พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2077 เข้าใจผิด
คำพูดนี้ฟังดูประหลาดชอบกล แต่กลับทำให้เฟยหงแอบรู้สึกหวาดระแวง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถึงนางหรือเปล่า
นางฝืนยิ้มพร้อมกล่าวว่า “ท่านแม่บุญธรรม ลูกไม่เข้าใจว่าท่านกำลังพูดอะไร”
“ไม่เข้าใจเหรอ? ไม่เข้าใจจริงๆ หรือว่าแกล้งโง่?” แม่เฒ่าลวี่เก็บมือที่ลูบคลำกลีบดอกไม้กลับมา แล้วเอียงหน้าจ้องนาง “นางหนู บางอย่างข้าก็ไม่ควรพูดเลย แต่ท่านแม่บุญธรรมเห็นว่าเจ้าเป็นเด็กดี ดูไม่เหมือนคนที่จะทำเรื่องชั่ว เจ้าเรียกข้าว่าท่านแม่บุญธรรมมาหลายปี ข้าไม่ให้สิ่งนี้สูญเปล่าหรอก ต้องแนะนำเจ้าสักหน่อย ปลีกตัวออกมา หนีไปเถอะ!”
เฟยหงไม่กล้าสบตากับนางตรงๆ ก้มหน้าเล็กน้อย แล้วถามอย่างคลุมเครือ “ไปไหน?”
แม่เฒ่าลวี่ตอบว่า “จุดประสงค์ที่เจ้าไปอยู่ข้างกายหนิวโหย่วเต๋อ เจ้าเองก็รู้ดี แม้ข้าจะไม่รู้ว่าจุดอ่อนอะไรของเจ้าอยู่ในมือหน่วยตรวจการซ้าย แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ข้าต้องเตือนเจ้าไว้หน่อย คนที่ตกอยู่ในมือหน่วยตรวจการซ้ายแล้ว หน่วยตรวจการซ้ายไม่มีทางปล่อยไป เจ้าช่วยออกมาไม่ได้ด้วย ถ้าจะให้โชคร้ายกันไปทั้งคู่ ไม่สู้ให้เจ้ารอดไปได้สักคนดีกว่า ขอเพียงเจ้าตอบตกลง ยายแก่คนนี้ก็พอจะรู้จักสหายอยู่บ้าง จะจัดเตรียมที่ไปให้เจ้าได้ไม่มีปัญหา เกียรติยศความร่ำรวยไม่มีแล้ว ตราบใดที่เจ้าสงบเสงี่ยมเจียมตัวไม่โผล่หน้าออกมา ก็ใช้ชีวิตสงบสุขได้ไม่มีปัญหา จุดนี้ข้ารับประกันกับเจ้าได้”
“จากนั้นก็ใช้ชีวิตอยู่กับความรู้สึกผิดทุกวันเหรอ?” เฟยหงถามเสียงต่ำ
แม่เฒ่าลวี่คำไม้เท้าหันตัวเดินไปช้าๆ “หนิวโหย่วเต๋อรู้ตัวตนของเจ้าหรือไม่ หน่วยตรวจการซ้ายไม่แน่ใจ แต่เจ้ารู้ชัดอยู่แก่ใจ ข้าไม่ได้สนิทกลับหนิวโหย่วเต๋อนักหรอก แม้จะไม่รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง แต่ก็ได้ยินข่าวมาไม่น้อย ชำนาญการรบ ในสมองมีแผนร้าย ใช้อุบายปลุกปั่นสถานการณ์เหมือนคว่ำเมฆพลิกฝนให้คนตื่นตกใจทุกอย่างก้าวจนเดินมาถึงทุกวันนี้ได้ นี่เป็นคนแบบไหนกันล่ะ? เห็นได้ชัดว่าเป็นสิงห์ร้ายเห่อเหิมทะเยอทะยานแห่งยุค ไม่รู้ว่าเท้าเขาเหยียบกระดูกคนมากมายเท่าไหร่เพื่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง เรื่องใหญ่ในใต้หล้าข้าไม่เข้าใจหรอก ถ้าไม่เข้าใจหนิวโหย่วเต๋อด้วย แต่กลับเข้าใจประมุขชิง คนที่มีอำนาจอย่างหนิวโหย่วเต๋อไปสมคบกับตระกูลเซี่ยโห้ว ประมุขชิงต้องไม่ปล่อยเขาไปแน่ ถ้าข้าเดาไม่ผิด เกรงว่าเจ้าคงได้รับคำสั่งลับจากหน่วยตรวจการซ้ายให้กำจัดหนิวโหย่วเต๋อแล้วสินะ? ตัวละครอย่างหนิวโหย่วเต๋อ เวลานอนต้องลืมตาไว้ข้างหนึ่ง จะโดนลอบสังหารง่ายขนาดนั้นได้ยังไง? ต่อให้เจ้าทำสำเร็จแล้วยังไงต่อ ข้างกายเขามียอดฝีมือมากมาย มีกำลังทหารอยู่ทั่วทุกที่ ตอนที่เจ้าทำสำเร็จก็คือตอนที่เจ้าต้องสิ้นชีวิต เจ้าคิดว่าพอเจ้าทำสำเร็จแล้ว หน่วยตรวจการซ้ายจะใจกว้างไม่กำจัดคนของเจ้าทิ้งเหรอ? ถ้าหนิวโหย่วเต๋อรู้ถึงตัวตนของเจ้าแล้ว ข้าไม่สนใจว่าหลายปีมานี้เขาจะหลอกใช้ให้เจ้าทำอะไรกับตำหนักสวรรค์บ้าง แต่มีสิ่งหนึ่งที่เจ้าต้องเข้าใจเอาไว้ ถ้าหน่วยตรวจการซ้ายสั่งให้เจ้ากำจัดหนิวโหย่วเต๋อเมื่อไหร่ สำหรับหนิวโหย่วเต๋อ เจ้าก็หมดประโยชน์แล้ว ตัวละครที่ทะเยอทะยานอย่างหนิวโหย่วเต๋อ ข้าเห็นมาเยอะแล้ว มีใครบ้างที่ไม่โหดร้าย พวกเขาสนใจแค่ผลประโยชน์ของตัวเอง ถ้าเจ้าหวังว่าเขาจะเสียสละผลประโยชน์มหาศาลของเขาเพื่อช่วยคนของเจ้าออกมา นั่นคือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
แต่ถ้าเจ้าไม่ฆ่าหนิวโหย่วเต๋อ คนที่เจ้าห่วงใยก็จะต้องตาย ถ้าเจ้าฆ่าหนิวโหย่วเต๋อแล้ว เจ้าเองก็ต้องตาย คนที่เจ้าห่วงใยก็รอดชีวิตออกไปไม่ได้เช่นกัน ในเมื่อซ้ายขวาล้วนเป็นอย่างนี้ ไม่สู้ปกป้องไว้สักคนหนึ่ง ปกป้องตัวเอง ข้าพูดผิดหรือเปล่า? นางหนู การต่อสู้แก่งแย่งระหว่างคนประเภทนั้น คนที่ตายมักจะเป็นคนที่อยู่ข้างกาย คนอย่างเจ้ากับข้าไปเกี่ยวข้องด้วยไม่ไหวหรอก จะโดนบดจนกระดูกแหลกได้ง่ายมาก รีบเอาตัวออกมาแต่เนิ่นๆ ไปเถอะ!”
