พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2049 พวกเราตกหลุมพรางแล้ว
“ฝ่าบาท!” เมื่อเห็นขุนนางกับราขันกำลังจะทะเลาะกันอีกแล้ว อู๋ฉวี่ก็รีบพูดตัดบท เปลี่ยนประเด็นสนทนา “ตอนนี้จุดประสงค์ของหนิวโหย่วเต๋อชัดเจนแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อตั้งแตแรกว่าตัวเองจะได้อาณาเขตสายเถาะอย่างราบรื่น ไม่เชื่อด้วยว่าฮ่าวเต๋อฟางจะให้เขาง่ายๆ ดังนั้นเขาถึงได้วางแผนการโจมตีนี้ขึ้นมา เขาไม่เอากำลังพลของตัวเองไปสิ้นเปลืองกับผังก้วนเลย เขากำลังยืมมือผังก้วนกำจัดทัพเกรียงไกรของฮ่าวเต๋อฟาง พอทั้งสองฝั่งสู้กันจนเสียหายพอสมควรแล้ว เขาค่อยเข้าร่วมศึกตัดสินได้รวดเดียว ถ้าร่วมมือกับทัพเกรียงไกรที่เหลือของฮ่าวเต๋อฟางก็จะกำจัดผังก้วนทิ้งได้อย่างง่ายดาย แบบนี้เขาก็จะได้อาณาเขตสายเถาะของผังก้วนแล้ว ส่วนฮ่าวเต๋อฟาง ต่อไปก็ไม่มีกำลังที่จะเตะเขาออกจากเรื่องนี้ง่ายๆ แล้ว!”
เกาก้วนพยักหน้า “เขาเองยังสามารถรักษากำลังเอาไว้คุมสายเถาะได้ด้วย”
ซือหม่าเวินเทียนถอนหายใจ “หรือพูดได้อีกอย่างว่า เขาไม่แยแสเลยว่าจะช่วยกู้สถานการณ์ให้ฮ่าวเต๋อฟางได้หรือไม่ ไม่สนใจความเป็นความตายของฮ่าวเต๋อฟางเลยสักนิด เป้าหมายของเขาชัดเจนมาก นั่นก็คือทำให้ฮ่าวเต๋อฟางกับผังก้วนสิ้นเปลืองกำลังพล เขาก็แค่จะเอาอาณาเขตสายเถาะ!”
“ช่างเป็นคนสารเลวที่ปลิ้นปล้อน!” ประมุขชิงแค้นจนกัดฟันกรอด ตอนนี้ทั้งใต้หล้ารู้หมดแล้วว่าเขาสัญญาจะมอบอาณาเขตสายเถาะให้หนิวโหย่วเต๋อเพื่อสั่งให้หนิวโหย่วเต๋อเคลื่อนทัพ สุดท้ายหนิวโหย่วเต๋อก็เคลื่อนทัพไปปราบผังก้วนแล้วจริงๆ เอาสายเถาะไปอย่างชอบธรรม ถึงตอนนั้นตัวเองไม่มีแม้กระทั่งข้ออ้างให้กลืนคำพูด ใครกล้าบอกล่ะว่าหนิวโหย่วเต๋อไม่ออกแรง? ส่วนฮ่าวเต๋อฟางนั้น จะช่วยได้หรือไม่ได้ก็ไม่ได้สำคัญสำหรับหนิวโหย่วเต๋อแล้ว
ทว่าสำหรับฮ่าวเต๋อฟางในตอนนี้ เดินมาถึงขั้นนี้แล้ว มีหรือที่จะยังไม่รู้แผนดีดลูกคิดรางแก้ว[1]ของหนิวโหย่วเต๋อ แต่สำหรับเขาในตอนนี้ เรื่องพวกนี้ล้วนไม่สำคัญแล้ว ที่สำคัญก็คือหนิวโหย่วเต๋อยินดีที่จะช่วยเขาอีกแรง
