พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2091 เว่ยซูคือกับดัก
รอจนกระทั่งได้ข่าวพวกหยางชิ่งออกเดินทางอย่างลับๆ แล้ว เหมียวอี้ก็กำชับหยางเจาชิงว่า “จับตาดูให้เข้มงวดว่าในจวนมีความเคลื่อนไหวผิดปกติอะไรหรือเปล่า”
“ขอรับ!” หยางเจาชิงเอ่ยรับคำสั่ง แล้วเตือนอีกว่า “ทางด้านหวังเฟยยังถูกควบคุมอยู่ขอรับ”
เหมียวอี้เงียบไปครู่หนึ่ง ที่ควบคุมทางนั้นไว้ ประการแรกเป็นเพราะไม่อยากให้อวิ๋นจือชิวเข้ามาแทรกแซงและห้ามเขา ประการต่อมาก็เพื่อปกป้องพวกอวิ๋นจือชิว ป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดอะไรตอนลงมือกับเว่ยซู หลังจากนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ก็บอกว่า “ควบคุมต่อไป ในลานบ้านนั้นไม่ว่าใครก็ห้ามติดต่อกับภายนอก รอให้ฝั่งหยางชิ่งได้ผลลัพธ์ก่อนแลวค่อยว่ากัน”
ไหนๆ ก็ทำเรื่องนี้ไปแล้ว ตอนนี้ไม่สะดวกจะเลิกควบคุม เป็นเพราะฝั่งตระกูลเซี่ยโห้วลึกล้ำจนทำให้สืบไม่เจอความจริง เขาลองคนึกถึงฝั่งฮ่าวเต๋อฟาง ขนาดลูกน้องคนสนิทยังมีโอกาสเป็นคนของตระกูลเซี่ยโห้วเลย ไม่ว่าใครก็ไม่กล้ารับประกันว่าในลานบ้านนั้นจะไม่มีสายลับของตระกูลเซี่ยโห้ว ถ้ามีสายลับของตระกูลเซี่ยโห้วอยู่จริง หลังจากตระกูลเซี่ยโห้วรู้ว่าเว่ยซูมาที่นี่แล้วทางนี้มีความเคลื่อนไหวผิดปกติ ก็จะทำให้คนสงสัยได้ง่ายมาก ยามเผชิญหน้ากับคนอย่างเซี่ยโห้วท่า เขาไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย ไม่กล้าแหวกหญ้าให้งูตื่นเลย
“ถ้าไม่ให้คำชี้แจงกับฝั่งหวังเฟยสักที เกรงว่า…” หยางเจาชิงกล่าว
“ข้าจะไปดูสักหน่อย” เหมียวอี้กล่าว
พูดจบก็ออกจากโถงหลัก มุ่งหน้าไปที่เขตลานบ้านของเฟยหง
ตอนนี้ด้านนอกเขตลานบ้านของเฟยหงมองเบาะแสอะไรไม่ออก ภายนอกผ่อนคลายภายในตึงเครียด ต้องเข้าไปข้างในถึงจะค้นพบความผิดปกติ
เหมียวอี้เข้ามาก็ย่อมไม่มีใครขัดขวาง เดินตรงเข้ามาในห้องนอนของเฟยหงที่ถูกควบคุมอย่างเข้มงวด
พอเขาเข้ามาแล้ว ทหารในห้องก็ไม่ขยับไปไหน ยังคงล้อมคนในห้องเอาไว้เหมือนเดิม ส่วนผู้หญิงในห้องก็ลุกขึ้นทันที ได้แต่มองเขาตาปริบๆ อวิ๋นจือชิวหน้าตึง สวีถังหรานที่ยืนด้านข้างยิ้มเจื่อน
“เจ้าออกมานี่หน่อย” เหมียวอี้บอกอวิ๋นจือชิว แล้วหันหน้าเดินออกไป
อวิ๋นจือชิวถลึงตาจ้องสวีถังหรานทีหนึ่ง แล้วถึงเดินก้าวยาวออกไป ตอนนี้ย่อมไม่มีใครขวางนางได้ ทำเอาสวีถังหรานต้องพยักหน้าโค้งกายด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน ต้องรับบทเป็นคนเลว
สามีภรรยาเดินตามกันออกมาถึงศาลาที่ลับตาคนหลังหนึ่ง อวิ๋นจือชิวเตะน่องเหมียวอี้ไปทีเดียว “หนิวเอ้อร์ หมายความว่ายังไง?”
