พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2034 พระปีศาจทำสำเร็จ
พอกลับมาถึงที่พักของตระกูลหวงฝู่ นางก็เข้าไปหลบในห้องนอนตัวเองทันที แล้วหยิบระฆังดารามาติดต่อเหมียวอี้ ถามไปตรงๆ เลยว่า : เป็นแผนการของเจ้าใช่มั้ย?
เหมียวอี้ที่อยู่ในจวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาล พอได้ยินคำถามนี้ก็เดาออกแล้วว่าเกิดเรื่องขึ้น เขาถามว่า : ข้าวางแผนอะไร?
ยังจะหลอกข้าอีก? ไฟโกรธสุมเต็มอกหวงฝู่จวินโหรวทันที ถามอย่างโมโหว่า : เรื่องที่หวังลั่วล่วงเกินผังอวี้เหนียง เจ้ากล้าพูดมั้ยว่าเจ้าไม่ได้วางแผน?
เหมียวอี้ตระหนักได้ทันทีว่าผังก้วนวางอุบายแล้วจริงๆ เขาหันกลับไปมองหยางชิ่งที่อยู่ข้างๆ แวบหนึ่ง เจ้าหมอนี่คำนวณล่วงหน้าได้แม้กระทั่งเรื่องนี้ ไม่รู้จริงๆ ว่าสมองเติบโตมาอย่างไร ยังดีที่ไม่ได้ยืนอยู่ตรงข้ามกับฝ่ายตนไม่อย่างนั้นต้องกำจัดทิ้งแน่นอน!
กับเรื่องบางเรื่อง หลังจากพูดออกมาแล้วหรือตีแผ่ออกมาให้เห็นตรงหน้าแล้วก็อาจรู้สึกว่าธรรมดา แต่ในความเป็นจริง ใช่ว่าทุกคนจะสามารถสืบเจอผลลัพธ์ได้จากเบาะแสที่คลุมเครือ นี่ก็คือความแตกต่างระหว่างมนุษย์ อย่างน้อยก่อนหน้านี้เหมียวอี้ก็นึกไม่ถึงว่าผังก้วนจะวางอุบายกับลูกสาวตัวเองแล้วจริงๆ
หยางชิ่งมองหน้าเขาตรงๆ เมื่อเห็นสถานการณ์ดังนั้น ก็ลองถามว่า “หรือว่าที่งานชุมนุมตระการตาเกิดเรื่องแล้วจริงๆ?”
เหมียวอี้พูดไม่ออก สีหน้าของข้ายังแสดงออกไม่ชัดเจนอีกเหรอ? เขาตอบอย่างไม่แน่ใจ “อาจจะใช้ ตอนนี้กำลังยืนยัน”
ฝั่งหวงฝู่จวินโหรวเค้นถาม : ทำไมไม่พูด กินปูนร้อนท้องใช่มั้ย?
เหมียวอี้ตอบว่า : ข้ามีอะไรให้กินปูนร้อนท้อง เรื่องที่หวังลั่วล่วงเกินผังอวี้เหนียง เจ้ารู้เรื่องมากเท่าไร บอกข้าหน่อย
หวงฝู่จวินโหรว : อย่ามาเสแสร้งต่อหน้าข้า เป็นผลงานของเจ้าแท้ๆ เจ้าจะไม่รู้ชัดเชียวเหรอ?
เหมียวอี้ : เจ้าเข้าใจผิดแล้ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าจริงๆ
หวงฝู่จวินโหรว : งั้นเชิญเจ้าอธิบายมา ทำไมก่อนหน้านี้ถึงให้ข้ารักษาระยะห่างกับผังอวี้เหนียง อย่าบอกเชียวนะว่าบังเอิญ!
