พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2094 แม่เสือมาแล้ว
“ไม่ผิดหรอก!” อ๋าวเถี่ยถูฝ่ามือด้วยรอยยิ้ม
คนที่เหลือเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ทันที มองหยางชิ่งด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความนับถือ
กลับเป็นเหยียนซิวที่มีสีหน้าท่าทางสงบนิ่ง เพียงชำเลืองหยางชิ่งอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง เหมือนไม่รู้สึกผิดพลาดกับการวางแผนของหยางชิ่งเลยสักนิด เซี่ยโห้วท่าแผนสูงมองการณ์ไกล ในสายตาเขาหยางชิ่งกลับวางแผนเข้าถึงจิตใจคน แค่คิดว่าตอนนั้นจู่เก๋อชิงตายอย่างไรก็รู้แล้ว
ไป๋เฟิ่งหวงที่อยู่ข้างๆ ได้ยินว่าคนพวกนี้เล่นใหญ่ก็หวาดระแวงแล้ว ตอนนี้มาได้ยินแผนการครั้งแล้วครั้งเล่าอีก นางก็ยิ่งมองคนพวกนี้ด้วยแววตาประหลาดใจสงสัย แอบขนลุกนิดหน่อย คนพวกนี้เป็นอะไรกันไปหมด!
ตอนนี้นางนับว่าเข้าใจแล้ว ว่าทำไมผ่านมาหลายปีแต่ตัวเองทำได้เพียงหลบไปทางนั้นทีทางนี้ที ที่แท้คนพวกนี้ก็เล่นกันอย่างนี้นี่เอง ต่อไปนี้ต้องอยู่ห่างๆ จากพวกเขาสักหน่อย ไม่อย่างนั้นจะถูกขายอย่างไรก็ยังไม่รู้เลย
หยางชิ่งกวาดสายตามองทุกคน “ทุกคนไม่มีอะไรสงสัยแล้วใช่ไหม?”
ครั้งนี้ลงมือกับเซี่ยโห้วท่า เขาไม่ยอมให้มีใครสะเพร่า ต้องการให้ทุกคนร่วมมืออย่างเต็มที่ นี่ก็คือสาเหตุที่เขาพูดไว้ค่อนข้างชัดเจน!
หกขุนพลกุมหมัดคารวะ “ยินดีทำตามคำสั่งผู้ช่วยใหญ่”
หยางชิ่งเหล่ตามองไป๋เฟิ่งหวง ส่วนไป๋เฟิ่งหวงก็เบะปากโดยไม่พูดอะไร
หยางชิ่งก็เลยมองข้ามความเห็นของนาง หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อเหมียวอี้อีกครั้ง
เหมียวอี้ถามทันทีว่า : เป็นยังไงบ้าง?
หยางชิ่งถามว่า : ท่านอ๋อง ในจวนท่านอ๋องมีความผิดปกติอะไรหรือเปล่า?
เหมียวอี้ : ตอนนี้ยังไม่มีอะไรผิดปกติ! เจ้าวางใจได้ ฝั่งนี้ไม่แหวกหญ้าให้งูตื่นหรอก ข้าไม่ให้ฟังนี้เกิดความผิดปกติอะไรแน่!
หยางชิ่ง : ไม่ขอรับ! เว่ยซูได้รับบัวโลหิตอย่างราบรื่นเกินไป ถ้าจะรับมือกับคนประเภทเซี่ยโห้วท่า เดินในเส้นทางที่ตรงกันข้ามจะได้ผลกว่า ถ้าท่านอ๋องวางอุบายกับเขา มีหรือที่จะสร้างความขัดแย้งในเวลานี้ ทำให้เกิดความผิดปกตินิดหน่อยจะดีกว่า…
หลังจากปรึกษากันสักพัก เหมียวอี้ก็เก็บระฆังดารา เดินออกมาจากประตูตึก แล้วเดินตรงไปที่เขตลานบ้านขิงผังเสี้ยวเสี้ยว
อวิ๋นจือชิวที่ถูกเรียกเดินออกมาจากห้องนอนของผังเสี้ยวเสี้ยว มาถึงศาลาที่พบกันก่อนหน้านี้ เหมียวอี้เอามือไขว้หลังยืนรออยู่ในศาลาแล้ว กำลังหันหลังให้
อวิ๋นจือชิวเดินมาข้างหลังเขา แล้วถามอย่างกังวล “สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”
เหมียวอี้ยืนเงียบอยู่ที่เดิม
อวิ๋นจือชิวกังวลทันที ก้าวขึ้นมาจับแขนเขา ถามว่า “เกิดเรื่องขึ้นแล้วใช่ไหม?”
