พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2060 ทัพใต้ขาดประชุม
ถ้าไม่นำกำลังพลมาผสมกันใหม่ ปล่อยให้กำลังพลจับกลุ่มกันเหมือนเดิม เหมียวอี้ก็ไม่มีทางวางใจได้ นี่คือเรื่องที่ต้องดำเนินการ
เริ่มตั้งแต่ระดับล่างสุด กระจายกำลังพลแล้วรวมกันขึ้นมาใหม่ โยกย้ายกำลังพลทั้งทัพใต้
นี่คือเรื่องที่ซับซ้อนที่สุด โชคดีที่ตอนนี้ใต้บังคับบัญชาของเหมียวอี้มีคนให้ใช้งานเพียงพอ ในแต่ละด้านล้วนมีคนรับผิดชอบ เขาแค่ต้องควบคุมสถานการณ์ภาพรวมและตัดสินใจก็พอ
ในขณะเดียวกัน คนที่ไปตรวจสอบที่ดาวอ๋องสวรรค์ฮ่าวก็ส่งข่าวมาแล้ว จวนอ๋องสวรรค์ฮ่าวยังคงเดิมไม่มีอะไรเสียหาย เหมียวอี้สั่งให้ย้ายจวนไปที่ดาวอ๋องสวรรค์ฮ่าว เตรียมเข้าไปอยู่ในจวนอ๋องสวรรค์ฮ่าวอย่างเป็นทางการ จวนที่อยู่ฝั่งนั้นต่างหากถึงจะมีขนาดคู่ควรกับเขา ตอนนี้เหมียวอี้ไม่มีกำลังวังชาและขี้คร้านจะสร้างใหม่ด้วย ของที่มีให้สำเร็จรูปอยู่แล้วก็ใช้งานได้เลย
เห็นได้ชัดว่าเหมียวอี้ไม่อาจให้ผังก้วนและครอบครัวอยู่ที่นี่ต่อไป
ทุกคนของตระกูลผังออกมาจากบ้าน มารวมตัวกันอีกครั้ง คนตระกูลผังรู้สึกหวาดกลัว ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร และไม่รู้ว่าต้องเผชิญหน้ากับอะไร
ในตำหนักประชุม เหมียวอี้กำหนดสถานที่ทำงานไว้ที่นี่ก่อนชั่วคราว เพราะสถานที่กว้างใหญ่ ข้างล่างมีแม่ทัพนั่งรวมกลุ่มกันอยู่ ต่างก็กำลังเร่งทำงาน จัดกำลังพลกลุ่มใหม่ครั้งใหญ่ มีเรื่องที่ต้องจัดการไม่น้อย เหมียวอี้รวมจัดการเรื่องนี้กับทุกคน เพื่อให้งานมีประสิทธิภาพ เวลามีอะไรจะได้รายงานกลับมาได้ทันที จะได้แก้ไขปัญหาได้ทันเวลา
หยางเจาชิงเดินเข้ามาจากด้านนอก เดินมาข้างกายเหมียวอี้แล้วกระซิบว่า “นายท่าน เสี้ยวเสี้ยวฮูหยินต้องการพบท่าน”
เหมียวอี้ถือแผ่นหยกอยู่ในมือ แล้วกล่าวโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา “ให้นางเข้ามาเถอะ”
“คนอยู่ในเรือนด้านใน เสี้ยวเสี้ยวฮูหยินกำลังกีดกันไม่ให้คนของตระกูลผังรวมตัวกัน” หยางเจาชิงกล่าว
“กีดกัน?” เหมียวอี้เงยหน้าขมวดคิ้ว จากนั้นถอนหายใจเบาๆ วางของที่อยู่ในมือแล้วลุกขึ้น “ไปดูสักหน่อยแล้วกัน”
จากนั้นทั้งสองก็เดินออกจากตำหนักประชุม เดินตรงไปที่เรือนด้านใน ในสวนดอกไม้มีสมาชิกครอบครัวของตระกูลผังรวมตัวกันอย่างหวาดกลัว ตอนที่เห็นผังเสี้ยวเสี้ยว ก็เห็นนางขวางอยู่ตรงประตูร้านบ้านแห่งหนึ่ง จะเป็นจะตายก็ไม่ยอมให้กำลังพลบุกเข้ามาข้างใน ทั้งยังวางกระบี่พาดคอด้วย ประกาศว่าถ้าใครกล้าเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว นางก็จะตายต่อหน้าทุกคนให้ดู
ถึงอย่างไรท่านนี้ก็เป็นอนุภรรยาของผู้ตรวจการใหญ่ ผังเสี้ยวเสี้ยวทำอย่างนี้ เบื้องบนไม่มีคำสั่ง แล้วใครยังจะกล้าบุกเข้าไปอีก?