“เซี่ยโห้วท่ายังไม่ตาย…” เหมียวอี้เล่าสถานการณ์ให้ฟังคร่าวๆ อย่างใจเย็น
อวิ๋นจือชิวได้ฟังแล้วอกสั่นขวัญแขวน ตกตะลึงอ้าปากค้างไปพักใหญ่ สุดท้ายก็กดเสียงต่ำถามว่า “เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ? เรื่องที่ไม่มีความมั่นใจแบบนี้ แต่เจ้าก็ยังทำงั้นเหรอ? เจ้ารู้หรือเปล่าว่าเจ้ากำลังทำอะไร? เจ้ากำลังเอารากฐานของทั้งทัพใต้ไปเดิมพันนะ ถ้าพลาดขึ้นมา เจ้ารู้ถึงผลที่จะตามมาหรือเปล่า?”
“หลังจากเรื่องพระปีศาจผ่านไปแล้ว ข้าไม่คิดว่าตระกูลเซี่ยโห้วจะปล่อยข้าไป ช้าเร็วเฉาหม่านก็ต้องลงมือกับข้า ถ้าจะรอให้เขาลงมือ ไม่สู้ข้าชิงลงมือก่อนเพื่อความได้เปรียบ!” เหมียวอี้กล่าว
อวิ๋นจือชิวพยักหน้าอย่างปวดใจ “เฉาหม่านจะแตะต้องเจ้าก็เป็นเรื่องในภายหลัง อย่างน้อยก็ยังมีโอกาสวางแผนให้ดี เจ้าต่อสู้ชี้เป็นชี้ตายแบบนี้มันใช่เรื่องเสียที่ไหน? ท่านอ๋องของข้า ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องการต่อสู้เล็กๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เจ้าแพ้ไม่ไหวหรอก!”
“จะให้ข้าออกคำสั่งหยุดมือตอนนี้เลยไหมล่ะ?” เหมียวอี้ยิ้มหยอกล้อ
“เจ้า…” อวิ๋นจือชิวถูกเขายั่วโมโหจนไม่รู้จะพูดอะไรดี ตอนนี้ยังหยุดได้ที่ไหนกันล่ะ ลูกธนูที่ยิงออกไปแล้วไม่มีทางเก็บกลับมาได้อีก หยุดมือตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ขณะที่นางโมโหจนกระทืบเท้า ก็ยื่นมือไปหยิกเอวเขาอย่างแรงหนึ่งที แต่ก็เข้าใจแล้วว่าตอนนี้เขากักบริเวณทุกคนไว้หมายความว่าอะไร แต่อดไม่ได้ที่จะถามอย่างหมั่นไส้ว่า “แม้แต่ข้า เจ้าก็ไม่เชื่อใจงั้นเหรอ?”
