พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2045 ลูกเขย เจ้าหมายความว่าอย่างไร?
“ไม่ต้องสงสัยเลย เซี่ยโห้วลิ่งควบคุมตระกูลเซี่ยโห้วได้โดยสมบูรณ์แล้ว” ประมุขชิงพึมพำ จากนั้นก็กวาดสายตาเย็นเยียบมองซ่างกวนชิง “ติดต่อเซี่ยโห้วลิ่ง ถามไปตรงๆ ว่าเขาทำแบบนี้หมายความว่ายังไง!”
ซ่างกวนชิงย่อมเอ่ยรับคำสั่ง หลังจากหยิบระฆังดาราออกมาแล้ว ก็ส่ายหน้าตอบว่า “ฝ่าบาท ยังติดต่อเซี่ยโห้วลิ่งไม่ได้ขอรับ”
“เว่ยซู!” ประมุขชิงพ่นออกมาอีกสองคำ
ซ่างกวนชิงเปลี่ยนระฆังดาราติดต่อ ผ่านไปครู่เดียวก็ตอบว่า “ฝ่าบาท ไม่มีการตอบสนองเช่นกันขอรับ”
ไม่สนใจฝั่งนี้งั้นเหรอ? ประมุขชิงเผยแววตาดุร้าย “นี่เป็นใต้หล้าของข้า มีหรือที่เขาคิดจะชุบเลี้ยงใครก็ชุบเลี้ยงได้? กองทัพองครักษ์ในอาณาเขตทัพใต้ระดมพลได้เท่าไรแล้ว?”
โพ่จวินกับอู๋ฉวี่สบตากันแวบหนึ่ง แล้วโพ่จวินก็กุมหมัดคารวะ “ประมาณสี่ร้อยล้านขอรับ!”
“ฝ่าบาทคิดจะให้กองทัพองครักษ์เข้าไปแทรกแซงหรือขอรับ? ตอนนี้ยังไม่รู้ชัดว่าตระกูลเซี่ยโห้วคิดจะทำอะไรกันแน่ กองทัพองครักษ์เข้าไปยุ่งแบบนี้จะไม่ค่อยเหมาะสมหรือเปล่า?” อู๋ฉวี่สงสัย
ประมุขชิงเงียบไปครู่หนึ่ง นี่คือสิ่งที่เขากังวลเช่นกัน ตระกูลเซี่ยโห้วไม่สนใจฝั่งนี้ ก็เห็นได้ชัดว่ามีที่พึ่งพิงจึงไม่กลัว ถ้าเขาถือวิสาสะเคลื่อนไหว ก็ไม่รู้ว่าจะตกหลุมพรางหรือเปล่า ทำให้เขากังวลนิดหน่อย เขากวาดสายตามองบรรดาลูกน้อง แล้วถามว่า “หนิวโหย่วเต๋อกับฮ่าวเต๋อฟางสวมกางเกงตัวเดียวกันไม่ใช่เหรอ? ฝั่งเขามีความเคลื่อนไหวอะไรหรือเปล่า?”
“ข่าวที่คนฝั่งแดนรัตติกาลกับสายลับในจวนผู้สำเร็จราชการส่งมาล้วนพิสูจน์แล้วว่าทัพใหญ่แดนรัตติกาลไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร” ซือหม่าเวิ่นเทียนกล่าว
“หรือว่าหนิวโหย่วเต๋อกับผังก้วนสมคบกันแล้ว?” ประมุขชิงขมวดคิ้ว
อู๋ฉวี่ตอบว่า “ไม่น่าจะเป็นไปได้ขอรับ ถ้าหนิวโหย่วเต๋อจงใจช่วยผังก้วนจริงๆ ตอนนี้คงจะเคลื่อนทัพโจมตีคนของฮ่าวเต๋อฟางแล้ว ทำไมยังสะกดทัพไม่เคลื่อนไหว เฝ้ามองเสือสู้กัน? อาศัยกำลังของหนิวโหย่วเต๋อในปัจจุบัน คงไม่ถึงขั้นไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้หรอกขอรับ?”
