พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2061 ในที่สุดผู้หญิงคนนี้ก็เริ่มมีสติปัญญา
“หนิวโหย่วเต๋อมีผลงานที่ปราบกบฏในทัพใต้ ควรตบรางวัลอย่างงาม!”
“ตอนนี้ฮ่าวเต๋อฟางตายด้วยน้ำมือกบฏ ทัพใต้เป็นมังกรไร้หัว หนิวโหย่วเต๋อสามารถรวบรวมจิตใจของทุกคนในทัพใต้ได้ เป็นเจตจำนงร่วมของชุมชน ให้หนิวโหย่วเต๋อคุมทัพใต้เหมาะสมที่สุดแล้วขอรับ”
“เพื่อทำให้อาณาเขตทัพใต้สงบมั่นคงโดยเร็ว ข้าน้อยขอแนะนำให้ฝ่าบาทแต่งตั้งให้หนิวโหย่วเต๋อเป็นอ๋องสวรรค์คุมทัพใต้!”
“ข้าน้อยเห็นด้วย! กำลังพลทัพใต้ล้วนอยู่ในมือหนิวโหย่วเต๋อ ตอนนี้ทัพใต้หนีไม่พ้นหนิวโหย่วเต๋อแล้ว ไม่อย่างนั้นจะทำให้ใต้หล้าเกิดความวุ่นวายใหญ่โตได้ง่าย!”
“ถ้าให้ทัพใต้วุ่นวายต่อไป การเก็บภาษีของทั้งงใต้หล้าก็จะหายไปจำนวนหนึ่งส่วนสี่ ดีไม่ดีอาจจะทำให้ใต้หล้าเกิดความวุ่นวายใหญ่โตก็ได้! ข้าน้อยแนะนำว่า ควรแต่งตั้งให้หนิวโหย่วเต๋อเป็นอ๋องสวรรค์คุมทัพใต้ชอรับ!”
“หนิวโหย่วเต๋อคือตัวเลือกเดียวที่จะเป็นอ๋องสวรรค์คุมทัพใต้ ข้าน้อยเห็นด้วย!”
“ข้าน้อยเห็นด้วย!”
“ข้าน้อยเห็นด้วย!”
ขุนนางในเครือข่ายทัพตะวันออก ทัพเหนือ ทัพใต้และตระกูลเซี่ยโห้วมีความเห็นเป็นเอกฉันท์อย่างเห็นได้ชัด ทั้งหมดกำลังช่วยพูดเพื่อให้หนิวโหย่วเต๋อได้เป็นอ๋องสวรรค์คุมทัพใต้
ทั้งตำหนักฟ้าดินไม่มีเสียงคัดค้าน ประมุขชิงไม่ได้คัดค้าน คุณนั่งข้างกายประมุขชิงไม่ได้คัดค้าน ได้แต่มองคนจากกลุ่มอำนาจใหญ่ส่งเสียงดังต่อเนื่องไม่หยุด
สุดท้ายประมุขชิงตัดสินใจยังสุขุม “เช่นนั้นก็กำหนดตามนี้ ร่างคำสั่ง แล้วประกาศต่อใต้หล้า แต่งตั้งให้หนิวโหย่วเต๋อเป็นอ๋องสวรรค์คุมทัพใต้!”