บนจุดยุทธศาสตร์จากน่านฟ้าชวดอู้ไปน่านฟ้าขาลกุ่ย ตอนนี้การแสดงบทสู้กันเอาเป็นเอาตายยังคงดำเนินต่อไป กำลังพลสายตระกูลผังกัดไม่ปล่อย ทัพใหญ่ฝั่งตระกูลฮ่าวสู้ไม่ถอย
ทัพใหญ่ฝั่งตระกูลฮ่าวที่บุกหน้าเหมือนผ่าลำไผ่มาตลอดทาง ตอนนี้ถูกทัพใหญ่ของผังก้วนพัวพันอยู่ที่นี่ ศัตรูเยอะเราแย่จริงๆ จากกำลังพลหกสิบกว่าล้าน ตอนนี้สู้จนเหลือไม่ถึงสามสิบล้าน รบเสียหายไปเกินครึ่งแล้ว
และเมื่อเผชิญกับการโจมตีอย่างบ้าคลั่งของทัพฮ่าวเต๋อฟาง กำลังพลสายตระกูลผังที่บัญชาการโดยลู่หลงก็ยิ่งบาดเจ็บล้มตายยับเยิน กำลังพลเกือบสองร้อยล้าน ตอนนี้สู้จนเหลือแค่แปดสิบล้านแล้ว รบมานานมากจนถึงตอนนี้ ทหารล้วนอ่อนเพลียถึงขีดสุด แต่ลู่หลงก็เข้าใจแจ่มแจ้ง ว่าถึงช่วงเวลาสำคัญที่สู้กันเอาเป็นเอาตายแล้ว ต่อให้ตายก็ถอยไม่ได้ ไม่อย่างนั้นความพยายามที่ทุ่มเทไปก็จะเสียเปล่า
กำลังพลฝั่งตระกูลฮ่าวที่บัญชาการโดยอินสวี่ก็อ่อนล้าหมดแรงเช่นกัน ต่อให้บนตัวมีของมาเติมพลัง แต่ตอนนี้ก็ไม่มีเวลาให้พวกเขาฟื้นฟูตัวเอง
ฝั่งเขาก็เยี่ยมยอดเช่นกัน มีกำลังพลกลุ่มเล็กฝ่าวงล้อมออกไปได้เป็นระยะ ทว่าพอมาถึงประตูดวงดาวตรงจุดยุทธศาสตร์ ก็ถูกลูกธนูดาวตกยิ่งใส่ราวกับห่าฝน ระงับไม่ให้พวกเขาผ่านไป
สุดท้ายก็โดนบีบจนไร้ทางเลือก ทำได้เพียงดันทุรังใช้กำลังปะทะ
มีข่าวส่งมาทางระฆังดารา อินสวี่ที่บัญชาการทัพกลางหยิบระฆังดาราออกมา เป็นข้อความจากฮ่าวเต๋อฟาง ฮ่าวเต๋อฟางบอกเขาว่า ทัพใหญ่แดนรัตติกาลของหนิวโหย่วเต๋อกำลังจะมาถึงแล้ว ต้องการให้พวกเขายืนหยัดอีกหน่อย!
อินสวี่ได้ยินแล้วฮึกเหิม กางแขนตะโกนเสียงดังว่า “หนิวโหย่วเต๋อนำทัพใหญ่แดนรัตติกาลห้าสิบล้านมาแลว จะมาถึงภายในครึ่งชั่วยามนี้ ทุกคนยืนหยัดไว้!”
ขวัญกำลังใจทหารฝั่งนี้เพิ่มขึ้นพรวดพราดแล้วจริงๆ พากันตะโกนเสียงดังว่า “กองหนุนห้าสิบล้านของแดนรัตติกาลมาถึงแล้ว กองหนุนแดนรัตติกาลใกล้จะถึงแล้ว!”
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนนี้ กำลังพลสายตระกูลผังก็ใจแป้วทันที แค่กำลังพลสามสิบล้านนี้ก็จัดการยากแล้ว ถ้ามีทัพใหญ่แดนรัตติกาลมาอีกห้าสิบล้าน ทุกคนอ่อนล้าหมดแรงขนาดนี้ จะต้านไหวได้อย่างไร?
