พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2044 วุ่นวาย! วุ่นวาย! วุ่นวาย!
เดิมทีไม่กังวลหนิวโหย่วเต๋อ แต่ผังก้วนใจกล้าขนาดนี้ ทำให้เขาอดคิดมากไม่ได้จริงๆ ว่ามีที่พึ่งอะไร สิ่งที่เขาให้หนิวโหย่วเต๋อได้ เมื่อทำงานนี้สำเร็จผังก้วนก็ให้หนิวโหย่วเต๋อได้เหมือนกัน บางทีอาจจะให้ได้มากกว่าด้วย
สิ่งที่เขาเฝ้ารอตอนนี้ก็คือ ต่อให้หนิวโหย่วเต๋อไม่มาช่วย แต่ทางที่ดีก็อย่าเคลื่อนทัพ ไม่ต้องไปช่วยผังก้วนผังก้วน ที่ขอความช่วยเหลือก็เพราะจะหยั่งท่าทีของเหมียวอี้
สถานการณ์ปัจจุบันสำหรับเขา ไม่ว่าใครจะมาช่วยก็ไม่สะดวกเท่ากำลังพลของตัวเองมาช่วย เพราะเขาอยู่บนอาณาเขตทัพใต้ กำลังผลของตัวเองก็อยู่ใกล้ที่สุด ถ้าแม้แต่กำลังพลของตัวเองยังมาช่วยไม่ได้ ยังจะรอให้คนอื่นมาช่วยทันได้อย่างไร
ตอนนี้ความโกรธแค้นใดๆ ล้วนไม่มีประโยชน์ มีแต่ต้องใจเย็นและถ่วงเวลาเท่านั้น สิ่งที่เขาต้องการที่สุดตอนนี้ก็คือเวลา ถ่วงเวลาจนกว่ากองหนุนจะมา!
ฮ่าวเต๋อฟางที่สวมเกราะรบโบกดาบ ใช้สายตาเย็นเยียบมองทัพกบฏที่ก่อกวนอยู่ในทัพอารักขาของตัวเอง ถ้าอยากจะยืนหยัดต่อไป ก็ต้องปราบทัพกบฏภายในทิ้งก่อน มีแต่ต้องทำให้ข้างในหายวุ่นวาย ถึงจะยืนหยัดได้นานยิ่งขึ้น!
ชั่วพริบตานั้นซูอวิ้นเข้าใจเจตนาของเขาทันที รีบสวมเกราะรบผู้หญิงและถือทวนยาวไว้ในมือ
“ทุกคน ติดตามอ๋องผู้นี้ปราบกบฏ ฆ่า!” ฮ่าวเต๋อฟางตะโกนอย่างดุดัน แล้วนำหน้าไปก่อน นำยอดฝีมือพันคนข้างกายพุ่งไปรบแนวหน้าด้วยตัวเอง สังหารเข้าไปในทัพกบฏ
พวกซูอวิ้นติดตามอยู่ข้างหลัง สังหารจนเลือดสดกระจายสะเปะสะปะ กำลังพลทั้งกลุ่มราวกับคมดาบที่เสียบเข้าไปในทัพชุลมุนอย่างดุดัน
อ๋องสวรรค์ฮ่าวออกโรงเอง ทัพอารักขามีขวัญกำลังใจฮึกเหิม!
ผังก้วนใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์สังเกตสถานการณ์รบอย่างใกล้ชิด เห็นฮ่าวเต๋อฟางบุกตะลุยโจมตีข้าศึกเอง ห้าวหาญราวกับเสือวิ่งเข้าฝูงแกะ พลังรบของผู้อาวุโสอย่างอ๋องสวรรค์ไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย มีแค่พันคนก็กล้าบุกสังหารเข้ามาในทัพใหญ่หนึ่งล้าน ในใจเขาเริ่มกระวนกระวายนิดหน่อย อย่างไรเสียฮ่าวเต๋อฟางก็สะสมอำนาจบารมีมาหลายปี มีอิทธิพลต่อสภาพจิตใจคนอยู่บ้างไม่มากก็น้อย เขาร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนอย่างโมโหทันที “คนที่เด็ดหัวโจรเฒ่าฮ่าวเต๋อฟาง ข้าจะยกตำแหน่งจอมพลให้เป็นรางวัล!”
