พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2062 มองด้วยสายตาเยียบเย็น
เมื่อมีคนคัดค้านก็มีกติกา เมื่อไม่มีคนคัดค้านก็ไม่มีกติกา?
ในหัวของเม่ยเหนียงกำลังครุ่นคิดสองประโยคนี้ หลักการเรียบง่ายขนาดนี้แต่กลับทำให้นางเหมือนเห็นแสงสว่างกะทันหัน ได้รับประโยชน์มากมาย อดไม่ได้ที่จะมองก่วงลิ่งกงอีกครั้ง นับว่ารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าตัวเองกับท่านนี้แตกต่างกันขนาดไหน
แต่ไม่นานความคิดของนางก็ไปอยู่ที่เหมียวอี้อีก
ครั้งก่อนท่านอ๋องมาเจรจากับนาง ว่าต้องการให้ลูกสาวเป็นอนุภรรยาของหนิวโหย่วเต๋อ บอกประมาณว่าหลังจากจบเรื่องแล้วจะหาโอกาสสนับสนุนให้ลูกสาวเป็นภรรยาเอก ตอนนั้นตัวเองยังไม่ยินยอม ต่อให้ตอบตกลงแต่ก็ฝืนใจมากเช่นกัน ผลปรากฏว่าตอนหลังท่านอ๋องก็กลับค่ำอีกแล้ว บอกว่านางไม่ต้องรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมอีกแล้ว รับปากแล้วว่าจะไม่ให้เม่ยเอ๋อร์แต่งงานกับหนิวโหย่วเต๋ออีก
พอมาคิดดูตอนนี้ นางนึกเสียใจทีหลังแทบแย่ ถ้าหากในปีนั้นนางตอบตกลงท่านอ๋อง ไม่ทำให้ท่านอ๋องรู้สึกลำบากใจ มีท่านอ๋องสนับสนุน ทั้งยังมีประสบการณ์เอาใจผู้ชายที่ได้รับถ่ายทอดมาจากนาง เกรงว่าตอนนี้ลูกสาวคงจะถูกสนับสนุนให้เป็นภรรยาเอกไปแล้ว ถ้ารอจนถึงตอนนี้ ลูกสาวก็จะกลายเป็นหวังเฟยคนที่สองของใต้หล้าแล้ว! ถึงตอนนั้นสองแม่ลูกจะมีหน้ามีตาขนาดไหน ถามหน่อยว่าในตระกูลก่วงเรียนจะมีใครกล้าเมินใส่นางอีก?
นางนึกไม่ถึงเลยจริงๆ เมื่อก่อนได้ยินบ่อยว่าหนิวโหย่วเต๋อมีอนาคตยาวไกล แต่ต่อให้มีอนาคตยาวไกล แบบนี้ก็ก้าวกระโดดเกินไปแล้ว เลื่อนตำแหน่งจากผู้ตรวจการใหญ่ไปเป็นอ๋องสวรรค์ สง่าราศีนั้นเปล่งประกายจนทำให้ตาบอดได้เลย เรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว นางรู้ว่าได้พลาดโอกาสที่ดีที่สุดไปแล้ว ตอนที่หนิวโหย่วเต๋อยังไม่ขึ้นสู่ตำแหน่งอ๋องสวรรค์ ลูกสาวนางก็ยังมีโอกาส แต่พอขึ้นนั่งตำแหน่งอ๋องเมื่อไหร่ ก็เป็นไปไม่ได้โดยสิ้นเชิงแล้ว สำหรับผู้ชายที่อยู่ระดับนั้น ความงามของผู้หญิงไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรนัก หนิวโหย่วเต๋ออยู่ในระดับเดียวกับท่านอ๋องแล้ว จะไปแต่งงานกับเม่ยเอ๋อร์เพื่อลดความอาวุโดสต่อหน้าท่านอ๋องได้อย่างไร?