ซือหม่าเวิ่นเทียนพยักหน้า “คงมีความเป็นไปได้สองอย่าง หนึ่งก็คือ หนิวโหย่วเต๋อถูกตระกูลเซี่ยโห้วยับยั้งไว้เหมือนกัน สองคือฝั่งผังก้วนสัญญาจะให้ผลประโยชน์กับเขา ไม่ว่าฮ่าวเต๋อฟางจะได้นั่งตำแหน่งในทัพใต้ต่อไป หรือว่าผังก้วนจะเป็นประมุข ก็ล้วนไม่ส่งผลกระทบต่อเขา ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องเสี่ยง”
ประมุขชิงหรี่ตา “ซ่างกวน ถ่ายทอดคำสั่งให้หนิวโหย่วเต๋อ ให้เขาเคลื่อนทัพโจมตีผังก้วน กู้สถานการณ์ให้ฮ่าวเต๋อฟาง!”
ทุกคนฟังแล้วเข้าใจเจตนาของเขาทันที ต้องการจะให้หนิวโหย่วเต๋อลองเชิงก่อน และเป็นการทดสอบท่าทีของฝั่งหนิวโหย่วเต๋อด้วย
“ไม่เหมาะสม!” เกาก้วนพลันเลยปากห้าม “ฝ่าบาท เห็นได้ชัดว่าหนิวโหย่วเต๋อกำลังนั่งบนภูดูเสือกัดกัน[1] ถ้าฝ่าบาทสั่งไปแบบนี้โดยไม่ให้ผลประโยชน์ เกรงว่าเขาคงไม่เคลื่อนทัพ”
ประมุขชิงบอกว่า “ลองดูก็ไม่เป็นอะไร!” แล้วพยักหน้าให้ซ่างกวนชิง บอกไม่ให้ซ่างกวนชิงติดต่อเหมียวอี้
ซ่างกวนชิงหยิบระฆังดาราออกมาจัดการตามที่สั่ง ตอนนี้มีวิธีติดต่อเหมียวอี้โดยตรง
บนตึกศาลาจวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาล เหมียวอี้ที่ยืนอยู่หน้าแผนที่ดาวหยิบระฆังดาราอนึ่งออกมา แล้วกล่าวกับสองคนข้างกายด้วยรอยยิ้มว่า “ผู้การใหญ่ซ่างกวนส่งข่าวมาแล้ว”
สองหยางสบตากันแล้วยิ้ม ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นอย่างที่คาดไว้
เหมียวอี้ยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ เขย่าระฆังดาราตอบกลับไป
ในตำหนักใหญ่ของพระตำหนักอุทยาน ซ่างกวนชิงที่กำลังถือระฆังดาราชะงักไป แล้วรายงาน “ฝ่าบาท หนิวโหย่วเต๋อบอกว่านี่เป็นเรื่องในครอบครัวของทัพใต้ ถ้าเขาไปแทรกแซงจะถือว่าไม่ชอบธรรม!”
ประมุขชิงพลันตะคอกอย่างเดือดดาล “ไอ้สารเลว คำสั่งของข้ายังถือว่าไม่ชอบธรรมอีกเหรอ? สั่งให้เขาเคลื่อนทัพเดี๋ยวนี้!”
ซ่างกวนชิงแอบทอดถอนใจ สิ่งที่เรียกว่าอาศัยกำลังทหารแข็งข้อต่อเบื้องบนคืออะไร ก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่หรอกหรือ? แต่ไหนแต่ไรมา ไม่ว่าจะเป็นโรคมนุษย์หรือตำหนักสวรรค์ คำสั่งราชันก็เป็นเช่นนี้ ถ้าเบื้องล่างไม่สนับสนุน ต่อให้เป็นคำสั่งโดยตรงก็ทำให้กลายเป็นสิ่งที่ไม่ชอบธรรมได้ นี่คือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มิหนำซ้ำยังไม่ใช่คำสั่งแบบเปิดเผย อีกฝ่ายมีเหตุผลมาอ้างเพื่อปฏิเสธอยู่แล้ว
แต่เขาก็ยังจะทำแบบนี้ ผ่านไปครู่เดียวก็ตอบอีกว่า “ฝ่าบาท หนิวโหย่วเต๋อบอกว่า เขาก็อยากจะรับบัญชานี้ แต่พี่น้องเบื้องล่างไม่มีใครอยากถือหัวไปช่วยคนอื่นแย่งแย่งอาณาเขตกัน เขาต้องการคำอธิบายที่ฟังขึ้น”
ประมุขชิงแสยะยิ้ม “สงสัยถ้าไร้ผลประโยชน์คงไม่ตื่นเช้าจริงๆ เขาเอ่ยปากขอผลประโยชน์แล้ว ถามเขาว่าต้องการอะไร?”