เฟยหงที่เดินตามอยู่ข้างหลังตกตะลึงพรึงเพริด คำพูดของอีกฝ่ายแสดงให้เห็นชัดเจน ว่ารู้มานานแล้วว่าตัวเองไปพึ่งพาฝ่ายหนิวโหย่วเต๋อ ในใจหวาดกลัวถึงขีดสุด ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายแอบรายงานให้ตำหนักสวรรค์รู้หรือเปล่า ทว่าไม่นานก็เปลี่ยนความคิด เพราะถ้าเปิดเผยให้ตำหนักสวรรค์รู้แล้ว ยังจะเกิดสถานการณ์อย่างนี้ได้อย่างไรกัน เริ่มรู้สึกเบาใจทีละนิด ขณะเดียวกันก็รู้สึกซาบซึ้งใจกับท่านแม่บุญธรรมผู้นี้
หลังจากเงียบไปนาน เฟยหงก็กล่าวเสียงต่ำอีกว่า “เขาไม่ใช่คนอย่างที่ท่านคิด ข้าเชื่อใจเขา”
แม่เฒ่าลวี่หยุดเดิน แล้วหันตัวมาจ้องนางด้วยสายตาเยียบเย็น “นางหนู ในปีนั้นข้าก็เชื่อใจผู้ชายคนหนึ่งเหมือนกับเจ้านี่แหละ แต่ผู้ชายในโลกนี้ไม่มีดีสักตัวหรอก”
เฟยหงกัดริมฝีปาก รวบรวมความกล้าบอกว่า “ถ้าข้าเชื่อใจเขา อย่างน้อยคนที่ฆ่าเชื่อใจก็ยังมีโอกาสรอดอยู่บ้าง แต่ถ้าไม่เชื่อใจเขา โอกาสรอดก็ไม่มีเลย!”
“ช่างเป็นเด็กสาวที่ดื้อรั้น คนหนุ่มคนสาว ถ้าไม่ชนกำแพงก็ไม่หันเลี้ยวกลับจริงๆ ทำไมต้องเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้อง ตอนที่เจ้ามานึกเสียใจทีหลัง โลกนี้ก็ไม่มีเรื่องที่น่าเจ็บปวดใจกว่านี้อีกแล้ว ไม่มีใครเจ็บปวดกับการสูญเสียญาติมากกว่าเจ้าอีกแล้ว เฮ้อ!” แม่เฒ่าลวี่ส่ายหน้าถอนหายใจ แล้วเดินไปข้างหน้าต่อ กล่าวช้าๆ ว่า “เจ้าไปไตร่ตรองเอาเองแล้วกัน ถ้าจะคิดได้ ก็ติดต่อใครทันเวลา ข้าจะเตรียมที่ให้เจ้าหนีไป แต่บอกเร็วๆ หน่อยแล้วกัน ถ้าสายเกินไป ข้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้เหมือนกัน ยายแก่พูดเพียงเท่านี้ นับว่าแสดงน้ำใจในการเป็นแม่ลูกกันช่วงหนึ่งแล้ว เจ้าไปตัดสินใจเอาเอง”
เมื่อถูกนางสั่งสอนแบบนี้ ถ้าจะบอกว่าในใจเฟยหงไม่ลังเลสักนิดเลยก็โกหกแล้ว นางเองก็กังวลว่าเหมียวอี้จะหลอกใช้ประโยชน์ตนจริงหรือเปล่า แต่กังวลก็ส่วนกังวล แต่นางก็ยังเชื่อว่าหลายปีมานี้ตัวเองมองคนไม่ผิด เชื่อว่าเหมียวอี้ปฏิบัติต่อนางอย่างจริงใจ ไม่เชื่อว่าเหมียวอี้จะทิ้งนาง
แต่ในใจนางก็แบกรับความกดดันมหาศาลเพราะแม่เฒ่าลวี่จริงๆ
เมื่อออกจากสวนกลางเขียวขจี มาถึงหุบเขาลับตาคนของอุทยานหลวง ตอนที่มาถึง ในหุบเขาก็มีคนรอนางอยู่แล้ว เป็นสตรีวัยกลางคนหน้าตาสวยที่สวมใส่เสื้อผ้าธรรมดา
“ท่านแม่!” เฟยหงเรียกด้วยความดีใจ วิ่งเข้าไปหาแล้วโผเข้าอ้อมกอดมารดา สองแม่ลูกกอดกันร้องไห้
กระทั่งทั้งสองฝ่ายสงบสติอารมณ์ได้แล้ว คลายกอดแล้ว เฟยหงก็มองสำรวจมารดาให้ละเอียดอีกครั้ง แม้จะยังแต่งตัวเรียบง่ายธรรมดา แต่สีหน้าท่าทางก็ไม่ได้ดูสิ้นหวังเหมือนที่เจอกันตอนแรก กลับมางดงามภูมิฐานเหมือนในปีก่อนๆ แล้ว เห็นได้ชัดเจนว่าเมื่อก่อนเป็นระดับยอดหญิงงาม ด้วยเหตุนี้นางจึงรู้ว่าหลายปีมานี้มารดาใช้ชีวิตได้ค่อนข้างดี นางเข้าใจอยู่แล้วว่าเป็นเพราะผลงานของนางตอนอยู่ข้างกายหนิวโหย่วเต๋อทำให้หน่วยตรวจการซ้ายพอใจ
ทั้งสองถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ เฟยหงฉวยโอกาสนี้แอบถ่ายทอดเสียงถามอีกครั้ง “ท่านแม่ ท่านยืนยันจุดที่ท่านถูกขังได้หรือเปล่า?”
