พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2092 ไป๋เฟิ่งหวงกลัวแล้ว
“รับทราบ! เชื่อฟังผู้ช่วยใหญ่ทั้งหมด!” หกขุนพลใหญ่รับปากพร้อมกันด้วยท่าทางจริงจัง มองไปที่หยางชิ่งด้วยสีหน้านับถือ ครั้งนี้นับว่าเต็มใจเชื่อฟังคำสั่งหยางชิ่งแล้ว
พูดตามตรงว่าหกคนไม่ค่อยรู้จักหยางชิ่งสักเท่าไหร่ ในปีนั้นที่หยางชิ่งไปแดนอเวจี หกคนนี้ก็ถูกเหมียวอี้พาออกจากแดนอเวจีมาคุมงานข้างนอกแล้ว ไม่ค่อยได้ติดต่อกลับหยางชิ่งเท่าไหร่ มีหลายเรื่องที่รู้เพราะติดต่อกับคนในแดนอเวจี แค่ได้ยินมาว่าคนๆ นี้ปรับให้หกลัทธิรวมกันได้ มีความสามารถและอุบายมากมายทีเดียว วันนี้นับว่าได้เห็นกับตาแล้วว่าเป็นความจริง
ถ้าไม่ใช่เพราะหยางชิ่งมองพิรุธออก แล้วทุกคนพุ่งเข้าชนแบบนี้ ก็ไม่อยากจินตนาการถึงผลที่ตามมาเลย คิดแล้วก็รู้สึกกลัวจนเหงื่อแตก
เรื่องมากมายล้วนเป็นอย่างนี้ การจะอธิบายให้ชัดเจนดูเหมือนเรียบง่าย แต่ก่อนจะอธิบายให้ชัดเจนได้ กลับไม่ใช่ทุกคนที่สามารถมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง ระหว่างคนสองคนดูเหมือนแตกต่างกันไม่มาก แต่ความจริงแล้วมันกำลังแสดงออกว่าสมองของคนเราต่างกันมาก อย่างน้อยก่อนหน้านี้ทั้งหกคนก็มองพิรุธไม่ออก เกือบจะทำให้งานพังแล้ว
ตานฉิงชำเลืองเว่ยซูที่มีท่าทางค่อนข้างโง่เขลา อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ผู้ช่วยใหญ่ใช้วิธีการอะไรถึงทำให้เขาว่านอนสอนง่ายได้ขณะนี้?”
หยางชิ่งยอมรู้ว่าตอนนี้ยังไม่สะดวกจะเปิดโปงวิธีการของเหยียนซิว จึงพูดปิดบังด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ก็แค่ใช้ยามอมวิญญาณนิดหน่อยเท่านั้น”
พวกเขาสบตากันอวบหนึ่ง แล้วตานฉิงก็ถามอย่างแปลกใจ “ยามอมวิญญาณอะไรนั่นสามารถมอมนักพรตที่เคยขัดเกลาสามวิญญาณเจ็ดดวงจิตได้ด้วยเหรอ ผู้ช่วยใหญ่ให้ข้าสักหน่อยได้ไหม?”
หยางชิ่งเหล่ตามองเขาพร้อมถามเสียงเย็น “เจ้าต้องการจริงเหรอ?”
“เอ่อ…” ตานฉิงฟังออกว่าอีกฝ่ายมีน้ำเสียงไม่เป็นมิตร จึงตระหนักได้ทันทีว่าของบางอย่างไม่เอาไว้จะดีกว่า ไม่อย่างนั้นจะเป็นการหาเรื่องใส่ตัว โบกมือกล่าวปนเสียงหัวเราะทันที “ล้อเล่น ล้อเล่น ผู้ช่วยใหญ่อย่าเก็บมาใส่ใจเลย” จากนั้นก็หันไปพูดกับเหยียนซิวพร้อมชี้เว่ยซู “น้องชาย เจ้ารีบจัดการเขาสักหน่อย พวกเราจะได้เดินทางต่อสะดวก”
“ไม่ต้องรีบเดินทาง ยังต้องรออีกคน!” หยางชิ่งกล่าว
ตานฉิงกลอกตา ถามว่า “รอใคร?”