ผังเสี้ยวเสี้ยวที่ตาแดงก่ำมองเหมียวอี้เดินเข้ามา น้ำตาอุ่นร้อนเอ่อล้นออกมาในชั่วพริบตาเดียว ข้างหลังนางก็คือเรือนพักชั่วคราวของบิดามารดา
กำลังพลที่ขวางอยู่ตรงประตูหลีกทางให้ เหมียวอี้เดินมาตรงประตูหลังบ้าน แล้วขมวดคิ้วถามว่า “เสี้ยวเสี้ยว เจ้าเป็นอะไรไป? ใครรังแกเจ้าแล้ว?” ขณะที่พูดก็กวาดสายตาเย็นเยียบมองซ้ายมองขวา
กำลังพลที่อยู่สองฝั่งปาดเหงื่อ ใครจะกล้ารังแกผู้หญิงของผู้ตรวจการใหญ่ล่ะ พวกเราไม่ได้ทำอะไรเลย แม่ทัพคนหนึ่งตอบว่า “ผู้ตรวจการใหญ่…”
เขายังคิดจะอธิบาย แต่กลับถูกหยางเจาชิงสงสัยตาห้ามไว้ แม่ทัพเข้าใจทันที ในเมื่อผู้ตรวจการใหญ่มาด้วยตัวเองแล้ว มีหรือที่จะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำแบบนี้แสดงว่ากำลังปลอบให้ฮูหยินวางใจ
ทุกคนนะว่ามองออกแล้ว ว่าผู้ตรวจการใหญ่ยังใส่ใจฮูหยินใหม่ท่านนี้มาก
ผังเสี้ยวเสี้ยวที่พักกระบี่บนคอคุกเข่าทันที แล้วพูดไปร้องไห้ไป “นายท่าน ขอร้องล่ะ ปล่อยคนในครอบครัวข้าไปเถอะ!”
เหมียวอี้ก้าวเข้ามา ผังเสี้ยวเสี้ยวตะโกนอย่างตกใจอีก “อย่าเข้ามานะ!”
เหมียวอี้กางนิ้วทั้งห้า ร่ายอิทธิฤทธิ์แย่งกระบี่วิเศษที่พาดอยู่บนคอนางมาทันที แล้วถือโอกาสเก็บไว้ ผังเสี้ยวเสี้ยวที่ถูกควบคุมพลังอิทธิฤทธิ์ไว้ชั่วคราวจะต้านทานได้อย่างไร เมื่อครู่นี้ที่กำลังพลตรวจสอบไม่กล้าทำอะไรก็เพราะกังวลเรื่องสถานะของนางเท่านั้นเอง ไม่อย่างนั้นนางต้านไม่ไหวแน่
เรื่องที่กำลังพลเบื้องล่างไม่กล้าทำ ถ้าเหมียวอี้จะลงมือเองก็ย่อมไม่มีปัญหา
เหมียวอี้ก้าวเข้ามาประคองนางให้ลุกขึ้น แล้วดึงนางที่กำลังร้องไห้อย่างเจ็บปวดเข้ามาไว้ในอ้อมกอด นางออกแรงดิ้นรนเต็มที่ แต่ดิ้นไม่หลุด ทำได้เพียงซบอกเขาร้องไห้อย่างเสียใจกว่าเดิม
เหมียวอี้ตบหลังดังเบาๆ แล้วถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ทำเหมือนจะเป็นจะตาย เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
ผังเสี้ยวเสี้ยวเงยหน้าขอร้อง “อย่าฆ่าคนในครอบครัวข้าเลย ข้าขอร้องท่าน ให้ข้ารับใช้ท่านเหมือนวัวเหมือนม้าท่านยังไม่พอใจอีกเหรอ?”
