พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2040 ผู้วางหมาก
หยางชิ่งบอกเสียเลยว่า “เช่นนั้นก็บอกเฉาหม่านว่าอย่าเพิ่งบอกผังก้วน”
“ถ้าผังก้วนไม่รู้ความจริง ก็มีความเป็นไปไปได้สูงว่าจะเตรียมตัวไม่ถี่ถ้วน ถึงขั้นยกเลิกการเตรียมตัว ถ้าจู่ๆ ฮ่าวเต๋อฟางมาเยือน ก็จะลนลานทำอะไรไม่ถูก ตอนฉุกละหุกไม่มีทางทำอะไรฮ่าวเต๋อฟางได้เลย มีแต่จะปล่อยให้โอกาสผ่านไปเสียเปล่าๆ” เหมียวอี้ลังเล
หยางชิ่งถามกลับ “นี่ไม่ใช่จุดประสงค์ที่ฮ่าวเต๋อฟางยกเลิกการเข้าร่วมงานแต่งงานหรอกหรือ? ที่ฮ่าวเต๋อฟางทำแบบนี้ ก็เพื่อจะกำจัดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นทิ้งไป!”
“เจ้ามีแผนการอะไร?” เหมียวอี้ถาม
หยางชิ่งอธิบายว่า “ผังก้วนอยากจะลากนายท่านลงน้ำไปด้วยกัน กดดันให้นายท่านต้องส่งกำลังพลหนึ่งล้านไป จู่ๆ ฮ่าวเต๋อฟางก็ใช้วิธีการนี้ ให้โอกาสนายท่านกลับมาใช้แนวทางเดิมได้พอดี สามารถลดความเสียหายของฝั่งพวกเราได้มากสุด ทำไมนายท่านไม่ฉวยโอกาสนี้เรียกให้ชิงเยว่นำกำลังพลกลับมาล่ะ สามารถไล่ต้วนชุนเอ๋อร์กลับไปได้ด้วย ตอนนี้ผังก้วนจะต้องตอบตกลงแน่นอน! พวกเราก็แค่ยังไม่ต้องบอกผังก้วน รอให้ถึงตอนที่งานแต่งงานกำลังจะมาถึง ค่อยเปิดเผยให้ผังก้วนรู้อีกที มันก็เหมือนกัน”
เหมียวอี้พยักหน้าเบาๆ ขณะพิจารณา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วอีก “ถ้าฉุกละหุกเกินไป เกรงว่าผังก้วนจะเตรียมตัวไม่ทัน”
หยางชิ่งส่ายหน้า “ไม่อย่างนั้น มาจนป่านนี้แล้ว ต่อให้ผังก้วนไม่ได้เตรียมตัวเต็มที่ แต่ก็เตรียมตัวไว้แล้วพอสมควร พอฮ่าวเต๋อฟางทำแบบนี้ ก็เป็นไปได้สูงว่าผังก้วนจะกังวลว่าฮ่าวเต๋อฟางสังเกตเห็นอะไรแล้ว แต่ก็ไม่กล้ายกเลิกหรือหละหลวมแผนที่เตรียมไว้ง่ายๆ ขอเพียงพวกเราบอกให้รู้ล่วงหน้านิดหน่อย ก็จะสามารถจัดการได้อีกครั้งทันที แต่เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราก็มีข้ออ้างเพียงพอที่จะไม่ส่งคนไป เพราะคนที่ถอนกำลังกลับมาแยกย้ายกันหมดแล้ว ถ้าลนลานระดมพลโดยไม่เตรียมตัวอะไรจะทำให้คนสงสัยได้ง่าย ฮ่าวเต๋อฟางจะสังเกตเห็นความผิดปกติ นี่คงไม่ใช่สิ่งที่ผังก้วนหวังจะเห็นเหมือนกัน เรื่องราวเหนือความคาดหมายล้วนเป็นฝีมือฮ่าวเต๋อฟาง ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราเลย ผังก้วนไม่สงสัยมาถึงตัวพวกเราหรอก”
บนใบหน้าเหมียวอี้เริ่มเผยรอยยิ้ม กล่าวอย่างเห็นด้วยมากๆ “ดี! จัดการตามนี้!”