นี่เป็นคำถามที่นางถามแทบทุกครั้งที่ได้พบมารดา นางรู้ว่าหลายปีมานี้เหมียวอี้ไม่มีทางลงมือช่วยเหลือได้ ก็เพราะไม่สามารถยืนยันได้ว่ามารดาถูกขังอยู่ที่ไหน ไม่รู้จะเริ่มลงมือจากตรงไหนเลย
มารดานางตอบว่า “ที่ที่แม่อยู่มืดมิดไร้แสงแดด ยืนยันไม่ได้ ลูกรัก ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ไม่ต้องสนใจแม่แล้ว คนพวกนั้นไม่มีทางปล่อยแม่ไป เจ้าไม่ต้องหวังอีกแล้ว ขอแค่เจ้ายังใช้ชีวิตต่อไปให้ดี แบบนั้นดีกว่าอะไรทั้งนั้น”
“ไม่ได้ค่ะ! ต่อให้ยังมีความหวังสุดท้ายเพียงน้อยนิด พวกเราก็จะยอมแพ้ไม่ได้ ข้าจะหาทางช่วยท่านแม่ออกไปแน่นอน…”
ในตำหนักนารีสวรรค์ หวังเฟยคนใหม่อย่างอวิ๋นจือชิวไปเยี่ยมคำนับราชินีสวรรค์ กำลังเดินเล่นอยู่ในสวนดอกไม้กับราชินีสวรรค์ เห็นได้ชัดเจนว่าสีหน้าของราชินีสวรรค์ไม่ค่อยดีนัก
“รับไม่ไหวหรอก อ๋องสวรรค์หนิวตำแหน่งสูง อำนาจเยอะ ยังเห็นข้าอยู่ในสายตาอีกเหรอ?”
“เหนียงเหนียง หม่อมฉันคิดว่ามีหลายเรื่องที่ท่านอาจจะเข้าใจผิดแล้วเพคะ”
“เข้าใจผิดเหรอ? หึหึ พอรู้สึกว่าข้าหมดประโยชน์ให้ใช้งานก็สลัดทิ้ง ช่างเป็นความเข้าใจผิดที่ใหญ่มากจริงๆ”
“สงสัยเหนียงเหนียงจะเข้าใจผิดแล้วจริงๆ แต่จะว่าไปแล้ว เรื่องเข้าใจผิดบางอย่างก็เป็นท่านอ๋องที่จงใจทำ มีจุดประสงค์ก็คือให้เหนียงเหนียงเข้าใจผิด ไม่อย่างนั้นคนที่ถูกโค่นล้มครั้งนี้คงไม่ใช่ฮ่าวเต๋อฟาง แต่เป็นจวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาล”
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่อึ้งเล็กน้อย กลอกสายตาถามว่า “หมายความว่ายังไง?”