เหมียวอี้ช่วยปาดน้ำตาให้นาง “เด็กโง่ เจ้าแต่งงานกับข้าก็เพื่อเสพสุขกับวาสนา ถ้าจะให้เจ้ารับใช้เป็นวัวเป็นม้าทำไม? แล้วอีกอย่าง ข้ารับปากเจ้าตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่แตะต้องคนในครอบครัวจ้า? อยู่ดีๆ ข้าจะไปฆ่าพวกเขาทำไม?”
ผังเสี้ยวเสี้ยวจึงถามว่า “แล้วท่านให้คนในครอบครัวข้ามมารวมตัวกันทำไม?” นางเข้าใจผิดคิดว่าเหมียวอี้จะข้ามแม่น้ำแล้วรื้อสะพานทิ้ง
“เฮ้อ!” เหมียวอี้หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาผืนหนึ่ง เช็ดน้ำตาบนใบหน้านางให้สะอาด แล้วจับมือที่เรียวสวยของนางไว้ จูงเดินเข้าไปในลานบ้าน
กำลังพลที่อยู่ข้างหลังกำลังจะตามเข้าไป แต่หยางเจาชิงยกมือห้ามไว้ ให้เหมียวอี้เข้าไปแค่คนเดียว
ในลานบ้าน ผังก้วนกับฮูหยิน ลูกสาวลูกชายล้วนรวมตัวอยู่ด้วยกัน นอกจากผังก้วนที่สงบเยือกเย็น ที่เหลือก็มีสีหน้าหวาดหวั่นมากบ้างน้อยบ้าง
พอจูงผังเสี้ยวเสี้ยวเดินมาตรงหน้าพวกเขา เหมียวอี้กับผังก้วนก็สบตากันพักหนึ่ง แล้วกล่าวช้าๆ ว่า “หลายวันมานี้ทำให้ท่านพ่อตาได้รับความไม่ยุติธรรมแล้ว”
“ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจร ทุกอย่างเป็นเพราะข้าหาเรื่องใส่ตัวเอง ไม่มีอะไรยุติธรรมหรือไม่ยุติธรรม” ผังก้วนกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง
เหมียวอี้จูงมือผังเสี้ยวเสี้ยว พร้อมบอกว่า “เสี้ยวเสี้ยวไม่ไปกับพวกเจ้าแล้ว ในเมื่อนางแต่งงานกับข้า นางก็คือคนของข้า พวกเจ้าวางใจได้ ข้าจะดูแลน้องให้ดี ข้าจะให้สัญญากับทุกคนของตระกูลผังอีกครั้ง ตราบใดที่เสี้ยวเสี้ยวไม่ทรยศข้า ข้าก็รับรองเกียรติยศความร่ำรวยของนางในชาตินี้ จะดีกับนาง จะไม่ทรยศกันเด็ดขาด!”
ที่เขาพูดแบบนี้ได้ ก็เพราะรู้สึกว่าตัวเองติดค้างผู้หญิงคนนี้ ในใจมีความรู้สึกผิด
ผังเสี้ยวเสี้ยวเงยหน้ามองเขา นางไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอย่างไร ถูกขนาบอยู่ตรงกลางระหว่างครอบครัวและผู้ชายของตัวเอง นางจะทำอย่างไรได้อีก?