เหมียวอี้ค่อยๆ หันตัวมา แล้วก็มองนาง จ้องนางอยู่อย่างนั้น…
ท้องฟ้าสีครามใสดุจผ่านการชำระล้าง จวนท่านอ๋องโอ่อ่างดงาม ขณะที่เหมียวอี้เอามือไขว้หลังเดินอย่างเอื่อยเฉื่อย หยางเจาชิงก็คอยพูดคุยอยู่ข้างกาย
ตอนที่เดินผ่านทุ่งดอกไม้ที่งดงามดุจผ้าแพร เห็นสตรีที่มีเสน่ห์เย้ายวนชวนมองคนหนึ่งกำลังเลือกเด็ดดอกไม้ เรียกได้ว่าคนอ่อนช้อยยิ่งกว่าบุปผา ข้างหลังมีสาวใช้สองคนกำลังถือตะกร้า
เหมียวอี้มองสองครั้ง แล้วอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไป
พอสามคนที่อยู่ฝั่งนี้เห็นว่าเหมียวอี้เดินเข้ามา ก็รีบจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วย่อเข่าคำนับ “ท่านอ๋อง”
เหมียวอี้มองประเมินครูหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้จมูกโด่งเหมือนแท่งหยก ปากแดงกลมเหมือนผลไม้ คิ้วตางดงามดุจภาพวาด ดวงตาสดใสเป็นประกาย ผิวขาวเนียนดุจหิมะ ลักษณะท่าทางดูมีการศึกษา เป็นยอดหญิงงามอย่างแท้จริง เพียงแต่ตอนนี้ดูประหม่าอย่างเห็นได้ชัด สาวใช้สองคนที่อยู่ข้างหลังก็ยิ่งเกรงกลัว เหมียวอี้จ้องผู้หญิงคนนั้นพร้อมถามว่า “เจ้าเป็นคนในตัวนี้หรือ?”
“ตอบท่านอ๋อง ผู้น้อยหมิงจูค่ะ!” ผู้หญิงคนนั้นตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“หมิงจู?” เหมียวอี้ขมวดคิ้วพึมพำ “ค่อนข้างคุ้นหู”
หยางเจาชิงที่อยู่ข้างๆแนะนำว่า “ท่านอ๋อง นี่คืออนุภรรยาที่เข้ามาใหม่ เป็นบุตรสาวของหมิงไป่ อดีตหัวหน้าภาค”
ที่แท้ก็เป็นอนุภรรยาที่ตัวเองรับเข้ามาใหม่ เหมียวอี้ทำท่าเหมือนเข้าใจกระจ่างในฉับพลัน แต่ในใจกลับยิ้มเจื่อน ทำกลางผู้หญิงนับพันคน คนที่นับว่างามเลิศล้ำมีไม่มาก นับว่าหยางเจาชิงเตรียมการอย่างใส่ใจแล้ว
“ไม่ต้องมากพิธี” เหมียวอี้ยกมือบอกใบ้ แต่สายตายังจ้องใบหน้าสวยเย้ายวนของหมิงจูไม่ละไปไหน
หมิงจูถูกเขามองจนเขินอายเล็กน้อย เป็นเพราะสายตาของเหมียวอี้ไม่ปิดบังอะไรเลย ทำให้นางใจเต้นรัวนิดหน่อย
สาวใช้สองคนที่อยู่ข้างหลังนางแอบสงสายตาดีใจ
“เจ้าพักอยู่ที่ไหน?” จู่ๆ เหมียวอี้ก็ถาม
หมิงจูมองไปที่กำแพงดอกไม้ พร้อมตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ตอบท่านอ๋อง อยู่ในเขตลานบ้านด้านหลังแพงดอกไม้ค่ะ”
“พอข้าเข้าไปดูหน่อยได้หรือไม่?” เหมียวอี้ถามอีก
“ได้ค่ะ!” หมิงจูเลยรับเสียงเบา ยกแขนเสื้อนำทาง เรือนร่างอรชรอ่อนช้อยเดินเนิบนาบอยู่ข้างหน้า
สาวใช้ทั้งสองเดินอ้อมออกไป รีบกลับไปเตรียมตัวก่อน