“ฝ่าบาททรงปราดเปรื่อง!” กลุ่มคนนางตะโกนพร้อมกัน
จนกระทั่งจบการประชุม กลุ่มขุนนางออกจากราชสำนักไปแล้ว เกาก้วนก็เป็นคนสุดท้ายที่เดินออกจากตำหนักฟ้าดิน ขณะกำลังเดินลงบันได ก็หันหลังกลับมามองแวบหนึ่งอย่างเย็นชา ประมุขชิงรั้งซือหม่าเวิ่นเทียนไว้คนเดียว ไม่รู้ว่ามีเจตนาอะไร ความสงบนิ่งของประมุขชิงทำให้เขาสังเกตไม่เห็นความผิดปกติอะไร
ตำหนักดาราจักร ซือหม่าเวิ่นเทียนเดินตามหลังประมุขชิงเข้ามา แต่กลับพบว่าประมุขชิงเดินเนิบนาบไปที่ชั้นหนังสือ พลิกตำราโบราณอ่านราวกับคนที่ไม่เป็นอะไร
หลังจากเดินตามอยู่เงียบๆ พักใหญ่ ซือหม่าเวิ่นเทียนก็ไม่รู้ว่าประมุขชิงต้องการอะไร แต่เขาก็แน่ใจได้ว่าประมุขชิงอารมณ์ไม่ดี จึงอดไม่ได้ที่จะส่งสายตาสอบถามซ่างกวนชิงพี่เดินตามอยู่ข้างๆ เหมือนกัน แต่กลับไม่ได้รับคำตอบ
“ฝ่าบาท มีอะไรจะกำชับหรือขอรับ?” สุดท้ายซือหม่าเวิ่นเทียนก็ยังเป็นฝ่ายถามก่อน
ประมุขชิงที่ก้มหน้าอ่านตำราเงียบๆ เลยถามเสียงเรียบว่า “สายลับข้างกายหนิวโหย่วเต๋อนี่ยังไงกันแน่ นึกไม่ถึงว่าจะไม่รู้เรื่องที่หนิวโหย่วเต๋อแต่งงานกับลูกสาวของผังก้วน?”
ซือหม่าเวิ่นเทียนรีบตอบว่า “เรื่องนี้ได้รับการตรวจสอบแล้ว เรื่องที่หนิวโหย่วเต๋อแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับผังก้วนเป็นความลับสุดยอด ก่อนเกิดเรื่องเขากันนางไปไว้บนเกาะแล้ว นางไม่เคยเห็นแม้แต่หน้าของลูกสาวผังก้วนด้วยซ้ำ ไม่รู้ความจริงเลย หนิวโหย่วเต๋อวางแผนงานใหญ่ขนาดนี้ ถ้าข่าวหลุดผลที่ตามมาก็ร้ายแรงมาก ระวังตัวขนาดนี้ก็พอเข้าใจได้ขอรับ ตามข่าวที่สายลับรายงานมาหลังจากจบเรื่อง เรื่องแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับผังก้วน คนส่วนใหญ่ที่อยู่ฝั่งหนิวโหย่วเต๋อก็ไม่ทราบเช่นกันขอรับ”
“หนิวโหย่วเต๋อน่ะ เก็บไว้ไม่ได้แล้ว คิดหาทางกำจัดเถอะ!” ประมุขชิงกล่าวเหมือนไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไร
ที่จริงเขาก็อยากรู้มากว่าทำไมจู่ๆ ตระกูลเซี่ยโห้วจึงช่วยให้หนิวโหย่วเต๋อขึ้นสู่ตำแหน่ง ครั้งนี้ตระกูลเซี่ยโห้วเปิดเผยสายลับที่อยู่ในทัพใต้แล้วไม่น้อย ราคาที่ต้องจ่ายสูงมาก คุ้มแล้วเหรอ? แต่จนใจที่ฝั่งเขาสืบเรื่องให้ชัดเจนไม่ได้
“เอ่อ…” ซือหม่าเวิ่นเทียนอึ้งไปชั่วขณะ แล้วถามหยั่งเชิงว่า “จะให้หน่วยตรวจการขวาลงมือหรือขอรับ?”
