พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2030 งานชุมนุมตระการตา
สวย! สวยจนทำให้ใจคนหวั่นไหวเหมือนระลอกน้ำกระเพื่อม นี่คือความรู้สึกแรกตอนที่หานลี่เข้ามา
ตอนที่นางเข้ามาในงาน ซีกโลกฝั่งที่จัดงานเป็นเวลากลางคืนพอดี ตอนที่ยังอยู่บนฟ้าก็ถูกภาพจากพื้นกระทบสายตาแล้ว
มหาสมุทรกว้างใหญ่สว่างพร่างพราวทำให้คนรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกมายา ทะเลกว้างโอบล้อมเกาะที่สีสันตระการตา
ตรงบริเวณน้ำตื้นมีพืชประเภทสาหร่ายเรืองแสง บนแผ่นดินใหญ่ก็มีพืชพันธุ์เรืองแสงนานาชนิดเช่นกัน ราวกับเป็นโลกจินตนาการ ตอนที่มองลงมาจากท้องฟ้ายามค่ำคืน ก็สวยงามจนทำให้คนใจป่น ทั้งลักษณะพื้นภูมิราวกับเป็นหยดน้ำตาของเทพธิดา
เหาะลงมาจากฟ้า เหยียบลงบนยอดเขาหลากสีสัน หานลี่หันตัวช้าๆ สายตากำลังมองพืชพรรณเรืองแสงนานาชนิดโดยรอบอย่างเคลิบเคลิ้ม ดอกไม้สีสันสดใสที่สว่างพร่างพราวทำให้คนอดใจไม่ไหวอยากจะเข้าใกล้
บริเวณนี้ล้วนแบ่งไว้เป็นที่พักของตัวแทนจากสำนักใหญ่ๆ ตรงหน้าเป็นอาคารบ้านเรือนที่สร้างจากหินผลึกพิเศษวึ่งส่องสะท้อนกับพืชพรรณแปลกตานานาชนิด เดิมทียอดเขาลูกนี้จมอยู่ในทะเลครึ่งหนึ่ง ยอดเขานี้เป็นเกาะแห่งหนึ่ง แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นแผ่นดินใหญ่แล้ว
สิ่งปลูกสร้างบริเวณเขตทะเลที่งดงามตระการตาล้วนเป็นอย่างนี้ ล้วนเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ตำหนักสวรรค์จัดสรรให้ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชนชั้นสูงจำนวนมาก ในปีนั้นมีคนเสนอแนะในที่ประชุมขุนนาง แทบจะผ่านโดยไม่มีใครค้าน
และก่อนที่งานชุมนุมตระการตาจะเริ่ม ก็มีคนมาเก็บกวาดทำความสะอาดบ้านเรือนทั้งหมดไว้ เอาไว้รอรับแขกเท่านั้น
“ถึงแล้ว!” แม่ทัพที่นำทางมากล่าวเตือน แล้วบอกกับลูกน้องตรงประตูอีกว่า “แขกผู้เกียรติท่านนี้ ผู้ตรวจการใหญ่ฮวาให้พามาพบท่านบุรุษหวงฝู่”
ลูกน้องคนนั้นกล่าวขอบคุณที่เป็นธุระให้ แล้วกุมหมัดคารวะหานลี่อีก “ท่านบุรุษกำลังรอท่านอยู่ เชิญตามข้ามา”
พอเข้ามาในตึกศาลา หวงฝู่เยี่ยนก็กำลังพูดคุยกับพี่น้องตระกูลหวงฝู่พอดี หวงฝู่จวินโหรวก็อยู่ในนี้ด้วย หวงฝู่เยี่ยนก็คือท่านปู่ของนางนั่นเอง
หานลี่และสาวใช้ถูกพาเข้ามา หวงฝู่เยี่ยนหันกลับมายิ้ม แล้วกวักมือเรียกนางให้เข้ามา
หานลี่กัดริมฝีปากแดงกลม ดวงตาฉายแววสับสน ที่แท้ผู้ชายคนนี้ก็มาถึงก่อนแล้ว แต่กลับไม่ไปรับตน ทำให้ตนได้รับความอับอายอยู่ตรงจุดตรวจสอบ เห็นตนเป็นอะไร?