หยางชิ่งจ้องบนเข็มทิศดวงดาวพร้อมกล่าวเสียงต่ำ “ถ้าอยากจะจับเป็นโจรเฒ่าเซี่ยโห้ว จะง่ายเหมือนพูดเสียที่ไหนกัน ต่อให้เขาซ่อนตัวอีก แต่เป็นไปไม่ได้ที่ข้างกายจะขาดคน ถ้าทำอะไรวู่วาม ต่อให้จับตัวโจรเฒ่าได้ แต่ก็จะแหวกหญ้าให้งูตื่น ถ้าสะเทือนไปถึงสมาคมอาวุโส ความพยายามที่ผ่านมาก็จะสูญเปล่าแล้ว ต้องไปขอยืมคนจากราชาปราชญ์!”
ส่วนยืมใครนั้นเขาไม่ได้บอก แต่หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อเหมียวอี้
เหมียวอี้กำลังเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวายอยู่ในศาลาที่จวนท่านอ๋อง พอรู้ว่าหยางชิ่งส่งข้อความมา ก็ไม่กล้าชักช้าแม้แต่น้อย หยิบระฆังดาราออกมาถามทันที : เป็นยังไงบ้าง?
ตอนนี้เขากังวลจริงๆ ว่าจะเกิดความผิดพลาด
หยางชิ่งเราสถานการณ์คร่าวๆ ให้ฟังทันที เหมียวอี้ได้ฟังแล้วตกใจจนเหงื่อท่วมตัว เพิ่งจะรู้ว่าการตัดสินใจของตัวเองนั้นสะเพร่าเกินไป ถ้าเปลี่ยนให้คนที่อยู่ตรงนั้นเป็นตัวเอง เกรงว่าจะต้องติดกับดักจิ้งจอกเฒ่าเซี่ยโห้วแน่นอน ลองคิดดูสิว่าให้เหยียนซิวใช้พลังอภินิหารขุดความลับจากเว่ยซูมาแล้ว มีหรือที่จะสงสัยว่าเป็นเรื่องโกหก ถ้าเว่ยซูบอกว่าระหว่างทางไม่มีกับดัก ตัวเองจะต้องเชื่อแน่นอน จะต้องนำคนไปที่นั่นโดยตรงแล้ว ส่วนผลที่ตามมาก็เลวร้ายจนไม่อยากคิดถึง!
“จิ้งจอกเฒ่าสับปลับเกินไปแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะวางกับดักแบบนี้…” เหมียวอี้คิดแล้วอดไม่ได้ที่จะแอบด่า
แต่ก็ต้องนับถือในอุบายของเซี่ยโห้วท่าเช่นกัน ทั้งได้รับความเชื่อใจจากเว่ยซู ให้เว่ยซูขายชีวิตเพื่อตัวเอง ทั้งยังปกป้องตัวเองได้ด้วย ถามหน่อยว่าต่อให้เว่ยซูตกอยู่ในมือของคนอื่น เว่ยซูที่จงรักภักดีจะเปิดปากคายความลับได้อย่างไร ต่อให้ยอมเปิดปาก ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางปล่อยให้เว่ยซูจากไปคนเดียว จะต้องคุมตัวเว่ยซูไปแน่นอน การเคลื่อนไหวนี้จะต้องถูกเปิดโปงแน่นอน แต่ต่อให้เว่ยซูจะตกอยู่ในมือพระปีศาจหนานโป แม้แต่เว่ยซูเองก็ยังไม่รู้ว่ามีกับดัก แล้วเรื่องที่พระปีศาจใช้พลังอภินิหารของตัวเองขุดออกมา มีเหตุผลอะไรที่จะไม่เชื่อล่ะ ขอแค่ไปก็จะถูกเปิดโปงทันที ถึงตอนนั้นก็ยังไม่รู้เลยว่าเซี่ยโห้วท่าจะวางกับดักแบบไหนรอพระปีศาจหนานโป พระปีศาจจะต้องถูกเซี่ยโห้วท่าเล่นงานจนถึงตายอีกรอบแน่นอน
เหมียวอี้ถึงขั้นสงสัย ว่าถ้าให้เซี่ยโห้วท่ารู้ทิศทางความเคลื่อนไหวของพระปีศาจเมื่อ ก็จะวางกับดักนี้แล้วรอให้พระปีศาจเข้าไปติดกับเอง
สรุปก็คือแผนนี้สมบูรณ์แบบจริงๆ ไม่ว่าเว่ยซูจะถูกควบคุมหรือไม่ ขอแค่กล้าไปหาเซี่ยโห้วท่า ก็จะถูกเซี่ยโห้วท่าจับสังเกตได้แล้ว จิ้งจอกเฒ่านี่น่าหวาดกลัวจริงๆ อย่างน้อยในสายตาเขา คนประเภทนี้ก็น่ากลัวกว่าพระปีศาจหนานโปตั้งเยอะ!