“ให้สายลับคนนั้นแสดงบทบาทได้แล้ว ให้นางลงมือเถอะ” ประมุขชิงกล่าว
“ขอรับ!” ซือหม่าเวิ่นเทียนเอ่ยรับแล้วชะงักไปครู่เดียว ก่อนจะกล่าวอย่างลังเลอีกว่า “ช่วงนี้หนิวโหย่วเต๋อระวังตัวค่อนข้างสูง ข้าน้อยกังวลว่านางจะทำสำเร็จได้ยาก ถึงยังไงข้างกายนางก็ไม่มีผู้ช่วย ถ้าให้นางลงมือแล้วไม่สำเร็จ ก็เท่ากับให้นางรนหาที่ตาย ใช้มารดาของนางบีบให้นางทำงานคงไม่เป็นอะไร แต่ถ้าจะให้นางเอาชีวิตไปทิ้ง นางจะเสียดายชีวิตหรือเปล่า…ข้าน้อยไม่กล้ารับประกันเช่นกัน”
ซ่างกวนชิงที่อยู่ข้างๆ พูดต่อด้วยรอยยิ้ม “ถ้าตอนนี้นางหาโอกาสลงมือไม่ได้ ก็ให้นางช่วยหาโอกาสเหมาะให้ฝั่งพวกเรา นางอยู่ข้างกายหนิวโหย่วเต๋อ ถ้าจะให้สืบช่องโหว่ของหนิวโหย่วเต๋อก็น่าจะไม่มีปัญหาหรอกมั้ง?”
ซือหม่าเวิ่นเทียนเข้าใจแล้ว ถ้าไม่ถึงขั้นหมดทางเลือก ประมุขชิงก็ไม่อยากทำให้ใต้หล้าวุ่นวาย เพราะถึงอย่างไรใต้หล้าที่วุ่นวายก็คือใต้หล้าของเขา ไม่ใช่ใต้หล้าของคนอื่น ต้องให้วุ่นวายอยู่ในขอบเขตที่ควบคุมได้ เกรงว่าองครักษ์เงาจะต้องลงมือแล้ว เรื่องหน้าไม่อายอ่ะการลอบสังหารขุนนางใหญ่ของตำหนักสวรรค์ มีเพียงหน่วยกล้าตายอย่างองครักษ์เงาเท่านั้นที่เหมาะสมจะทำเรื่องนี้ที่สุด! จึงพยักหน้าบอกทันที “ดี! ข้าน้อยจะไปเตรียมการเรื่องนี้!”
“อ๋องสวรรค์คุมทัพใต้?”
ตำหนักนารีสวรรค์ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ได้รู้ข่าวผลการประชุมขุนนางแล้ว นางหย่อนก้นลงบนเก้าอี้ ท่าทางเหมือนจะกลายเป็นอัมพาตครึ่งตัว พึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
หนังไม่เข้าใจว่าทำไมประมุขชิงตอบตกลงเรื่องอย่างนี้ได้ สำหรับนางแล้ว ถ้าให้หนิวโหย่วเต๋อเป็นอ๋องสวรรค์คุมทัพใต้ ก็จะเสียการควบคุมโดยสิ้นเชิง เป็นไปไม่ได้ที่จะถูกควบคุมจากตำหนักนารีสวรรค์อีก การที่หนิวโหย่วเต๋อไม่ต้องใช้งานนางแล้ว ความรู้สึกโกรธแค้นเพราะความอับอายที่ถูกหลอกใช้ประโยชน์กลับมากขึ้น
ถ้าลองเปลี่ยนมุมมองเพื่อบรรยายสภาพจิตใจของนางตอนนี้ ก็แทบจะอยู่ในสภาวะป่วยแล้ว หนิวโหย่วเต๋อได้รับความช่วยเหลือจากนางสำเร็จแล้ว แต่กลับทิ้งนางไว้ นางรู้สึกว่าตัวเองถูกหนิวโหย่วเต๋อทิ้งแล้ว!
นางทุบทำลายข้าวของด้วยความโกรธแค้น หลังจากเริ่มใจเย็นลง ในดวงตาก็ฉายแววเด็ดเดี่ยว นางคิดว่าจวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลยังอยู่ในการควบคุมของหน้า นางยังสามารถแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลคนใหม่ได้อีก นางสามารถชุบเลี้ยงหนิวโหย่วเต๋อได้ นางก็สามารถชุบเลี้ยงคนใหม่ได้เช่นกัน
พอรีบร้อนออกจากตำหนักนารีสวรรค์ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็แทบจะไปหาประมุขชิงในทันที
ในตำหนักดาราจักร ซือหม่าเวิ่นเทียนเพิ่งจะออกไป เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็มาคำนับ ประมุขชิงเดินเอ้อระเหยอ่านหนังสืออยู่ระหว่างชั้นหนังสือ ถามเสียงเรียกว่า “เฉิงอวี่มีธุระอะไร?”
