พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2029 ใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
งานชุมนุมตระการตา ความหมายตามชื่อ งดงามตระการตาไร้ที่เปรียบ
สถานที่จัดงานก็คือดาวดำเนินธารา สำหรับปราสาทดำเนินธาราแล้ว การจัดงานก็เป็นเรื่องที่ไม่มีทางเลือก เพราะทุกๆ ร้อยปี กระแสน้ำขึ้นน้ำลงใหญ่ของดาวดำเนินธาราจะทำให้แผ่นดินที่จมน้ำไปครึ่งหนึ่งโผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำ กินระยะเวลานานสามเดือน ในช่วงเวลานี้พืชพันธุ์แปลกตาจะทยอยเติบโตอย่างบ้าคลั่ง ต้นไม้ใบหญ้าสวยอัศจรรย์จะเบ่งบานอลังการ สวยงามตระการตาไร้ที่เปรียบ สถานที่อื่นไม่มีทางเลียนแบบได้ ในช่วงเวลาที่เบ่งบานที่สุดหนึ่งเดือน ก็คือช่วงงานชุมนุมตระการตา
แผ่นดินใหญ่ที่ลอยขึ้นมานี้ถูกขนานนามว่าน่านน้ำงามตระการตา
ทิวทัศน์อันงดงามเช่นนี้ ให้ปราสาทดำเนินธาราดื่มด่ำแต่ผู้เดียว ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับพวกขุนนาง เพราะคนพวกนั้นไม่ได้สนใจสิ่งนี้เลย แต่สำหรับสมาชิกในครอบครัวกลับไม่ใช่อย่างนั้น วันนี้คนนี้มาบอกให้ผ่อนผันให้ชื่นชมทิวทัศน์สักหน่อย พรุ่งนี้คนนั้นก็มาบอกให้ผ่อนผันให้อีก ปราสาทดำเนินธารายุ่งยากมาก วังสวรรค์เองก็ยุ่งยากเช่นกัน แต่เกี่ยวข้องกับหน้าตาศักดิ์ศรีของขุนนางชั้นสูงมากเกินไป สุดท้ายวังสวรรค์กับปราสาทดำเนินธาราก็ปรึกษากัน ทั้งสองฝ่ายกำหนดแล้วว่าจะจัดงานเป็นเวลาหนึ่งเดือนในช่วงที่ดอกไม้เบ่งบานที่สุด นี่ก็คือประวัติความเป็นมาของงานชุมนุมตระการตา
ช่วงถึงจะเข้าไปได้ หลังจากผ่านช่วงนี้ไปก็จะออกไปทันที ไม่ว่าใครก็ห้ามก้าวเข้าไปน่านน้ำงามตระการตา ห้ามรบกวนปราสาทดำเนินธารา ถ้าขัดคำสั่ง ประหาร!