พูดจบก็หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อเฉาหม่านอีกครั้ง ให้เฉาหม่านดำเนินการพร้อมฝั่งนี้ แล้วค่อยติดต่อผังก้วนอีกที บอกว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เพื่อไม่ให้มีปัญหาอื่นเข้ามาแทรก จะต้องถอนกำลังพวกชิงเยว่กลับมา ทางที่ดีต้วนชุนเอ๋อร์ควรกลับไปปรากฏตัวในงานแต่งงาน ผังก้วนยินยอมแล้ว
เหมียวอี้ติดต่อชิงเยว่ทันที บอกให้ถอนกำลังอย่างเป็นความลับ
ผ่านไปไม่นาน ต้วนชุนเอ๋อร์ก็เป็นฝ่ายมาหาอีกแล้ว บอกว่าได้รับแจ้งจากผังก้วนแล้ว กำลังจะถอนกำลังกลับไปอย่างลับๆ จึงมากล่าวอำลา
ในลานบ้าน เหมียวอี้กำลังเดินไปเดินมา ทำได้เพียงแสดงความจนใจให้นางเห็น “เฮ้อ! นึกไม่ถึงว่าเรื่องจะเป็นอย่างนี้ คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิตจริงๆ”
“โจรเฒ่าฮ่าวเต๋อฟางเจ้าเล่ห์จริงๆ ทำให้พวกเราพลาดโอกาสดีไปเสียเปล่าๆ แล้ว” ต้วนชุนเอ๋อร์กล่าวอย่างแค้นใจ
เหมียวอี้แสดงความเสียดายไม่หยุด สุดท้ายก็ให้หยางเจาชิงเตรียมส่งพวกต้วนชุนเอ๋อร์ให้จากไป
พอขึ้นมาบนตึกศาลา มองคล้อยหลังหยางเจาชิงนำต้วนชุนเอ๋อร์เดินออกไป บนใบหน้าเหมียวอี้ก็เผยรอยยิ้มบางๆ “นึกไม่ถึงว่าฮ่าวเต๋อฟางจะช่วยพวกเราได้เยอะ ทำให้สถานการณ์เอื้อประโยชน์ต่อพวกเราอีกครั้ง”
“ที่จริงในหลายปีมานี้ สถานการณ์ภาพรวมก็เอื้อประโยชน์ต่อนายท่านมาตลอด” หยางชิ่งที่ยืนเงียบอยู่ข้างกายกล่าวอย่างลังเล
“อ้อ!” เหมียวอี้เอียงหน้ามองมา อย่าบอกนะว่าไม่ชอบที่ได้เผชิญความยุ่งยากน้อยๆ อดไม่ได้ที่จะถามว่า “หมายความว่ายังไง?”