แต่ไม่นานนางก็เปลี่ยนใบหน้าเป็นรอยยิ้ม เดินมาย่อตัวคำนับตรงหน้าหวงฝู่เยี่ยน
หวงฝู่เยี่ยนลุกขึ้นยืน คว้ามือเรียวสวยของนาง แล้วแนะนำให้กลุ่มหลานๆ รู้สึก “หานลี่ ต่อไปพวกเจ้าเรียกนางว่าท่านย่าบุญธรรมก็แล้วกัน”
พอได้ยินแบบนี้ หานลี่ก็สบายใจขึ้นเล็กน้อย แม้จะไม่ให้ฐานะอะไรกับตน แต่การแนะนำตัวต่อหน้าคนในตระกูลแบบนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการยอมรับ
ลูกหลานตระกูลหวงฝู่มองหน้ากันเลิกลั่ก มีคนไม่น้อยเคยได้ยินชื่อผู้หญิงคนนี้มาก่อน เหมือนภูมิหลังจะมีจุดด่างพร้อย ไม่อาจแต่งงานเข้าตระกูลหวงฝู่ได้ ถูกเจ้าบ้านใหญ่เลี้ยงไว้นอกบ้านตลอด ไม่เคยแม้แต่แต่งงานรับเข้าบ้าน จะให้พวกเราเรียกว่าท่านย่าบุญธรรมเหมาะสมแล้วเหรอ? ดูท่าแล้วเจ้าบ้านใหญ่ยังคงคิดจะให้ผู้หญิงคนนี้เข้ามาในตระกูล
แต่กลุ่มลูกหลานก็ยังกุมหมัดทำความเคารพอย่างเชื่อฟัง “คำนับท่านย่าบุญธรรม!” หวงฝู่จวินโหรวก็รวมอยู่ในนั้นด้วย
หานลี่ย่อตัวทักทายกลับ
“จวินโหรว”หวงฝู่เยี่ยนกวักมือเรียกหวงฝู่จวินโหรว
หวงฝู่จวินโหรวก้าวขึ้นมารอฟังคำสั่งทันที หวงฝู่เยี่ยนสั่งว่า “นางอยู่ที่นี่ไม่คุ้นเคยกับใคร เจ้าสังคมกว้างขวาง ตอนที่ข้าไม่อยู่ เจ้าก็อยู่เป็นเพื่อนนางหน่อย”
“ค่ะ!” ในใจหวงฝู่จวินโหรวรู้สึกเซ็ง แต่ภายนอกก็ยังต้องยิ้มรับ ทั้งยังต้องยิ้มให้หานลี่ด้วย
ตอนนี้ท่านปู่มีสิทธิ์มีเสียงมากในตระกูล ตอนนี้นางเป็นผู้ช่วยระดับเขตของสมาคมวีรชนแล้ว ถ้าอยากจะรับช่วงตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ของมารดา ก็ยังต้องอาศัยแรงสนับสนุนจากท่านปู่
ที่จริงนางเองก็รู้สึกว่าไม่ค่อยมีหวังที่จะรับตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ต่อจากมารดา สาเหตุก็ไม่ใช่เพราะอย่างอื่น แม้ผู้หญิงตระกูลหวงฝู่จะไม่แต่งงานออก แต่บางตำแหน่งกลับให้ลูกสาวตัวเองนั่งได้เท่านั้น อาจจะไม่ให้หลานสาวนั่งก็ได้ ญาติสายตรงกับญาติที่ห่างกันหนึ่งชั้นนั้นแตกต่างกัน แม้มารดาจะพยายามช่วงชิงให้นางมาตลอด แต่นางก็ไม่ได้หวังมากเลยจริงๆ ผู้ช่วยระดับเขตอาจจะเป็นขีดจำกัดสูงสุดที่นางจะได้จากตระกูลหวงฝู่ ถ้าสูงกว่านี้อาจจะเป็นแค่ตำแหน่งพ่อบ้านของตระกูลแต่ในนามเท่านั้น
นางพึมพำในใจว่า ตัวเองไม่ได้มางานชุมนุมตระการตานานขนาดนี้ จู่ๆ ท่านปู่ก็เรียกให้นางมาด้วยกัน ที่แท้วุ่นวายอยู่ตั้งนานก็เพื่อเตรียมการให้ผู้หญิงคนนี้