เหมียวอี้ : จวินโหรว เจ้าอย่าพาลหาเรื่องได้มั้ย! บางเรื่องข้าก็อธิบายให้เจ้าฟังไม่ได้ ข้าบอกได้แค่ว่า มีหลายเรื่องที่ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เจ้าเห็นภายนอก รอให้เจ้าตำแหน่งสูงเท่าข้าแล้วจะเข้าใจเอง ข้าบอกความจริงให้เจ้ารู้ก็ได้ ว่าเรื่องนี้ข้าไม่ได้เป็นคนวางแผน ข้าเองก็ไม่รู้ด้วยว่าวันนี้จะเกิดเรื่องขึ้น แต่จากข่าวที่ข้ารู้มา ข้าก็สงสัยล่วงหน้าแล้วว่าที่งานชุมนุมตระการตาอาจจะเกิดเรื่อง เลยกังวลความปลอดภัยของเจ้า ถึงได้บอกให้เจ้าหลบเลี่ยงไป ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น ข้าไม่เปิดเผยข่าวนี้หรอกนะ
ประโยคสุดท้ายทำให้หวงฝู่จวินโหรว ถามว่า : เจ้าไม่ได้ทำจริงเหรอ?
เหมียวอี้ : ข้าจะบอกเจ้าอีกครั้ง ข้าไม่ได้วางแผนเรื่องนี้ เจ้าได้โปรดใช้สมองคิดหน่อยได้มั้ย ถ้าข้าวางแผนเรื่องนี้ ข้าก็ต้องรู้สถานการณ์ในที่เกิดเหตุชัดเจนสิ ถ้าข้ารู้ล่วงหน้าว่าเจ้าอยู่ที่นั่น ก็ไม่ต้องให้เจ้ามาบอกข้าหรอก ข้าคงให้เจ้าหลบเลี่ยงไปตั้งนานแล้ว ไม่รอให้เรื่องมาจ่อตรงหน้าก่อนแล้วค่อยบอกให้เจ้ารู้หรอก
หวงฝู่จวินโหรวเงียบไป นับว่าเชื่อเขาแล้ว แต่ปากก็ยังพูดอย่างไม่เกรงใจ : หวังว่าที่เจ้าพูดจะเป็นเรื่องจริง ถ้าเจ้ากล้าใช้วิธีการต่ำช้าอย่างนั้น ก็ทำให้ข้าผิดหวังเกินไปแล้ว ทำให้ข้าท้อใจด้วย!
เหมียวอี้ : เลิกบ่นได้แล้ว เล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงนั้นให้ข้าฟังหน่อย
ดังนั้นหวงฝู่จวินโหรวจึงเล่าเรื่องที่ตัวเองรู้ให้ฟัง
เหมียวอี้ฟังจบแล้วแอบทอดถอนใจ ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เข้ามายุ่งเรื่องนี้แล้วทำให้แผนการของผังก้วนพังหรือเปล่า เขาถามว่า : ข้าเตือนให้เข้าหลบไปแล้วไม่ใช่เหรอ? เจ้ายังจะเข้าไปประสมโรงทำไมอีก?
หวงฝู่จวินโหรว : ผังอวี้เหนียงเป็นสหายข้ามาหลายปีแล้ว ก็เจ้าพูดไม่ชัดเจนเอง จะไม่ให้ข้าสงสัยก็คงยาก หรือเจ้าจะให้ข้าทนดูสหายตัวเองโดนล่วงเกินแล้วไม่สนใจ? ถ้าข้าเป็นคนอย่างนั้น เจ้าจะยังชอบข้ามั้ยล่ะ?
เหมียวอี้ : จวินโหรว เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เจ้าเห็น บางเรื่องเจ้าก็เข้ามาแทรกแซงไม่ได้ บางเรื่องขนาดตระกูลหวงฝู่ของเจ้ายังรับผิดชอบไม่ไหว นับประสาอะไรกับเจ้า เข้าใจหรือยัง?
หวงฝู่จวินโหรว : หมายความว่าเรื่องนี้มีเบื้องลึก เรื่องเป็นยังไงกันแน่ แล้วใครวางแผน?
