พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2072 เจ็บสั้นดีกว่าเจ็บยาว
พ่อบ้านอย่างเขาเข้าสู่สภาวะนี้ตั้งนานแล้ว เห็นได้ชัดว่าบุคคลในครอบครัวของขุนนางใหญ่อยู่ในความทรงจำของเขาหมดแล้ว
เมื่อได้ฟังเขาเตือนแบบนี้ เหมียวอี้ก็ย่อมนึกขึ้นได้ว่าเป็นใคร กับดักตรงที่นาหลวงในปีนั้น จะว่าไปก็รู้ข่าวมาจากผังก้วน เขานึกย้อนไปพร้อมบอกว่า “ลั่วกุยนั่นสมองมีปัญหานิดหน่อย แต่เหมือนลั่วหม่างจะรักมาก”
หยางเจาชิงบอกว่า “เรื่องเป็นอย่างนี้ขอรับ ว่ากันว่าลั่วหม่างเคยโดนลอบสังหาร ตอนนั้นถงเหลียนซีตั้งครรภ์และมารับการโจมตีแทนสามี นี่คือสาเหตุที่ทำให้ลั่วกุยเกิดมาสมองไม่ปกติ ลั่วหม่างจึงรู้สึกผิดต่อลูกชายคนนี้ และก็เพราะสมองของลั่วกุยมีปัญหานี่แหละ เป็นไปไม่ได้ที่ลั่วหม่างจะส่งต่อตระกูลลั่วให้ลั่วกุย ว่ากันว่าเพื่อรักษาความร่ำรวยไว้ให้ลูกชาย ลั่วหม่างคิดจะให้ลูกแต่งงานกับก่วงเม่ยเอ๋อร์ ลูกสาวสุดหวงแหนของก่วงลิ่งกง ขอเพียงลูกชายได้แต่งงานกับก่วงเม่ยเอ๋อร์ ก็ย่อมไม่ต้องกังวลเรื่องการใช้ชีวิตในครึ่งหลังแล้ว ถ้าถงเหลียนซีเป็นเจียงอวิ๋นจริงๆ ในปีนั้นที่ลั่วหม่างโดนลอบสังหาร ข้าน้อยเกรงว่าจะมีปัญหา คนร้ายที่สามารถลอบสังหารลั่วหม่างได้มีหรือที่จะมาเล่นๆ ด้วยพลังอย่างถงเหลียนซีในปีนั้น นางกล้าเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเหรอ?”
เหมียวอี้พยักหน้าเบาๆ แล้วขมวดคิ้วอีก “เรื่องนี้คงมีปัญหาจริงๆ ถ้าจะยืนยันว่าถงเหลียนซีใช่เจียงอวิ๋นหรือเปล่าก็ง่ายมาก ติดต่อไปถามถงเหลียนซีโดยตรงก็รู้แล้ว แต่ถงเหลียนซีเป็นอนุภรรยาคนโปรดของลั่วหม่าง ถ้าถงเหลียนซีคือเจียงอวิ๋น แล้วถูกเปิดโปงขึ้นมา ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ถ้านางหวาดกลัวนางจะรายงานไปที่สมาคมวีรชนหรือเปล่า? แบบนั้นผลงอาจจะตรงข้ามกับที่คาดไว้ จะต้องมีคนที่คุมนางได้แอบติดต่อกับนาง”
“งานเลี้ยงอุทยานหลวงใกล้เข้ามาแล้ว ท่านอ๋องเตรียมจะให้หวังเฟยไปปลอบใจราชินีสวรรค์ไม่ใช่หรือขอรับ? คาดว่าถงเหลียนซีก็คงไปเหมือนกัน อาศัยฐานะและความสามารถของหวังเฟย จะต้องทดสอบได้แน่ว่านางใช่เจียงอวิ๋นหรือเปล่า สามารถคุมนางได้ด้วย ถ้าสามารถเปลี่ยนให้นางกลายเป็นสายลับของพวกเราได้ แบบนั้นก็จะดีสุดๆ” หยางเจาชิงกล่าว
เหมียวอี้พยักหน้า สถานการณ์ภาพรวมนิ่งแล้ว อันตรายจากความล้มเหลวได้ผ่านไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ฝ่ายอำนาจใหญ่จะนำอวิ๋นจือชิวมาขู่เขา ไม่อย่างนั้นก็รับผลที่ตามมาไม่ไหวหากเจอเขาล้างแค้น ภายใต้สถานการณ์ที่คุ้มกันอย่างเหมาะสมและไม่มีฝ่ายอำนาจเหล่านั้นมาทำให้เสียเรื่อง พระปีศาจก็ไม่มีโอกาสลงมือกับอวิ๋นจือชิวเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าอวิ๋นจือชิวไม่โผล่หน้ามาก็จะฟังดูเหลวไหล ในบ้านมีผู้หญิงเป็นโขยง เรือนชั้นในจำเป็นต้องมีคนคุมบ้านจริงๆ
ต้องทราบไว้ว่าในบรรดาอนุภรรยาที่รับไว้ครั้งนี้ มีไม่น้อยที่มีพื้นเพมาจากการเป็นคุณหนู ค่อนข้างมีลักษณะนิสัยเฉพาะตัว ขนาดเฟยหงยังเคยถูกทำให้อับอายอยู่หลายครั้ง ผู้ชายคนอื่นก็ไม่สะดวกจะมายุ่ง เหมียวอี้จะเอาเวลาจากไหนไปจัดการเรื่องนี้ทุกวัน ต้องให้อวิ๋นจือชิวกลับมาถึงจะคุมไหว!