โชคดีที่หยางชิ่งก็ไม่ใช่เล่นๆ ไม่น่าเชื่อว่าหยางชิ่งจะมองพิรุธออก เหมียวอี้รู้สึกโชคดีที่ตัวเองส่งหยางชิ่งไป ไม่อย่างนั้นคงได้จบเห่แล้วจริงๆ แน่
เมื่อเห็นเซี่ยโห้วท่าวางแผนล้ำลึกมองการณ์ไกลขนาดนี้ ในปีนั้นตอนที่แกล้งตายก็ยังวางแผนนี้ไว้รับมือกับปัญหาในภายหลัง เหมียวอี้อดไม่ได้ที่จะถามอย่างกังวล : มั่นใจหรือเปล่าว่าจะจับเป็นโจรเฒ่าได้?
หยางชิ่ง : บอกได้เพียงว่าท่านอ๋องโชคดี ถ้าไม่มีพลังอภินิหารของเหยียนซิว แผนการนี้ของเซี่ยโห้วท่าก็เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ ถ้าคิดจะจับเป็นเซี่ยโห้วท่าแล้วกำจัดสมาคมอาวุโส ก็ไม่มีทางเป็นไปได้เลย เมื่อมีพลังอภินิหารของเหยียนซิวแล้ว ก็พอจะมีโอกาสอยู่บ้าง แต่ก็ยังต้องขอยืมคนจากท่านอ๋องสักหน่อย ถึงจะมีโอกาสชนะมากกว่าเดิม
เหมียวอี้ : ขอยืมใคร?
หยางชิ่ง : จิ้งจอกพันหน้า! รอบกายเซี่ยโห้วท่าต้องมีคนแน่นอน ถ้าจะฝืนจับตัวเซี่ยโห้วท่าโดยตรงนั้นง่าย แต่ถ้าเคลื่อนไหวเมื่อไหร่ จะต้องสะเทือนถึงสมาคมอาวุโสแน่นอน เอามาไม่ได้แน่ อีกทั้งสถานที่นั้นก็ใหคือเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ดังนั้นถ้าอยากจะจับเป็นเซี่ยโห้วท่า ก็ต้องเจอกับเซี่ยโห้วท่าแบบต่อหน้า ใช้วิธีพิเศษจับเขา ไม่อย่างนั้นต่อให้หาพบแล้ว แต่ก็ยากที่จะลงมือ นอกจากจิ้งจอกพันหน้าแล้ว ต้องให้ท่านอ๋องตามหาพิษพิเศษมาช่วย ทั้งสามารถควบคุมเซี่ยโห้วท่า แต่ก็ไม่ถึงขั้นทำให้เซี่ยโห้วท่าต่าย
เหมียวอี้ : จิ้งจอกพันหน้ายังอยู่ที่แดนอเวจี เจ้าคิดจะให้จิ้งจอกพันหน้าแปลงร่างเป็นเว่ยซูเหรอ?
หยางชิ่ง : ใช่แล้ว!
