พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2035 ชี้แจง
การจากไปของตระกูลผัง ไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ในการเที่ยวเล่นที่งานชุมนุมตระการตาของคนส่วนใหญ่ กลับมีเรื่องให้พูดคุยกันมากขึ้นด้วยซ้ำ
สำหรับชายหญิงที่ยังไม่ได้แต่งงาน งานชุมนุมตระการตาที่จัดทุกร้อยปีก็คือโอกาสที่จะได้พลอดรักหาความสำราญ ถึงอย่างไรโอกาสที่ชนชั้นสูงในใต้หล้าจะมารวมตัวกันมากขนาดนี้ก็มีไม่บ่อย
ในเรื่องที่ผังอวี้เหนียงประสบพบเจอ บางคนก็สงสารบางคนก็เห็นเป็นเรื่องน่าขบขัน ยังมีชายโสดหญิงโสดอยู่จำนวนหนึ่งที่ไม่สนใจอะไร
แม้ก่วงเม่ยเอ๋อร์จะบอกว่ามันดำไม่มีทางมาหาลูกเขยที่นี่ แต่สำหรับชายหญิงส่วนใหญ่แล้ว ไม่ได้ตั้งคุณสมบัติไว้สูงเหมือนจวนอ๋องสวรรค์ก่วง ถ้าตัดข้อนี้ออกไป เวลานี้ก็เป็นโอกาสดีที่จะพลอดรักหาความสำราญ ชายหญิงมารวมตัวอยู่ด้วยกัน เรื่องผิดประเพณีก็เกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ ผู้ชายบางคนอยากจะเอาใจลูกสาวของเจ้านาย และมีผู้หญิงบางคนที่กึ่งยินยอมกึ่งผลักไสลูกชายของเจ้านายตัวเอง คู่นกยวนยางป่าก็มีมากมาย ไม่เหมือนผังอวี้เหนียงที่ทำท่าจะเป็นจะตายให้ได้
ไม่เหมือนสมาชิกในครอบครัวขุนนางที่เอ้อระเหยลอยชาย อำนาจฝ่ายต่างๆที่อยู่เบื้องหลังกลับตกใจไม่น้อยกับเรื่องผังอวี้เหนียง นึกไม่ถึงว่าหวังลั่วจะกล้าทำเรื่องอย่างนี้
พระตำหนักอุทยาน ประมุขชิงกำลังเอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาอย่างช้าๆ หลังจากได้ทราบข่าว ก็แสยะหัวเราะแล้วพูดเหน็บแนม “เรื่องเหลวไหลก้นสุนัข”
“จะวุ่นวายกลายเป็นเหมือนเรื่องลูกชายของโจ้วจ้าวหรือเปล่าขอรับ?” ซ่างกวนชิงถาม
ประมุขชิงบอกว่า “เป็นไปไม่ได้ ลูกชายโจวจ้าวแย่งเมียของหลงซิ่น แต่คนที่หวังลั่วล่วงเกินคือลูกสาวของผังก้วน สองเรื่องนี้เทียบกันไม่ได้ ผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงาน อย่างมากก็ให้แต่งงานไป ฮ่าวเต๋อฟางกลับผังก้วนจะแตกคอกันเพราะเรื่องนี้ได้ยังไง? ถ้าวุ่นวายจนเกิดเรื่องนี้ขึ้นจริงๆ ข้าก็จะช่วยผังก้วนอีกแรง!”
ซ่างกวนชิงใส่หน้าเบาๆ เขารู้สึกว่ามีโอกาสน้อยที่จะเกิดเรื่องใหญ่โตแบบนั้น ไม่นับว่าเป็นโอกาสอะไร
ส่วนเหมียวอี้ก็แสร้งทำเป็นรู้เรื่องทีหลัง เสแสร้งว่าพอได้ยินข่าวก็รีบติดต่อไปถามผังเสี้ยวเสี้ยว คำพูดปลอบใจก็ต้องมีบ้างอย่างเลี่ยงไม่ได้
ในยุคนี้ ชื่อเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งหมายความว่าอะไรก็คงไม่ต้องพูดมาก ผังเสี้ยวเสี้ยวแค้นหวังลั่วมาก ถามว่า : ท่านสามี ข้าขอร้องท่านเรื่องหนึ่งได้หรือเปล่า?