หยางชิ่งทอดสายตามองไปไกล ยิ้มเจื่อนเล็กน้อยขณะอธิบาย “นายท่านไม่สังเกตเห็นเชียวหรือ? ตั้งแต่นายท่านก้าวเข้ามาที่ตลาดผี สถานการณ์ภาพรวมก็เริ่มเอื้อประโยชน์ต่อนายท่านแล้ว แม้จะมีปัญหาอุปสรรคอยู่ไม่น้อย แต่แนวโน้มสถานการณ์โดยรวมที่ดำเนินไปก็สร้างโอกาสให้นายท่านแสดงความสามารถมาตลอด ตอนนี้นายท่านลองมองย้อนกลับไปก็ได้ ตอนแรกที่นายท่านเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่ท่ามกลางอำนาจเหล่านั้น นายท่านก็ทำตามใจตัวเองไม่ได้เสมอมา ตอนนั้นมีโอกาสไปได้ทุกที่ยกเว้นตลาดผี แต่ตำหนักสวรรค์ดันเลือกปล่อยนายท่านไว้ที่ตลาดผี อำนาจแต่ละฝ่ายไม่คัดค้าน แม้แต่ตระกูลเซี่ยโห้วก็ไม่คัดค้านเช่นกัน อำนาจฝ่ายอื่นไม่คัดค้านก็ยังพอฟังขึ้น แต่ตลาดผีเป็นอาณาเขตของตระกูลเซี่ยโห้ว ตระกูลเซี่ยโห้วดันยอมให้นายท่านสอดเท้าเข้ามาแทรก ก็เป็นเพราะแดนรัตติกาลเป็นเหมือนสุญญากาศทางอำนาจที่ตระกูลเซี่ยโห้วสร้างขึ้นมา ไม่โดนอุปสรรครบกวน ถึงทำให้นายท่านมีโอกาสเติบโตอย่างรวดเร็ว”
เหมียวอี้เงียบไป การที่ตัวเองเติบโตมาได้จนถึงทุกวันนี้ ก็ต้องยอมรับว่าเป็นอย่างนี้จริงๆ ถ้าอยู่ใต้สังกัดอำนาจใหญ่ๆ แต่ละฝ่ายต่อไป อุปสรรคถ่วงความเจริญก็เยอะมาก ต่อให้จะราบรื่นแต่ก็ไม่มีทางเติบโตได้เร็วขนาดนี้ ถือเป็นความดีความชอบของสภาพแวดล้อมแดนรัตติกาล มอบโอกาสใหญ่ให้เขามีอำนาจตัดสินใจเรื่องต่างๆ ได้เอง
เขาส่ายหน้า แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มเงียบๆ “เกรงว่าต้องยกความดีความชอบให้ตระกูลเซี่ยโห้ว คิดเองเออเองว่ามีจุดอ่อนของข้าได้ นึกว่าควบคุมข้าได้ ถึงปล่อยให้ข้าลงหลักปักฐานที่นี่”
“แต่ข้าน้อยคิดมาตลอด ว่าตอนแรกที่ตำหนักสวรรค์ให้นายท่านมาอยู่ที่นี่นั้นมีบางอย่างน่าสงสัย” หยางชิ่งกล่าว
เหมียวอี้ขมวดคิ้ว ครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วบอกว่า “ด้วยสถานการณ์ตอนนั้น…ถึงยังไงข้าก็เป็นลูกเขยของโค่วหลิงซวี เป็นผลจากการประนีประนอมของอำนาจแต่ละฝ่ายละมั้ง”
“แต่ถ้าคาดคะเนจากทิศทางตรงกันข้ามของสถานการณ์ในตอนนี้ ทำไมข้าน้อยรู้สึกเหมือนมีคนปูทางไว้ให้นายท่านเรียบร้อยแล้ว เหมือนมีคนรู้ตั้งนานแล้วว่าตระกูลเซี่ยโห้วจะยอมให้นายท่านลงหลักปักฐานที่นี่ การที่นายท่านถูกตำหนักสวรรค์ปล่อยไว้ที่ตลาดผี ค่อนข้างเป็นเรื่องที่ถูกจังหวะและเป็นขั้นตอน” หยางชิ่งกล่าว