เหมียวอี้ส่ายหน้าบอกว่า “เจ้าคิดไปถึงไหนแล้ว ถ้าตอนนี้ข้าปล่อยเจ้าออกไป แต่ไม่ปล่อยพวกนาง พวกนางจะคิดยังไงล่ะ? เจ้าอยู่ที่นี่จะได้ปลอบโยนพวกนางได้ เรื่องนี้อย่างช้าๆ ก็อีกหลายวันกว่าจะจบ ลำบากฮูหยินแล้ว”
“ไอ้เวรเอ๊ย!” อวิ๋นจือชิวเตะขาเขาอีกที แต่ก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน ตอนนี้ก็ทำได้เพียงเท่านี้แล้ว
ในดาราจักรเวิ้งว้างกว้างใหญ่ เฮยทั่นเร่งเหาะอยู่เพียงลำพัง เหาะไปตามจุดที่หยางชิ่งบอก
กำลังพลส่วนใหญ่ที่ซ่อนไว้อยู่บนตัวเฮยทั่น คนที่ระบุให้เฮยทั่นเป็นพาหนะก็คือหยางชิ่งเช่นกัน ไม่ใช้ชิงเยว่ และไม่ได้ใช้คนของหกลัทธิ ภายใต้สถานการณ์ที่ออกไปข้างนอกแล้วไร้คนจับตาดู ในเวลานี้เขายอมเลือกคนที่เหมียวอี้เชื่อใจ ทุกครั้งที่ผ่านประตูดวงดาว หยางชิ่งก็จะให้คนที่สามารถผ่อนผันได้พาทุกคนผ่านด่านไป
และในกระเป๋าสัตว์ที่อยู่บนตัวเฮยทั่นตอนนี้ หยางชิ่งยืนอยู่ตรงหน้าแผนที่ดาว สายตาจับจ้องแผนที่ดาวฉบับหนึ่ง ขมวดคิ้วมุ่นไม่หยุด ที่ยืนอยู่ข้างกันก็คือเหลิ่งจัวฉุนและบรรดาขุนพลใหญ่หกลัทธิ ขุนพลใหญ่หกลัทธิย่อมรู้จักเขา มายืนดูแผนที่ดาวเป็นเพื่อนคู่หนึ่งเช่นกัน แต่มองเบาะแสอะไรไม่ออก ไม่รู้ด้วยว่าหยางชิ่งจะจ้องไม่รับสายตาอย่างนั้นไปทำไม แต่ละคนเริ่มอดทนไม่ไหว ตานฉิงจึงพูดหยอกว่า “ผู้ช่วยใหญ่ เจ้ามองแผนที่ดาวจนมันแทบจะมีดอกไม้บานออกมาอยู่แล้ว”
หยางชิ่งไม่พูดอะไร ตอนนี้เขารู้สึกหนักใจมาก ไม่มีอารมณ์มาล้อเล่น ไม่ว่าจะเป็นเซี่ยโห้วลิ่ง เฉาหม่านหรือว่าเว่ยซู ก็ไม่มีใครรู้ถึงสถานการณ์ของสมาคมอาวุโสเลย เช่นนั้นเซี่ยโห้วท่าก็กลายเป็นเบาะแสเดียวแล้ว ถ้าอยากกำจัดสมาคมอาวุโสก็ต้องจับตัวเซี่ยโห้วท่าให้ได้ หมายความว่าต้องจับเป็นด้วย ถ้าเซี่ยโห้วท่าตายไป ก็จะตัดเบาะแสของสมาคมอาวุโส ขณะเดียวกันก็อาจจะแหวกหญ้าให้งูตื่นได้ ถ้าปล่อยให้สมาคมอาวุโสแอบหนีไปเงียบๆ เกรงว่าสมาคมลับต่างๆของตระกูลเซี่ยโห้วก็คงจะหนีไปตามสายลมเช่นกัน ต่อให้สมาคมลับต่างๆของตระกูลเซี่ยโห้วไม่ได้ซ่อนตัว ต่อให้ถูกท่านอ๋องทำลายไปแล้วก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี เพราะอำนาจของตระกูลเซี่ยโห้วกระจายอยู่ในที่ลับที่ลึกมาก ถ้าอาศัยกำลังทหารก็ไม่มีทางขุดรากถอนโคนได้เลย ต่อให้มีกำลังทหารเข้มแข็งกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์ ตราบใดที่ตระกูลเซี่ยโห้วมีผู้ควบคุมสถานการณ์ออกมาดึงแหอีกครั้ง อำนาจของตระกูลเซี่ยโห้วก็จะฟื้นกลับมาทำงานอีกครั้ง ผลที่ตามมาหลังจากนั้นไม่ใช่สิ่งที่ฝั่งนี้จะรับไหว
หรือพูดได้อีกอย่างว่า จะต้องจับตัวเซี่ยโห้วท่าแบบเป็นๆ ทั้งยังต้องทำอย่างแนบเนียนด้วย อย่าให้สะเทือนถึงใครก็ตามในตระกูลเซี่ยโห้ว แค่คิดก็รู้ถึงระดับความยากแล้ว
ในเวลาแบบนี้ เหมียวอี้สามารถส่งหยางชิ่งออกมาได้ ให้อำนาจทางทหารมากขนาดนี้กับหยางชิ่ง ถึงขั้นให้อำนาจเขายอมสละชีวิตกำลังพลพวกนี้ได้ตามอำเภอใจ จะเห็นได้ว่าฝากความหวังไว้ยิ่งใหญ่ขนาดไหน หยางชิ่งกดดันไม่ใช่ในน้อยๆ!