ตรงนี้ฆ่ากันจนชีวิตปลิดปลิว บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน
ในจวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาล ที่จริงเหมียวอี้รู้สึกตึงเครียดมาก ต่อให้จะมีความมั่นใจในแผนการขนาดไหน แต่ก็อาจพลาดจนเอาชีวิตคืนไม่ได้อีก การก่อกบฏถ้าเจ้าไม่เอาดับพาดบนคอคนอื่น ก็เป็นคนอื่นที่เอาดาบพาดบนคอเจ้า ที่บอกว่ารู้สึกกดดันนั้นไม่ใช่เรื่องโกหกเลย
บนตึกศาลาให้คนเตรียมสุราหางเรียบร้อยแล้ว เหมียวอี้ดึงพวกหยางเจาชิงมานั่งด้วยกัน กินดื่มพูดคุยปนเสียงหัวเราะ ทั้งยังมีนักดีดฉินหน้าตางดงามคอยบรรเลงเพลงไพเราะให้ฟังอยู่ข้างๆ นักฉินก็คือเฟยหงนั่นเอง
ดูเหมือนผ่อนคลาย แต่ความจริงแล้วทุกคนล้วนรู้สึกหนักใจ
ผังก้วนกำลังดิ้นรนเอาชีวิตรอดอยู่อีกฝั่งหนึ่ง เหมียวอี้เที่ยวฝั่งนี้ก็ดื่มสุราอย่างอึดอัดใจเหมือนกัน
หวงฝู่จวินโหรวส่งข่าวมาบอกสิ่งที่ได้เห็นได้ยิน เหมียวอี้บอกนางว่าอย่ากังวลเกินไป ขอแค่ไม่เปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเขาก็พอ ให้อยู่กับคนอื่นที่นั่นแต่โดยดี อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม ผังก้วนไม่ทำอะไรตัวประกันพวกนั้นหรอก เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ผังก้วนจะเป็นศัตรูกับคนทั้งใต้หล้า
ผังเสี้ยวเสี้ยวส่งข่าวมาขอความช่วยเหลือ ขอให้เหมียวอี้ส่งทหารมาช่วยท่านพ่อของตัวเอง เหมียวอี้บอกนางว่าไม่ต้องกังวล บอกว่าเขากับพ่อตาปรึกษาวางแผนกันเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวจะส่งกำลังพลไปสนับสนุนเอง
จากนั้นจาหรูเยี่ยนก็ส่งข่าวมาอีก กำชับเตือนลูกเขยว่าต้องรีบส่งทหารมาช่วย บอกประมาณว่าเสี้ยวเสี้ยวจะช่วยคลอดลูกให้เขา เรียกได้ว่าใช้ความรู้ทำให้คนซาบซึ้ง ใช้เหตุผลทำให้คนเข้าใจ เหมียวอี้บอกว่าเขาส่งทหารออกไปแล้ว แต่ความจริงแล้วทัพใหญ่แดนรัตติกาลไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลยสักนิด ไม่มีแม้แต่ท่าทีว่าจะระดมพล
ฮ่าวเต๋อฟางส่งข่าวมาขอความช่วยเหลือ เหมียวอี้รับปากทันที บอกประมาณว่าจะระดมพลเดี๋ยวนี้
ผังก้วนส่งข่าวมาบอกให้เขารีบมาไวๆ เหมียวอี้ก็เอ่ยรับเต็มปากเต็มคำเช่นกัน แต่ความจริงแล้วยังสะกดทัพไว้ไม่เคลื่อนไหว ส่วนข่าวที่ให้ต้วนชุนเอ๋อร์ส่งกลับไปย่อมเป็นอีกแบบหนึ่งอยู่แล้ว
แม้แต่เจ้าสำนักอวี้หลิงเอง หลังจากรู้ว่าเกิดกบฏภายในทัพใต้ ก็ส่งข่าวมาถามเช่นกัน เพราะสำนักลมปราณเองก็ส่งตัวแทนไปมอบของขวัญแต่งงาน กังวลว่าจะกระทบกับสำนักลมปราณ เหมียวอี้บอกอวี้หลิงว่าให้สำนักลมปราณสงบใจได้ ตอนนี้ในอาณาเขตทัพใต้ไม่มีใครกล้าล่วงเกินสำนักลมปราณ!