อีกทั้งอนุภรรยาเหล่านั้นก็ยังอยู่นอกจวนท่านอ๋อง เป็นไปไม่ได้ที่จะให้พวกนางอยู่ข้างนอกตลอด บรรดาทหารที่ยอมแพ้มีผลกระทบต่อการคุมทัพใต้ให้สงบไม่น้อยเลย ยังมีกำลังพลเดิมของทัพใต้อีกมากมาย ถ้าไม่ให้ลูกสาวที่แต่งงานแล้วของพวกเขาเข้าประตูบ้านมาเสียที แล้วจะให้พวกเขาคิดอย่างไร คงกังวลว่าเหมียวอี้จะข้ามแม่น้ำแล้วรื้อสะพานทิ้ง อ๋องสวรรค์คุมทัพใต้อย่างเขาไม่อาจสูญเสียความน่าเชื่อถือจากคนมากขนาดนั้นได้ ถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้จริงๆ ในภายหลังในทัพใต้จะยังมีใครกล้าเชื่อคำสัญญาของเขาอีก? ดังนั้นจะปล่อยให้ทางเฟยหงถ่วงเวลานานเกินไปไม่ได้
และทันทีที่อนุภรรยาเหล่านั้นเข้าประตูบ้านมา เฟยหงก็มีเหตุผลให้กลับมาแล้ว หน่วยตรวจการซ้ายจะบีบบังคับให้เฟยหงลงมือกับเขาแน่ ถ้าไม่ลงมือนางก็จะถูกเปิดโปง แบบนั้นมารดาของนางก็จะมีจุดจบที่อนาถมาก ดังนั้นต้องรีบช่วยมารดาของนางออกมาให้เร็วที่สุด ดังนั้นต้องรีบสืบว่าพระปีศาจพูดจริงหรือเท็จกันแน่
ยังต้องปลอบใจราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ แต่ตอนนี้เหมียวอี้ไม่สะดวกจะไปที่วังสวรรค์อีกแล้ว เมื่อสรุปเรื่องราวในด้านต่างๆ รวมกัน ให้อวิ๋นจือชิวออกหน้าจะเหมาะสมที่สุด ให้ถือโอกาสสืบเรื่องถงเหลียนซีด้วยก็ยิ่งเหมาะ
“อืม งั้นเรื่องนี้ก็ให้หวังเฟยไปจัดการแล้วกัน” เหมียวอี้เห็นด้วย แล้วบอกอีกว่า “เรื่องแอบรับซื้อทรัพยากรฝึกตน รอให้หวังเฟยกลับมา เจ้าก็ต้องปรึกษากับหวังเฟยให้ดี ต้องจัดการเรื่องนี้ให้เหมาะสม”
ตอนนี้เขากุมอำนาจทางทหารและอาณาเขตทัพใต้ หมายความว่าเขากำลังจะมีกำลังทรัพย์มหาศาล จะเลี้ยงกำลังพลเพิ่มอีกร้อยล้านก็ไม่ใช่ปัญหาแล้ว เรื่องส่งทรัพยากรเข้าแดนอเวจีเพื่อเร่งเพิ่มศักยภาพให้กำลังพลแดนอเวจี ก็สามารถนำขึ้นโต๊ะมาแก้ปัญหาได้แล้ว
“ขอรับ!” หยางเจาชิงเอ่ยรับ
เดินไปเดินมาอยู่ในห้องครู่เดียว แล้วเหมียวอี้ก็กลับมานั่งหลังโต๊ะหนังสืออีก ถามว่า “หวงฝู่เลี่ยนคงยังไม่ตอบคำถามอีกเหรอ?”