หลังจากนั้นไม่นาน หยางชิ่งก็สังเกตได้ถึงความผิดปกติในกระเป๋าสัตว์ จึงโบกมือเรียกเหยียนซิวออกมา
พอเหยียนซิวโผล่หน้าออกมา ก็รายงานทันทีว่า “ท่านบุรุษ ทำให้ฝั่งเฉาหม่านสงบได้แล้ว”
หยางชิ่งย้ายสายตาออกจากแผนที่ดาว แล้วถามช้าๆ ว่า “เฉาหม่านไม่ได้พูดอะไรเหรอ?”
เหยียนซิวตอบว่า “เฉาหม่านกำชับแค่ประโยคเดียว ให้เว่ยซูรีบกลับไปให้เร็วที่สุด”
หยางชิ่งพยักหน้าเบาๆ แล้วโบกมือเรียกเว่ยซูออกมาอีก ชี้ไปยังจุดที่ทำเครื่องหมายเอาไว้จำนวนมากของอาณาเขตดาวนิรนามบนแผนที่ดาว ถามว่า “ทุกครั้งที่เจ้าไปพบเซี่ยโห้วท่า จะต้องผ่านบริเวณที่มีหินระเกะระกะพวกนี้ตลอดเลยเหรอ?”
เหยียนซิวรู้ว่าคนที่เขาถามก็คือเว่ยซู จึงใช้มือข้างหนึ่งแต่บนบ่าเว่ยซู จากนั้นเว่ยซูก็ตอบอย่างเชื่องช้าว่า “ใช่แล้ว”
“ทำไมต้องไปบริเวณที่ซับซ้อนแบบนี้ หรือว่าไปที่อื่นแล้วอ้อมไกล?” หยางชิ่งถามอีก
“ไม่รู้ว่าอ้อมทางหรือเปล่า ตำแหน่งตรงบริเวณที่มีหินระเกะระกะเท่ากับเครื่องหมายบอกทิศทางไป มีแต่ต้องไปตามทิศทางนี้เท่านั้น ถึงจะหาพิกัดบอกทิศทางต่อไปได้” เว่ยซูตอบ
“ทุกครั้งที่เจ้าไปพบเซี่ยโห้วท่า จะต้องติดต่อกับเขาล่วงหน้าก่อนไหม?” หยางชิ่งถาม
“ใช่แล้ว นายท่านบอกว่าถ้าไม่ได้รับอนุญาตก็ห้ามไปพบเขา” เว่ยซูตอบ
หยางชิ่งหันขวับไปบอกเหยียนซิว “บอกเฮยทั่น อย่าเพิ่งรีบเดินทาง หาที่พักก่อน”
ตานฉิงที่อยู่ข้างๆ ขมวดคิ้ว “ผู้ช่วยใหญ่ นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เสียเวลาไม่ได้แล้ว ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพักผ่อน”
หยางชิ่งกลับพยักหน้าไปทางเว่ยซู “รักษาบาดแผลให้เขาก่อน จัดการภายนอกของเขาให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยว่ากัน ไม่อย่างนั้นเกรงว่าแหวกหญ้าให้งูตื่น ทำให้เซี่ยโห้วท่าหนีไปตั้งแต่ตอนพวกเรายังเข้าไม่ถึงอาณาเขตดาวนิรนามด้วยซ้ำ”
ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เหลิ่งจัวฉุนถามว่า “เพราะอะไร?”