ส่วนดาวดำเนินธาราก็อยู่ในอาณาเขตทัพเหนือ หน้าที่หลักในการป้องกันก็ตกเป็นของทัพเหนือ
ช่วงจัดงานก็เรียกได้ว่ามีกำลังทหารป้องกันหนาแน่น สอบสวนเข้มงวด ไม่ใช่ว่าใครก็เข้ามาได้ มีเพียงครอบครัวของคนระดับหัวหน้าภาคขึ้นไปถึงจะเข้าไปได้
คนระดับหัวหน้าภาคขึ้นไปสามารถใช้แผ่นหยกขุนนางยืนยันตัวตนและเข้าไปได้ ส่วนคนในครอบครัวก็ต้องแจ้งล่วงหน้า รายงานจำนวนคนที่เข้าร่วมรวมทั้งฐานะให้ชัดเจน หลังจากมาถึงที่นี่แล้วก็จะตรวจสอบทีละคน ไม่ปล่อยผ่านแม้แต่คนเดียว แน่นอน มีคนในครอบครัวบางคนอาศัยฐานะของตัวเองก็เข้าไปได้แล้ว ผู้หญิงบางคนก็มีบรรดาศักดิ์เทียบเท่าหัวหน้าภาค คนพวกนี้พออาศัยแผ่นหยกบรรดาศักดิ์ก็สามารถเข้าไปได้โดยตรง
ผู้มีอำนาจพวกนี้นำบ่าวไพร่มาปรนนิบัติอย่างเลี่ยงไม่ได้ ใช่ว่าเจ้าอยากพาเข้าไปเท่าไรก็พาไปได้ อิงตามยศของขุนนาง เพิ่มจำนวนไปทีละขั้น คนทั่วไปสามารถบ่าวรับใช้มาได้คนเดียว การตรวจสอบบ่าวไพร่ก็ยิ่งเข้มงวดกว่า ไม่สามารถให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปได้เลย เพราะบ่าวไพร่มักจะโดนคนวางอุบายได้ง่ายมาก
ตอนนี้งานชุมนุมตระการตาก็เข้มงวดยิ่งกว่าเดิม นอกจากจะต้องแสดงโฉมหน้าที่แท้จริงแล้ว ยังต้องแสดงสัญลักษณ์พลังให้ตรวจสอบด้วย
แน่นอน นอกจากตำหนักสวรรค์แล้วยังมีคนอีกกลุ่มที่เข้าร่วมงานได้เป็นกรณีพิเศษ ยกตัวอย่างเช่นพระจากแดนพุทธะ พวกตัวแทนจากสำนักใหญ่ๆ
นอกจากนี้ รอบๆ ดาวดำเนินธาราแทบทุกที่ก็มีกำลังทหารสำรองไว้ ถ้าอยากจะถือวิสะสาบุกเข้ามาก็เป็นไปไม่ได้เลย
ดาวดวงหนึ่งที่ไม่รู้ว่าเคลื่อนมาจากที่ไหน ตอนนี้ถูกนำมาดัดแปลงให้ราบเรียบเป็นเป็นชานชาลาชั่วคราว คนที่มาจากสายต่างๆ ล้วนต้องผ่านการตรวจสอบตรงนี้ก่อนถึงจะเข้าไปได้
ที่นี่มีงานไม่น้อยเลย คนระดับหัวหน้าภาคขึ้นไปมีจำนวนไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น บางคนก็มีอนุภรรยาหลายคน จำนวนคนที่เข้างานมีเยอะแค่ไหน แค่คิดดูก็รู้แล้ว
แต่ก็ใช่ว่าใครๆ ก็ล้วนเข้ามาประสมโรงได้ บางคนก็ไม่ชอบความคึกครื้นเช่นกัน ยังมีบางคนที่เคยเข้าร่วมและรู้แล้วว่างานชุมนุมตระการตาเป็นอย่างไร จึงขี้คร้านจะมาอีก ส่วนใหญ่มาเข้าร่วมงานทุกครั้งก็มี
โดยเฉพาะคนระดับหัวหน้าภาคขึ้นไป สำหรับพวกเขาแล้ว ต่อให้ทิวทัศน์จะสวยกว่านี้ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ คนประเภทนี้ไม่ได้สนใจงานชุมนุมตระการตาเลย ที่สนใจจริงๆ ก็คืองานเลี้ยงอุทยานหลวง เป็นงานที่จัดทุกหนึ่งพันปี มีเพียงคนระดับที่เข้าประชุมราชสำนักได้เท่านั้นถึงจะเข้าร่วมได้ พวกเขาเฝ้าปรารถนางานนั้น!