“ฝ่าบาท จวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลอยู่ในการควบคุมของตำหนักนารีสวรรค์ ฝ่าบาทมีตัวเลือกใหม่ที่จะมารับตำแหน่งผู้สำเร็จราชการหรือยัง?” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ถาม
ประมุขชิงถามด้วยน้ำเสียงปกติ “หรือว่าเจ้ามีความคิดอะไรเรื่องตำแหน่งนั้น?” ความคิดของเขาตอนนี้ยังไปไม่ถึงด้านนั้น
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ตอบว่า “หม่อมฉันแนะนำให้ส่งลูกชายของเราไปรับตำแหน่ง! ศักยภาพของหยวนจุนในตอนนี้ไม่ด้อยกว่าหนิวโหย่วเต๋อในปีนั้นเลย ในปีนั้นหนิวโหย่วเต๋อเป็นผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลได้ หยวนจุนก็ย่อมเป็นได้เหมือนกัน!”
ในสายตาของนาง โลกนี้มีคนทรยศมากเกินไป มีเพียงลูกชายของตัวเองที่ทำให้นางวางใจที่สุด เป็นหลักการที่ไม่ซับซ้อน ไม่มีความคิดอ้อมค้อมใดๆ
เมื่อกล่าวคำนี้ออกมา ประมุขชิงกับซ่างกวนชิงก็ตะลึงค้าง ประมุขชิงเงยหน้าช้าๆ มองนาง แล้วถามอย่างสงสัยว่า “เฉิงอวี่ นี่ตระกูลของเจ้าสอนมาเหรอ?”
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ตอบว่า “ฝ่าบาทคิดมากไปแล้ว เปล่าเพคะ! ตระกูลของหม่อมฉันเห็นแก่ตัวเกินไป ถ้าจะให้ใช้ขุนนางที่เป็นคนนอก ก็อาจจะมีหนิวโหย่วเต๋อคนที่สองก็ได้ หม่อมฉันคิดไปคิดมา พบว่ามีเพียงลูกชายของเราที่ไว้ใจได้ที่สุด!”
ขุนนางและราชันมองหน้ากันเลิกลั่ก ฟังออกถึงความแค้นที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ ดูไม่เหมือนพูดโกหก แม้จะค่อนข้างปลัดใจที่จู่ๆ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่เสนอวิธีการนี้ แต่พอลองเปลี่ยนความคิด การที่เซี่ยโห้วเฉิงอวี่คิดวิธีการแบบนี้ออกมาได้ ก็เหมือนเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว
ประมุขชิงตาเป็นประกาย เก็บม้วนตำราไว้บนชั้นหนังสือ ไม่ต้องพูดถึงเลย วิธีการนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนตรงหน้ามีแสงสว่าง อดไม่ได้ที่จะมองเซี่ยโห้วเฉิงอวี่หลายครั้ง
ถ้าเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อนตอนที่ยังไม่ก่อตั้งจวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลขึ้นมา ถ้าราชันสวรรค์ต้องการจะทำอย่างนี้ ก็จะมีแรงต้านไม่น้อย แต่ตอนนี้แรงต้านที่ควรจะมีก็ถูกหนิวโหย่วเต๋อย่ำจนราบไปหมดแล้ว จวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลมีอยู่แล้ว ทั้งยังเป็นของตำหนักนารีสวรรค์ สองปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในการควบคุมถูกหนิวโหย่วเต๋อทำลายไปหมดแล้ว อ๋องสวรรค์คุมทัพใต้จึงคิดจะรักษาจวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลให้อยู่ในการควบคุมของตำหนักนารีสวรรค์อีกเหรอ?
ประมุขชิงเอาสองมือไขว้หลัง หรี่ตายิ้มขณะมองเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ “แล้วกำลังพลจะทำยังไง? เจ้าคงไม่ให้หยวนจุนไปเป็นผู้สำเร็จราชการที่โดดเดี่ยวหรอกใช่ไหม?”