นี่ไม่ใช่คำพูดโกหก ในมือเขามีกำลังทหารมากพอที่จะดูเสือสู้กัน แต่ละคนแทบจะขอความช่วยเหลือเขาไม่ทำด้วยซ้ำ ใครจะกล้าหาเรื่องคนของเขาล่ะ?
“เฮ้อ อยากจะดื่มสุราสักครั้งทำไมมันยากขนาดนี้” เหมียวอี้เก็บระฆังดาราแล้วถอนหายใจ ก่อนจะยกมือหยุดเฟยหง เฟยหงใช้นิ้วสายฉินเอาไว้แล้ว
หยางเจาชิงรู้ว่าตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์มาดื่มสุรา ถามว่า “จะระดมพลเตรียมไว้ก่อนหรือไม่ครับ?”
อย่าว่าแต่เหมียวอี้เลย แม้แต่เขาเองก็ยังรู้สึกว่าทำอย่างนี้แล้วไม่สบายใจ รู้สึกหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก
หยางชิ่งยกมือห้าม “ไม่ได้! ฝั่งผังก้วนเชื่อสิ่งที่พวกต้วนชุนเอ๋อร์เห็น ตบตาได้ง่าย จะอ้างเหตุผลอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่คนอื่นกลับตบตาได้ยาก พวกเขาทําได้เพียงสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวของทัพใหญ่แดนรัตติกาลโดยตรง ผังก้วนก่อกบฏ แต่ทัพใหญ่แดนรัตติกาลระดมพลหมายความว่าอะไรล่ะ? ต้องอดทนไว้ รอให้ตำหนักสวรรค์มีคำสั่งออกมา รอให้ตำหนักสวรรค์ระบุว่าผังก้วนเป็นโจรกบฏ นั่นก็จะถึงเวลาที่พวกเราเคลื่อนทัพ รออีกไม่นาน ใกล้แล้ว รออีกนิดเดียวได้อยู่แล้ว!”
เหมียวอี้ลุกขึ้นยืน โยนแผนที่ดาวอันหนึ่งออกมา แล้วจ้องสำรวจด้วยแววตาล้ำลึก
“ทำไมบอกว่าติดต่อไม่ได้? ก่อนหน้านี้ยังดีๆ อยู่เลย ทำไมจู่ๆ ก็ติดต่อไม่ได้แล้ว?”
กงเชียนชิว จอมพลสายมะโรงที่เร่งเหาะอยู่ในดาราจักรพลันหันกลับมาตะคอกถามกำลังพลของตัวเอง ทางนี้กำลังระดมพลสายมะโรง พอถ่ายทอดคำสั่งลงไป ผลก็คือมีข่าวทยอยส่งมาว่า กำลังพลที่ได้รับคำสั่งให้ระดมพลขาดการติดต่อไป มีหลายที่ที่เกิดสถานการณ์อย่างนี้
แม่ทัพของเขากล่าวอย่างกังวลว่า “ข้าน้อยสงสัยว่าจะมีคนฉวยโอกาสตอนระดมทัพใหญ่ตัดขาดการใช้ระฆังดาราเพื่อป้องกันข้อมูลกองทัพรั่วไหล ไม่อย่างนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่กำลังพลทั้งกองทัพจขาดการติดต่อ แม่ทัพหลักของกองกำลังพี่ขาดการติดต่อไปอาจจะมีปัญหา คาดว่าคงไม่มาฟังคำสั่งแล้ว!”