ดังนั้นงานชุมนุมตระการตาส่วนใหญ่ก็จะมีแต่คนในครอบครัวขุนนางตำหนักสวรรค์เข้าร่วม ขุนนางไม่ได้มาเอง และมีพวกเจาะหาช่องทางมาหาโอกาสเช่นกัน
จุดตรวจสอบ ทหารอารักขาที่ติดตามมาถูกกันออกไปแล้ว เข้ามาข้างในไม่ได้ ในงานมีคนของกองทัพองครักษ์ประจำอบู่ ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขามาเพิ่มความวุ่นวาย ยิ่งคนมากก็ยิ่งเกิดความวุ่นวายได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่พาทหารอารักขามาเสริมความกล้าด้วย
ลำพังแค่ทหารอารักขาที่คนร่วมงานแต่ละสายพามาด้วยก็เป็นจำนวนที่น่าตกใจแล้ว นับว่าเป็นการป้องกันอีกระดับเช่นกัน
พวกจั่วเอ๋อร์ก็มาแล้วเช่นกัน พระปีศาจหนานโปมาด้วยตัวเอง คนหนึ่งร้อยสวมเกราะรบปลอมตัวเป็นกำลังพลของตำหนักสวรรค์ ยืนรออยู่บนดาวดวงเล็กดวงหนึ่ง ใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์มองตามสาวสวยเย้ายวนคนหนึ่งไปยังจุดตรวจสอบ
ผู้หญิงคนนี้ชื่อว่าหานลี่ หน้าตางดงามดุจเทพธิดาจริงๆ มีเสน่ห์หลายมิติ ผิวเด้งฉ่ำราวกับเป่าแล้วจะแตกได้ ชุ่มชื้นราวกับบีบน้ำออกมาได้ ดวงตาหวานเยิ้มเย้ายวน มองแล้วเคลิบเคลิ้ม
หานลี่ก็คือหญิงชู้ของหวงฝู่เยี่ยน ถ้าหน้าตาสวยธรรมดา มีหรือที่จะได้รับความโปรดปรานจากหวงฝู่เยี่ยน?
ทว่างดงามก็ส่วนงดงาม ในสถานที่ที่มีขุนนางชนชั้นสูงมารวมตัวกันมากมายขนาดนี้ นางไม่นับว่าสำคัญอะไรเลยจริงๆ
ความงามของนางย่อมดึงดูดสายตาของคนมากมาย โดยเฉพาะพวกผู้ชายที่เข้ามาร่วมงาน เพียงแต่ถ้าไม่รู้ฐานะชัดเจน ก็ไม่มีใครกล้ามาจีบซี้ซั้ว ถ้าเป็นผู้หญิงของคนใหญ่คนโตตระกูลไหนขึ้นมา ก่อเรื่องแล้วก็จะรับผลที่ตามมาไม่ไหว
“รีบดูผู้หญิงคนนั้นสิ หน้าอกนั่น เอวนั่น ก้นนั่น ขนาดมองยังเคลิ้ม!”
“ของบ้านใครกัน? เหมือนจะไม่เคยเห็น ใครก็ได้เข้าไปถามที”
“ข้าเข้าไปถามเอง”
“เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ พอเข้างานไปแล้วค่อยๆ สืบเอาก็ยังไม่สาย อย่าแส่หาเรื่องเลย”
พวกผู้ชายที่อยู่ไม่ไกลกำลังหรี่ตามองเรือนร่างของหานลี่อย่างเจ้าชู้ อยากจะเข้าไปจีบก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าหานลี่ค่อนข้างกลัวหัวกด เหมือนไม่กล้าเข้าไปที่จุดตรวจสอบ ทั้งยังเหมือนกำลังรอใครบางคนอยู่ ดูเหมือนไม่มีภูมิหลังอะไร ต่อให้มีคนหนุนหลังก็เหมือนจะไม่ใช่คนใหญ่คนโต พวกผู้ชายที่วุบซิบกันอยู่ตรงนี้เริ่มกระเหี้ยนกะหือรือแล้ว
หานลี่อยู่ที่นี่แล้วกลัวจนหัวหดจริงๆ ฐานะของนางค่อนข้างรากหญ้า สุ่มใครสักคนจากที่นี่ก็มีฐานะสูงกว่านางทั้งนั้น
นี่ก็เป็นสาเหตุที่นางคับแค้นตระกูลหวงฝู่ ถ้าไม่ใช่เพราะหวงฝู่เยี่ยน อาศัยความงามของนางจะหาผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งสักคนไม่ได้เชียวเหรอ? หวงฝู่เยี่ยนครอบครองนางแต่กลับไม่ให้ฐานะนางเลย ไม่อย่างถ้าอาศัยฐานะอนุภรรยาของหวงฝู่เยี่ยน ไม่ว่าจะไปไหนนางก็ยืดอกเชิดหน้าเดินได้ทั้งนั้น จำเป็นต้องกลัวหัวหดแบบนี้ด้วยเหรอ?