ที่จริงเหมียวอี้ก็แจ้งสองฝั่งให้รู้พร้อมกัน ด้านหนึ่งแจ้งให้ฮ่าวเต๋อฟางรู้ อีกด้านหนึ่งแจ้งให้ผังก้วนรู้
ฝั่งลู่หลงก็ได้ข่าวจากผังก้วนเช่นกัน ผังก้วนรู้ว่าฝั่งนี้รบอย่างยากลำบาก รู้ว่าช่วงเวลาสำคัญมาถึงแล้ว ไม่อาจปล่อยให้เกิดช่องโหว่ได้ เพื่อทำให้ลู่หลงมั่นใจ ตอนนี้จึงเปิดเผยความจริงให้รู้ ว่าไม่ใช่แค่ร่วมมือกับหนิวโหย่วเต๋อแล้วเท่านั้น ที่จริงแล้วหนิวโหย่วเต๋อเป็นลูกเขยของเขาด้วย เป็นสามีของผังเสี้ยวเสี้ยว!
ผังก้วนต้องการให้เขายืนหยัดไว้ ให้ความร่วมมือกับแผนการของหนิวโหย่วเต๋อในการกำจัดทัพเกรียงไกรของฮ่าวเต๋อฟางทั้งหมดในรวดเดียว ศึกนี้จะต้องกำจัดปัญหาในทัพใต้ให้หมดสิ้น สละชีพตอนนี้ก็เพื่อลดการสละชีพที่จะเกิดขึ้นในอนาคต!
สิ่งนี้ทำให้ลู่หลงผิดคาดจริงๆ เขารู้ตั้งนานแล้วว่าจอมพลดึงหนิวโหย่วเต๋อมาเป็นพวก ถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งนี้ เกรงว่าเขาคงไม่พอใจกับการบัญชาการของผังก้วนไปนานแล้ว เพียงแต่นึกไม่ถึงเลยว่าหนิวโหย่วเต๋อจะกลายเป็นลูกเขยของจอมพลไปแล้ว จอมพลฉลาดล้ำลึกจริงๆ ด้วย
ลู่หลงที่บัญชาการทัพกลางชำเลืองมองกำลังพลฝั่งตระกูลฮ่าวที่กำลังตะโกน มุมปากเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ ทัพใหญ่แดนรัตติกาลยังไม่มาเท่านั้นเอง ถ้ามาแล้วก็ถึงเวลาตายของพวกเจ้าแล้ว
“แม่ทัพทุกคนอย่าได้กลัว แม่ทัพฮูเหยียนนำกองหนุนร้อยล้านมาแล้ว!” ลู่หลงตะโกนเรียกขวัญกำลังใจทหาร
ในศูนย์บัญชาการทัพใหญ่แดนรัตติกาล พอฝ่าเข้าน่านฟ้าชวดอู้มาแล้ว พวกเหิงอู๋เต้าก็ตกตะลึงพรึงเพริด การตัดสินใจของเหมียวอี้ทำให้พวกเขาตะลึงค้าง
ไม่น่าเชื่อว่าการเคลื่อนทัพครั้งนี้จะไม่ได้มาเพื่อช่วยฮ่าวเต๋อฟาง แต่เป็นการช่วยผังก้วน
เหมียวอี้กวาดสายตามองทุกคน แล้วกล่าวเสียงเรียบว่า “ทุกคน คำพูดประมุขชิงเชื่อถือไม่ได้หรอก มีหรือที่ฮ่าวเต๋อฟางจะยอมให้อาณาเขตง่ายๆ ถ้าปล่อยให้ฮ่าวเต๋อฟางได้พักหายใจ แล้วรวบรวมกำลังพลสายมะโรงกับสายมะเส็งเมื่อไร พวกเราก็ใช้กำลังเอาชนะไม่ไหว สนับสนุนผังก้วนจะคุ้มกว่า!”
บรรดาแม่ทัพมองหน้ากันเลิกลั่ก นี่คือการขัดบัญชาอย่างโจ่งแจ้ง!