กงเชียนชิวกัดฟันกรอด เหลือแค่ความเป็นไปได้นี้แล้ว ถ้าแม่ทัพหลักตัดขาดการติดต่อระฆังดาราของลูกน้องแล้วถ่ายทอดคำสั่งทหารเท็จ ใครจะไปรู้ว่าเขาจะนำกำลังพลไปที่ไหน มีปัญหาแล้ว อยู่ดีๆ มาเกิดเรื่องได้เวลาแบบนี้แสดงว่ามีปัญหาแน่นอน
แม้กำลังพลที่ขาดการติดต่อไปจะมีไม่มาก ยศก็ไม่สูง แต่ถ้าฝั่งตะวันออกขาดระเบียบไปกองหนึ่ง ฝั่งตะวันตกขาดระเบียบไปกองหนึ่ง จะต้องทำให้ใจคนหวาดหวั่นแน่นอน เจ้าไม่รู้จุดประสงค์ชัดเจนว่าคนพวกนี้หายตัวไปเพราะอะไร ทัพใหญ่ออกรบแต่สมาชิกครอบครัวส่วนใหญ่ยังอยู่ในบ้าน การป้องกันอ่อนแอ ถ้าคนพวกนี้ฉวยโอกาสโจมตีขึ้นมา ก็จะต้องวุ่นวายใหญ่โตแน่นอน
“แจ้งสำนักต่างๆ เดี๋ยวนี้ ให้มาคุ้มครองคนในครอบครัวของแม่ทัพแต่ละสายที่อยู่ใกล้กัน” กงเชียนชิวตวาด
เมื่อถ่ายทอดคำสั่งนี้ไปได้ไม่นาน แม่ทัพก็รายงานด่วนขึ้นมาอีกแล้ว “ท่านจอมพล เบื้องล่างรายงานมาว่ามีหลายสำนักขาดการติดต่อไปแล้ว”
“อะไรนะ?” กงเชียนชิวหลุดอุทาน รู้สึกขนพองสยองเกล้า ใครกันที่มีกำลังมากขนาดนี้ ไม่เพียงแค่ทำให้กำลังพลของเขาเกิดเรื่องที่มีเงื่อนงำ ทั้งยังควบคุมให้สำนักในอาณาเขตของเขาไม่เข้ามาเกี่ยวข้องเรื่องนี้? เขานึกถึงตระกูลเซี่ยโห้วทันที เป็นตระกูลเซี่ยโห้วที่สนับสนุนให้ผังก้วนก่อกบฏ!
ปัญหานี้ไม่ได้เกิดแค่กับอาณาเขตของเขาเท่านั้น อวี่เหวินชวนจอมพลสายมะเส็งก็เกิดปัญหาแบบเดียวกัน
แม่ทัพของเขารีบรายงานด้วยเสียงดังว่า “ท่านจอมพล ที่น่านฟ้ามะเมียซิน แม้แต่ประตูดวงดาวที่เชื่อมต่อกับสายเถาะก็ขาดการควบคุมแล้ว ทหารยามไม่เพียงแค่ไม่ป้องกัน ทั้งยังทิ้งด่านไปแล้วด้วย ตู้ชิว แม่ทัพใหญ่ของผังก้วนนำทัพใหญ่บุกเข้ามาได้โดยไม่เปลืองแรงสักนิด โจมตีเข้ามาในอาณาเขตของข้าแล้ว บุกหน้าเหมือนผ่าลำไผ่ กำลังพลที่เหลือขอความช่วยเหลือเร่งด่วน! ดูจากทิศทางของตู้ชิว มีความเป็นไปได้มากว่าจะดักสกัดกำลังพลของพวกเราอยู่ตรงเส้นทางสำคัญ เจตนาจะยับยั้งการระดมพล!”