เหมียวอี้ : มีเรื่องอะไรก็ว่ามาเลย
ผังเสี้ยวเสี้ยว : ฆ่าหวังลั่ว ช่วยข้าฆ่าหวังลั่วทีค่ะ!
นางเองก็รู้ว่าหวังลั่วเป็นลูกน้องคนสนิทของฮ่าวเต๋อฟาง ฟังบิดานางอาจจะลงมือไม่สะดวก นางเองก็ไร้ความสามารถที่จะทำอะไรหวังลั่วเช่นกัน ด้วยเหตุนี้จึงขอร้องให้เหมียวอี้ช่วยฆ่าคนให้นาง จะเห็นได้ว่าในใจนางแค้นมาขนาดไหน ที่สำคัญที่สุดก็คือ ในสายตานาง เหมียวอี้คือคนที่กล้าทำและมีความสามารถที่จะทำเรื่องนี้
เหมียวอี้ยิ้มเจื่อน พูดในใจว่าเรื่องนี้ยังต้องให้ค่าลงมืออีกหรือ พอเกิดเรื่องนี้ขึ้น มีหรือที่ผังก้วนจะปล่อยหวังลั่วไป?
แต่เขาก็ยังรับประกันกับนางว่า : เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก ข้ารับรองว่าหวังลั่วจะมีชีวิตอยู่อีกไม่นาน!
ผังเสี้ยวเสี้ยวนึกไม่ถึงว่าเหมียวอี้จะตอบตกลงง่ายดายขนาดนี้ นางย่อมรู้ว่าทำเรื่องนี้มีความเสี่ยงแน่นอน นี่เขากำลังเสี่ยงอันตรายเพื่อนนางอยู่เหรอ ในใจนางย่อมรู้สึกหวานชื่นเพราะความซาบซึ้งนี้อยู่แล้ว…
เรือนด้านในของอ๋องสวรรค์ฮ่าว หวังลั่วที่ถูกควบคุมตัวมาเป็นฝ่ายคุกเข่าเองอยู่ไหนลานบ้านด้านใน เขาก้มหน้าเงียบๆ ด้วยสีหน้าห่อเหี่ยว
พอทัพเหนือพาตัวเขาไป ก็ส่งต่อให้ทัพใต้ทันที ที่บอกว่าสอบสวนอะไรล้วนเป็นคำพูดเหลวไหลทั้งนั้น ไม่มีเรื่องนี้อยู่เลย ให้ทัพใต้ไปสอบสวนเอาเองแล้วค่อยชี้แจงต่อตำหนักสวรรค์ก็แล้วกัน
ฮ่าวเต๋อฟางที่เดินออกมาจากในบ้านมีสีหน้าเกรี้ยวโกรธ เขาถือกระบี่วิเศษพุ่งออกมา แล้วตะคอกอย่างโมโห “เดรัจฉาน!” พูดจบก็ชูกระบี่จะฟันลงมา
โชคดีที่ซูอวิ้นตามออกมาด้วย นางคว้าข้อมือฮ่าวเต๋อฟางไว้ แล้วเอียงหน้าบอกใบ้คนที่อยู่ทางซ้ายและขวา คนพวกนั้นรีบถอยออกไปทันที
พอแย่งกระบี่จากมือฮ่าวเต๋อฟางมาแล้ว ซูอวิ้นก็เกลี้ยกล่อมว่า “ท่านอ๋องโปรดระงับโทสะ เรื่องนี้ยังไม่สืบให้ชัดเจน สืบให้กระจ่างก่อนแล้วค่อยลงโทษก็ยังไม่สายค่ะ”