ซ่างกวนชิงถามแล้ว ตอบว่า “เขาบอกว่าอาณาเขตแดนรัตติกาลเล็กเกินไป คนมากมายขนาดนี้เบียดกันอยู่ที่ปราสาทดำเนินจันทร์ไม่ค่อยสะดวก ถามฝ่าบาทว่าถ้ากำจัดผังก้วนแล้ว อาณาเขตสายเถาะของผังก้วนจะจัดการอย่างไร นอกจากนี้เขาก็ยังหวังว่าจะได้ความชอบธรรม แม้ตอนนี้จะไม่ได้รับคำสั่งอย่างเปิดเผย แต่หวังว่าฝ่าบาทจะสามารถแจ้งข่าวอย่างเป็นทางการผ่านตลาดสวรรค์ พิสูจน์ว่าเขาได้รับคำสั่งจากฝ่าบาทให้ไปปราบกบฏ”
“ข้ารับปากเขา ให้เขาเครื่องทัพเดี๋ยวนี้!” ประมุขชิงไม่ลังเล
“ฝ่าบาท!” เกาก้วนกุมหมัดคารวะอีกว่า “อย่าให้กระแสนิยมนี้เติบโต!”
ประมุขชิงแสยะยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอก ถ้าเขาช่วยกู้สถานการณ์ให้ฮ่าวเต๋อฟางได้จริงๆ ฮ่าวเต๋อฟางจะมอบอาณาเขตสายเถาะให้เขาหรือเปล่าก็เป็นปัญหาหนึ่ง ให้พวกเขาไปวุ่นวายกันเอาเอง”
เหมียวอี้ที่ยืนอยู่ข้างแผนที่ดาวเก็บระฆังดารา มองหยางชิ่งที่อยู่ทางซ้าย มองหยางเจาชิงที่อยู่แถวขวา แล้วจู่ๆ ก็เงยหน้าหัวเราะลั่น
สองหยางหัวเราะตามเช่นกัน ไม่ต้องบอกเลย แผนการนี้สำเร็จแล้วแน่นอน ไม่อย่างนั้นนายท่านจะดีใจขนาดนี้หรือ
พอเก็บแผนที่ดาว ทั้งสามคนก็กระโดดลงจากตึกศาลาทันที เหมียวอี้เดินนำเข้าไปในวังใต้ดิน โบกมือให้ทหารยามหลีกไป
เหมียวอี้เดินก้าวยาวเข้ามาในวังใต้ดิน หันไปหาบรรดาแม่ทัพในตำหนักหลักที่มองมา หยุดเดินแล้วกล่าวเสียงดังว่า “ทุกคน โอกาสที่พวกเราจะหลุดพ้นจากความลำบากมาถึงแล้ว ถ่ายทอดคำสั่งทหารของข้า ระดมกำลังพลทั้งหมด โจมตีออกจากแดนรัตติกาล!”
บรรดาแม่ทัพฮึกเหิมกระปรี้กระเปร่า เลือดร้อนพลุ่งพล่าน อดทนลำบากมาหลายปีขนาดนี้ ในที่สุดก็รอจนวันนี้มาถึง พวกเขากุมหมัดคารวะพร้อมกัน “น้อมรับบัญชาผู้ตรวจการใหญ่!”
วังใต้ดินคลายผนึกแล้ว บรรดาแม่ทัพรีบออกมา แล้วเริ่มระดมพลอย่างโจ่งแจ้งเปิดเผยโดยไม่กลัวอะไร
ประตูคุกใหญ่เปิดออก เหมียวอี้เดินก้าวยาวเข้ามา ยืนตรงหน้าประตูคุก แล้วมองพวกเวินเจ๋อที่โดนขังอยู่ข้างใน
พวกเวินเจ๋อกรูเข้ามายืนตรงหน้ากรงคุก เวินเจ๋อถามอย่างโมโหว่า “หนิวโหย่วเต๋อ จับพวกเรามาแล้วไม่สอบสวน ถามก็ไม่ถาม เจ้ามีเจตนาอะไรกันแน่?”