เมื่ออยู่ท่ามกลางสายตาของคนอื่น นางรู้สึกอัปยศอดสู รู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนสุนัขตัวหนึ่งที่ปะปนเข้ามาในวงสังคมชั้นสูง
แต่หวงฝู่เยี่ยนที่นัดกันไว้ที่นี่ก็ดันไม่มาเสียที นางเลยต้องเหลียวซ้ายแลขวา ถ้าหวงฝู่เยี่ยนไม่มา เช่นนั้นนางก็เสียหน้าแล้ว แม้แต่ประตูก็เข้าไม่ได้ ทำได้เพียงจากไปอย่างเศร้าหมอง
ทหารสวรรค์หลายคนพบว่านางผิดปกติไป จึงเดินเข้าไปหา แล้วสอบถามว่า “ทำอะไร?”
หานลี่ตอบอย่างไม่มั่นใจ “เข้าร่วมงานชุมนุมตระการตา” คนที่อยู่ข้างกายนางก็ยิ่งไม่กล้ามองหน้า
เมื่อเห็นนายบ่าวมีท่าทางเหมือนกินปูนร้อนท้อง ทหารยามที่ตรวจสอบก็รู้สึกว่าไม่ชอบมาพากล หนึ่งในนั้นจึงบอกว่า “มาจากตระกูลไหน บัตรผ่านออกมาให้ดู”
ตระกูลไหนเหรอ? หานลี่บอกได้เหรอว่าตัวเองมาจากบ้านไหน? บัตรผ่าน? หวงฝู่เยี่ยนไม่ใช่ขุนนางตำหนักสวรรค์ จะเอาบัตรผ่านจากไหนมาให้นาง
สีหน้านางอับอายมาก ไม่รู้ว่าควรแสดงฐานะของหวงฝู่เยี่ยนหรือไม่ ที่สำคัญคือนางนับเป็นอะไรกับหวงฝู่เยี่ยนล่ะ ทั้งยังไม่มีฐานะอะไรด้วย บางครั้งฐานะดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องอะไร แต่ในบางโอกาสกลับแสดงฐานะของคนคนหนึ่งได้อย่างแท้จริง
เมื่อเห็นนางชักช้าไม่ตอบสักที พวกทหารยามก็เข้ามาล้อมนายบ่าวคู่นี้ไว้ทันที แล้วคนคนนั้นก็พูดจาไม่เกรงใจเลย “นำออกมา!”
เมื่อเห็นฉากนี้ หึหึ เหมือนจะไม่มีภูมิหลังอะไร ผู้ชายหลายคนที่อยู่ใกล้ๆ เงยหน้ายืดอกเดินเข้ามาทันที เตรียมจะมาช่วยกู้สถานการณ์ให้สาวงาม
“มีเรื่องอะไรกัน?” มีเสียงอันเย็นเยียบดังมา
พอหันหน้ากลับมา ก็เห็นผู้ชายพวกนั้นเดาะลิ้น ฮวาอี้เทียน ผู้ตรวจการใหญ่กองทัพองครักษ์มาแล้ว จึงรีบถอยออกไปเงียบๆ
“นายท่าน ผู้หญิงสองคนนี้น่าสงสัย” ทหารยามคนหนึ่งกุมหมัดคารวะรายงาน
“ถอยออกไป ข้าพามาเอง” ฮวาอี้เทียนโบกมือ
ในเมื่อเขาเอ่ยปากอย่างนี้แล้ว พวกทหารอารักขาก็สบตากันแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยรับแล้วถอยออกไป
เมื่อข้างกายไม่มีคนแล้ว ฮวาอี้เทียนก็มองสำรวจหานลี่ที่กำลังหลบสายตา แล้วถามว่า “ชื่ออะไร?”