เหมียวอี้ : จวินโหรว ข้าจะบอกเจ้าอีกครั้งนะ อย่าเข้ามายุ่งเรื่องนี้ อีกไม่นานเจ้าก็จะรู้ความจริงเรื่องนี้เอว อดทนรอเถอะ ถึงตอนนั้นเจ้าย่อมเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร เอาเป็นว่าเชื่อฟังข้า ตั้งแต่นี้ไปเจ้าต้องหลบเลี่ยงเรื่องนี้!
หลังจากทั้งสองติดต่อกันเสร็จแล้ว เหมียวอี้ก็บอกหยางชิ่งด้วยน้ำเสียงปกติว่า “ตอนที่เกิดเรื่อง ผังเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่แผนของผังก้วนอาจจะมีช่องโหว่นิดหน่อย…”
หลังจากได้ฟังว่าเรื่องราวดำเนินการไปอย่างไร หยางชิ่งก็พยักหน้าบอกว่า “ขอเพียงหวังลั่วไม่ได้ตายตรงที่เกิดเหตุ ปัญหาก็ไม่น่าจะใหญ่โตมาก ขั้นต่อไปผังก้วนคงจะไปเอาเรื่องฮ่าวเต๋อฟาง จากนั้นผังก้วนก็มีข้ออ้างให้รวบรวมลูกน้องเพื่อลงมือแล้ว คนทั้งใต้หล้าต่างก็รู้ว่าฮ่าวเต๋อฟางขาดคุณธรรมก่อน ถ้าเขาจะก่อกบฏก็สมเหตุสมผลแล้ว ไม่แน่ว่าอาจกระตุ้นให้อยากวางแผนด้วยก็ได้ สละลูกสาวหนึ่งคนแต่ได้ผลประโยชน์กลับมามากขนาดนี้ นับว่าไม่ขาดทุน!” พูดจบก็ทำเสียงฮึดฮัด ทำสีหน้าเหยียดหยาม
จวนจอมพลสายเถาะ ผังก้วนที่อยู่เงียบๆ ในห้องหนังสือมีสีหน้ามืดครึ้ม กำหมัดแน่นสองข้าง ไม่ว่าเขาจะเป็นคนวางแผนเรื่องที่งานชุมนุมตระการตาหรือไม่ แม้ลูกสาวจะไม่ได้ถูกย่ำยี แต่ได้รับความอัปยศอดสูแน่นอน ในใจเขากำลังตำหนิตัวเองในฐานะบิดา
เขาเองก็นึกไม่ถึงว่าหวงฝู่จวินโหรวจะโผล่มาป่วนแผน แต่ในความโชคร้ายก็มีความโชคดี นั่นก็คือหวังลั่วหนีไปได้ทันที ถ้าเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นแล้วตายด้วยน้ำมือกองทัพองครักษ์ แผนของเขาก็จะพังโดยสิ้นเชิง สิ่งที่ลูกสาวสละไปก็นับว่าไม่ได้เสียเปล่า!
เฉินหวยจิ่วเงียบงันอยู่ข้างๆ เขาเข้าใจความรู้สึกผังก้วน
ผังก้วนที่กำหมัดแน่นอยู่นานเริ่มคลายหมัดออก ถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง แล้วบอกว่า “ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่งานชุมนุมตระการตาต่อแล้ว บอกให้ฮูหยินกลับมา!”