เหมียวอี้หยุดเดิน มายืนอยู่ตรงหน้าเขา “พี่เวิน ข้าถามเจ้าคำเดียว คิดให้ดีแล้วค่อยตอบ เจ้าเป็นคนของทัพใหญ่แดนรัตติกาล หรือเป็นคนของตำหนักสวรรค์?”
เวินเจ๋ออึ้งไปชั่วขณะ แล้วตอบอย่างเดือดดาลทันทีว่า “หนิวโหย่วเต๋อ ตำหนักสวรรค์ดูแลเจ้าอย่างดี ถ้าไม่มีฝ่าบาทชุบเลี้ยงเจ้า เจ้าจะกลายเป็นผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลได้อย่างวันนี้เหรอ ทำไมถึงพูดจาจาบจ้วงแบบนี้ ทัพใหญ่แดนรัตติกาลไม่ใช่ส่วนหนึ่งของตำหนักสวรรค์หรือไง?”
เหมียวอี้หันหน้ามาแล้วเดินต่อไป พูดทิ้งท้ายอย่างเย็นเยียบว่า “จวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลเล็กเกินไป รับมหาเทพอย่างพวกเจ้าไว้ไม่ไหวหรอก ทัพใหญ่ของข้ากำลังขาดศีรษะสังเวยธงรบพอดี!”
ประตูคุกเปิดออก ทหารยามหลายคนพุ่งเข้าไปอย่างดุร้ายราวกับเสือ ควงดาบฟันอย่างบ้าคลั่ง คนพวกนี้ที่ถูกสะกดพลังอิทธิฤทธิ์ไว้จะต้านทานได้อย่างไร
ท่ามกลางเสียงกรีดร้องอันน่ารันทด เวินเจ๋อที่มือเต็มไปด้วยเลือดสดดิ้นรนนั่งคุกเข่า เขย่ากรงกล่าวอย่างเดือดดาลว่า “หนิวโหย่วเต๋อ เจ้าคิดจะก่อกบฏ เจ้าต้องไม่ตายดี”
แสงสะท้อนคมดาบแวบผ่าน ขณะเหวินเจ๋อล้มลงจมกองเลือด ในหัวก็ปรากฏภาพที่นั่งดื่มสุรากับเหมียวอี้ที่อุทยานหลวงในปีนั้น
เหมียวอี้ที่เดินออกจากคุกเงยหน้ามองฟ้า ในหัวมีภาพดื่มสุราเคล้าเสียงหัวเราะกับเวินเจ๋อที่อุทยานหลวงแวบเข้ามา เขาเงยหน้าถอนหายใจยาว แล้วเดินก้าวยาวออกไปด้วยแววตาเด็ดเดี่ยวแน่วแน่…
ท่ามกลางทัพชุลมุน หลี่อันที่เลือดออกปากออกจมูกแขนขาไร้เรี่ยวแรง เกราะหัวเอียงอยู่บนคอ มวยผมถูกดึงอยู่ในมือฮ่าวเต๋อฟาง
ภายใต้วงล้อมของทัพอารักขา ฮ่าวเต๋อฟางสังหารอย่างบ้าคลั่งพักหนึ่ง จะจับโจรต้องจับหัวหน้าโจรก่อน เขาพุ่งตรงไปที่เป้าหมายทันที หลังจากต่อสู้ดุเดือดมานาน ในที่สุดก็ได้ปะทะกับหลี่อันแล้ว
หลี่อันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย สุดท้ายก็โดนฮ่าวเต๋อฟางโจมตีจนสาหัส ตกอยู่ในมือฮ่าวเต๋อฟางแล้ว เขายิ้มอย่างน่าเวทนาขณะมองฮ่าวเต๋อฟางด้วยแววตาไร้เรี่ยวแรง
“โจรสุนัข! อ๋องผู้นี้ดูแลเจ้าไม่ดีรึ บังอาจทรยศข้า!”
ฮ่าวเต๋อฟางที่เลือดท่วมตัวตะคอกหลี่อัน ไม่ถามด้วยว่าทรยศเขาทำไม ลงดาบอย่างไม่ลังเล ฟันศีรษะหลี่อันเสียเลย จากนั้นชูมือขึ้น ตะโกนเสียงดังว่า “โจรกบฏหลี่อันโดนตัดหัวแล้ว!”