พอเห็นว่าส่งหานลี่ให้หวงฝู่จวินโหรวแล้ว ลูกหลานคนอื่นในตระกูลก็ไม่ค่อยพอใจ การที่หานลี่คนนี้ถูกพามาที่นี่ได้ ก็เห็นได้ชัดว่าได้รับความโปรดปรานจากเจ้าบ้านใหญ่ ถ้าตีสนิทไว้จะต้องมีประโยชน์ต่อฐานะของตัวเองในตระกูลแน่นอน ทว่าหวงฝู่จวินโหรวก็มีเงื่อนไขเหมาะสม เจ้าบ้านใหญ่คงไม่ส่งหญิงชู้งามหยดย้อยคนนี้ผู้ชายคนอื่นหรอก กอปรกับหวงฝู่จวินโหรวเป็นผู้หญิงของตระกูลที่ยังไม่ได้แต่งงาน รู้จักคนในแวดวงต่างๆ เยอะมาก เหมาะสมที่จะให้อยู่เป็นเพื่อนพอดี ทำให้คนอื่นคัดคานไม่ได้
คนในตระกูลเห็นหวงฝู่จวินโหรวไม่ยอมแต่งงานเสียที ยังนึกว่าหวงฝู่จวินโหรวทะนุถนอมตัวเองเพื่อรับตำแหน่งของมารดาตัวเองต่อ แต่ใครเล่าจะรู้ถึงความขื่นขมในใจนาง ตอนนี้เหมียวอี้มีฐานะสูง ในมือมีกำลังทหารเยอะ ฐานะผู้จัดการใหญ่ของตระกูลหวงฝู่สามารถประกาศว่าเป็นผู้หญิงของเหมียวอี้ได้เหรอ? แค่เหมียวอี้สั่งคำเดียวก็ทำให้ร้านค้าของสมาคมวีรชนทั้งตลาดสวรรค์เสียหายอย่างหนักได้แล้ว ช่วยไม่ได้ ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเหมียวอี้ไม่มีทางเปิดเผยได้เลย
หลังจากกำชับพักหนึ่ง หวงฝู่เยี่ยนก็พาหานลี่ไปที่ห้องของตัวเอง ส่วนทั้งสองจะไปทำอะไร ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนรุ่นหลานต้องสนใจแล้ว
หลังจากพวกหลานๆ แยกย้าย หวงฝู่จวินโหรวที่กลับเข้ามาในห้องตัวเองก็ได้รับข้อความผ่านระฆังดารา มีคนชวนนางไปเที่ยวเล่นด้วยกัน นางเห็นว่าหานลี่เย้ายวนขนาดนั้น ขนาดผู้หญิงด้วยกันเห็นแล้วยังหวั่นไหว คาดว่าคืนนี้ท่านปู่คงไม่ต้องให้ตนอยู่เป็นเพื่อนหานลี่นั่นแล้ว นางจึงออกไปหาเพื่อนเล่นข้างนอก
สมาชิกครอบครัวของจวนจอมพลสายเถาะใช้เวลาวันเดียวก็มาถึงแล้ว ตำแหน่งที่พักของตระกูลผังย่อมไม่ธรรมดา อยู่ในทำเลที่ค่อนข้างดี
บนตึกศาลาสวยงดงาม คนในตระกูลผังหลายร้อยกำลังคึกครื้น ส่วนใหญ่ล้วนเป็นสตรี
แม้ผังก้วนจะมีอนุภรรยาสิบกว่าคน แต่จาหรูเยี่ยนก็ค่อนข้างใช้อำนาจบาตรใหญ่ อนุญาตให้สามีแต่งงานรับอนุภรรยาได้ แต่เรื่องให้กำเนิดทายาทนางเหมาไปคนเดียว ไม่ให้โอกาสผู้หญิงคนอื่นเลย ลูกชายสองคนกับลูกสาวสองคนของผังก้วนล้วนเกิดจากจาหรูเยี่ยน ดังนั้นตำแหน่งของจาหรูเยี่ยนที่ตระกูลผังจึงมั่นคงมาก ถ้าผู้หญิงคนไหนกล้าเป็นภัยคุกคามกับตำแหน่งของนาง ก็ต้องถามลูกๆ ของนางก่อนว่าย่อมหรือเปล่า
ที่นี่นอกจากผู้หญิงกับลูกสาวของผังก้วนแล้ว ก็มีแค่ผู้หญิงของลูกชายผังก้วน แม้ลูกชายสองคนจะยังไม่ได้แต่งงานมีภรรยาเอก แต่การรับอนุภรรยากลับไม่เคยขาด
จาหรูเยี่ยนนั่งสง่าอยู่เบื้องสูง ข้างซ้ายและขวาเป็นลูกสาวสองคน