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่กล่าวตามหลักเหตุผล “ผู้สำเร็จราชการอย่างหนิวโหย่วเต๋อนั่นมีกำลังพลเท่าไหร่ หยวนจุนก็จะมีน้อยกว่านั้นไม่ได้ ฝ่าบาทดึงตัวทหารเก่งๆ ห้าสิบล้านมาจากกองทัพองครักษ์ เอามาให้จุนเอ๋อร์ก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่หรือเพคะ?”
ประมุขชิงค่อนข้างพูดไม่ออก เจ้าก็พูดได้อย่างผ่อนคลาย ทำเหมือนเป็นการกินข้าว กำลังพลห้าสิบล้านบทจะดึงตัวมาก็ดึงตัวมาได้งั้นหรือ?
ซ่างกวนชิงกลับพยักหน้าเบาๆ “ความเห็นของบ่าว วิธีการขอเหนียงเหนียงถือว่าใช้ได้ กองทัพองครักษ์ห้าสิบล้านสามารถเปลี่ยนเป็นกำลังพลแดนรัตติกาลเลยก็ได้!”
ประมุขชิงเหล่ตามอง “กลัวก็แต่เจ้าเวรหนิวโหย่วเต๋อจะถ่วงเวลาไม่ยอมส่งต่องาน จะใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานี้ปลุกปั่นอำนาจฝ่ายอื่นให้ร่วมมือกันต่อต้าน ปลุกปั่นให้ยกเลิกจวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลก็เป็นได้ ถึงยังไงก็เป็นการยัดกำลังพลห้าสิบล้านเข้าไปข้างหลังเขา เขาจะไม่กังวลเชียวหรือว่าตัวเองจะกลายเป็นฮ่าวเต๋อฟางคนที่สอง?”
ซ่างกวนชิงบอกว่า “ฝ่าบาท เรื่องนี้จัดการง่ายขอรับ ถ้าเขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นอ๋องสวรรค์คุมทัพใต้อย่างเป็นทางการเมื่อไร เขาจะต้องรายงานขอคำสั่งแต่งตั้งตำแหน่งต่างๆ ในทัพใต้แน่นอน เราสามารถอาศัยโอกาสนี้บีบเขา ถ้าเขาขัดขวางไม่ให้องค์ชายเข้าไปประจำการที่จวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาล ฝ่าบาทก็สามารถยืดเวลาอนุมัติคำสั่งแต่งตั้งกำลังพลแต่ละสายของทัพใต้ได้ นี่ต่างหากคือเรื่องที่สำคัญที่สุดของเขาในตอนนี้ เขาจะต้องทำให้ขวัญกำลังใจทหารมั่นคงก่อน จะต้องขอความร่วมมือให้ฝ่ายต่างๆ ผ่อนผันแน่ ส่วนองค์ชายก็นำกองทัพองครักษ์เข้าไปประจำการได้เลย ยังมีข้อดีอีกอย่างหนึ่ง ก็คือไม่ต้องเผชิญความขัดแย้งกับตระกูลเซี่ยโห้วเหมือนตอนที่หนิวโหย่วเต๋อเพิ่งรับกำลังพลของลิ่งหูโต้วจ้งไป ตอนนั้นใจคนยังไม่มั่นคง ต้องคอยกังวลว่าตระกูลเซี่ยโห้วจะเล่นตุกติกจนไม่มีที่ยืน แต่เราจัดกำลังพลของกองทัพองครักษ์ใหม่ เมื่อองค์ชายได้ไปแล้วก็สามารถเรียกใช้งานได้เลย ไม่เรื่องอื่นต้องห่วงหน้าพะวงหลัง พอเข้าไปแล้วก็สามารถลงหลักปักฐานด้วยกำลังทหารที่มั่นคงได้!”
ประมุขชิงพยักหน้ายิ้ม “ดี! บอกโพ่จวินกับอู๋ฉวี่ ว่าให้ดึงกำลังพลเก่งๆ ห้าสิบล้านจากหน่วยองครักษ์ซ้ายขวาให้หยวนจุน แล้วส่งคนที่ไว้ใจได้ไปเป็นผู้ช่วยเขาด้วย!”