ในใจตำหนิตัวเองว่ายากที่จะย้อนกลับไปได้แล้ว เลือกไปเลือกมาก็พลาดโอกาสที่ดีที่สุดไปแล้ว นางนึกเสียใจทีหลังอย่างสุดซึ้ง รู้สึกว่าตัวเองไร้วิสัยทัศน์จนทำลายอนาคตของลูกสาว ทั้งชีวิตนี้ยากจะอภัยให้ตัวเองได้
หารู้ไม่ว่า ที่เรื่องแต่งงานของก่วงเม่ยเอ๋อร์กับเหมียวอี้สำเร็จได้ยากนั้นไม่เกี่ยวข้องกับนางเลยสักนิด ตอนแรกก่วงลิ่งกงก็มีความมั่นใจมากจริงๆ ส่งโกวเยว่ไปคุยเรื่องแต่งงานกับเหมียวอี้ แต่เหมียวอี้ปฏิเสธแล้ว ตอนหลังก่วงลิ่งกงถึงได้มีข้ออ้างมาเปลี่ยนคำพูดกับนาง เขาเสียหน้าไม่ไหว ไม่ได้บอกความจริงกับนาง
แต่กลับไม่คิดเลยว่า สิ่งนี้ได้กลายเป็นปมในใจนางแล้ว หลังจากนี้ไปก็อดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเป้าหมายที่ลูกสาวจะแต่งงานด้วยกับหนิวโหย่วเต๋อ ทุกครั้งทำให้นางว้าวุ่นใจ
ดาวสยบใต้ สำนักลมปราณ ธงนอกตำหนักซื่อตรงโบกสะบัดรับลม ทุกคนของสำนักลมปราณกำลังเคร่งขรึมจริงจัง
บนบันไดหินตรงไหล่เขาทางไปตำหนักซื่อตรง ศิษย์สำนักลมปราณกำลังยืนเรียงรายอยู่สองฝั่งของบันได เรียงไปตลอดจนถึงยอดเขา
เป่าเหลียนสวมชุดนักพรตเต๋าใหม่เอี่ยมทั้งตัว ศีรษะสวมมงกุฎสีม่วงทอง สงบนิ่งภูมิฐาน สายตามองตรง เดินก้าวขึ้นบันไดทีละขั้น ตรงจุดที่นางเดินไป ศิษย์ที่อยู่ฝั่งซ้ายและขวาบนบันไดล้วนใช้สายตาเคารพ
เดินขึ้นไปบนยอดเขา เดินผ่านลานกว้าง เข้าไปในตำหนักซื่อตรง
สายตาของทุกคนในตำหนักจับจ้อง มองตามนางเดินไปตรงหน้าเจ้าสำนักอวี้หลิงที่อยู่ตรงกลาง
เป่าเหลียนใช้สองมือสะบัดชุดนักพรตเต๋าไปข้างหน้ นั่งคุกเข่าอย่างสง่าอยู่บนเบาะทรงกลม คุกเข่าสามครั้งโขกศีรษะเก้าครั้งต่อเจ้าสำนักอวี้หลิงด้วยสีหน้าเคารพเลื่อมใส สุดท้ายก็ยกมือสองข้างขึ้นมา
หลังจากเจ้าสำนักอวี้หลิงเตือนสติอย่างจริงจัง นำป้ายคำสั่งเจ้าสำนักสีม่วงแดงส่งต่อให้นางอย่างเป็นทางการ จากนั้นก็ถอยไปด้านข้าง หลีกทางจากตำแหน่งนั้นให้ แล้วไปยืนอยู่ข้างกายอวี้ซวีกับอวี้เลี่ยน
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเขาสามคนก็จะถอยไปอยู่หลังม่านอย่างเป็นทางการแล้ว เลื่อนขั้นเป็นผู้อาวุโสของสำนักลมปราณแล้ว มอบสำนักลมปราณให้ศิษย์รุ่นใหม่จัดการ เป่าเหลียนรับตำแหน่งเจ้าสำนักลมปราณอย่างเป็นทางการแล้ว
ก่อนที่อวี้ซวีเจินเหรินจะกลับมาจากจวนจอมพลสายเถาะ ตอนที่เหมียวอี้มาส่งเขา ก็จงใจบอกใบ้เล็กน้อย ว่าให้ส่งต่อตำแหน่งเจ้าสำนักลมปราณให้เป่าเหลียนได้แล้ว
พออวี้ซวีเจินเหรินกลับมา ก็บอกสถานการณ์ให้ศิษย์พี่ศิษย์น้องรู้ สำนักลมปราณจึงเริ่มเตรียมส่งต่ออำนาจทันที ถึงได้เกิดฉากนี้ขึ้น
เรื่องที่เป่าเหลียนรับตำแหน่งเจ้าสำนัก เดิมทีในสำนักมีคนไม่น้อยไม่พอใจ เรื่องบางเรื่องนั้นเห็นได้ชัดเจน ชีอู้เจินเหรินเป็นรุ่นแรกของสำนักลมปราณ อวี้หลิงเจินเหรินเป็นรุ่นสอง เต๋อหมิงเป็นรุ่นสาม เป่าเหลียนเป็นรุ่นสี่ คนรุ่นสามยังมีอยู่ตั้งเยอะ มีสิทธิ์อะไรมาสละตำแหน่งให้เป่าเหลียน?