อวิ๋นจือชิวถอนหายใจ “เหนียงเหนียงรู้หรือเปล่าว่าในปีนั้นที่ท่านอ๋องอยู่จวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาล สถานการณ์ของเขาอันตรายขนาดไหน? ทัพเกรียงไกรห้าสิบล้านของลิ่งหูโต้วจ้งไปขอพึ่งพาแดนรัตติกาล อย่าบอกนะว่าเหนียงเหนียงคิดว่าท่านอ๋องเป็นคนวางแผน? ไม่ใช่เลย คนที่วางแผนอยู่เบื้องหลังจริงๆ ก็คือฝ่าบาท ก่อนหน้านี้ต่อให้นอนฝันท่านอ๋องก็นึกไม่ถึง ว่าลิ่งหูโต้วจ้งจะนำกำลังพลไปขอพึ่งพาเขา เป็นฝ่าบาทที่บีบให้ลิ่งหูโต้วจ้งไปพึ่งพาแดนรัตติกาล จุดประสงค์ของฝ่าบาทคืออะไรล่ะ? ตลาดผี ตึกศาลาสัตยพรต! จู่ๆ แดนรัตติกาลก็มีกำลังพลเยอะขนาดนั้นโผล่มา เท่ากับควบคุมแดนรัตติกาลโดยสมบูรณ์แล้ว เหนียงเหนียงคิดว่าตระกูลเซี่ยโห้วจะปล่อยไปโดยไม่สนใจเหรอ? ฝ่าบาทต้องการจะยืมดาบฆ่าคน บีบให้ท่านอ๋องกับตระกูลเซี่ยโห้วแตกหักกัน เพราะท่านอ๋องเป็นคนของเหนียงเหนียง และกำลังบีบให้เหนียงเหนียงกับตระกูลเซี่ยโห้วแตกหักด้วย ฝ่าบาทไม่หวังให้เหนียงเหนียงถูกตระกูลเซี่ยโห้วควบคุมไปตลอด และตระกูลเซี่ยโห้วก็ไม่หวังให้ท่านอ๋องกับเหนียงเหนียงสนิทกันเกินไปเช่นกัน เพราะจุดประสงค์ของตระกูลเซี่ยโห้วไม่ใช่แค่ควบคุมเหนียงเหนียง ทั้งยังคิดจะควบคุมราชันสวรรค์องค์ต่อไปด้วย นั่นก็คือองค์ชายหยวนจุน! เหนียงเหนียงคิดว่าตระกูลเซี่ยโห้วหวังจะให้ในมือเหนียงเหนียงมีกำลังพลมากขนาดนั้นหรือเปล่าเพคะ?”
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่กระตุกมุมปาก ในดวงตาฉายแววดุร้าย
อวิ๋นจือชิวพูดต่อไปว่า “ทว่าท่านอ๋องก็รู้อย่างลึกซึ้งว่ากำลังพลเหล่านี้มีความหมายมากต่อเหนียงเหนียงกับองค์ชาย จำเป็นต้องทุ่มกำลังความคิดเพื่อปลอบโยนฝั่งตระกูลเซี่ยโห้ว จะต้องทำตัวเหมือนอาศัยกำลังทหารแข็งข้อต่อเบื้องบน ทำให้เหนียงเหนียงเข้าใจผิด”
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่แสยะยิ้ม “คิดว่าข้าเป็นเด็กสามขวบหรือไง? ถ้าเป็นอย่างนี้จริงๆ ทำไมไม่บอกข่าวให้ข้ารู้สักหน่อย ข้าจะเป็นคนไร้เหตุผลเชียวหรือ?”