“ทำตามที่ท่านอ๋องกำชับแล้ว แอบติดต่อกับเขาแล้วขอรับ แต่เขายังไม่ตอบอะไร ข้าน้อยคาดว่าเขาคงกำลังรอ” หยางเจาชิงตอบ
“รอ?” เหมียวอี้เหลือบตาขึ้น “รออะไร?”
“วังสวรรค์ต้องการลงมือสังหารท่านอ๋อง นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ และไม่ใช่เรื่องที่จะทำสำเร็จได้ง่ายๆ วังสวรรค์จะต้องใช้กำลังที่มีหลายฝ่ายมาจับตาดูท่านอ๋องแน่ เกรงว่าสมาคมวีรชนคงได้รับภารกิจลับอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่ความเป็นไปได้สูงว่าหวงฝู่เลี่ยนคงจะรู้เรื่องแล้ว” หยางเจาชิงตอบ
เหมียวอี้เคาะนิ้วบนผิวโต๊ะเบาๆ พลางแสยะยิ้ม เข้าใจสิ่งที่หยางเจาชิงสื่อแล้ว หวงฝู่เลี่ยนคงกำลังเฝ้าดูสถานการณ์ ถ้าเหมียวอี้ผ่านด่านนี้ไปไม่ได้ ถูกวังสวรรค์สังหารทิ้งแล้ว หวงฝู่เลี่ยนคงยังจะต้องเจรจากับเขาอีกเหีอ?
อวิ๋นจือชิวกลับมาแล้ว กลับมาพร้อมกับซูอวิ้น เรียกได้ว่าถือโอกาสตอนผ่านทางพาซูอวิ้นกลับมาด้วยกัน
ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำที่ทอดยาวเหมือนริ้วผ้านอกส่วนป่าสุสานของตระกูลฮ่าว ใต้ต้นไม้โบราณมีชายคนหนึ่งยืนอยู่
พอกลับมาแล้ว ซูอวิ้นที่เดินมาถึงประตูสวนป่าสุสานก็หันกลับไปมองโดยจิตใต้สำนึก นางสบตากับชายคนนั้นแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางเห็นเขา และไม่ได้มองเป็นเรื่องใหญ่อะไรด้วย นึกเพียงว่าเป็นคนที่เหมียวอี้ส่งมาจับตาดูนาง ไม่อย่างนั้นจะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ตามอำเภอใจได้อย่างไร
ซูอวิ้นเพียงมองแวบหนึ่ง จากนั้นก็มองข้ามไป พอกลับเข้ามาในสวนป่าสุสาน สิ่งแรกที่ทำก็คือกวาดสายตามองใบไม้รอบสุสานของฮ่าวเต๋อฟาง
ช่างหินที่นำคนงานมาสองคนส่งซูอวิ้นแค่ตรงประตูสวนป่าสุสานเท่านั้น ไม่ได้เข้าไปอีก คอยเฝ้าอยู่ข้างนอกแทน
ช่างหินสังเกตเห็นคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วเช่นกัน เขาขมวดคิ้วแล้วถลันตัวเข้าไป มองประเมินศีรษะจดเท้าแล้วถามเสียงต่ำว่า “เจ้าเป็นใคร?”
“ข้าเอง” ชายคนนั้นยิ้มอ่อน
ช่างหินอึ้งไปชั่วขระ จำได้แล้วว่าเป็นหยางชิ่ง จึงยิ้มพร้อมกุมหมัดคารวะ “ที่แท้ก็เป็นท่านบุรุษหยาง”
คนผู้นี้ก็คือหยางชิ่ง หยางชิ่งถามว่า “หวังเฟยกลับมาแล้วเหรอ?”