“จะไปส่งพวกเรา ‘ออกเดินทาง’ เหรอ?” ผังก้วนถาม
เหมียวอี้ตอบว่า “เหมือนเจ้าจะเข้าใจเจตนาข้าผิดไปนะ ข้ารับปากเจ้าแล้ว ก็ไม่กลืนคำพูดตัวเอง ที่ส่งพวกเจ้าไป ก็เพราะหวังดีกับพวกเจ้า ตระกูลผังถูกประมุขชิงระบุว่าเป็นโจรกบฏ ถ้าพวกเจ้าไม่ไป เขาก็ต้องส่งพวกเจ้าให้ตำหนักสวรรค์ เจ้าอยู่ที่ตำหนักสวรรค์มาหลายปีขนาดนี้ น่าจะเข้าใจชัดเจนกว่าข้า กฎกติกาบางอย่างทุกคนยังต้องรักษาไว้”
ผังก้วนพยักหน้าให้ผังเสี้ยวเสี้ยว “ถ้าประมุขชิงจะเอาเรื่องจริงๆ เสี้ยวเสี้ยวก็เป็นลูกสาวกบฏเช่นกัน”
เหมียวอี้ตอบเขาว่า “ข้าจะรายงานขึ้นไป ว่าเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้ร่วมมือก่อกบฏ นางไม่รู้เรื่องอะไรเลยแม้แต่น้อย กลับโน้มน้าวบิดาให้ยอมแพ้ด้วย ไม่ใช่แค่ไร้ความผิด แต่ถ้าจะรายงานขึ้นไปตำหนักสวรรค์เพื่อขอรางวัลให้เสี้ยวเสี้ยวด้วย ถ้าตำหนักสวรรค์ไม่ให้รางวัลนาง แต่ก็ไม่ถึงขั้นทำอะไรนางได้ ข่าวปกป้องทุกคนของตระกูลผังไม่ไหว แต่ปกป้องนางคนเดียวไม่มีปัญหา ขอเพียงมีเหตุผลที่เหมาะสม ประมุขชิงก็ไม่แตกคอกับใครง่ายๆ!”
เมื่อได้ยินแบบนี้ จาหรูเยี่ยนก็น้ำตาไหลยังบอกไม่ถูก ผังอวี้เหนียงมองน้องสาวด้วยสีหน้าสับสน หนังแอบรู้สึกโล่งอก น้องสาวเป็นคนที่มีวาสนา!
ผังก้วนพยักหน้า วางใจแล้วเช่นกัน ในเมื่อเหมียวอี้อดทนชี้แจงกับพวกเขาได้แบบนี้ ก็คงจะไม่ได้หลอกพวกเขา ไม่อย่างนั้นเสี้ยวเสี้ยวในตอนนี้ก็ไม่มีที่พึ่งอะไร เหมียวอี้ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรเลย
“ต้องการจะส่งพวกเราไปที่ไหน?” ผังก้วนถาม
“ตอนนี้ยังไม่สะดวกจะพูด หลังจากไปแล้วก็ย่อมรู้เอง แต่รับรองว่าทุกคนของตระกูลผังจะได้ใช้ชีวิตปลอดภัยสบายใจ พวกเจ้าวางใจได้ ถ้าจะให้เสี้ยวเสี้ยวติดต่อหาพบเจ้าตามระยะเวลาที่กำหนด สวนน้ำที่อยู่ฝั่งนี้พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง” เหมียวอี้กล่าว
ผังเสี้ยวเสี้ยวพลันก้มหน้าบอกว่า “ข้าจะไปกับท่านพ่อท่านแม่”
เหมียวอี้หลุดหัวเราะเบาๆ “เสี้ยวเสี้ยวไร้ไมตรีขนาดนี้ ต้องการจะทิ้งข้าไปเหรอ?”