หวงลี่ขมวดคิ้ว “ผู้ตรวจการใหญ่ กองทัพองครักษ์จับจ้องอยู่ ผลที่ตามมาจากการขัดบัญชาร้ายแรงมาก ถ้ากองทัพองครักษ์ลงมือเมื่อไร เกรงว่าพวกเราจะลำบากมาก”
“ไม่น่ากังวลหรอก ข้ามีแผนดีๆ รับมืออยู่แล้ว!” เหมียวอี้ตอบอย่างสบายๆ
ตรงจุดยุทธศาสตร์ทางผ่านเข้าน่านฟ้าขาลกุ่ย ทัพใหญ่สองทัพยังคงเข่นฆ่ากันอย่างดุเดือด
ทัพใหญ่แดนรัตติกาลที่บุกโจมตีมาเป็นเวลานาน ในที่สุดก็มาถึงแล้ว ตั้งกระบวนทัพโจมตีตั้งแต่ไกลๆ
“กองหนุนมาถึงแล้ว!”
“กองหนุนมาถึงแล้ว!”
กำลังพลฝั่งตระกูลฮ่าวที่ทำศึกเลือดด้วยความยากลำบากเปล่งเสียงร้องดีใจอย่างบ้าคลั่ง บางคนก็ยิ่งดีใจจนน้ำตาไหล เป็นเพราะศึกนี้ขื่นขมเกินไปแล้ว สละชีวิตพี่น้องไปมากมายขนาดนั้น ทุกคนไม่มีเวลาปรับปรุงกำลังเลย เหนื่อยล้าอ่อนแรงเกินไปแล้ว
เมื่อบรรดาอนุภรรยาของฮ่าวเต๋อฟางเห็นกองหนุน บางคนก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้โฮ ร้องไห้อย่างเจ็บปวดรวดร้าว พวกผู้หญิงที่ได้สัมผัสประสบการณ์ของสงครามว่าโหดร้ายขนาดไหน ในที่สุดก็มองเห็นความหวังแล้ว
เหมียวอี้ที่สวมเกราะรบทั้งตัวลอยมาอยู่ตรงหน้าทัพใหญ่ โบกทวนชี้ แล้วตะโกนสั่งด้วยสีหน้าเย็นชา “ฆ่า!”
“ฆ่า!”
ทัพใหญ่แผดเสียงคำรามทันที บุกทะลวงวงล้อมโดยตรง ฝ่าวงล้อมกำลังพลของตระกูลผัง พวกเหมียวอี้ที่ถูกคุ้มกันอยู่ในทัพกลางไหลเข้าไปรวมกับกำลังพลฝั่งตระกูลฮ่าวแล้ว
พอนำทัพบุกเข้ามาแล้ว เหมียวอี้ก็ตะโกนถาม “ใครคือแม่ทัพหลัก!”
อินสวี่รีบให้กำลังพลหลีกทาง ก้าวขึ้นมาข้างหน้าแล้วกุมหมัดคารวะ “ผู้ตรวจการทัพขวาอินสวี่ คารวะผู้ตรวจการใหญ่!” ท่าทีสุภาพจริงๆ ถ้าพูดถึงตำแหน่ง เขาถือว่าสูงกว่าเหมียวอี้ แต่ตอนนี้เหมียวอี้ล้ำค่ายิ่งกว่าบรรพบุรุษของพวกเราเสียอีก หลังจากทำความเคารพแล้วก็คว้าข้อมือเหมียวอี้อีก แล้วกล่าวอย่างซาบซึ้งใจว่า “กองหนุนของผู้ตรวจการใหญ่มาได้ทันเวลา มาได้ทันเวลามาก!”
พวกผู้หญิงที่อยู่ฝั่งซายและขวากรูกันออกมา เป็นอนุภรรยาของฮ่าวเต๋อฟางนั่นเอง พวกนางพากันคำนับเหมียวอี้ “คำนับผู้ตรวจการใหญ่!”
คาดว่ายามปกติคงไม่เห็นเหมียวอี้อยู่ในสายตา
หนึ่งในนั้นถึงขั้นปาดน้ำตา “ผู้ตรวจการใหญ่ รีบไปช่วยท่านอ๋องเถอะค่ะ!”