เหมียวอี้ : ถ้าแค่เพราะเรื่องนี้ งั้นก็ไม่จำเป็นต้องไปหาจิ้งจอกพันหน้าที่แดนอเวจีอีก ด้วยกําพืดของปีศาจตนนี้ เกรงว่าถ้าเห็นเซี่ยโห้วท่าแล้วคงตัวสั่น เผยพิรุธได้ง่าย…เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวล เดี๋ยวข้าจะส่งคนที่เหมาะสมคนอื่นไปให้ แต่พิษพิเศษที่เจ้าต้องการนี่สิ ในเวลาแบบนี้ ข้าจะหาพิษพิเศษเหมาะๆ จากไหนไปให้ ที่ข้าก็มีของประเภทเดียวกันอยู่ ‘ยาเทพเซียนล้ม’ ที่หลอมสร้างจากปราสาทดำเนินจันทร์ แต่ของสิ่งนี้มีข้อเสีย คือออกฤทธิ์ช้า ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะได้ผล ใช้ของสิ่งนี้ได้หรือเปล่า?
หยางชิ่ง : ถ้าเป็นพิษที่ปล่อยฤทธิ์ออกมาช้าๆ เกรงว่าคนที่ไปจะโดนเซี่ยโห้วท่าสอบถามจนเผยพิรุธ เซี่ยโห้วท่าคุ้นเคยกับเว่ยซูเกินไป ไม่ปลอดภัย! ถ้าในช่วงนี้หาของอื่นมาแทนไม่ได้ เกรงว่าจะต้องให้ท่านอ๋องหาของแบบเดียวกันมาใช้ร่วมกัน
เหมียวอี้ : อะไร?
หยางชิ่ง : บัวโลหิต!
เหมียวอี้เงียบไปพักหนึ่ง สุดท้ายก็กล่าวยังไม่ลังเลว่า : ได้! ข้าจะส่งคนให้นำของไปให้เจ้าเดี๋ยวนี้
ครั้งนี้ขอเพียงบรรลุเป้าหมาย ต่อให้ต้องเสียสละบัวโลหิตต้นนี้ก็ไม่เสียดาย
เมื่อติดต่อกันเสร็จแล้ว เหมียวอี้ก็ใช้ระฆังดาราติดต่อไปที่ไหนสักแห่งอีกพักหนึ่ง หลังจากเก็บระฆังดารา ก็ค้นหาของในกำไลเก็บสมบัติ สุดท้ายก็หยิบขวดใบเล็กออกมาสองใบ สีดำใบหนึ่งสีขาวใบหนึ่ง สีดำคือยาพิษ สีขาวคือยาถอนพิษ นี่ก็คือยาเทพเซียนล้ม ของสิ่งนี้สวีถังหรานหามาได้ในปีก่อนๆ ใช้ยานี้กับคนกลุ่มใหญ่ที่ภัตตาคารบุปผาวสันต์จันทร์สารทอย่างแนบเนียน นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้ยังมีประโยชน์อีก
จากนั้นก็หยิบแหวนเก็บสมบัติออกมาอีกวง ตรวจดูบัวโลหิตที่อยู่ข้างใน ยาเทพเซียนล้มก็อยู่ข้างในเช่นกัน หันตัวไปยื่นให้หยางเจาชิงพร้อมบอกว่า “ของนี้ไม่สะดวกจะให้อยู่ในมือคนอื่น หยางชิ่งกำลังอยู่ระหว่างทาง เจ้าไปด้วยตัวเองสักรอบ ต้องส่งให้ถึงมือเขา อย่าให้ผิดพลาด!”