ทัพกบฏขาดคนบัญชาการแล้ว ชุลมุนวุ่นวายทันที กอปรกับกำลังอ่อนแอ ความพ่ายแพ้มาเยือนเร็วขึ้น
ทหารอารักขาโดยรอบยังคงเข่นฆ่าสุดชีวิต ฮ่าวเต๋อฟางกวาดสายตาเย็นเยียบมองไปรอบๆ ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเกิดสถานการณ์ทรยศหมู่ เพราะตระกูลเซี่ยโห้วสอดมือเข้ามาแทรก สิ่งนี้ทำให้เขาคิดดูแล้วตัวสั่น นี่ต้องเป็นกับดักที่ตระกูลเซี่ยโห้ววางไว้ข้างกายตนมาหลายปีแล้วแน่ๆ ไม่อย่างนั้นจะควบคุมกำลังพลทั้งหมดนี้ในทัพอารักขาในเวลาสั้นๆ โดยไม่ให้เขาพบพิรุธสักนิดเลยได้อย่างไร? ถ้าวันไหนมีเพียงกำลังพลชุดนี้คอยคุ้มกันตน และต้องการลงมือสังหารตนขึ้นมา เกรงว่าคงยากจะรอดพ้นหายนะ
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ในอาณาเขตทัพใต้เกิดเรื่องไปทั่ว พวกโค่วหลิงซวีถูกตระกูลเซี่ยโห้วยับยั้งไว้ ตระกูลเซี่ยโห้วจะเล่นงานเขาให้ถึงตายให้ได้ เขาคิดไม่ตกว่าทำไมตระกูลเซี่ยโห้วต้องทำอย่างนี้? แต่ไหนแต่ไรมายามทั้งสองฝ่ายมีอะไรขัดแย้งกันก็ไม่ถึงขั้นล้ำเส้น ตัวเองไม่ได้ล่วงเกินตระกูลเซี่ยโห้วจนถึงตายด้วย ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ ทำแบบบนี้แล้วตระกูลเซี่ยโห้วได้ผลประโยชน์อะไรเหรอ? หรือว่าคนในครอบครัวตัวเองไปทำเรื่องล่วงเกินอะไรไว้แล้วตนไม่รู้?
เขาเข้าใจชัดเจนมาก ตอนนี้พวกโค่วหลิงซวียังเอาตัวเองไม่รอด ภายในเวลาสั้นๆ นี้เลิกคิดจะขอการสนับสนุนจากพวกเขาไปได้เลย ตอนนี้เกรงว่าความหวังเดียวของเขาจะเป็นตำหนักสวรรค์ ประมุขชิงไม่มีทางนิ่งดูดายเมื่อเห็นกลุ่มอำนาจใหญ่กับตระกูลเซี่ยโห้วสมคบกัน
“ท่านอ่อง ข่าวดี!” ซูอวิ้นที่เลือดท่วมตัวอยู่ข้างๆ รายงานข่าวดี “ตลาดสวรรค์แต่ละแห่งประกาศข่าวอย่างเป็นทางการแล้ว ตำหนักสวรรค์สั่งให้หนิวโหย่วเต๋อนำทัพใหญ่แดนรัตติกาลออกมาโจมตีแล้ว ช่วยท่านอ๋องปราบโจรกบฏผัง!”
ฮ่าวเต๋อฟางกวาดมองกำลังพลรอบๆ แวบหนึ่ง ถ้านับรวมกับทัพกบฏ ทัพอารักขาที่ตัวเองพามาเสียหายไปเกือบห้าล้านแล้ว ถูกทัพกบฏก่อกวนอย่างนี้ โดนโจมตีศูนย์กลางจนลนลานทำอะไรไม่ถูก ฝ่าวงล้อมไม่ทันเวลา โดนทัพใหญ่ของผังก้วนล้อมไว้อย่างแน่นหนาแล้ว ตอนนี้มีแค่ต้องยืนหยัดเอาไว้ให้ถึงที่สุดเท่านั้น พยายามช่วงชิงเวลา
“หวังว่าจะมาทัน” ฮ่าวเต๋อฟางกล่าวอย่างใจเย็น
ในขณะนี้เอง จู่ๆ เหมียวอี้ก็ส่งข่าวมา ฮ่าวเต๋อฟางหยิบระฆังดาราออกมา ถามว่า : ผู้ตรวจการใหญ่มีอะไรจะชี้แนะ?