เหมียวอี้กวาดสายตาเย็นชามองกลุ่มผู้หญิงที่เลือดท่วมตัว พยักหน้าเชาๆ แล้วหันไปบอกอินสวี่ว่า “แม่ทัพอิน เรื่องนี้ชักช้าไม่ได้ สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”
“ท่านดู…” อินสวี่โบกมือชี้ไปรอบๆ ทันที รีบอธิบายสถานการณ์คร่าวๆ ให้เหมียวอี้ฟัง
ใครจะคาดคิด ทันใดนั้น ทวนยาวในมือเหมียวอี้พลันแทงออกมา ฉวยโอกาสตอนอินสวี่ไม่ระวังตัว แทงเข้าไปตรงหน้าอกใต้รักแร้ของอินสวี่โดยตรง
“อา…” อินสวี่คำรามอย่างเดือดดาล แล้วชกกำปั้นใส่เหมียวอี้หมัดหนึ่ง
เหมียวอี้ควงหมัดชกกลับมาอย่างห้าวหาญ บนหมัดเหล็กมีจุดสีดำขนาดเท่าไข่นกหมุนวน มัดของเขาชนปะทะกับมัดของอินสวี่
แกร๊ง!เหมียวอี้สะเทือนจนกระเด็นออกไป แต่ถูกซิงที่อยู่ข้างหลังใช้มือคว้าตัวไว้
อินสวี่ที่เดิมทีก็โดนจู่โจมจนสาหัสอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ยิ่งกระอักเลือดสดออกมา ตรงจุดที่โดนทวนแทงมีเลือดทะลักอย่างบ้าคลั่ง ตัวที่กระเด็นออกไปถูกคนของตัวเองคว้าไว้เช่นกัน
ชั่วพริบตานั้น ยอดฝีมือที่อยู่ข้างหลังเหมียวอี้พุงออกมาแล้ว ทำศึกเดือดกับคนข้างกายอินสวี่ ทัพใหญ่แดนรัตติกาลเปลี่ยนทิศทางการโจมตีทันที ทุ่มกำลังทั้งหมดเพื่อล้อมปราบกำลังพลฝั่งตระกูลฮ่าว
“หนิวโหย่วเต๋อ…” อินสวี่คำรามอย่างเศร้าโศก ลมหายใจอ่อนลงเรื่อยๆ คนข้างกายตะโกนเรียกผู้ตรวจการทัพขวา พยายามนำสมุนไพรเซียนซิงหัวออกมาช่วยแต่ก็ไม่ได้ผล
อินสวี่ดิ้นรนคว้าข้อมือคนคนนั้น เค้นเสียงและถลึงตาบอกว่า “รีบรายงาน…รีบรายงานท่านอ๋อง…กู้สถานการณ์ไม่ได้แล้ว…ให้ท่านอ๋องคิดหาทางฝ่า…วงล้อม…”
เหมียวอี้ที่ถูกกำลังพลคุ้มครองเลือดกลบปาก “ถุย” เอียงหน้าพ่นเลือดสดออกมาคำหนึ่ง
พวกซิงที่อยู่ข้างๆ มองเหมียวอี้อย่างประหลาดใจ นึกไม่ถึงว่าวรยุทธ์อย่างเหมียวอี้จะใช้กำลังปะทะกับอินสวี่ตรงๆ ได้ แม้จะมองออกว่าเหมียวอี้วรยุทธ์ไม่สูงเท่าอินสวี่ แต่การโจมตีเมื่อครู่นี้ของอินสวี่ก็ไม่ได้อ่อนแอแน่นอน นึกไม่ถึงว่าผู้ตรวจการใหญ่จะต้านไหว ดูเหมือนไม่มีปัญหาอะไรมาก เห็นตราอิทธิฤทธิ์ตรงหว่างคิ้วผู้ตรวจการใหญ่ก็ยังไม่ถึงระดับสำแดงฤทธิ์ ทำไมถึงรับการโจมตีที่รุนแรงขนาดนี้ไหว?