ทำเอาต้องเทียวไปเทียวมา เหมียวอี้รู้ว่าเรื่องนี้โทษหยางชิ่งไม่ได้ เป็นเขาเองที่ปิดบังหยางชิ่งไว้ก่อนหน้านี้ หยางชิ่งเพิ่งได้รับคำสั่งเมื่อเรื่องจวนตัว ก่อนหน้านี้ไม่ได้เตรียมตัวสักนิดเลย ตอนนี้เกิดปัญหาขึ้นก็ย่อมต้องแก้ไข
“ขอรับ!” หยางเจาชิงรับของมาแล้วรีบออกไป
ระหว่างตึกศาลาเหลือเหมียวอี้อยู่เพียงคนเดียว เขาพิงระเบียงและทอดสายตามองไปไกล ถอนหายใจเบาๆ หวังว่านิสัยรอบคอบระมัดระวังและคิดคำนวณจุดน่าสงสัยซ้ำแล้วซ้ำอีกของหยางชิ่งจะทำให้บรรลุเป้าหมายในครั้งนี้ ไม่อย่างนั้นครั้งนี้ก็จะเกิดปัญหาใหญ่แล้ว
ส่วนอวิ๋นจือชิวที่อยู่ในห้องนอนของเฟยหง แม้ภายนอกจะยิ้มให้ทุกคนอย่างเป็นกันเอง แต่กลับสงบจิตใจได้ยาก เป็นเพราะครั้งนี้เหมียวอี้เล่นใหญ่เกินไปจริงๆ เป้าหมายที่จะลงมือคือเซี่ยโห้วท่า พระปีศาจหนานโปกับประมุขปราชญ์หกลัทธิล้วนให้แผลด้วยน้ำมือคนผู้นี้ ประมุขไป๋กับประมุขปีศาจตกอยู่ในความลำบากก็ไม่พ้นเกี่ยวข้องกับคนผู้นี้ เป็นตัวละครที่คอยควบคุมใต้หล้าอยู่หลังม่านมาหลายยุค แม้แต่อำนาจของประมุขชิงกับประมุขพุทธะ ยามเผชิญหน้ากับเขาก็ยังไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม ถ้าคิดจะสู้กับคนประเภทนี้ จะไม่ให้อวิ๋นจือชิวไม่กังวลได้อย่างไร…
ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวัน หยางเจาชิงสามารถไล่ตามหยางชิ่งได้อย่างราบรื่น โชคดีที่หยางชิ่งหยุดรอได้ทันเวลา หลังจากรับส่งของและติดต่อเหมียวอี้ได้เรียบร้อยแล้ว หยางเจาชิงก็รีบกลับมา
ส่วนหยางชิ่งก็ยังไม่รีบออกเดินทาง เพราะคนที่เหมียวอี้ส่งมายังมาไม่ถึง
หลังจากหยางเจาชิงออกไปได้สองชั่วยาม ถึงได้มียายแก่คนหนึ่งมาถึงอย่างเชื่องช้า มาเหยียบลงบนดาวเคราะห์ที่รกร้างดวงหนึ่ง มาพบกับเฮยทั่นแล้ว
หลังจากทั้งสองยืนยันตัวตนผ่านเหมียวอี้แล้ว เฮยทั่นถึงได้เก็บยายแก่คนนี้เอาไว้ เมื่อได้รับแจ้งจากหยางชิ่งแล้วถึงได้ออกเดินทางต่อ
ยายแก่คนนี้จะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่ไป๋เฟิ่งหวง
พอไป๋เฟิ่งหวงเข้ามาในกระเป๋าสัตว์ สีหน้าไม่พอใจก็นิ่งค้างทันที เมื่อเห็นขุนพลใหญ่หกลัทธิ ก็กล่าวอย่างตกตะลึง “เหลิ่งจัวฉุน อู๋กุย จ่างหง อ๋าวเถี่ย ตานฉิง เมิ่งหรู พวกเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” นางยังไม่รู้ว่าเหมียวอี้ให้นางมาทำอะไร
พวกเขามองสำรวจยายแก่คนนี้ด้วยความสงสัยว่าเป็นใคร ไม่น่าเชื่อว่าราชาปราชญ์จะให้คนแปลกหน้ามาเจอกับพวกเขา พอเห็นนางแวบเดียวก็ตะโกนชื่อของทุกคนออกมาแล้ว หกขุนพลมองหน้ากันเลิกลั่ก ในดวงตาของทุกคนฉายแววตั้งคำถามว่า เจ้ารู้จักเหรอ?
ตานฉิงเอามือเกาหน้าผาก แล้วถามอย่างสงสัย “ยายแก่ เจ้าเป็นใครกัน?”