นี่คือเรือนชั้นในของจวนท่านอ๋อง มีสายตาที่กำลังเหลียวซ้ายแลขวาไม่ขาดอยู่แล้ว คนเป็นเจ้านายไม่ได้มีอารมณ์มาทำแบบนั้น แต่คนเบื้องล่างกลับใส่ใจ พอท่านอ๋องออกมาเดินเล่นจนถึงที่พักของผู้หญิงในครอบครัว ในที่ลับก็เกิดการแตกตื่นอยู่พักหนึ่ง ไม่รู้ว่ามีสาวใช้มากมายเท่าไหร่รีบวิ่งเต้นทำงานอยู่ในเรือนชั้นใน รีบไปรายงานเจ้านายตัวเอง ร้อนใจยิ่งกว่าเจ้านายตัวเองเสียอีก
ใช้เวลาไม่นาน ในเขตลานบ้านแต่ละแห่งก็มีผู้หญิงหลายคนขึ้นตึกมาชะโงกหน้ามอง บางก็พรางตัวมาแอบมอง บ้างก็เงยหน้ามองอย่างเปิดเผย เอาเป็นว่าทั้งใกล้และไกลต่างก็กำลังจับตาดูเพื่อรอให้เหมียวอี้เดินมาถึง ถึงขั้นมีคนนำสาวใช้เดินออกจากเขตลานบ้านตัวเองมาทางนี้ด้วย เตรียมจะมาบังเอิญเจอท่านอ๋องสักครั้ง
มีบางคนที่ไม่ได้สนใจเหมียวอี้เช่นกัน แค่โผล่หน้ามาดูเฉยๆ ว่าเกิดเรื่องอะไรกันแน่
การพบกันโดยบังเอิญระหว่างเหมียวอี้กับหมิงจูใต้กำแพงดอกไม้ เรื่องนี้ย่อมอยู่ในสายตาของคนจำนวนไม่น้อยแล้ว เมื่อเห็นท่านอ๋องตั้งใจเดินไปหาหมิงจู ทั้งยังยืนคุยกับหมิงจูด้วย บางคนต่อให้ในใจไม่ได้คิดอะไรแต่ก็รู้สึกไม่พอใจอยู่ดี เมื่ออยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมแบบนี้ ไม่มีที่ไหนให้พึ่งพา สภาพจิตใจของบางคนก็ได้รับผลกระทบจากบรรยากาศอย่างเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรเสียไม่ว่าใครก็รู้ทั้งนั้นว่าตัวเองกลายเป็นผู้หญิงของผู้ชายคนนี้แล้ว และความอิจฉาก็เป็นนิสัยโดยธรรมชาติของผู้หญิงด้วย
จากนั้นพอได้เห็นหมิงจูพาท่านอ๋องเข้ามาในเขตลานบ้านตัวเองอีก ก็มีคนไม่น้อยทำสีหน้าไม่พอใจทันที
ตู้อิ๋นเจียวที่ยืนพิงตึกกำลังมองตาปริบๆ
หลังจากเดินเล่นในเขตลานบ้านของหมิงจูรอบหนึ่ง เหมียวอี้กับหมิงจูก็เข้าไปนั่งพักในศาลา ส่วนสาวใช้ทั้งสองก็นำน้ำชามาวาง
หลังจากหมิงจูล้างมือในอ่างทองที่อยู่ข้างๆ แล้ว ก็รินน้ำชาให้ด้วยตัวเอง ท่วงท่างามสง่า เห็นแล้วสบายตาสบายใจ ยกถ้วยน้ำชามาตรงหน้าเหมียวอี้ “ท่านอ๋องเชิญดื่มน้ำชาค่ะ”
เหมียวอี้กลับไม่รับน้ำชา สายตาจ้องบนใบหน้านาง จ้องจนนางอดไม่ได้ที่จะก้มหน้าหลบเล็กน้อย
เหมียวอี้ยื่นมือเชยคางอ่อนนุ่มของนางขึ้นมา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงสบายๆ ว่า “เจาชิง วันนี้ถ้าไม่มีธุระสำคัญอะไรก็อย่าให้ใครมารบกวนข้า”
สาวใช้ทั้งสองแอบกัดฟันอย่างดีใจ มาแล้ว มาแล้วจริงๆ กะไว้แล้วเชียว อาศัยความงามของคุณหนู มีคนตั้งมากมายเท่าไหร่ที่อาจเอื้อมไม่ถึง ท่านอ๋องจะไม่โปรดปรานได้อย่างไร พวกหน้าตาพื้นๆ เหล่านั้นจะมาสู้กับคุณหนูได้อย่างไรกัน!
