล้วบอกว่า “สุดท้ายพวกเราก็วางแผนลงมือกับหวงฝู่เยี่ยนมาตลอด เพียงแค่ยังหาโอกาสไม่ได้ แต่ครึ่งเดือนหลังจากนี้จะมีงานชุมนุมตระการตา ถึงตอนนั้นจะมีผู้มีอำนาจมากมายไปเข้าร่วม พวกเราลงมือจากตรงนั้นได้ ซื้อตัวหญิงชู้ของหวงฝู่เยี่ยนมาคนหนึ่ง หวงฝู่เยี่ยนรับปากแล้วว่าจะพานางไปเปิดหูเปิดตาที่งานชุมนุมตระการตา ถึงตอนนั้นก็เป็นโอกาสดีที่จะลงมือ!”
…………………