จะบอกว่าเจ้าสำนักมีใจเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวก็ไม่ใช่ เพราะการวางตัวของอวี้หลิงเจินเหรินก็ชัดเจนมาหลายปีแล้ว เพียงแต่ถ้าพูดถึงคุณสมบัติและลำดับอาวุโส ก็ถือว่ายังไม่ถึงคราวของเป่าเหลียน ก็กอปรกับมีคนไม่น้อยที่สงสัย เพราะเป่าเหลียนแต่งงานเป็นอนุภรรยาของหนิวโหย่วเต๋อแล้ว มีจุดที่น่าสงสัยต่อการเป็นผู้นำสำนักลมปราณของเป่าเหลียนในอนาคต จะบอกว่าในใจรู้สึกไม่ยุติธรรมก็ดี จะบอกว่าในใจรู้สึกไม่ยอมก็ดี สรุปก็คือในบรรดาศิษย์รุ่นสามมีบางส่วนที่มีจุดยืนต่อต้านการเปลี่ยนแปลง
มีบัญชาสวรรค์ออกมาแล้ว ประกาศต่อใต้หล้า ราชันสวรรค์ไม่พูดเล่น เรื่องที่หนิวโหย่วเต๋อกลายเป็นอ๋องสวรรค์คุมทัพใต้ถูกกำหนดไว้แน่นอนแล้ว
เมื่อมีข่าวนี้ออกมา ก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก ระงับคำวิจารณ์ที่น่าสงสัยทั้งหมดของสำนักลมปราณได้ทันที
อ๋องสวรรค์คุมทัพใต้หมายความว่าอะไร? ทรัพยากรของใต้หล้าที่กลุ่มเอาไว้มีจำนวนมหาศาล ถ้าเป่าเหลียนได้กลายเป็นเจ้าสำนักสำนักลมปราณ ขอเพียงไม่ใช่คนโง่ก็จะรู้ว่าจะต้องนำโอกาสดีในการเติบโตมาให้สำนักลมปราณแน่นอน เป่าเหลียนจะต้องไขว่คว้าโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่จะได้เติบโตจากมือหนิวโหย่วเต๋อมาให้สำนักลมปราณแน่นอน ด้วยเหตุนี้ การสืบทอดตำแหน่งของเป่าเหลียนจึงราบรื่น
เพียงแต่เรื่องที่เป่าเหลียนแต่งงานกับหนิวโหย่วเต๋อยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ ตอนนี้รู้กันอยู่แค่คนในตำหนักใหญ่เท่านั้น นี่คือผลที่ได้จากการปรึกษากับหนิวโหย่วเต๋อ เจตนาของหนิวโหย่วเต๋อก็คือรอให้ฝั่งนั้นเลิกห่วงหน้าพะวงหลังก่อนแล้วค่อยประกาศอีกที
เมื่อรับป้ายคำสั่งเจ้าสำนักมาแล้ว เป่าเหลียนก็เดินไปตำแหน่งบนแล้วหันตัวมาเผชิญหน้ากับทุกคน เผยป้ายคำสั่งในมือให้ทุกคนดู
“คารวะเจ้าสำนัก!” ทุกคนในตำหนักใหญ่คารวะพร้อมกัน
ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ไร่ศักดิ์สิทธิ์ นักพรตเต๋าเต๋อหมิงกำลังนอนดื่มสุราเมามายอยู่ใต้ร่มไม้ เต๋อสือถือกาสุลาเดินเข้ามา เตะขาเต๋อหมิงลางบอกว่า “ศิษย์พี่ ลูกสาวท่านรับตำแหน่งเจ้าสำนัก เรื่องมงคลอย่างนี้ ท่านไม่ไปอาบน้ำให้สะอาดแล้วเข้าร่วมพิธีหน่อยเหรอ?”