“เจ้ากำลังบอกว่าการที่ตระกูลเซี่ยโห้วรู้จุดอ่อนของข้า เป็นเพราะคนอื่นวางอุบายไว้งั้นเหรอ?” เหมียวอี้ตาเป็นประกาย
หยางชิ่งอธิบายว่า “ก่อนหน้านี้ข้าน้อยก็นึกว่าตระกูลเซี่ยโห้วตรวจสอบฐานะหกลัทธิของนายท่านได้เอง แต่พอมาดูตอนนี้ก็เหมือนจะไม่ง่ายขนาดนั้น ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ พบว่ามีความเป็นไปได้สูงว่าตระกูลเซี่ยโห้วโดนคนอื่นวางอุบายใส่ ถ้าใช้วิธีการตรงไปตรงมาก็เอาชนะตระกูลเซี่ยโห้วไม่ได้ แม้แต่พวกประมุขชิงก็ทำไม่ได้เช่นกัน ดูเหมือนมีบางคนจงใจเผยช่องโหว่ วางกับดักกับสิ่งที่ตระกูลเซี่ยโห้วถนัดที่สุด มีความเป็นไปได้สูงว่าใช้แผนซ้อนแผนเพื่อล่อให้ตระกูลเซี่ยโห้วติดกับดัก เรื่องที่ทำให้ตระกูลเซี่ยโห้วภาคภูมิใจและมั่นใจในตัวเองที่สุด ก็ย่อมเป็นเรื่องที่ตระกูลเซี่ยโห้วคิดเองเออเองว่าจะไม่ถูกตบตาได้ง่ายๆ แต่ดันมีคนใช้วิธีเอาชีวิตรอดบนแดนตาย หลอกใช้ประโยชน์จากความมั่นหน้าของตระกูลเซี่ยโห้ว ล่อให้เข้าไปอยู่ในกับดักที่ตาสว่างไม่ได้ง่ายๆ ให้โอกาสนายท่านได้เติบโตแล้ว”
“การคาดคะเนของเจ้าเข้าข้างตัวเองเกินไปหรือเปล่า?” เหมียวอี้ลังเลถาม
หยางชิ่งบอกว่า “แล้วเรื่องแดนมรณะดึกดำบรรพ์จะอธิบายยังไงขอรับ? นั่นคือดินแดนที่เหมาะกับการฝึกตนของนายท่านที่สุด ตอนนั้นใครกันที่ช่างคิดได้ ว่าให้ส่งนายท่านไปลงโทษที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์? นายท่านดันถูกลงโทษโดนการส่งเข้าไปในแดนมรณะดึกดำบรรพ์แบบเหนือความคาดหมาย แดนมรณะดึกดำบรรพ์ที่ใครก็นึกไม่ถึง ตลาดผีที่ใครก็นึกไม่ถึง นายท่านดันถูกลงโทษโดยการส่งมายังสถานที่สองแห่งไม่มีใครคาดคิดถึง แต่สถานที่สองแห่งที่ใครก็นึกถึงไม่ถึงนี้แต่กลับเอื้อประโยชน์ให้นายท่าน ทั้งหมดนี้เป็นความบังเอิญเชียวหรือ?”
เหมียวอี้ครุ่นคิดเงียบๆ เงียบไปนานมาก
หยางชิ่งบอกอีกว่า “ทั้งยังมีทัพใหญ่ห้าสิบล้านของลิ่งหูโต้วจ้งที่มาขอพึ่งพานายท่านอีก ตอนนั้นใครกันที่ช่างคิดได้ว่าลิ่งหูโต้วจ้งจะมาขอพึ่งพานายท่าน? มีขมเปี๊ยะชิ้นใหญ่หล่นลงมาจากฟ้า ข้าน้อยรู้สึกว่าเรื่องนี้นายท่านได้เปรียบเกินไปแล้ว นายท่านยังจำเรื่องหลังจากที่ลิ่งหูโต้วจ้งมาขอพึ่งพาได้หรือเปล่า ฮูหยินไปมาหาสู่กับฮูหยินของลิ่งหูโต้วจ้งบ่อยๆ ข้าน้อยขอให้ฮูหยินถามเส้าเซียงหัวถึงเหตุผลที่ลิ่งหูโต้วจ้งมาขอพึ่งพา?”