ในตอนนี้พวกจาหรูเยี่ยนกลับมาอยู่ในที่พักของตระกูลผังชั่วคราว
ตระกูลผังมีคนมาก กองทัพองครักษ์ยังถามถึงสถานการณ์ที่เกี่ยวของไม่เสร็จ แต่คำนึงถึงว่ารอบๆ มีคนอยู่เยอะเกินไป ทำให้คนของตระกูลผังสีหน้าไม่สู้ดี จึงทำได้เพียงไปสืบถามต่อที่ลานบ้านของตระกูลผัง
เพียงแต่มีคนไม่น้อยเคลื่อนไหวอยู่นอกลานบ้านตระกูลผังลานบ้าน หวงฝู่เยี่ยนเองก็เป็นหนึ่งในนั้น กำลังเฝ้าดูความคืบหน้าของเรื่องนี้ ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
อาจจะมีชนชั้นสูงไม่น้อยนำลูกหลานผู้หญิงมาแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ แต่ลูกสาวของจอมพลก็คือลูกสาวของจอมพล ฐานะของนางก็เห็นๆ กันอยู่แล้ว ผลกระทบที่ตามมาไม่เหมือนลูกสาวจากตระกูลทั่วไป เรื่องแบบนี้ถ้าไม่ระวังนิดเดียวก็อาจทำให้รูปแบบสถานการณ์ในใต้หล้าเปลี่ยนแปลงได้ มีหรือที่เขาจะไม่สนใจเรื่องนี้
ในป่าที่อยู่ไม่ไกล หนานโปกลับจ้องเงาหลังหวงฝู่เยี่ยนพร้อมถ่ายทอดเสียงถามว่า “คนนั้นใช่หวงฝู่เยี่ยนหรือเปล่า?”
หานลี่ที่อยู่ข้างๆ พยักหน้า “เป็นเขา”
เมื่อมีคนในอย่างหานลี่คอยสนับสนุน ถ้าหนานโปอยากจะหาหวงฝู่เยี่ยนให้พบก็ย่อมไม่ใช่เรื่องยากอะไร
เมื่อยืนยันเป้าหมายได้แล้ว หนานโปก็เอียงหน้าบอกใบ้ หานลี่หลบเลี่ยงออกไปจากตรงนั้นทันที
เมื่อรอบข้างไม่มีคนแล้ว หนานโปก็ประนมมือ ใช้วิธีการถ่ายทอดเสียงสวดมนต์รคร่าชีวิตใส่หวงฝู่เยี่ยน “มีมานีโอม…”
รอจนกระทั่งเขาวางมือลง หวงฝู่เยี่ยนก็หันตัวมาช้าๆ แล้วเช่นกัน ถลันตัวเหาะไปข้างกายเขา แล้วทั้งสองก็หายไปในจุดลึกของป่าพร้อมกัน หาถ้ำแห่งหนึ่งแล้วเข้าไปในนั้น
พอเข้ามาในถ้ำแล้ว วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของหนานโปก็ออกจากร่าง เงาร่างที่มีแสงสีทองหายเข้าไปในร่างของหวงฝู่เยี่ยน
หลังจากนั้นพักใหญ่ วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของหนานโปก็ออกจากร่างกายหวงฝู่เยี่ยน หวงฝู่เยี่ยนนั่งขัดสมาธิด้วยสีหน้าเหม่อลอย หนานโปขยุ้มนิ้วไปทางยอดศีรษะของเขา เส้นด้ายสีทองห้าเส้นเลื้อยเจาะเข้าไปในสมองของเขาราวกับเป็นตัวพยาธิ…
ตอนที่ออกจากมาถ้ำ หวงฝู่เยี่ยนก็กลับไปยังที่พักของตระกูลหวงฝู่ก่อนชั่วคราว
ส่วนหนานโปก็หยิบระฆังดาราติดต่อกับจั่วเอ๋อร์ที่อยู่ข้างนอก หลังจากแน่ใจว่าโลกภายนอกกลับมาเป็นปกติแล้ว เขาก็ไปเฝ้าอยู่นอกลานบ้านที่พักของตระกูลผังทันที เขาเดาว่าคนตระกูลผังคงจะไม่อยู่ที่นี่นาน