เต๋อหมิงยิ้มมุมปาก แต่ไม่ได้ตอบอะไร
“ท่านก็แอบภูมิใจล่ะสิ” นักพรตตาเหล่เต๋อสือพูดดูถูก แล้วเดินไปหย่อนก้นนั่งลงด้านข้าง ก่อนจะเงยหน้ากรอกสุราเข้าปาก
จู่ๆ ข้างหูก็มีเสียงเอื่อยเฉื่อยของเต๋อหมิงดังขึ้น “ศิษย์น้อง เจ้ารู้สึกว่าเรื่องในปีนั้นข้าทำผิดไปหรือเปล่า?”
เต๋อสือเอียงหน้ามองมา มองแววตาที่เลื่อนลอยเพราะฤทธิ์สุราของเขา ย่อมรู้ว่าเรื่องในปีนั้นหมายถึงเรื่องไหน จึงถอนหายใจแล้วบอกว่า “ศิษย์พี่ ท่านยังคิดถึงเรื่องในปีนั้นไม่เลิกอีกเหรอ? ผ่านไปหลายปีขนาดนี้แล้ว เลิกคิดถึงมันได้แล้ว”
เต๋อหมิงหัวเราะเบาๆ พร้อมกลิ่นสุรา “ข้าเข้าใจความแน่วแน่ของท่านพ่อในปีนั้น แต่ตอนนี้ล่ะ เขาจะไม่รู้เชียวเหรอว่าพอเป่าเหลียนแต่งงานกับหนิวโหย่วเต๋อและรับตำแหน่งเจ้าสำนักแล้ว ทั้งสำนักลมปราณจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงในไม่ช้าก็เร็ว? แตกต่างกับความคิดของข้าในปีนั้นตรงไหน? อ้อมไปอ้อมมา สุดท้ายก็เดินเข้าสู่เส้นทางที่ข้าคิดไว้ในปีนั้น หึหึ คนที่คัดค้านข้าในปีนั้น ตอนนี้ทุกคนกลับไม่พูดอะไรแล้ว ข้าครุ่นคิดมาตั้งนานกว่าจะเข้าใจเหตุผล ตอนนั้นข้าไปคลุกคลีกับเรื่องภายนอกค่อนข้างลึก พวกเขาหลบอยู่ในสำนักไม่ได้คลุกคลีมากเท่าข้า ความคิดเลยเปลี่ยนแปลงช้า พอพวกเขาสัมผัสกับโลกภายนอกเยอะขึ้น ในที่สุดก็ค่อยๆ เผเชิญหน้ากับความจริงได้แล้ว”
เต๋อสือก้มหน้าเงียบๆ ครู่หนึ่ง ก่อนจะบอกว่า “ไม่เหมือนกัน เป็นเพราะเป่าเหลียนชอบหนิวโหย่วเต๋อ เจ้าสำนักถึงได้ให้เป่าเหลียนแต่งงานกับหนิวโหย่วเต๋อ”
“ก็เลยให้เป่าเหลียนเป็นเจ้าสำนักเหรอ? “เต๋อหมิงพูดหยอก จากนั้นก็ถามกลั้วเสียงหัวเราะ “เจ้าไม่รู้สึกว่าเหตุผลนี้น่าขำเหรอ?” พูดจบก็ไม่พูดอะไรอีก เอาแต่ดื่มสุรา
เต๋อสือเงียบไปพักหนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็อุ้มน้ำเต้าสุรากระดกกรอกเข้าปากเสียงดังอึกๆ น้ำสุราไหลเปียกขอเสื้อ…
หวงฝู่ตวนหรงเดินเข้ามาในร้านบ้านของตัวเอง ที่นี่สงบเงียบเหมือนเดิม นายท่านของที่นี่ไม่ชอบให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าออกบ้านตัวเอง
อู่หนิงกำลังนั่งสง่าอยู่ในศาลา ในมือถือดาบใหญ่สีแดง กำลังใช้ผ้าสีขาวขัดถู ขัดอย่างจริงจังตั้งใจมาก!