ยังไม่ทันเริ่มทำศึก ทุกที่ก็ชุลมุนวุ่นวายแล้ว อวี่เหวินชวนขนหัวลุก แข็งใจกล่าวเสียงต่ำว่า “แจ้งกำลังพลที่เหลือ ให้พวกเขากับครอบครัวถอนกำลังเดี๋ยวนี้ หาที่หลบกันเอาเอง…” ถ่ายทอดคำสั่งลงไปอย่างต่อเนื่อง ถ้าตระกูลเซี่ยโห้วกำลังสนับสนุนผังก้วนจริงๆ แม้แต่เขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่า ถ้าคนในครอบครัวของแม่ทัพแต่ละกองถูกเพ่งเล็งแล้ว จะหลบการไล่ฆ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้หรือเปล่า ใครจะไปรู้ว่าในบ้านจะมีคนคอยปล่อยข่าวให้ตระกูลเซี่ยโห้วรู้หรือเปล่า ตระกูลเซี่ยโห้วแอบใช้หนวดปลาหมึกรุกล้ำอยู่ในความมืดมาหลายปี ไม่มีใครรู้ว่าหนวดนั้นสัมผัสไปลึกขนาดไหน
ในจวนอ๋องสวรรค์ก่วง ก่วงลิ่งกงที่เดินไปเดินมาอยู่ในโถงมีสีหน้าแย่มาก ตะคอกใส่หวังเฟยว่า “ไสหัวออกไป!”
เม่ยเหนียงที่มาวิงวอนขอร้องอยู่เป็นพักๆ ตกใจ ทำได้เพียงปาดน้ำตาเดินออกไป
เม่ยเหนียงย่อมให้ก่วงลิ่งกงช่วยลูกสาวที่อยู่ในมือผังก้วน ส่วนก่วงลิ่งกงก็ไม่ได้เดือดดาลเพราะลูกสาวถูกขังไว้ เขามั่นใจว่าผังก้วนไม่มีความกล้าที่จะแตะต้องตัวประกันมากขนาดนั้นถ้าไม่ถึงคราวจนตรอกจริงๆ ผังก้วนก็ไม่มีทางทำอย่างนั้น
สิ่งที่ทำให้เขาเดือดดาลจริงๆ ก็คือ เขาเพิ่งจะรวบรวมกำลังพลร้อยล้าน เตรียมจะไปช่วยฮ่าวเต๋อฟาง แต่เบื้องล่างก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว ทั้งยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ไม่รู้ว่าเบื้องล่างมีข่าวร้ายโผล่มาจากไหน มีการรายงานความผิดโดยไม่ประสงค์ออกนามหลายฉบับ เปิดโปงเรื่องลับลวงพรางของแม่ทัพหลักในแต่ละพื้นที่ เผยแพร่ไปหลายพื้นที่แล้ว
ที่ร้ายแรงที่สุดก็คือเกี่ยวโยงถึงจอมพลใต้บังคับบัญชาของเขา รายงานความผิดว่าแผนก่อกบฏไม่ได้มีแค่ที่ทัพใต้ หวงฮ่าว จอมพลสายมะเมียใต้สังกัดของเขาก็กำลังจะก่อกบฏพร้อมกับผังก้วนเช่นกัน ต้องการจะแทนที่ก่วงลิ่งกง ทั้งยังปรากฏหลักฐานที่ชัดเจนซึ่งไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จด้วย
เรื่องที่ผังก้วนก่อขึ้น เดิมทีก็เป็นสิ่งที่เขากังวลอยู่แล้ว ฝั่งนี้มาลือกันอีกว่าหวงฮ่าวมีจุดประสงค์นี้ กอปรกับเรื่องที่ทำให้คนหวาดหวั่นเกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นระลอก ใครจะกล้ารับประกันว่าเป็นเรื่องโกหก? ถ้าเป็นเรื่องจริงขึ้นมาล่ะ เขาเองยังจะเอาตัวไม่รอด ยังคิดจะไปช่วยฮ่าวเต๋อฟางอีกเหรอ? แล้วต่อไปใครจะมาช่วยเขาล่ะ?