เป็นอย่างที่เขาคาดไว้ รออยู่ไม่นาน คนของตระกูลผังก็ออกมาแล้ว จาหรูเยี่ยนเองก็แต่งหน้าทาแป้งแล้วเช่นกัน แต่ใบหน้านิ่งตึง นำคนกลุ่มหนึ่งเหาะจากไป
ส่วนหนานโปก็เฝ้าอยู่นอกเรือนพักราวกับเป็นบ่าวไพร่ของตระกูลผัง จากนั้นก็ตามคนกลุ่มนี้เหาะขึ้นฟ้าไปท่ามกลางสายตาฝูงชน ทั้งยังมองไปรอบๆ ทำท่าทางเหมือนคอยเฝ้าระวังข้างหลังให้
ตอนนี้คนตระกูลผังไม่มีใครสนใจว่าข้างหลังยังมีคนคนนี้ตามมา
ที่ดินแดนตระการตามีคนไม่น้อยมองส่งคนพวกนี้จากไป สำหรับคนอื่นที่มาร่วมงานนี้ การที่พวกจาหรูเยี่ยนกลับไปก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้ว ตระกูลผังยังจะมีกะจิตกะใจเที่ยวเล่นต่อได้อย่างไร พวกผู้หญิงที่ยามปกติไม่พอใจพฤติกรรมทำตัวเด่นของจาหรูเยี่ยนกลับแอบหัวเราะเยาะ เห็นเรื่องตลกของจาหรูเยี่ยนแล้วจะไม่ขำได้หรือ? ต่อไปนี้ยามอยู่ต่อหน้าพวกนาง จาหรูเยี่ยนก็เงยหน้าไม่ขึ้นแล้ว
ข้างนอกไม่มีใครดักตรวจสอบคของตระกูลผัง เผชิญกับเรื่องแบบนี้แล้ว จะตรวจสอบต่อไปก็จะตกเป็นที่ต้องสงสัยว่ารังแกกันเกินไป กลัวว่าจะยั่วโมโหตระกูลผัง
ไม่น่าเชื่อว่าหนานโปจะติดตามคนของตระกูลผังออกจากดาวดำเนินธาราไปได้อย่างสง่าผ่าเผยแล้ว ความกล้าหาญนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ท่ามกลางสายตาฝูงชน มีใครบ้างที่กล้าทำอย่างนี้ตอนนี้มีกำลังทหารมากมายเฝ้าอยู่ ถ้าผิดพลาดนิดเดียวก็อาจเผยพิรุธได้ สงบนิ่งเยือกเย็นใช้ได้เลย คนนอกมองไม่เห็นความผิดปกติเลยสักนิด
พอออกจากดาวดำเนินธารา ตระกูลผังก็เรียกรวมกำลังพลที่คอยอารักขา เขาถึงขั้นออกมาจากกำลังพลของตระกูลผังท่ามกลางสายตาทุกคน เหาะไปเหยียบลงตรงที่พักของพวกจั่วเอ๋อร์โดยตรง
การกระทำนี้ทำให้จั่วเอ๋อร์ตกใจ แต่เขากลับเหมือนไม่เป็นอะไร มาเหยียบลงข้างกายพวกจั่วเอ๋อร์ แล้วถ่ายทอดเสียงบอกจั่วเอ๋อร์ว่า “ไปกันเถอะ!”
จั่วเอ๋อร์อกสั่นขวัญแขวนเล็กน้อย มีคนมากมายกำลังมองมาทางนี้ ไปตอนนี้จะเหมาะสมหรือ? นางถามว่า “ผู้อาวุโสสืบเจอเรื่องเจียงอวิ๋นจากหวงฝู่เยี่ยนหรือเปล่า?”
หนานโปตอบว่า “เรื่องของเจียงอวิ๋นเดี๋ยวค่อยว่ากัน เจ้าไม่ต้องตามเรื่องหวงฝู่เยี่ยนอีกแล้ว ตอนนี้ตู้เฉียว หนึ่งในลูกน้องคนสนิทของซ่างกวนชิงกำลังอยู่ที่ตระกูลหวงฝู่ เตรียมตัวจับตู้เฉียว หวังว่าจะสืบเรื่องสถานที่หลอมสมบัติได้จากตัวเขา ส่วนหานลี่นั่น เก็บไว้ไม่ได้!”