หยางชิ่งถามกลับ “พวกเจ้าไม่รู้สึกแปลกเหรอ? เซี่ยโห้วท่าเป็นใครกัน เขาจะเอาความปลอดภัยของตัวเองไปไว้ในมือใครบางคนได้ยังไง จิ้งจอกเฒ่าอยู่มานานได้ขนาดนี้ จะต้องระวังตัวมากแน่นอน ต่อให้เว่ยซูจะเป็นคนที่เขาเชื่อใจที่สุด แต่โดยส่วนตัวข้าคิดว่า คนอย่างเซี่ยโห้วท่าไม่น่าจะฝากชีวิตของทุกคนในตระกูลไว้กับเว่ยซูคนเดียว ต้องรู้เอาไว้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของคนทั้งตระกูลเซี่ยโห้ว ในทางกลับกัน เว่ยซูกลับเป็นเพียงคนนอกเพียงคนเดียวที่รู้ที่ซ่อนตัวของเขา และเป็นคนเดียวที่รู้ทาง ดังนั้นการที่เว่ยซูสามารถพบเขาได้ทุกครั้ง ก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นความเชื่อใจที่เขามีต่อเว่ยซูแล้ว”
พวกเขาเหมือนจะฟังเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ อ๋าวเถี่ยจึงบอกว่า “ผู้ช่วยใหญ่ คำพูดของท่านดูเหมือนจะขัดแย้งในตัวเองนิดหน่อยนะ”
หยางชิ่งบอกว่า “ไม่ใช่ขัดแย้งในตัวเอง แต่เป็นกับดัก มีความเป็นไปได้สูงว่าโจรเฒ่าเซี่ยโห้วจะใช้ประโยชน์จากเว่ยซูเพื่อวางกับดัก!”
กับดัก? พวกเขาสบตากันแวบหนึ่ง จ่างหงถามว่า “ผู้ช่วยใหญ่พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง?”
“อย่างน้อยในสายตาเว่ยซู นี่ก็คือความเชื่อใจแท้จริงที่เซี่ยโห้วท่ามีต่อเขา เพราะเหตุนี้ต่อให้เว่ยซูโดนพระปีศาจหนานโปควบคุม ไม่ว่าใครจะง้างปากเว่ยซูได้ ก็จะไม่สงสัยว่ามันเป็นเรื่องโกหก เช่นนั้นเว่ยซูก็กลายเป็นแนวป้องกันเส้นสุดท้ายของโจรเฒ่าเซี่ยโห้วแล้ว กลายเป็นหนวดสัมผัสอันตรายของโจรเฒ่าเซี่ยโห้ว คอยสัมผัสวิกฤตคอขาดบาดตายที่มาเยือนตระกูลเซี่ยโห้ว” น้ำเสียงหยางชิ่งค่อนข้างหนักใจ ชี้อาณาเขตดาวที่มีหินระเกะระกะบนแผนที่ดาว “ถ้าการคาดคะเนก่อนหน้านี้ไม่ผิดพลาด สมมุติว่าเว่ยซูคือกับดักที่โจรเฒ่าเซี่ยโห้ววางไว้จริงๆ ทุกคนลองคิดย้อนกลับไปสิ อาณาเขตดาวที่มีหินระเกะระกะนี้น่าสงสัยมาก เพราะนี่คือจุดที่เว่ยซูต้องผ่านทุกครั้งที่มาพบเซี่ยโห้วท่า!” เขาใช้นิ้วจิ้มเน้นลงไปที่ตำแหน่งนั้น
ทุกคนตระหนักได้ในฉับพลัน พากันตกใจไม่หยุด อ๋าวเถี่ยถามเสียงต่ำว่า “ผู้ช่วยใหญ่กำลังจะบอกว่า อาณาเขตดาวที่มีหินระเกะระกะนี้มีสายลับของเซี่ยโห้วท่าอยู่เหรอ?”