ที่จริงพอฮ่าวเต๋อฟางได้ข่าว ก็สั่งให้ทัพเหนือช่วยพาตัวหวังลั่วมาทันที รู้สึกเช่นกันว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้ เขาเลี้ยงหวังลั่วมาตั้งแต่เด็กจนโต ไม่อาจบอกว่าเขาเป็นคนไร้ความปรารถนาในตัวสตรี แต่เขาไม่ใช่คนที่ฝักใฝ่ในสตรีแน่นอน ทำไมถึงทำเรื่องอย่างนี้ได้ สัญชาตญาณเขาบอกว่าเรื่องนี้มีลับลมคมใน ดังนั้นจึงต้องพาตัวหวังลั่วกลับมาถามให้ชัดเจน
แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ฮ่าวเต๋อฟางก็เตะทีนึงเสียงดังตุ้บ หวังลั่วกลิ้งบนพื้นหลายตลบ
หวังลั่วไม่กล้าหลบ และไม่กล้าขัดขืน พอลุกขึ้นมาได้ก็คุกเข่าก้มหน้าแต่โดยดีอีกครั้ง ตอนโดนกองทัพองครักษ์ไล่สังหารเขากล้าหนี แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าฮ่าวเต๋อฟางกลับไม่กล้า
ซูอวิ้นเข้ามาขวางฮ่าวเต๋อฟางอีกครั้ง แล้วหันกลับมาถามว่า “หวังลั่ว ข้าถามเจ้าหน่อย เรื่องนี้ก็รู้สึกว่าโดนคนอื่นวางอุบายเล่นงานหรือเปล่า?”
หวังลั่วเงยหน้าอย่างอ่อนปวกเปียก ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “เหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้นครับ”
“เปล่าเหรอ?” ซูอวิ้นขมวดคิ้วมุ่น “ได้ยินว่าผังอวี้เหนียงกำลังดื่มสุราชมทิวทัศน์อยู่กับก่วงเม่ยเอ๋อร์ ทำไมตอนเกิดเรื่องก่วงเม่ยเอ๋อร์กลับหายไปพอดี เหลือแค่ผังอวี้เหนียงให้ฉวยโอกาสได้?”
ฮ่าวเต๋อฟางหรี่ตา นี่ก็คือจุดที่น่าสงสัย
พอหวังลั่วได้ฟังก็รู้ว่าเป็นฝีมือตัวเอง จึงไม่กล้าพูดซี้ซั้ว อีกทั้งเขามาอยู่ตรงหน้าฮ่าวเต๋อฟางแล้ว จะกล้าปิดบังได้อย่างไร ตอบด้วยน้ำเสียงปวกเปียกว่า “ข้าน้อยสั่งให้คนวางแผนล่อก่วงเม่ยเอ๋อร์ออกไป!”
ฮ่าวเต๋อฟางถลึงตาด้วยความเดือดดาลทันที เกิดอารมณ์ชั่ววูบอยากจะกัดให้ตาย ก่อนหน้านี้ยังรู้สึกว่ามีจุดที่น่าสงสัย เตรียมจะเรียบเรียงเหตุผลเพื่อเกลี้ยกล่อมให้ผังก้วนสงบลง ทั้งสองฝ่ายจะไม่ต้องโดนอุบายจากคนอื่นเล่นงาน แต่ที่ไหนได้ เป็นเจ้าเวรนี่ที่ล่อคนออกไปเอง ทำให้เขาโมโหแทบแย่ ก้าวเข้ามาเตรียมจะลงไม้ลงมืออีกครั้ง
ซูอวิ้นรีบมาขวางตรงหน้าเขา ออกแรงขวางเขาไว้ แล้วถามอีกว่า “เจ้าชอบผังอวี้เหนียงไม่ใช่แค่วันสองวัน ตามหลักแล้วเจ้าไม่ใช่คนบุ่มบ่ามแบบนี้ ทำไมถึงทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้ได้?”