ตอนนี้หวงฝู่เยี่ยนมีความสำคัญต่อเขามาก เขาไม่อยากให้หานลี่เผยพิรุธอะไรจนต้องเสียหมากอย่างหวงฝู่เยี่ยน
“ข้าจะให้คนไปจัดการ” จั่วเอ๋อร์ตอบ
“เจ้าไม่ต้องยุ่งเรื่องนี้ เดี๋ยวจะมีคนจัดการให้อย่างสะอาดเรียบร้อย จะได้ไม่มีคนสงสัย ไปกันเถอะ!” หนานโปกล่าว
จั่วเอ๋อร์ทำได้เพียงเรียกคนกลุ่มหนึ่งเหาะออกไปด้วยกัน ตอนที่เหาะออกไป หนานโปหันกลับมามองดาวดำเนินธาราแวบหนึ่ง รู้สึกเสียดายเล็กน้อย ตอนนี้เขาสามารถทำให้ที่นี่เละเป็นโจ๊กได้เลย
เพราะว่าเขาทำอย่างนี้ไม่ได้ ตอนนี้อำนาจฝ่ายต่างๆ กำลังรับมือกับเขา ในบรรดาทหารที่ป้องกันมีคนไม่น้อยที่ปิดประสาทการได้ยินและจิตสำนึกแล้ว ไม่สามารถควบคุมทุกคนได้ในเวลาเดียวกัน ถ้าก่อเรื่องขึ้นมาจะต้องมีข่าวหลุดแน่นอน อาณาเขตดาวคืนนี้ก็จะถูกปิดทันที แบบนั้นก็ไม่รู้แล้วจริงๆ ว่าจะได้หนีออกจากที่นี่ไปเมื่อไหร่
สิ่งที่เขาเสียดายจริงๆ ก็คือ ที่นี่มีขุนนางระดับสูงอยู่ไม่น้อย น่าเสียดายที่วิชาควบคุมของเขาไม่สามารถควบคุมคนจำนวนมากเกินไปได้ ถ้าวรยุทธ์ต่ำก็สามารถควบคุมได้บางส่วน แต่ถ้าเจอคนที่วรยุทธ์เหมือนหวงฝู่เยี่ยน เขาก็สามารถควบคุมได้แค่คนเดียว ยิ่งไปกว่านั้น เดิมทีเขาก็ควบคุมจางผิงเอาไว้ติดต่อกับเหมียวอี้แล้วคนหนึ่ง ไม่มีพลังจะควบคุมคนจำนวนมากกว่านี้อีกแล้ว
วิชาควบคุมของเขาได้มาจากตอนโดนขังอยู่ที่สถานที่ผนึกหลายปี ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือกรอกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองเข้าไปในร่างกายของเป้าหมาย แล้วใช้ความคิดของตัวเองควบคุมความคิดของเป้าหมายเอาไว้ แล้วให้ทำงานตามความคิดของเขา วิชานี้ส่งผลกระทบต่อวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขามาก ถึงอย่างไรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่สามารถแยกออกมาได้อย่างไรขีดจำกัด ครั้งก่อนตอนถูกเหยียนซิวแก้วิชา เขาก็โดนพลังย้อนทำร้าย ต้องพักฟื้นพักใหญ่กว่าจะหายดี
และเมื่อเผชิญกับคนที่มีวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งกว่าเขา วิชาควบคุมนี้ก็ไม่ได้ผลเลย แน่นอน ตอนนี้ยังใต้หล้ายังไม่ปรากฏคนที่มีวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งกว่าเขา
ดังนั้น ตอนนี้เขาทำได้เพียงควบคุมคนที่จำเป็นต้องควบคุมมากที่สุด การได้กายหยาบกลับมาต่างหากที่เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ขอเพียงได้ฟื้นพลังกลับมาแล้ว เวลาไปไหนก็ไม่ต้องวิตกกังวลว่าจะโดนจับ จะได้ทำเรื่องต่างๆ ได้มากกว่านี้อย่างเต็มที่ และสำหรับเขา การควบคุมหวงฝู่เยี่ยนก็ไม่ต่างอะไรกับการมีกำลังส่วนหนึ่งของสมาคมวีรชนไว้ในมือ
…………