เรื่องนี้เหมียวอี้รู้ อวิ๋นจือชิวเคยเล่าให้เขาฟัง พยักหน้าบอกว่า “เส้าเซียงหัวบอกว่าเหมือนจะเป็นความคิดของน้าชายอะไรสักอย่าง”
เหมียวอี้จำชื่อไม่ค่อยได้แล้ว แต่หยางชิ่งกลับจำชื่อนี้ได้ชัดเจน เตือนว่า “ซ่งหยวนเต๋อ”
เหมียวอี้พยักหน้า “ถูกต้อง นึกออกแล้ว เขาชื่อซ่งหยวนเต๋อ ตอนนั้นคิดจะให้เส้าเซียงหัวเรียกมาพบสักครั้ง หาข้ออ้างบอกว่าคนคนนั้นมีความดีความชอบที่เสนอแนะแผนการ ควรให้รางวัล เส้าเซียงหัวกลับบอกว่าติดต่อน้าคนนั้นไม่ได้แล้ว”
“ตอนหลังข้าน้อยส่งคนของหกลัทธิไปสืบเรื่องคนคนนี้!” หยางชิ่งกล่าว
เหมียวอี้เหลือบตาขึ้นมอง นึกไม่ถึงว่าหยางชิ่งจะเพ่งเล็งไม่ปล่อยผ่านแม้แต่ตัวละครเล็กๆ
หยางชิ่งกล่าวเสียงต่ำอย่างช้าๆ “ไม่ใช่ว่าติดต่อไม่ได้ แต่หาไม่พบเลย คนในบ้านก็ถูกทิ้งไว้โดยไม่มีใครสนใจ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่หายไป ก็เป็นหลังจากที่ซ่งหยวนเต๋อไปพบเส้าเซียงหัวมา พอสืบกำพืดของซ่งหยวนเต๋อนั่น ก็พบว่าเป็นแค่พวกไม่เป็นโล้ไม่เป็นพาย ไม่น่าเชื่อว่าจะเสนอแนะแผนการแบบนี้ได้ บวกกับตอนหลังเขาก็มาหายตัวไปอีก”
“เจ้าหมายความว่า ตอนหลังเขาโดนฆ่าปิดปากเหรอ?” เหมียวอี้เริ่มตกตะลึงแล้ว
“เขาไม่ใช่คนที่วางแผนงานใหญ่ได้แน่นอน เป็นคนที่ควบคุมปากตัวเองไม่ได้ ถ้าเก็บไว้ก็จะเป็นปัญหาในภายหลัง จะโดนฆ่าปิดปากก็ไม่แปลก! จากเบาะแสต่างๆ บนตัวซ่งหยวนเต๋อ เขาโดนคนอื่นบงการแน่นอน การที่ลิ่งหูโต้วจ้งนำทัพใหญ่มาพึ่งพาไม่ใช่เพราะนายท่านโชคดีแน่นอน! และถ้าไม่ใช่เพราะนายท่านได้ทัพใหญ่ห้าสิบล้านนี้มา จะอาศัยกำลังทหารแข็งข้อต่อเบื้องบนได้ยังไง? และการที่ลิ่งหูโต้วจ้งมาพึ่งพานายท่าน จะต้องได้รับอนุญาตจากประมุขชิงแล้วแน่ๆ ที่เข้าแดนมรณะดึกดำบรรพ์ได้ก็ต้องขออนุญาตประมุขชิง ที่มาตั้งหลักในตลาดผีได้ก็ต้องขออนุญาตประมุขชิงเหมือนกัน เมื่อเชื่อมโยงเบาะแสต่างๆ ข้าน้อยก็มีเหตุผลเพียงพอที่จะสงสัยได้ ว่าข้างกายประมุขชิงมีคนที่คอยช่วยเหลือนายท่าน และคนคนนี้ก็คำพูดมีน้ำหนักต่อหน้าประมุขชิงแน่นอน ฐานะไม่ต่ำแน่ ข้าน้อยสงสัยว่าคนคนนี้คือสายลับที่อยู่ในตำหนักสวรรค์ แต่น่าเสียดายที่พวกเราไม่มีทางรู้ได้ว่าใครกันแน่ที่เสนอความเห็นต่อหน้าประมุขชิง ไม่อย่างนั้นจะต้องมองทะลุตัวตนของเขาได้แน่นอน!” หยางชิ่งกล่าว
“เจ้ามีผู้ต้องสงสัยอยู่ในใจแล้วใช่มั้ย?” เหมียวอี้ถาม
หยางชิ่งถอนหายใจ “สายลับคนนี้ล้ำลึกเกินไป รักษาตัวเองได้ดีสุดๆ ไม่ทิ้งเบาะแสอะไรให้สาวมาถึงตัวเลย ถ้าจะให้บอกว่าสงสัยใคร ข้าน้อยก็สงสัยนิดหน่อยว่าจะเป็นทูตหน่วยตรวจการซ้าย ซือหม่าเวิ่นเทียน”
“เขาเหรอ?” เหมียวอี้ตกใจไม่เบา “ทำไมถึงรู้สึกว่าเป็นเขาล่ะ?”