อวิ๋นจือชิวเดินช้าๆ อยู่ข้างกายนาง “ก็เพราะแบบนี้ไง เพราะข้างกายเหนียงเหนียงมีหูตาเยอะเกินไป ทุกการกระทำของเหนียงเหนียงล้วนอยู่ในการจับตามองของคนอื่น เรื่องนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน ถ้าเหนียงเหนียงเผยพิรุธทางด้านอารมณ์นิดเดียว ตระกูลเซี่ยโห้วก็จะลงมือสังหารที่จวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลทันที ไม่ยอมให้ในมือเหนียงเหนียงมีกำลังพลเยอะขนาดนั้นจนเสียการควบคุมแน่นอน สิ่งที่ตระกูลเซี่ยโห้วต้องการก็คือควบคุมเหนียงเหนียงอย่างเบ็ดเสร็จ ควบคุมองค์ชายหยวนจุน ควบคุมราชันสวรรค์องค์ต่อไป ทำแบบนี้เพื่อรับประกันว่าตระกูลเซี่ยโห้วจะสามารถยึดครองใต้หล้าได้ตลอดไป”
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่เม้มริมฝีปากแน่นอีกครั้ง ควบคุมนาง ควบคุมลูกชายของนาง อวิ๋นจือชิวเอ่ยถึงสิ่งนี้ซ้ำๆ กระตุ้นสิ่งที่อยู่ในใจนางได้หลายเท่า เพราะนางเข้าใจดี ว่านี่คือจุดประสงค์ของตระกูลเซี่ยโห้วจริงๆ อยากจะควบคุมนางตลอดไปเหมือนนางเป็นผีดิบ อย่างน้อยนางก็รู้สึกอย่างนี้มาตลอด
เมื่อสังเกตปฏิกิริยาของนางเล็กน้อย อวิ๋นจือชิวก็พูดต่อว่า “ท่านอ๋องน่ะข้างบนเคารพฝ่าบาท ข้างในปลอบโยนตระกูลเซี่ยโห้ว ข้างนอกติดต่อฮ่าวเต๋อฟาง ไม่ล่วงเกินใครเลย ทำไมต้องทำผิดต่อเหนียงเหนียงอยู่ฝ่ายเดียวด้วยล่ะ? ท่านอ๋องสานสัมพันธ์อันดีกับทุกฝ่ายไม่ใช่เรื่องดีหรอกหรือเพคะ? หรือเป็นเพราะรู้สึกว่าเหนียงเหนียงมีกำลังอ่อนแอจึงรังแกได้ง่าย? เหนียงเหนียงรู้สึกว่าท่านอ๋องจำเป็นต้องจิตใจคับแคบแบบนี้ด้วยหรือ? เหนียงเหนียงไม่เคยคิดถึงปัญหานี้มาก่อนหรือเพคะ? รอให้ท่านอ๋องสร้างความมั่นคงให้กำลังพลแดนรัตติกาลได้แล้ว ปัญหาก็จะมาอีก ภายในกำลังพลของสี่ทัพปัดแข้งปัดขากันไม่หยุด รักษากำลังให้คงที่มาตลอด มีเพียงทัพใหญ่แดนรัตติกาลที่ได้รับสภาพแวดล้อมสะดวกสบาย ใช้เวลาไม่กี่หมื่นปีก็เติบโตขึ้นเยอะมาก เป็นภัยคุกคามถึงฮ่าวเต๋อฟางแล้ว ส่วนฝ่าบาทก็จงใจเสี้ยมให้ภายในของอำนาจแต่ละฝ่ายวุ่นวาย ทัพใหญ่แดนรัตติกาลเผชิญหน้ากับความเป็นความตาย อยู่ในสถานการณ์ล่อแหลม จู่ๆ ก็มีโอกาสโผล่มา ท่านอ๋องเลยไม่ลังเลที่จะลงมือ เคลื่อนทัพออกจากแดนรัตติกาล ไม่รอให้ฮ่าวเต๋อฟางลงมือ เขาลงมือก่อนเพื่อความได้เปรียบ สถานการณ์ถึงได้เป็นอย่างทุกวันนี้ เหนียงเหนียง ท่านรู้หรือเปล่าว่าท่านอ๋องอาศัยโอกาสอะไรเพื่อลงมือ?”
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ที่กำลังครุ่นคิดปรายตามองนาง “ไม่รู้!”
แม้รอบข้างจะไม่มีคน แต่อวิ๋นจือชิวก็ยังเปลี่ยนเป็นถ่ายทอดเสียง “ตระกูลเซี่ยโห้วเกิดความวุ่นวายภายใน เฉาหม่านแย่งชิงตำแหน่ง ฆ่าหัวหน้าตระกูลเซี่ยโห้วลิ่งแล้ว ต้องการให้ทัพใหญ่ของท่านอ๋องปกป้องอยู่ใกล้ๆ!”
“อะไรนะ?” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่อุทานเสียงหลง ตกใจจนหน้าถอดสี
…………………