เรื่องทำนองเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับอ๋องสวรรค์ท่านอื่นด้วย
จวนอ๋องสวรรค์โค่ว ในห้องหนังสือ โค่วหลิงซวีตบโต๊ะยืนขึ้น กัดฟันบอกว่า “ไม่ต้องบอกก็รู้ ตระกูลเซี่ยโห้วลงมือแล้ว กำลังเตือนพวกเราว่าอย่าทำอะไรบุ่มบ่าม!”
ถังเฮ่อเหนียนกลับถามอย่างแปลกใจ “ตระกูลเซี่ยโห้วกินยาผิดมาหรือเปล่า? เมื่อก่อนเวลาตระกูลเซี่ยโห้วก่อกวน ก็ไม่เห็นเซี่ยโห้วท่าจะสร้างความเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้ ดูจากความเคลื่อนไหวนี้แล้ว เหมือนต้องการจะล้มฮ่าวเต๋อฟางให้ได้! ฮ่าวเต๋อฟางไปทำอะไรให้ตระกูลเซี่ยโห้วตอบสนองใหญ่โตขนาดนี้?”
โค่วหลิงซวีเดินออกจากโต๊ะยาว เอามือไขว้หลังเดินไปเดินมา แสยะยิ้มบอกว่า “โค่นล้มเหรอ? ถ้าตระกูลเซี่ยโห้วไม่เข้ามาเกี่ยวข้องเรื่องนี้ ประมุขชิงยังจะเอาใจช่วยให้ผังก้วนทำสำเร็จ แต่พอตระกูลเซี่ยโห้วเข้ามาเกี่ยวข้อง ประมุขชิงไม่นิ่งดูดายแน่ เป้าหมายการโจมตีจะเลี้ยวเปลี่ยนไปเป็นผังก้วนทันที! ช่วงนี้เซี่ยโห้วลิ่งไม่เข้าประชุมขุนนาง ข้าก็รู้สึกแปลกใจแล้ว ข้าก็อยากจะเห็นว่าเซี่ยโห้วลิ่งคิดจะมาไม้ไหนกันแน่!”
พระตำหนักอุทยาน ประมุขชิงเอามือไขว้หลัง ยืนอยู่ในตำหนักหลักโดนหันหลังให้ประตูใหญ่ ซ่างกวนชิง โพ่จวินและบรรดาขุนนางคนสนิทอยู่กันพร้อม
“ตระกูลเซี่ยโห้วกำลังสนับสนุนผังก้วนจริงเหรอ?” ประมุขชิงหันตัวมาช้าๆ เอ่ยถามด้วยสีหน้าบึ้งตึง จิตใต้สำนึกของเขาแทบจะนึกเชื่อมโยงไไปถึงเรื่องที่ตระกูลเซี่ยโห้วสนับสนุนให้หกลัทธิให้ผงาดขึ้นมา แล้วจากนั้นก็สนับสนุนเขาให้ผงาดขึ้น
ซือหม่าเวิ่นเทียนตอบว่า “คงจะไม่ผิดแน่ขอรับ ฮ่าวเต๋อฟางระดมพลได้ไม่ราบรื่น สำนักต่างๆ ในอาณาเขตพากันหลบแล้ว ในอาณาเขตสี่ทัพก็เกิดเรื่องขึ้นทั่วทุกหนแห่ง ทำเอาพวกโค่วหลิงซวีกลัวลูบหน้าปะจมูก ไม่กล้าเคลื่อนทัพมาช่วยฮ่าวเต๋อฟาง ผู้ที่มีกำลังคนซับซ้อนขนาดนี้ นอกจากตระกูลเซี่ยโห้วก็ไม่มีใครแล้วขอรับ”
อู๋ฉวี่พยักหน้า “เห็นได้ชัดเจนมาก นอกจากฝ่าบาทแล้ว หากไม่ใช่เพราะมีตระกูลเซี่ยโห้วสนับสนุน ผังก้วนก็ไม่กล้าทำอย่างนี้ ไม่อย่างนั้นต่อให้ฆ่าฮ่าวเต๋อฟางแล้ว ตำแหน่งของเขาในอาณาเขตทัพใต้ก็ไม่มั่นคงอยู่ดี!”
……………