หยางชิ่งกล่าวช้าๆ ว่า “เป็นเพียงการคาดเดา แต่ด้วยความเจ้าเล่ห์ของโจรเฒ่าเซี่ยโห้ว สิ่งนี้มีความเป็นไปได้มาก! ถ้าเดาถูก สถานที่ที่คนเข้าถึงยากแบบนี้มีแต่เว่ยซูเข้าไปได้คนเดียว ถ้าเปลี่ยนให้มีคนอื่นผ่านมา หรือมีคนจำนวนมากผ่านไปพร้อมกับเว่ยซู ต่อให้เว่ยซูจะดูปกติ แต่ฝั่งฝั่งเซี่ยโห้วท่าจะต้องสังเกตได้ทันที ต่อให้เว่ยซูมาถึงจุดหมายปลายทางแล้ว แต่ก็อาจไม่ได้พบเซี่ยโห้วท่าอยู่ดี ถ้าเว่ยซูไม่บอกเซี่ยโห้วท่าล่วงหน้ ถือวิสาสะเข้าไปเอง ก็คงไม่ได้พบเซี่ยโห้วท่าเหมือนเดิม ถ้าเป็นอย่างนี้ แล้วพวกเราบุ่มบ่ามบุกเข้าไป จะต้องแหวกหญ้าให้งูตื่นจนเซี่ยโห้วท่าหนีไปแน่นอน!”
พวกเขาคุณคิดเงียบๆ ตานฉิงพึมพำว่า “จิ้งจอกเฒ่านี่ช่างเจ้าเล่ห์จริงๆ ถ้าวางสายลับไว้ตลอดทาง เกรงว่าพวกเราคงโผล่หน้าออกมาไม่ได้ด้วยซ้ำ”
หยางชิ่งส่ายหน้า “เป็นไปไม่ได้ที่จะวางสายลับไว้ตลอดทาง ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ กลับไม่ปลอดภัยต่อตัวเขาเอง ถ้าคนรู้ที่ซ่อนของเขาเยอะเกินไป ก็เท่ากับเปิดโปร่งที่ซ่อนของเขาแล้ว ไม่สะดวกให้เขาควบคุมแล้ว ยิ่งมีคนรู้เส้นทางน้อย เขาถึงจะยิ่งปลอดภัย ตามหลักแล้วถ้ามีระฆังดาราติดต่อกัน แม้แต่เว่ยซูก็อย่าให้รู้ถึงจะปลอดภัยที่สุด เพราะคาดการณ์ย้อนกลับไปแบบนี้ ข้าก็ยิ่งมีเหตุผลให้สงสัยว่าเว่ยซูคือกับดักที่โจรเฒ่าวางไว้ เป็นจุดอ่อนที่เขาจงใจทิ้งไว้ให้คนอื่นจับได้เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดคิด! ดังนั้นจุดเริ่มต้นและจุดหมายที่จะไปอาณาเขตดาวนิรนาม ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงปลายทางจะต้องระวังมากขึ้นหลายเท่า แน่นอน เพื่อป้องกันความผิดพลาด ก็ต้องป้องกันว่าเขาอาจจะวางสายลับไว้ตลอดทางเช่นกัน…ทุกคน พวกเราแพ้ไม่ได้ มีแต่ต้องชนะเท่านั้น ห้ามล้มเหลว ต้องรอบคอบระมัดระวังกว่านี้ อย่าไปคิดว่าง้างปากเว่ยซูได้แล้วจะตามจับโจรเฒ่าได้อย่างราบรื่นเด็ดขาด!”
………………………