“ไม่ไร้ไมตรีเท่าท่านหรอก!” ผังเสี้ยวเสี้ยวตอบ นางเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตัวเองโมโหเพราะอับอายหรือเปล่า นางพยายามดิ้นรน ต้องการจะชักมือกลับมาจากเหมียวอี้
เหมียวอี้กลับไม่ปล่อย แต่ส่งสายตาให้ผังก้วน
ผังก้วนแอบกัดฟัน แต่กลับต้องถอนหายใจแล้วบอกว่า “นางหนู เลิกทำตัววุ่นวายได้แล้ว เป็นพ่อที่ทำผิดต่อเจ้า เจ้าอย่าแค้นเคืองเรื่องก่อนหน้านี้เลย บุญคุณความแค้นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า ทุกอย่างผ่านไปแล้ว ในเมื่อเจ้ามีบ้านให้ตัวเองกลับ ก็ใช้ชีวิตของตัวเองให้ดีเถอะ!” หลังจากถูกเรื่องนี้กระทบจิตใจ ตอนนี้เขาก็ห่อเหี่ยวท้อแท้ใจแล้ว
“ท่านพ่อ!” ผังเสี้ยวเสี้ยวคุกเข่าแล้วร้องไห้อีก เหมียวอี้ปล่อยมือนางแล้ว
ผังก้วนหันกลับมาบอกใบ้จาหรูเยี่ยนเล็กน้อย จาหรูเยี่ยนเข้าใจ ว่าต้องการให้ตนบอกลากับลูกสาว นางก้าวเข้ามาประคองลูกสาว แล้วสองแม่ลูกก็กอดกันร้องไห้
หลังจากครอบครัวบอกลากันแล้ว ผังก้วนก็ไม่มีท่าทีว่าไม่อยากไป พอโบกมือก็บอกว่า: “ไปเถอะ!” พูดจบก็พาครอบครัวที่หันกลับมามองเป็นระยะเดินออกจากลานบ้านไป
ผังเสี้ยวเสี้ยวร้องไห้ฟูมฟายจนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ต้องการจะไล่ตามไป แต่กลับถูกเหมียวอี้ดึงไว้ไม่ยอมปล่อย ไม่ให้นางไปส่ง เรื่องบางเรื่องไม่สามารถให้นางไปส่งได้
กบฏตระกูลผังจากไปอย่างนี้แล้ว หายไปจากสายตาคนในใต้หล้าแล้ว
ตอนนี้ข้างกายเหมียวอี้ขาดคนที่เหมาะสมจะรินน้ำชาพอดี คนแดนรัตติกาลก็ยังหลบอยู่ที่แดนรัตติกาล ผังเสี้ยวเสี้ยวที่เอามือปาดน้ำตาถูกเหมียวอี้ดึงไปที่ตำหนักประชุม ถูกเหมียวอี้บังคับให้คอยรินน้ำชาอยู่ข้างกายตลอดเวลา หางานสักงานให้นางทำก่อน
ในตำหนักใหญ่มีคนเยอะ มีคนมองสำรวจมาทางนี้ด้วยความแปลกใจเป็นระยะ ผังเสี้ยวเสี้ยวร้องไห้ได้พักหนึ่งก็เงียบแล้ว กำลังมองเหมียวอี้ที่กำลังทำงานอยู่ข้างๆ เป็นบางคราว
จู่ๆ เหมียวอี้ก็หยิบถ้วยชาขึ้นมา ดื่มคำเดียวหมดถ้วย แล้วผลักไปด้านข้าง “รินน้ำชา!”
ผังเสี้ยวเสี้ยวที่ตาแดงก่ำยืนนิ่งอยู่ข้างๆ ไม่สนใจเขา
เมื่อรออยู่สักพักแล้วไม่เห็นนางเคลื่อนไหวอะไร เหมียวอี้เอียงหน้ามองมา ถามหยอกล้อว่า “มีเจ้ากำลังบีบให้ฆ่าลงมือสังหารคนในครอบครัวเจ้าใช่ไหม?”