“อืม กลับมาแล้ว” ช่างหินพยักหน้า
“พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่?” หยางชิ่งถาม
“เถ้าแก่เนี้ย…หวังเฟยให้พวกเรามาคอยฟังคำสั่งที่นี่ชั่วคราว” ช่างหินตอบพร้อมรอยยิ้ม
หยางชิ่งยิ้มให้ เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไร้คนนอก คนเก่าคนแก่ของโรงเตี๊ยมเมฆาวายุยังเรียกอวิ๋นจือชิวว่า ‘เถ้าแก่เนี้ย’ เขารู้เรื่องนี้ดี
เมื่อไม่มีอะไรแล้ว ช่างหินพูดทักทายตามมารยาทสองประโยค แล้วก็กลับมาเฝ้านอกประตูสวนป่าสุสาน
สายตาของหยางชิ่งกลับมองเงาร่างที่กำลังปัดกวาดอยู่ในสวนป่าสุสาน แววตาสื่ออารมณ์หลากหลาย บางครั้งความรู้สึกก็เป็นเรื่องที่อัศจรรย์จริงๆ แม้แต่เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป ครั้งแรกที่ได้เห็นผู้หญิงคนนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะถูกดึงดูดแล้ว ถูกดึงดูดความสนใจแล้วจริงๆ
ก่อนหน้านี้เขาก็แค่แปลกใจ ว่าผู้หญิงที่ทำให้ฮ่าวเต๋อฟางติดพันมาหลายปีขนาดนี้เป็นผู้หญิงอย่างไรกันแน่ ก็เลยมาดูสักหน่อย ทว่าครั้งแรกที่ได้เห็น เขาก็เกิดความรักในชั่วพริบตาเดียว รู้สึกว่าถูกดึงดูดทั้งร่างกายและหัวใจ เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ แต่กลับงดงามอัศจรรย์ ทำให้คนคนึงหามิรู้ลืม
หวั่นไหวกับเกิดความรัก สำหรับเขาแล้วเป็นคนละเรื่องกันเลย ที่หวั่นไหวกับฉินซีริมแม่น้ำก็เพราะความงาม ตอนเจอเทพธิดาหงเฉินเหาะลงมาจากฟ้าที่เมืองโบราณฉางเฟิงครั้งแรก นั่นเป็นความรู้สึกเทิดทูนบูชาเพราะเอื้อมไม่ถึง เขาเคยผ่านผู้หญิงมาแล้วไม่น้อย ผู้หญิงที่ทำให้เขาเกิดความรักจริงๆ นั้นไม่มีเลย เพราะเขาเป็นคนสติปัญญาดีเกินไป คนที่ฉลาดเกินไปมักจะมองคนหรือมองเรื่องราวได้ทะลุปรุโปร่งมาก ในเมื่อมองจุดด่างพร้อยบางอย่างได้ทะลุปรุโปร่งเกินไป แล้วจะให้รักจริงได้อย่างไร? แต่มีเพียงผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า ที่เขาเห็นเพียงแวบแรกก็รู้สึกอยากแก่เฒ่าไปพร้อมกับนาง แค่อยากจะปกป้องนางไปทั้งชีวิต
เขาถึงขั้นรู้สึกว่าในหลุมศพของสวนป่าสุสานที่อยู่ตรงข้ามมีเสียงลึกลับกำลังบอกเขาว่า ปกป้องนางให้ดี!
หลังจากฟังความหมายจากเสียงฉินออกแล้ว เขาก็ทนเห็นเรื่องอย่างนั้นเกิดขึ้นไม่ได้ ถึงได้ไปหาเหมียวอี้
เขาอยากจะเข้าไปคุยกับนางในระยะใกล้มาก แต่สติปัญญาเตือนเขาเอาไว้ ว่าตอนนี้เขายังเปิดเผยฐานะไม่ได้ ดังนั้นเขาทำได้เพียงมองอยู่ไกลๆ
“ไม่กลับจวนท่านอ๋องเหรอ? ไปไหนแล้ว?”
บนตึกศาลา ขณะมองบรรดาอนุภรรยาในเรือนชั้นในทยอยกันออกจากจวนท่านอ๋องไป เหมียวอี้ก็ถามอย่างงุนงง
“ไปพักเรือนของอนุภรรยาท่านอ๋อง” หยางเจาชิงเอามือลูบจมูกพร้อมเอ่ยตอบ
“…” เหมียวอี้ปาดเหงื่อ แล้วขมวดคิ้วถามว่า “ผู้หญิงคนนี้เล่นบ้าอะไร กลับมาแล้วแต่ไม่กลับบ้าน ดันไปเรือนเดี่ยวก่อน คิดจะทำอะไร?”
ตอนที่พูดแบบนี้ แม้แต่เขาเองก็ยังกินปูนร้อนท้อง ไม่ผิดหรอก เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับอนุภรรยาเหล่านั้น และไม่คิดอะไรด้วย แต่การที่เขาได้ผู้หญิงมามากขนาดนี้ในรวดเดียว ก็ทำให้รู้สึกประสบความสำเร็จอยู่บ้าง บางครั้งก็แอบมีความคิดลามกที่เปิดเผยไม่ได้ ถ้ามีโอกาสก็จะหาสาวสวยสักคนมาปรนนิบัติสักหน่อย ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องที่ชอบธรรม ไม่ว่าใครก็ว่าอะไรไม่ได้
หยางเจาชิงหัวเราะแห้ง ไม่ได้ตอบอะไร แต่ทำท่าอึกอักเหมือนอยากจะพูด
เหมียวอี้กลอกตามอง เห็นผังเสี้ยวเสี้ยวแล้ว นางเดินออกไปนอกจวนท่านอ๋องเช่นกัน อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ผู้หญิงพวกนี้กำลังจะทำอะไร?”