ไป๋เฟิ่งหวงทำเหมือนไม่ได้ยิน จ้องเว่ยซูอย่างตะลึงงัน หลังจากสังเกตได้ว่าเว่ยซูถูกคนพวกนี้ควบคุม ก็ทานถามว่า “เว่ยซู? พวกเจ้ากล้าจับแม้กระทั่งเขาเหรอ? พวกเจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?” นางเริ่มกลัวแล้ว ตระหนักได้ว่าครั้งนี้เรียกตนมาไม่ใช่เรื่องดีอะไร
หยางชิ่งก็รู้สึกประหลาดใจกับยายแก่คนนี้เช่นกัน แต่ในเมื่อเหมียวอี้ไม่เปิดเผยตัวตนของคนคนนี้ เขาเองก็สำนึกได้ว่าไม่ควรไปสืบถาม แต่เหมียวอี้บอกมาว่าให้เรียกใช้งานได้เต็มที่ ไม่ต้องเกรงใจ
หยางชิ่งชี้ไปที่เว่ยซู “เจ้าลองเปลี่ยนร่างเป็นเขาดูหน่อย”
“มีสิทธิ์อะไร?” ไป๋เฟิ่งหวงเถียงทันที แต่สุดท้ายก็ยังเปลี่ยนร่าง ชั่วพริบตาเดียวหน้าตาก็กลายเป็นเหมือนเว่ยซูทุกอย่างแล้ว
หยางชิ่งเดินอ้อมตัวนางเพื่อเปรียบเทียบกับเว่ยซูครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าเบาๆ
“เจ้า…” ตานฉิงพลันยกมือขึ้นมา เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ ชี้ไป๋เฟิ่งหวงพร้อมกล่าวอย่างตกใจ “เจ้าคือไป๋เฟิ่งหวง สาวใช้ข้างกายประมุขปีศาจใช่มั้ย?”
อีกห้าคนเข้าใจกระจ่างในฉับพลัน คนที่มีพลังอภินิหารอย่างนี้ได้ ทั้งยังเห็นพวกเขาปราดเดียวแล้วจำได้ คาดว่าคงจะเป็นปีศาจตนนั้น
หยางชิ่งชำเลืองไป๋เฟิ่งหวงพลางครุ่นคิด มิน่าล่ะเหมียวอี้ถึงบอกว่าเป็นคนที่เหมาะสมกว่า อาศัยที่นางอยู่ต่อหน้าขุนพลใหญ่หกลัทธิแล้วไม่แยแสอะไร สุขุมใจเย็นกว่าให้จิ้งจอกพันหน้าเผชิญหน้ากับเซี่ยโห้วท่าจริงๆ
“พวกตาบอด” ไป๋เฟิ่งหวงเหยียดหยาม จากนั้นตบแผนที่ดาวพร้อมพูดกับหยางชิ่งด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “มีอะไรก็รีบพูดมา จะให้แม่ทำอะไรกันแน่?”
“ขอให้เจ้าไปพบกับเซี่ยโห้วท่าสักครั้ง” หยางชิ่งกล่าวพร้อมรอยยิ้มบางๆ
“เซี่ยโห้วท่า?” ไป๋เฟิ่งหวงถามอย่างงุนงง “ล้อข้าเล่นเหรอ? จิ้งจอกเฒ่านั่นตายไปแล้วไม่ใช่รึไง?”
“ยังไม่ตาย เขาแกล้งตาย…” หยางชิ่งเล่าสถานการณ์คร่าวๆ ให้ฟังทันที ไม่สามารถปิดบังนางได้ ต้องให้นางรู้สถานการณ์ให้ชัดเจนถึงจะรับมือได้
ทว่าหลังจากไป๋เฟิ่งหวงฟังจบว่าจะให้ตัวเองทำเรื่องนี้ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ เบิดตากว้างอ้าปากค้างอยู่นาน จานกั้นก็ลุกลี้ลุกลนโบกมือ “ข้าไม่ไป! พวกเจ้าล้อเล่นอะไรกัน จิ้งจอกเฒ่านั่นเป็นปีศาจเฒ่าที่น่ากลัวที่สุดในใต้หล้า ขนาดพระปีศาจยังถูกเขาล้ม จะให้ข้าไปเล่นลูกไม้ต่อหน้าเขาเนี่ยนะ ถ้าเทียบกันแล้วข้าเป็นรุ่นเล็กไปเลย ไม่พอยัดซอกฟันเขาด้วยซ้ำ พวกเจ้าเปลี่ยนให้คนอื่นทำเถอะ ข้าไม่เล่นแล้ว ให้ข้าออกไป!” แม้แต่สายตาก็ยังแสดงความหวาดกลัว
……………