หวงฝู่ตวนหรงที่เดินเนิบนาบเข้ามาในศาลาจ้องดาบในมือเขา สามีไม่ค่อยเผยดาบเล่มนี้ให้เห็น ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้ถึงรีบออกมาเปิดเผยให้เห็นในลานบ้าน แม้ที่นี่จะมีคนเข้าออกน้อยมาก แต่ถ้าเกิดเหตุไม่คาดคิดล่ะ?
“เจ้ามีเรื่องอะไรในใจเหรอ?” หวงฝู่ตวนหรงนั่งลงที่เก้าอี้หินตรงข้ามเขา
“เปล่า!” อู่หนิงส่ายหน้าปฏิเสธ เหมือนยังคงหมกมุ่นอยู่กับการขัดดาบ
เมื่อเขาไม่ยอมรับ หวงฝู่ตวนหรงก็ไม่ถามอีก นางรู้ว่าคนคนนี้จะพูดสิ่งที่ควรพูด ส่วนสิ่งที่ไม่ควร ถ้าตัวเองทำเยอะก็จะไม่เหมาะสม นางมองไปรอบๆ แล้วถามว่า “โหรวโหรวออกไปแล้วเหรอ?”
อู่หนิงตอบว่า “ขลุกอยู่ในห้องไม่ยอมออกมา…” เขาชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วพูดเสริมว่า “นางมีเรื่องในใจ”
“เฮ้อ! ใครจะไปรู้ล่ะ” หวงฝู่ตวนหรงถอนหายใจ รู้ว่าลูกสาวได้รับผลกระทบจากเรื่องหนิวโหย่วเต๋อ นอกจากจะเห็นกับตาตัวเองแล้วว่าหนิวโหย่วเต๋อใช้อุบายปลุกปั่นสถานการณ์ ยังได้แต่มองดูหนิวโหย่วเต๋อรับอนุภรรยาตาปริบๆ หลังจากถูกปล่อยตัวแล้วก็กลับมาที่บ้านเลย จิตตกเล็กน้อย “ช่วงนี้หนิวโหย่วเต๋อนั่นขยันก่อเตอนนี้กำลังจะได้เป็นอ๋องสวรรค์แล้ว ได้หน้าได้ตาไม่จบไม่สิ้น เพียงแต่ชีวิตนับร้อยล้านที่ตายไปอย่างอนาถจะไปเรียกร้องความยุติธรรมจากใคร? ว่ากันว่าความสำเร็จของแม่ทัพคนหนึ่งแลกมาด้วยกองกระดูกนับหมื่น เรื่องจริงมีให้เห็นอยู่ตรงหน้านี้แล้ว! ถ้าเทียบกับการทำทุกอย่างโดยไม่สนวิธีการเพื่อเอาชีวิตคนไปเป็นกอง เรื่องลับๆ ที่สมาคมวีรชนของพวกเราทำก็ดูมีศีลธรรมไปเลย สมาคมวีรชนก่อตั้งมาหลายปีขนาดนี้ จำนวนคนที่ที่ฆ่าไปยังเทียบเศษของเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ ใครชั่วใครดีล่ะ? เขาทำร้ายชีวิตคนไปมากขนาดนั้นเลยรวดเดียว แต่กลับทำให้คนในใต้หล้าทั้งอิจฉาทั้งชื่นชม เวลาสมาคมวีรชนจะฆ่าใครสักคนยังต้องแอบทำ ไม่รู้จริงๆ ว่าความยุติธรรมอยู่ที่ไหน!”