ผังเสี้ยวเสี้ยวกัดริมฝีปาก แม้จะรู้ชัดเจนว่าเขากำลังล้อเล่น แต่นับว่าหาบันไดลงให้นางได้แล้ว เพราะเมื่อเผชิญสถานการณ์อย่างนี้ นางไม่มีทางหาเหตุผลที่จะประนีประนอมได้เลย ตอนนี้หยิบถ้วยน้ำชาเดินออกไปอย่างกระฟัดกระเฟียดแล้ว…
หลังจากพรุ่งนี้จัดเตรียมงานเรียบร้อยแล้ว เหมียวอี้ก็นำกำลังพลย้ายไปที่จวนอ๋องสวรรค์ฮ่าวทันที
ป้ายที่แขวนอยู่ที่จวนอ๋องสวรรค์ฮ่าวยังไม่ถอดออก เมื่อยังไม่ได้รับคำสั่งจากตำหนักสวรรค์อย่างเป็นทางการ ก็คงไม่ดีหากเขาจะตั้งตัวเองเป็นอ๋องสวรรค์ที่คุมทัพใต้
จวนอ๋องสวรรค์ฮ่าวมีพื้นที่ใหญ่มาก มีภูเขาป่าไม้และแม่น้ำไหลผ่าน ดอกไม้ละลานตาราวกับแพรไหม ต้นไม้ใบหญ้าแปลกตา ทิวทัศน์ภูเขาทะเลสาบอยู่ในนี้หมด อาคารบ้านเรือนติดกันเป็นพืด รูปแบบงดงามประณีต มีความเรียบง่ายและความหรูหรารวมอยู่ด้วยกัน และตึกศาลาของตระกูลฮ่าวก็ยิ่งเป็นสุดยอดของใต้หล้า ฝีมือการก่อสร้างประณีตยิ่งกว่าเนรมิต
แม้จวนท่านอ๋องจะใหญ่โต แต่อนุภรรยาที่ทยอยถูกส่งมาเข้าพักกลับไม่เยอะ มีหลายคนที่ตัวตนยังไม่ชัดเจน แม้ทหารที่ยอมแพ้อาจจะไม่กล้าเล่นตุกติกกับเรื่องแบบนี้ แต่ก็ยังต้องตรวจสอบยืนยันซ้ำ เรื่องพวกนี้ต้องรอให้เหยียนซิวพี่กลับจากไปส่งตระกูลผังมาจัดการอย่างเงียบๆ ก่อนที่เหยียนซิวจะกลับมาอนุภรรยาพวกนั้นถูกแยกไปดูแลไว้อีกทีหนึ่งด้วยกัน
คานไม้สลักอันงดงามตั้งอยู่บนตึกที่สูงที่สุดในจวนท่านอ๋อง เหมียวอี้พิงระเบียงทอดสายตามองไปไกลอยู่เพียงลำพัง แววตาล้ำลึกเงียบขรึม
เขากำลังรอฟังข่าว วันนี้เป็นวันประชุมขุนนางของตำหนักสวรรค์!
วังสวรรค์ ตำหนักฟ้าดิน ประมุขชิงนั่งอยู่เบื้องบนด้วยสีหน้าเรียบเฉย ท่าทางเย็นชามาก
บนราชสำนักขาดคนไปไม่น้อย คนของทัพใต้ขาดประชุมทั้งหมด สาเหตุก็ย่อมฟังขึ้น หลังจากศึกใหญ่ต้องแก้ไขปัญหาความวุ่นวาย เจียดเวลามาไม่ได้ แบบนี้เท่ากับว่าเหมียวอี้กำลังกดดันตำหนักสวรรค์ ว่าจะให้คนของทัพใต้ปรากฏตัวที่นี่ หรืออยากจะเห็นคนของทัพใต้ออกจากที่นี่ไปตั้งตนเป็นอิสระโดยสิ้นเชิง ก็ล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจเพียงชั่วขณะจิตของประมุขชิง
………………