“ประการแรกเป็นเพราะฐานะของเขาที่อยู่ข้างกายประมุขชิง อยู่ในระดับที่สามารถคาดการณ์พวกเราได้ ประการต่อมาเป็นเพราะเฟยหงที่อยู่ข้างกายนายท่าน ข้าน้อยรู้สึกเหมือนนางเป็นหมากที่ทิ้งไว้ข้างกายนายท่าน เอาไว้ให้ความร่วมมือสำหรับรับมือกับตำหนักสวรรค์” หยางชิ่งกล่าวอย่างไม่แน่ใจ
“จะเป็นเขาเหรอ?” เหมียวอี้เอามือลูบคางครุ่นคิด ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร แต่การวิเคราะห์ของหยางชิ่งก็มีเหตุผล
“ยังแน่ใจไม่ได้!” หยางชิ่งส่ายหน้า “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ นั่นก็คือมีคนเห็นใต้หล้าเป็นกระดานหมากล้อม กำลังสู้กับเซี่ยโห้วท่าและพวกประมุขชิงอย่างแนบเนียนมาโดยตลอด ดูจากตอนนี้แล้วก็เป็นฝ่ายได้เปรียบด้วย ส่วนนายท่านก็เป็นตัวหมากในมือเขาคนนั้น!”
“ตัวหมาก?” คำนี้ทำให้เหมียวอี้เม้มปากแน่น กล่าวช้าๆ ว่า “ตามที่เจ้าบอก เขาเหมือนจะไม่ได้แทรกแซงอะไรข้า แต่กลับช่วยเหลือมาตลอด”
“นี่ต่างหากคือจุดที่เหนือชั้นของเขา เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ไร้ตัวตน ลงมืออย่างไร้ร่องรอย เป็นยอดฝีมือที่อยู่เหนือยอดฝีมืออย่างแท้จริง ไม่แปลกใจที่มีคนประเมินเขาด้วยคำว่า ‘ล้ำเลิศน่าทึ่ง’ ไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย ทำไมเซี่ยโห้วท่าถึงช่วยพวกประมุขชิงโค่นล้มเขา ทำไมเซี่ยโห้วท่าถึงโค่นล้มเขาแล้วเก็บพวกประมุขชิงไว้? ก็เพราะเซี่ยโห้วท่าไม่เห็นพวกประมุขชิงอยู่ในสายตาเลยไง คนที่เซี่ยโห้วท่ากลัวจริงๆ ก็คือคนคนนั้น ข้าน้อยสงสัยว่าคนคนนั้นแอบวางแผนเตรียมทำลายตระกูลเซี่ยโห้วไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ไม่อย่างนั้นเขารู้ความลับของผู้เหลือรอดหกลัทธิแล้วทำไมไม่ประกาศล่ะ ถ้าจะบอกว่าเก็บไว้สู้กับพวกประมุขชิงเฉยๆ เหตุผลนั้นก็ฟังดูเหลวไหลไป ถ้าเขาตั้งใจจะสู้กับพวกประมุขชิงตั้งแต่แรก ระวังพวกประมุขชิงตั้งแต่แรก อาศัยมันสมองอย่างเขาก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะตกหลุมพรางและมีจุดจบอย่างนั้น” หยางชิ่งกล่าวอย่างค่อนข้างจนใจ
…………………