หวังลั่วตอบด้วยสีหน้าขื่นขม “ก็เพราะข้าไม่ได้ชอบนางมาแค่วันสองวัน รู้สึกว่าถ่วงเวลาต่อไปแบบนี้ไม่ใช่วิธีที่ดี อวี้เหนียงไม่เคยยอมสนใจข้าเลย ไม่ยอมให้โอกาสข้าเลย ข้าก็เลยบุ่มบ่าม คิดจะต้มข้าวสารให้กลายเป็นข้าวสุก บางทีผังก้วนอาจจะตอบตกลงก็ได้ แต่ใครจะคิดว่าจะมีคนของตระกูลหวงฝู่โผล่มาทำให้เรื่องราวใหญ่โต…”
ไม่น่าเชื่อว่าอยากจะต้มข้าวสารให้กลายเป็นข้าวสุก? ซูอวิ้นตกตะลึงพูดไม่ออก
“หลีกไป!” ฮ่าวเต๋อฟางกลั้นไฟโกรธไม่ไหวแล้ว สะบัดแขนผลักซูอวิ้นไปข้างๆ ก้าวเข้าไปซ้อมอย่างรุนแรงยกหนึ่ง เรียกได้ว่ามือชกเท้าเตะ ซ้อมไปพลางด่าไปพลาง “ต้มข้าวสารให้กลายเป็นข้าวสุกเหรอ ต้มข้าวสารให้กลายเป็นข้าวสุกเหรอ…”
หวังลั่วโดนซ้อมจนร้องโอดโอย ตะโกนไม่หยุดว่าข้าผิดไปแล้ว
ซูอวิ้นก็หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกจริงๆ รู้ว่าต้องให้ฮ่าวเต๋อฟางระบายความโกรธนี้สักหน่อย ยิ่งไปกว่านั้นนางก็รู้สึกว่าเจ้าสารเลวหวังลั่วต้องได้รับบทเรียนระยะยาว ครั้งนี้สร้างปัญหาใหญ่ให้ท่านอ๋องแล้วจริงๆ
จนกระทั่งหวังลั่วโดนซ้อมจนเกือบตาย ซูอวิ้นถึงได้พุ่งเข้าไปดึงแขนฮ่าวเต๋อฟางไว้ พร้อมตะโกนเรียก “ทหาร!”
ข้างนอกมีคนถลันตัวเข้ามาทันที ด้วยการบอกใบ้จากซูอวิ้น หวังลั่วที่โดนซ้อมจนหน้าเขียวตาปูด ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด กึ่เป็นกึ่งตาย หายใจรวยรินก็ถูกลากออกไปแล้ว
“เดรัจฉาน…เดรัจฉาน…” ฮ่าวเต๋อฟางยังไม่หายโกรธ โมโหจนเกินทนจริงๆ โมโหพวกไม่ได้เรื่อง งานมีก็ไม่ทำ จะถ่อไปงานชุมนุมตระการตาทำไม ต่อให้ใช้ก้นคิดก็เดาออกว่าพุ่งเป้าหมายไปที่ผังอวี้เหนียง ตอนนี้เกิดเรื่องแล้ว จะให้คนในใต้หล้ามองเขาอย่างไร?
ถ้าฆ่าหวังลั่วเพื่อให้คำชี้แจงกับผังก้วน? หวังลั่วเป็นลูกน้องคนสนิทของเขา เขาเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กจนโต เท่าก็เป็นบุตรชายบุญธรรมของเขา ถ้าไร้ไมตรีแม้กระทั่งกับลูกน้องคนสนิทแบบนี้ แล้วจะให้ลูกน้องคนสนิทที่เหลือมองเขาอย่างไร? แต่ถ้าไม่ลงโทษรุนแรง แล้วจะให้ทั้งทัพใต้มองเขาอย่างไร?
ครั้งนี้หวังลั่วมอบโจทย์ยากให้เขาแล้วจริงๆ
ซูอวิ้นปลอบใจว่า “ท่านอ๋องโปรดระงับโทสะ ไหนๆ เรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว โมโหไปก็ไม่มีประโยชน์ มาคิดกันดีกว่าว่าจะชี้แจงกับผังก้วนยังไง?”