“รับทราบ!” ซ่างกวนชิงเอ่ยรับ
ส่วนเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็คำนับด้วยความปลาบปลื้ม “หม่อมฉันขอบพระทัยฝ่าบาทแทนจุนเอ๋อร์!” เรียกได้ว่าหน้าชื่นตาบาน รู้สึกเหมือนยังมีความโชคดีในความโชคร้าย
หลังจากประมุขชิงโบกมือให้นางออกไป ก็มองเงาหลังของนางผ่านช่องว่างของชั้นหนังสือ เขาลูบเคราพลางถอนหายใจ “รู้ว่าตระกูลของตัวเองพึ่งพาไม่ได้ ในที่สุดผู้หญิงคนนี้ก็เริ่มมีสติปัญญาแล้ว!”
ตำหนักสวรรค์ประกาศคำสั่งต่อใต้หล้า ว่าหนิวโหย่วเต๋อมีผลงานในการปราบกบฏ จึงได้รับตำแหน่งต่อจากฮ่าวเต๋อฟาง แต่งตั้งให้เป็นอ๋องสวรรค์คุมทัพใต้ ใต้หล้าสั่นสะเทือน!
สำหรับคนที่รู้อยู่แก่ใจตั้งนานแล้ว การที่เรื่องมาถึงขั้นนี้ก็เป็นสิ่งที่ไม่เหนือความคาดหมาย ไม่มีอะไรน่าตกใจ มีเพียงคนที่ไม่รู้เรื่องราวเบื้องลึกที่พากันวิพากษ์วิจารณ์ ส่วนคนที่รู้ที่มาที่ไปได้แต่นั่งฟังเงียบๆ มองกลุ่มนักพรตที่ไม่รู้โดยไม่พูดอะไร มองว่าเป็นพวกราษฎรที่โง่เขลา!
“ท่านอ๋อง ตำหนักสวรรค์จะแต่งตั้งหนิวโหย่วเต๋อเป็นอ๋องสวรรค์จริงเหรอ?”
จวนอ๋องสวรรค์ก่วง หวังเฟยเม่ยเหนียงที่เดินเล่นอยู่กับก่วงลิ่งกงในสวนป่าลองถาม
“อืม!” ก่วงลิ่งกงตอบด้วยน้ำเสียงปกติ
“เลื่อนขั้นจากผู้ตรวจการใหญ่ไปเป้นอ๋องสวรรค์คุมทัพใต้ ข้ามขั้นมากเกินไปหน่อย ไม่สอดคล้องกับกติกา ฝ่าบาทอนุญาตเหรอคะ?” เม่ยเหนียงถามอย่างสงสัย
ก่วงลิ่งกงตอบว่า “ถ้าเขาไม่อนุญาตแล้วจะทำอะไรได้? หนิวโหย่วเต๋อสู้มาถึงขั้นนี้แล้ว จะยอมทิ้งอำนาจทางทหารในมือเหรอ? อำนาจของสี่ทัพรวมทั้งอำนาจของตระกูลเซี่ยโห้วล้วนสนับสนุนให้หนิวโหย่วเต๋อขึ้นสู่ตำแหน่ง ประมุขชิงจะไม่อนุญาตก็ได้ แต่เขาก็รับผลที่ตามมาไม่ไหว อาศัยแค่กำลังพลกองทัพองครักษ์ในมือเขาไม่อาจยับยั้งได้ นอกเสียจากจะดึงแดนพุทธมาร่วมมือกันใช้กำลังทหารปราบปราม แต่ทำแบบนั้นใต้หล้าจะวุ่นวายใหญ่โต ต้องจ่ายมากเกินไป ได้ไม่คุ้มเสีย เขาทำได้เพียงอนุญาต! ส่วนเรื่องกฏกติกา เมื่อมีคนคัดค้าน กติกาก็คือกติกา แต่ถ้าไม่มีใครคัดค้าน ก็ย่อมไม่มีใครเอ่ยเรื่องกติกาอะไร!”
……………