เหมียวอี้ : ข้าได้รับบัญชาการตำหนักสวรรค์ให้มาช่วยท่านอ๋อง ท่านอ๋องได้โปรดแจ้งสถานการณ์กองทัพในแต่ละพื้นที่ต่อฝ่ายข้าให้ทันเวลา จะได้ไม่เกิดความเข้าใจผิดอะไรกัน!
ฮ่าวเต๋อฟาง : รบกวนแล้ว
เหมียวอี้ : ท่านอ๋องต้องยืนหยัดไว้นะ!
สถานการณ์รบเหมือนจะไม่เอื้อประโยชน์ต่อฝั่งผังก้วนแล้ว
พลังรบอารักขาของฮ่าวเต๋อฟางทัพห้าวหาญกว่าที่ผังก้วนคาดไว้ ทัพกบฏในทัพอารักขาถูกปราบหมดเร็วมาก และความเสียหายฝั่งเขาก็แทบจะสูงถึงสิบล้านคนแล้ว
ยิ่งมีทัพอารักขาแปดสิบล้านของฮ่าวเต๋อฟางเทรังออกมา โจมตีอย่างดุเดือดมาตลอดทาง บุกหน้าเหมือนผ่าลำไผ่ โจมตีทัพใหญ่ของเขาที่มาสกัดตามเส้นทางต่างๆ แพ้หมดแล้ว กำลังมุ่งหน้าเข้ามาทางนี้
ที่ร้ายแรงกว่านั้นก็คือ ฮ่าวเต๋อฟางรู้เรื่องที่ประมุขชิงสั่งให้ทัพใหญ่แดนรัตติกาลมาช่วยแล้ว ไม่มีทางที่ผังก้วนจะไม่รู้ แม้ต้วนชุนเอ๋อร์จะหาข้ออ้างมาปลอบใจ แต่เขาก็ยังไม่วางใจ
พอรู้ข่าวนี้ เขาก็อยากจะล้วงระฆังดาราออกมาติดต่อเหมียวอี้ แต่ใครจะคิดว่าเหมียวอี้จะเป็นฝ่ายติดต่อเขามาก่อน บอกว่า : ท่านจอมพล ประมุขชิงสั่งให้ข้านำทัพใหญ่ปราบกำลังพลสายเถาะ!
ผังก้วนได้ยินแล้วอกสั่นขวัญแขวน รีบถามว่า : ลูกเขย เจ้าหมายความว่ายังไง?
เหมียวอี้ : ท่านพ่อตาอย่าร้อนใจ ถ้าเชื่อฟังประมุขชิงข้าก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร จะไปเชื่อฟังได้ยังไง! ถ้าปล่อยให้ศึกนี้ยืดเยื้อต่อไปก็ไม่ใช่แผนการที่ดีในระยะยาว ลูกเขยมีมีแผนการที่จะทำให้สำเร็จในรวดเดียว แต่ฝั่งท่านพ่อตาต้องถ่วงเวลาให้ข้าหนึ่งวัน แล้วรายงานสถานการณ์กองทัพแต่ละพื้นที่ให้ข้าให้ทันเวลา…
พอฟังแผนการของเหมียวอี้จบ ผังก้วนก็ตาลุกวาว บอกกับเฉินหวยจิ่วด้วยความทึ่งว่า “มีความสามารถสมคำร่ำลือ ลูกเขยคนดีของข้าช่างเชี่ยวชาญการศึก เสี้ยวเสี้ยวแต่งงานไม่ผิดคน!”
เฉินหวยจิ่วงุนงง ไม่รู้ว่าทำไมเขาพูดอย่างนี้?
ผังก้วนรีบเร่งแล้ว “รีบแจ้งลงไป ถ้ากำลังพลของข้าปะทะกับทัพใหญ่แดนรัตติกาลก็ต้องแพ้เท่านั้น ห้ามชนะ สร้างสถานการณ์โจมตีสกัดที่เข้าท่า ช่วยล่อข้าศึกให้ลูกเขยของข้า…”
………………