ฮ่าวเต๋อฟางกล่าวอย่างโมโหว่า “จะให้ชี้แจงยังไง? ต่อให้ข้าฆ่าเจ้าเดรัจฉานนี่ ก็เกรงว่ายากจะทำให้ผลกระทบหายไป ลูกสาวของผังก้วนถูกทำลายชื่อเสียงอันบริสุทธิ์ด้วยน้ำมือเขาแล้ว นี่เป็นความอัปยศใหญ่หลวงสำหรับผังก้วน ข้าจะเอาอะไรไปชี้แจง? จะให้พวกลูกน้องมองข้ายังไง!”
“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าก่อน มีแต่ต้องพยายามโน้มน้าวให้ผังก้วนยกลูกสาวให้แต่งงานกับหวังลั่ว” ซูอวิ้นกล่าว
ฮ่าวเต๋อฟางอารมณ์เย็นลงแล้วนิดหน่อย ทีแรกเขาก็เตรียมจะทำอย่างนี้อยู่แล้ว “เมื่อก่อนใช้ว่าจะไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้ แต่ผังก้วนไม่เคยตอบตกลงเลย”
ซูอวิ้นบอกว่า “ตอนนี้เรื่องกลายเป็นอย่างนี้แล้ว ชื่อเสียงอันดีงามของผังอวี้เหนียงถูกทำลายแล้ว เกือบโดนหวังลั่วต้มข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก ถ้าไม่แต่งกับหวังลั่วแล้วจะแต่งกับใครได้อีก? วันนี้กับวันนั้นไม่เหมือนกันแล้ว ข้าคิดว่าเขาคงไม่แตกคอกับท่านอ๋องเพราะเรื่องนี้ ข้าแนะนำให้ท่านอ๋องรับผังอวี้เหนียงเป็นลูกสาวบุญธรรม แล้วค่อยให้แต่งงานกับหวังลั่ว!”
“ลูกสาวบุญธรรม?” ฮ่าวเต๋อฟางพึมพำ พยักหน้าเบาๆ แล้วถามอีกว่า “ถ้าผังก้วนทนโมโหไม่ไหว ไม่ตอบตกลงล่ะ?”
ซูอวิ้นถอนหายใจ “เช่นนั้นก็ทำได้เพียงมอบศีรษะของหวังลั่วให้เขา ไม่ว่าจะเป็นในด้านความรู้สึกหรือเหตุผล ฝั่งเราก็ทำไม่ถูก หวังลั่วทำเรื่องนี้แล้ว จะแก้ตัวได้ยังไง”
ในขณะนี้เอง ด้านนอกมีเสียงดังขึ้น “รายงาน!”
“เข้ามา!” ซูอวิ้นหันกลับมาบอก
แม่ทัพคนหนึ่งเร่งฝีเท้าเดินเข้ามา กุมหมัดคารวะรายงานว่า “ท่านอ๋อง ผังก้วนนำทัพใหญ่มาอย่างดุดัน มีกำลังพลหลายสิบล้าน ถูกสกัดไว้ที่ประตูดวงดาว มีเค้าว่าจะโจมตี บอกให้ท่านอ๋องส่งตัวหวังลั่วมา!”
สำหรับทั้งสองแล้วไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย ก่อนหน้านี้ได้ข่าวแล้วว่าผังก้วนกำลังระดมพล เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นกับลูกสาว ถ้าผังก้วนไม่ทำอย่างนี้ก็แปลกแล้ว ถ้าไม่ทำให้คนในใต้หล้ารู้สักหน่อยว่าเขายกพวกมาเอาเรื่อง เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
“ไม่ต้องขวาง ปล่อยเข้ามาให้หมด!” ฮ่าวเต๋อฟางกล่าวเสียงต่ำ
เข้ามาในรังของเขาแล้ว ต่อให้ผังก้วนนำกำลังพลมาด้วยเขาก็ไม่กลัว ทัพเกรียงไกรของเขาก็ไม่ใช่เล่นๆ เหมือนกัน
ทัพใหญ่ของผังก้วนบุกเข้ามาในอาณาเขตดาวผืนนี้ เพียงแต่พอมาถึงนอกดาวอ๋องสวรรค์ฮ่าว ก็ถูกสกัดไว้อีก ทหารยามกุมหมัดคารวะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จอมพลผัง ท่านเองก็รู้กฎระเบียบของที่นี่ บวกกับเรื่องพระปีศาจ คนมากมายขนาดนี้เข้าไปด้วยไม่เหมาะสม ท่านอ๋องเชิญให้ท่านเข้าไปคนเดียว!”