ทอดสายตามองไปมีแต่ผู้หญิง ไม่เห็นผู้ชายสักคน จาหรูเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะกลุ้มใจ ลูกชายทั้งสองไม่ยอมมาด้วย การเที่ยวเล่นแบบนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจ กลายเป็นเรื่องน่าเบื่อล้าหลังตั้งนานแล้ว หมดความน่าสนใจเหมือนคนแก่อย่างพวกเขา
มีอยู่สิ่งหนึ่งที่จำเป็นต้องยอมรับ แม้จาหรูเยี่ยนจะไม่ได้เรื่องสักเท่าไร แต่ลูกสาวลูกชายแต่ละคนกลับไม่แย่เลย ในบรรดาลูกหลานขุนนางชั้นสูง ลูกๆ นางเป็นประเภทมีความสามารถโดดเด่น แบ่งเบาภาระของผังก้วนได้ตั้งนานแล้ว คนหนึ่งเป็นหัวหน้าภาคที่มีอำนาจทางทหาร อีกคนก็เป็นแม่ทัพภาคที่มีอำนาจทางทหารเช่นกัน และทั้งสองก็มีตำแหน่งลอยอยู่ข้างกายผังก้วนด้วย ค่อนข้างมีความสามารถ นี่คือเรื่องที่ผังก้วนภูมิใจ ทำให้ผังก้วนไม่กังวลเรื่องผู้สืบทอด
เรื่องบางเรื่องแม้แต่ผังก้วนเองก็สงสัย นั้นก็คือนิสัยของฮูหยินเป็นแบบนั้น ทำไมถึงสั่งสอนลูกแต่ละคนได้ดีมาก ขณะที่ปลื้มอกปลื้มใจก็มีแต่จะนึกว่าเป็นเพราะได้รับกรรมพันธุ์ดีๆ มา ล้วนเป็นกรรมพันธุ์ที่ดีของตน
หารู้ไม่ว่าลูกชายลูกสาวของตัวเองนั้นรับรู้ถึงพฤติธรรมอันไม่เหมาะสมของมารดาอย่างลึกซึ้ง จึงใช้มารดาเป็นตัวอย่างด้านลย บีบให้พวกเขากลายเป็นอย่างนี้
ผังอวี้เหนียงในเวลานี้กลับหลงระเริงปล่อยตัว ถึงขนาดดื่มสุราจากกาเต็มที่ ดื่มจนเมามายเล็กน้อย
จาหรูเยี่ยนเอียงหน้ามองมา ยื่นมือไปแย่งกาสุรา ทำสายตาดุจ้องผังอวี้เหนียง แล้วตำหนิว่า “มีลูกสาวบ้านไหนเป็นอย่างเจ้ามั้ย?”
ผังอวี้เหนียงดื่มจนเรอ หัวเราะคิกคักขณะมองมารดาตัวเอง
“เจ้านี่นะ…” จาหรูเยี่ยนอยากจะด่า แต่สุดท้ายก็ทำสีหน้าสงสาร ด่าไม่ออก ลูกสาวที่แสนดีของนางกลายเป็นอย่างดีไปได้ นางเองก็เข้าใจถึงความเก็บกดขื่นขมในในลูก ล้วนเป็นเพราะหวังลั่ว น่าสับสักพันชิ้นหมื่นชิ้น
“ท่านแม่!” ผังเสี้ยวเสี้ยวที่อยู่ข้างๆ ดึงแขนเสื้อมารดา
พอหันกลับมามองลูกสาวคนเล็กของตัวเอง จาหรูเยี่ยนก็ทำสีหน้าปลาบปลื้มอีกครั้ง พบว่าพอลูกสาวตัวเองแต่งงานแล้วเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน เรียกได้ว่าสดใสเปล่งประกาย เปลี่ยนเป็นสวยขึ้นกว่าเดิม จะเห็นได้ว่าลูกเขยจอมเอาเปรียบนั่นไม่ได้ปฏิบัติต่อลูกสาวนางไม่ดี
สิ่งเดียวที่ทำให้นางรำคาญใจก็คือ นางไม่สามารถโอ้อวดต่อภายนอกได้ว่าหนิวโหย่วเต๋อคือลูกเขยของนาง แต่พอคิดไปคิดมา ตอนนี้ยังไม่บอกก็ไม่เป็นไร ตอนนี้ลูกสาวนางเป็นอนุภรรยา รอให้หนิวโหย่วเต๋อได้เป็นจอมพลแล้ว รอให้ลูกสาวนางกลายเป็นฮูหยินเอก ถึงตอนนั้นค่อยประกาศก็จะดูมีหน้ามีตากว่า
บางทีอาจจะนึกอะไรขึ้นได้ จู่ๆ ก็มีคนมารายงานว่า “ฮูหยิน นายท่านหวังลั่วขอพบ!”
เสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วตรงนั้นเงียบลงทันที ทุกคนต่างมองไปที่ผังอวี้เหนียงเงียบๆ แต่กลับเห็นผังอวี้เหนียงทำสีหน้าปกติ
จาหรูเยี่ยนทำสีหน้าเย็นเยียบลงทันที แต่ถ้าไม่ไปพบก็คงไม่เหมาะ จึงขานรับแล้ว
ผ่านไปครู่เดียว ชายวัยกลางคนหนวดยาวรูปร่างกำยำเหมือนหมีก็เดินก้าวยาวเข้ามา คนคนนี้ก็คือหวังลั่ว ข้างหลังยังมีชายหนุ่มตามมาด้วยอีกสิบกว่าคน ล้วนเป็นแม่ทัพใต้สังกัดของหวังลั่ว
พอหวังลั่วเข้ามาในตึกศาลาก็มองไปที่ผังอวี้เหนียงทันที พอเดินไปถึงตรงกลางแล้วถึงได้มองจาหรูเยี่ยน จากนั้นก็ทำลูกน้องกุมหมัดคารวะ “ข้าน้อยคำนับฮูหยิน!”
“มีธุระอะไรเหรอ?” จาหรูเยี่ยนถามด้วยสีหน้าเย็นชา
หวังลั่วตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ได้ยินว่าฮูหยินอยู่ที่นี่ มีหรือที่จะเสียมารยาทไม่มาทักทาย ที่แท้คุณหนูใหญ่ก็อยู่ด้วย หวังลั่วทักทาย” ตั้งใจกุมหมัดคารวะผังอวี้เหนียง
ผังอวี้เหนียงที่ดื่มจนตาเคลิ้มพยักหน้า
จาหรูเยี่ยนกล่าวเสียงเย็นราวกับน้ำแข็ง “ทักทายก็ทักทายแล้ว ที่นี่มีสมาชิกครอบครัวผู้หญิง ท่านขุนพลใหญ่ไม่เหมาะจะอยู่ตรงนี้”
หวังลั่วมองกลุ่มผู้หญิงที่พูดคุยกันอยู่รอบๆ พบว่าเป็นอย่างนี้จริงๆ จึงกุมหมัดคารวะอีกครั้งทันที “พวกข้าน้อยขอตัว!” ก่อนจะออกไป สายตายังไม่ยอมละออกจากผังอวี้เหนียง
ผู้ชายกลุ่มหนึ่งเดินออกจากแหล่งที่เต็มไปด้วยเครื่องประทินโฉมสตรี พอออกมานอกลานบ้าน หวังลั่วก็โบกมือเรียกลูกน้องคนหนึ่งให้เข้ามา แล้วถ่ายทอดเสียงบอกว่า “เจ้าเลือกคนมาสักสองคนให้เฝ้าตรงนี้ไว้ ถ้ามีความเคลื่อนไหวอะไรก็รายงานข้าทันที”
“เข้าใจแล้วขอรับ!” ลูกน้องคนนั้นเอ่ยรับด้วยรอยยิ้ม ย่อมรู้อยู่แล้วว่าจะให้ตัวเองจับตาดูผังอวี้เหนียง จะได้หาโอกาสสารภาพความในใจได้สะดวก
“ไป ดื่มสุรา!” หวังลั่วเรียกคนอื่นๆ ไปกับเขา
ผังอวี้เหนียงที่อยู่ในตึกศาลาเหมือนหมดความสนใจกับความคึกคักตรงนี้แล้ว นางบอกจาหรูเยี่ยนว่า “ท่านแม่ ข้านัดสหายไว้ ไปก่อนนะ”
จาหรูเยี่ยนถามทันที “ชายหรือหญิง?” นางเฝ้าคอยให้มีชายผู้กล้าหาญมาหาลูกสาวตัวเอง แน่นอนว่ายกเว้นหวังลั่ว เพราะนั่นคือสายลับที่ฮ่าวเต๋อฟางมาแทรกไว้ข้างกายสามีนาง
ผังอวี้เหนียงกลอกตาแล้วตอบว่า “หวงฝู่จวินโหรว”
ช่างเป็นคนประเภทเดียวกันจริงๆ สาวแก่ใกล้ขึ้นคานสองคนนี้มาคบกันได้อย่างไร? จาหรูเยี่ยนพึมพำในใจ อดไม่ได้ที่จะผิดหวัง เห็นท่าทางเมามายของลูกสาว กลัวว่าจะก่อเรื่องเหลวไหล จึงหันมาบอกผังเสี้ยวเสี้ยวว่า “เจ้าไปเป็นเพื่อนพี่สาว ไปคอยดูแลนางหน่อย”
…………………