“เอ่อคือ…หวังเฟยมีคำสั่ง ว่าให้อนุภรรยาทั้งหมดของท่านอ๋องไปพบนางที่เรือนเดี่ยว แล้วก็…แล้วก็…” หยางเจาชิงอึกอัก แล้วสุดท้ายก็ถอนหายใจ “หวังเฟยให้ท่านไปดูด้วยกันที่เรือนเดี่ยวขอรับ”
เหมียวอี้หน้าชาทันที แล้วจู่ๆ ก็กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ในมืออ๋องผู้นี้มีงานมากมาย ไม่มีกะจิตกะใจไปทำเรื่องไร้สาระกับนางหรอก” เขาทำเสียงฮึดฮัด แล้วหันหน้าเดินจากไปเลย
ว่ากันว่า ‘สรรพสิ่งในโลกล้วนมีของข่ม’ เป็นแบบไหนล่ะ? ก็เป็นแบบนี้ไง! หยางเจาชิงส่ายหน้า แอบทอดถอนใจ ตามหลังเขาไปแล้วกล่าวเตือนด้วยเสียงอ่อนปวกเปียก “ท่านอ๋อง ยื่นหัวก็เจอหนึ่งดาบ หดหัวก็เจอหนึ่งดาบ เจ็บสั้นดีกว่าเจ็บยาว ขออภัยที่ข้าพูดตรงๆ ท่านไปตอนนี้กลับเป็นเรื่องดี อยู่ต่อหน้าคนมากมายขนาดนั้น หวังเฟยไม่ทำให้ท่านดูแลหรอกขอรับ ให้หวังเฟยเง้างอดสักหน่อย เดี๋ยวเรื่องก็ผ่านไปแล้ว แต่ถ้าท่านไม่ไป ด้วยนิสัยของหวังเฟย มีแต่จะทำให้เรื่องลุกลามใหญ่โต…ท่านอ๋อง ท่านต้องคำนึงถึงผลที่ตามมานะ ไปดีกว่าขอรับ!”
เหมียวอี้ที่เดินมาถึงทางขึ้นบันไดลังเลแล้ว ถามว่า “เจ้าแน่ใจนะว่าหวังเฟยจะไม่ทำอะไรซี้ซั้วต่อหน้าทุกคน?”
หยางเจาชิงถอนหายใจ “หวังเฟยเจ้าอารมณ์ แต่กลับเป็นคนมองอะไรกระจ่าง รู้กาลเทศะ ไม่ทำซี้ซั้วแน่ ไม่อย่างนั้นนางคงไม่อนุญาตให้ท่านรับอนุภรรยาเข้าบ้านมากขนาดนี้ในรวดเดียว”
“ได้!” เหมียวอี้ชี้จมูกเขา “นี่เจ้าพูดเองนะ อีกเดี๋ยวถ้าหวังเฟยพัวพันเรื่องนี้ไม่จบ ข้าก็จะบอกว่าเป็นความคิดหยางเจาชิง ข้าไม่ได้ตอบตกลง จากนั้นเจ้าก็พยายามโน้มน้าวให้สำเร็จ เจ้าเองก็ต้องยอมรับด้วย”
“ข้า…” หยางเจาชิงตกใจมาก พูดไม่ออกจริงๆ ท่านรับอนุภรรยา แต่ข้าต้องรับผิดชอบ มีสิทธิ์อะไรกัน! ต่อไปนี้คงเจอหน้ากันอย่างปกติไม่ได้แล้ว ตอนเจอหวังเฟยข้าจะทำสีหน้าอย่างไร? แล้วจะใช้ชีวิตหลังจากนี้อย่างไร?
เรือนเดี่ยว ในอุทยานใหญ่ สาวงามพันกว่าคนรวมตัวกระซิบกระซาบกัน พวกนางเงยหน้ามองดวงอาทิตย์บนฟ้าเป็นระยะ ทุกคนล้วนกำลังตากแดด
ตากแดดเป็นเวลาหนึ่งชั่วยามกว่า แต่ยังไม่เห็นอวิ๋นจือชิวโผล่หน้ามา แม้ทุกคนจะไม่กล้าเพ่นพ่านไปทั่ว แต่ในใจก็อดบ่นไม่ได้ บางคนแอบถ่ายทอดเสียงคุยกับเพื่อนสาว “ผู้หญิงที่แต่งงานซ้ำคนนั้นมีเจตนาอะไร วางมาดอะไรของนาง?”
……………