อู่หนิงกล่าวเหมือนไม่ใส่ใจ “เรื่องของคนอื่นเกี่ยวอะไรกับพวกเรา? เจ้าเป็นผู้จัดการใหญ่ไม่ได้แล้ว แต่เหมือนเจ้าจะไม่รู้สึกเป็นทุกข์เลยสักนิด”
หวงฝู่ตวนหรงเบะปาก แล้วพูดเหมือนไม่ค่อยพอ “พอท่านปู่ตายไป ตอนนี้ท่านปู่รองหวงฝู่จัวก็เป็นคนดูแลบ้าน ช่องทางรายได้ของสมาคมวีรชนอยู่ในกำมือข้า เขาจะวางใจได้ยังไง การเปลี่ยนตำแหน่งข้าคือเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นในไม่ช้าก็เร็วอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? มีอะไรน่าตกใจ” ตอนนี้นั่งนับว่าได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว กลายเป็นผู้คุมกฎของตระกูลหวงฝู่ กฎของตระกูลก็เห็นกันอยู่ ลูกหลานในตระกูลไม่มีใครกินอิ่มแล้วเบื่อหน่ายจนฝ่าฝืนกฎ ดังนั้นนางจึงว่างมาก ชัดเจนแล้วว่าภายนอกได้เลื่อนตำแหน่งแต่ภายในถูกลดตำแหน่ง ตอนนี้ในมือนางไม่มีอำนาจที่แท้จริงแล้ว
แต่ตอนนี้นางก็ไม่เป็นอะไรแล้วเช่นกัน ถูกสถานการณ์กดดันจนคิดได้แล้ว ที่ลำบากลำบนก็เพราะอยากจะได้ทรัพยากรฝึกตนเพิ่มขึ้นไม่ใช่เหรอ อย่างไรเสียหนิวโหย่วเต๋อก็แอบมอบหุ้นหนึ่งส่วนของร้านค้าซื่อตรงให้แล้ว ทั้งชีวิตนี้พวกนางสองแม่ลูกไม่ต้องกังวลเรื่องชีวิตความเป็นอยู่พื้นฐานแล้ว ไม่ขาดแคลนทรัพยากรฝึกตนเช่นกัน ถ้าประสบความลำบากอะไรจริงๆ อาศัยอำนาจของหนิวโหย่วเต๋อในตอนนี้ ยังจะมีเรื่องใหญ่อีกเหรอ? ขี้คร้านจะไปกังวลแล้ว ได้กินดื่มเที่ยวเล่นและฝึกวิชาอย่างสบายใจก็ดีมากแล้ว
ใครจะคิดว่าอู่หนิงกลับไม่ตอบให้ตรงคำถาม แต่โยนประโยคหนึ่งออกมาอย่างเยียบเย็นว่า “เหมือนเจ้าจะสนใจหนิวโหย่วเต๋อมากนะ”
หวงฝู่ตวนหรงโบกมืออย่างเหยียดหยาม ทำเสียงฮึดฮัดแล้วบอกว่า “มีอะไรให้ข้าสนใจ ตอนนี้คนทั้งใต้หล้าพากันวิพากษ์วิจารณ์ ข้าจะพูดถึงเขาสักหน่อยไม่ได้เหรอ?”
อู่หนิงถามอีกว่า “หนิวโหย่วเต๋อกับโหรวโหรวมีความสัมพันธ์อะไรกันแน่?”
หวงฝู่ตวนหรงขนลุกซู่ ฟังออกถึงความหมายอันเยียบเย็นในคำพูดของสามี เห็นเพียงอู่หนิงที่กำลังนั่งหันหลังให้พาดดาบไว้ตรงหน้า ตัวดาบที่โปร่งแสงราวกับกระจกสะท้อนเงาดวงตาที่กำลังจ้องนางอย่างเย็นเยียบ
………………