“หานลี่!” หานลี่ตอบเสียงเบา
ตอนนี้ฮวาอี้เทียนถึงได้บอกว่า “หวงฝู่เยี่ยนให้ข้ามารับเจ้า พวกเราไม่เคยพบกัน ตรวจตราอิทธิฤทธิ์ยืนยันตัวตนสักหน่อยเถอะ” ยื่นมือส่งแผ่นหยกให้แผ่นหนึ่ง
พอได้ยินชื่อหวงฝู่เยี่ยน หานลี่ก็โล่งอก รับแผ่นหยกของนายบ่าวที่ลงตราอิทธิฤทธิ์แล้วคค่อยคืนให้
หลังจากฮวาอี้เทียนยืนยันตัวตนของทั้งสองแล้ว ก็กล่าวขออภัย “ขออภัย เดิมทีควรจะมารอพวกเจ้าที่นี่ เมื่อครู่นี้มีธุระนิดหน่อย ทำให้พวกเจ้าลำบากแล้ว ตามข้ามา!”
เขาหันตัวมานำทั้งสองไปยังจุดตรวจสอบ ตะคอกใส่กลุ่มคนที่มาเข้าแถวรอรับการตรวจสอบข้างหน้า “หลีกทาง!”
พอกลุ่มคนหันกลับมาแล้วเห็นว่าเป็นเขา ก็ทยอยกันหลีกทางไปทางซ้ายและขวา มีบางคนเห็นฮวาอี้เทียนนำคนมาแทรกแถวข้างหลัง จึงทำเสียงฮึดฮัดแล้วบอกว่า “ผู้ตรวจการใหญ่ นี่ท่านกำลังใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตัวนะ!”
ฮวาอี้เทียนหันกลับมามองเขาแวบหนึ่ง คนคนนั้นหุบปากทันที ที่งานนี้มีกองทัพองครักษ์เฝ้าอยู่ จะไปล่วงเกินฮวาอี้เทียนทำไม ไม่อยากสนุกอยู่ในงานชุมนุมตระการตาแล้วเหรอ?
“ตรวจสอบพวกนางก่อน” พอเดินไปถึงสถานที่ตรวจสอบ ฮวาอี้เทียนก็บอกกับคนตรวจสอบอีกครั้ง เขาไม่มีเวลาว่างมาต่อแถวช้าๆ เป็นเพื่อนหญิงชู้ของหวงฝู่เยี่ยน ถ้าไม่ใช่เพราะคนทั่วไปหน้าไม่ใหญ่พอที่จะรับหน้าที่นี้ เขาก็ไม่ออกมารับคนเองเช่นกัน
นี่คือสิ่งที่ซ่างกวนชิงบอกกองทัพองครักษ์ไว้ล่วงหน้า ไม่อย่างนั้นฮวาอี้เทียนคงไม่ทำเรื่องประเภทนี้ ผู้มีอำนาจมากมายมารวมกัน ถ้าเกิดเรื่องขึ้นแล้วจะถือเป็นความรับผิดชอบของใคร?