น้ำเสียงและท่าทีค่อนข้างไม่ถือตัว ถ้าเทียบกันแล้วฝั่งนี้เห็นใจผังก้วนมากกว่า เรื่องแบบนี้ไม่ว่าใครก็รับไม่ได้ทั้งนั้น
“หลังจากนี้ครึ่งชั่วยาม ถ้าติดต่อข้าไม่ได้ ฆ่า!” ผังก้วนไม่ปิดบังเลยสักนิด ออกคำสั่งต่อหน้าลูกน้องของฮ่าวเต๋อฟางอย่างเกรี้ยวกราด จากนั้นก็บุกเข้าไปพี่ดาวอ๋องสวรรค์ฮ่าวคนเดียว
ซูอวิ้นออกจากจวนท่านอ๋องแล้ว ออกมาต้อนรับด้วยตัวเองตั้งแต่ไกลๆ นางขออภัยตลอดทาง พาผังก้วนเข้าไปในจวนท่านอ๋องแล้ว
ส่วนฮ่าวเต๋อฟางพอเจอผังก้วนก็ด่าหวังลั่วสาดเสียเทเสีย และขออภัยอย่างเต็มที่ด้วย พยามยามปลอบใจเต็มที่
ผังก้วนราวกับมีไอสังหารปกคลุมบนตัว สีหน้ามืดครึ้มจนน่ากลัว ดูไม่เหมือนเสแสร้ง ความจริงแม้เขาจะเป็นคนวางแผนเรื่องนี้ แต่ในใจเขาก็รับไม่ไหวจริงๆ…
คนนอกไม่รู้ว่าทั้งสองฝ่ายคุยอะไรกันแน่ ตอนที่ผังก้วนออกไปสีหน้าก็ไม่ได้ดีสักเท่าไร ซูอวิ้นออกมาส่งเขาออกจากดาวอ๋องสวรรค์ฮ่าวด้วยตัวเอง มองส่งผังก้วนนำทัพออกไปแล้วถอนหายใจ
พอกลับมาถึงจวนจอมพล พ่อบ้านเฉินหวยจิ่วก็รีบเดินตามผังก้วนกลับไปในห้องหนังสือ เขารู้สถานการณ์แล้ว เรื่องนี้ไม่ได้ผิดแผน
เอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาอยู่ในห้องหนังสือพักหนึ่ง ผังก้วนกล่าวเสียงต่ำว่า “สามารถเริ่มเรื่องนี้ได้แล้ว แต่ทางฝั่งหนิวโหย่วเต๋อข้ายังไม่ค่อยวางใจ ต้องให้เขาส่งกำลังพลมาก่อนส่วนหนึ่ง ให้เขาร่วมลงมือกับฮ่าวเต๋อฟางพร้อมพวกเรา ต่อให้แพ้เขาก็ไม่พ้นความเกี่ยวข้องนี้ ต้องดึงเขาลงน้ำมาด้วยกันให้ถึงที่สุดสิ นอกจากนี้ พวกเราก็ต้องส่งคนไปดูฝั่งเขาสักหน่อย ไปเข้าร่วมปฏิบัติการกับฝั่งเขา!”
“นายท่านมองเรื่องราวกระจ่าง ถ้าเป็นแบบนี้จะดีที่สุด” เฉินหวยจิ่วพยักหน้า
…………