หารู้ไม่ว่าแม้เหมียวอี้จะต้านไหว แต่กลับสะเทือนจนชาไปทั้งตัว ยังคงบาดเจ็บเพราะหมัดของอินสวี่ นับว่าเขาใจถึงความแตกต่างด้านพลังระหว่างตัวเองกับอินสวี่แล้ว เพราะอินสวี่ถูกตนจู่โจมจนสาหัสก่อน ขนาดตัวเองแอบโจมตีตัดกำลังแล้ว ไม่น่าเชื่อว่ายังต้านอานุภาพการโจมตีของอีกฝ่ายไม่ได้
เขาหยิบสมุนไพรเซียนซิงหัวยัดเข้าปาก หลังจากกลืนแล้ว ก็ร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนเสียงดังให้ฝั่งลู่หลงรู้ “แม่ทัพลู่ หนิวมาช้าไปหน่อย!”
ลู่หลงเห็นฝั่งนี้ชุลมุนล้ว รู้สึกดีใจมาก หัวเราะเสียงดังพร้อมตอบกลับว่า “ผู้ตรวจการใหญ่ ลู่ให้เกียรติรอมานานแล้ว!” จากนั้นก็ตะโกนบอกกำลังพลสายตระกูลผัง “โจรฮ่าวตกหลุมพรางแล้ว ทัพใหญ่แดนรัตติกาลเป็นกองหนุนของท่านจอมพล!วันนี้คือวันตายของโจรฮ่าว ยังไม่รีบสังหารโจรชั่วอีก!” พูดจบก็เงยหน้าหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง รู้สึกดีใจสุดขีด สุขใจที่ต้นร้ายปลายดี!
กำลังพลสายตระกูลผังมีขวัญกำลังใจเปี่ยมล้น แม่ทัพใหญ่ปิดบังพวกเราแทบแย่ เมื่อครู่นี้ยังตกใจอยู่เลย ที่แท้คนที่มาก็คือกองหนุนของพวกเรานี่เอง!
เพียงแต่ปิดบังได้ดีทีเดียว!
ทัพใหญ่แดนรัตติกาลใช้กลอุบายเพื่อเข้าสู่ขบวนทัพของตระกูลฮ่าวได้อย่างง่ายดาย แล้วเปลี่ยนทิศทางการโจมตีกะทันหัน กอปรกับมีกำลังพลของตระกูลผังให้ความร่วมมือด้านนอก ทำให้กำลังพลฝั่งตระกูลฮ่าวที่ลำบากทั้งข้างในข้างนอกตกอยู่ในความสิ้นหวังทันที จิตวิญญาณการต่อสู้ถูกทำลายโดยสมบูรณ์ ศูนย์บัญชาการก็ถูกกำลังพลของเหมียวอี้ไล่สังหารไม่ปล่อย แม้แต่การบัญชาการพื้นฐานก็ยุ่งเหยิงแล้ว ไม่มีทางจัดกระบวนทัพโจมตีที่มีประสิทธิภาพได้เลย อีกทั้งฝ่ายศัตรูมีเยอะกว่า ฝ่ายตัวเองอ่อนล้าเกินทน สถานการณ์เทไปอีกฝั่งในชั่วอึดใจเดียว ตกอยู่ในสภาพสิ้นหวังอย่างที่เอาคืนไม่ได้
เหมียวอี้ที่อยู่ในกาคุ้มครองของทัพกลางยืนนิ้วขึ้นมาปาดรอยเลือดตรงมุมปาก แล้วดีดทิ้งอย่างเย็นชา
ฝั่งนี้รียรายงานสถานการณ์ให้ผังก้วนรู้แล้ว ผังก้วนโล่งใจราวกับยกหินออกจากอก เงยหน้าหัวเราะลั่นเช่นกัน ชี้ไปยังฮ่าวเต๋อฟางที่กำลังสู้เหมือนสัตว์ป่าที่ดิ้นรนเอาชีวิตรอด “โจรเฒ่า รังแกข้าเกินไปแล้ว วันนี้คือวันตายของเจ้า!”
ซูอวิ้นที่อยู่ในทัพกลางคว้าระฆังดารา ส่วนอีกมือหนึ่งจับแขนฮ่าวเต๋อฟาง นางสีหน้าซีดเผือด ถ่ายทอดเสียงที่สั่นเครือบอกว่า “ท่านอ๋อง อินสวี่รบตายแล้ว พวกเราตกหลุมพรางแล้ว…”
……………