จะเห็นได้ว่าการพาคนที่ไร้ฐานะมาด้วยนั้นยากเย็นขนาดไหน ไม่น่าเชื่อว่ายังต้องรบกวนผู้การใหญ่วังสวรรค์ถึงจะผ่านได้ จะเห็นได้เลยว่ากว่าหานลี่จะโน้มน้าวหวงฝู่เยี่ยนสำเร็จนั้นไม่ง่าย การจะพาหานลี่เข้ามาด้วยนั้นยุ่งยากจริงๆ ถ้าเปลี่ยนเป็นยามปกติ หวงฝู่เยี่ยนคงไม่มีทางมาขอร้องซ่างกวนชิงเรื่องนี้ พอดีว่าตู้เฉียวลูกน้องคนสนิทของซ่างกวนชิงอยู่ที่ตระกูลหวงฝู่พอดี หวงฝู่เยี่ยนกับตู้เฉียวสนิทกันมาก หวงฝู่เยี่ยนเผยข่าวนิดหน่อย เดิมทีตู้เฉียวไม่อยากรับปาก แต่เห็นแก่ที่อีกฝ่ายทำงานให้ตนมาหลายปี สุดท้ายก็บอกว่าจะผ่อนผันให้ครั้งนี้ครั้งเดียว ไม่อย่างนั้นหวงฝู่เยี่ยนจะกล้าเอ่ยปากกับซ่างกวนชิงตรงๆ ได้อย่างไร
ทัพเหนือรับหน้าที่เฝ้าที่นี่ ทหารที่ประจำอยู่ในงานและจุดตรวจสอบล้วนเป็นคนของกองทัพองครักษ์ ที่มาครั้งนี้ก็เป็นกำลังพลของฮวาอี้เทียนทั้งหมด แม้เขาจะมีอำนาจการตัดสินใจที่นี่ แต่ขั้นตอนที่ควรจะทำก็ต้องทำสักหน่อย
ผู้ตรวจสอบของกองทัพองครักษ์ถามชื่อของทั้งสอง ให้ทั้งสองลงตราอิทธิฤทธิ์ จากนั้นฮวาอี้เทียนก็ลงตราอิทธิฤทธิ์รับประกันถึงได้เสร็จขั้นตอน
จากนั้นฮวาอี้เทียนก็โบกมือเรียกแม้ทักคนหนึ่งเข้ามา ถ่ายทอดเสียงกำชับสองประโยค แล้วหันกลับมาบอกหานลี่ว่า “พวกเจ้าสองคนตามเขาไปเถอะ เขาจะเตรียมให้”
หานลี่ย่อมกล่าวขอบคุณ ก่อนจะไปหันกลับมามองคนมากมายที่ต่อแถว นับว่าได้สัมผัสรสชาติของการใช้อำนาจผ่านด่านแล้ว แต่พอนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ถูกสอบสวน ในใจนางก็หงุดหงิดมาก
“นี่มันเรื่องอะไร?” เมื่อเห็นหานลี่ผ่านด่านเข้าไปแล้ว พระปีศาจหนานโปที่คอยจ้องจากที่ไกลๆ ก็หันกลับมาถามจั่วเอ๋อร์ “หวงฝู่เยี่ยนที่เจ้าบอกล่ะ?”
จั่วเอ๋อร์แอบร้องในใจว่าแย่แล้ว นึกไม่ถึงว่าหวงฝู่เยี่ยนจะระวังตัวถึงขั้นนี้ ไม่ใช่แค่คาดเดาเส้นทางไม่ได้ ไม่น่าเชื่อว่าจะให้คนอื่นพาหานลี่เข้าไปด้วย แล้วจะหาโอกาสอย่างไรได้อีก? ปากก็พูดเอาตัวรอดไปว่า “หวงฝู่เยี่ยนคนนี้เจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว สงสัยคงต้องให้หานลี่หาทางพัวพันเขาไว้ตอนขากลับ”
“เจ้าแน่ใจนะว่าหวงฝู่เยี่ยนมาแล้ว?” เสียงหนานโปฟังดูเย็นเยียบ ถ้าคนไม่ได้มา แล้วจะกลับด้วยกันได้อย่างไร!
“หานลี่เข้าไปข้างในก็น่าจะยืนยันได้แล้ว ถึงตอนนั้นค่อยให้นางส่งข่าวมาบอก” จั่วเอ๋อร์ตอบอย่างอักอ่วน
แบบนี้แสดงว่าต้องการจะให้เขารออยู่ที่นี่ต่อไป หนานโปจ้องนางอย่างเย็นเยียบ
…………………