ทั้งสองเตรียมตัวรายงานข่าวดีให้ตระกูลหมิงรู้ แม้จะเป็นเพียงสาวใช้ แต่กลับรู้ว่าถ้าคุณหนูได้เข้าห้องกับท่านอ๋องเมื่อไร ก็นับวันรอให้ตระกูลหมิงหวนคืนสู่อำนาจได้เลย ถ้าท่านอ๋องเอ่ยปากเพียงประโยคเดียว ก็ไม่รู้ว่าจะมีคนของตระกูลหมิงมากมายเท่าไรที่ได้รับผลประโยชน์ ตอนที่ทุกคนของตระกูลหมิงดีใจ ก็เป็นเวลาที่ทั้งสองจะได้สร้างผลงานเรื่องปรนนิบัติคุณหนู ไม่พ้นต้องถูกตบรางวัลอย่างงาม ยังมีอีกสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือฐานะของทั้งสองในจวนท่านอ๋องก็จะขึ้นสูงเหมือนเรือที่ขึ้นตามน้ำ ไม่แน่ว่าวันหลังอาจจะได้กลายเป็นคนที่มีสถานะในจวนท่านอ๋องก็ได้ คนใหญ่คนโตที่อยู่ข้างนอกยามเจอพวกนางก็ต้องไว้หน้าบ้าง พอผ่านวันนี้ไปคงจะได้ย้ายจากเรือนเล็กไปเรือนใหญ่ตามคุณหนูแล้ว
ทั้งสองมีพื้นเพมาจากตระกูลใหญ่ ยอมเข้าใจว่าฐานะของสาวใช้จะขึ้นลงตามเจ้านายตัวเอง
“ขอรับ!” หยางเจาชิงกุมหมัดคารวะ จากนั้นก็หันตัวเดินออกไปอย่างรู้กาละเทศะ
หมิงจูไม่รู้ว่าจะหลบสายตาไปทางไหนดี
มือที่ช้อนคางนางย้ายมาอยู่บนถ้วยน้ำชา เขาหยิบถ้วยขึ้นมาแล้ว แต่กลับวางไว้บนโต๊ะด้านข้างอีก จากนั้นคว้ามือที่อ่อนนุ่มของนางดึงเข้ามา หมิงจูเข้าสู่อ้อมกอดของเขาด้วยความตกใจ เขาโน้มตัวรวบสองขาของนางขึ้นมาอย่างไม่ลังเล อุ้มนางเอาไว้แล้ว
หมิงจูใช้สองมือผลักหน้าอกเหมียวอี้โดยจิตใต้สำนึก คิดจะผลักเขาออกไป แต่สุดท้ายก็ยังเก็บแรงไว้ แล้วก้มหน้าลงด้วยสองแก้มแดงเรื่อ เสียงหัวใจเต้นแรงจนตัวเองยังได้ยิน ตระหนักได้แล้วว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น
“นำทาง!” จู่ๆ เหมียวอี้ที่อุ้มหมิงจูก็กล่าวเสียงเรียบ
ตอนแรกสาวใช้ทั้งสองก็อึ้งก่อน พอตั้งสติได้แล้วก็รีบนำทาง “ท่านอ๋อง ห้องนอนของคุณหนูไปทางนี้ค่ะ!” ทั้งสองนำทางอยู่ข้างหน้า
ประตูห้องนอนปิดแล้ว…
พอหยางเจาชิงเดินออกมาจากเขตลานบ้าน ก็ค้นพบทันทีว่าบนทางเดินที่ก่อนหน้านี้ยังเงียบเชียบมีสมาชิกผู้หญิงปรากฏตัวแล้วไม่น้อย พอเห็นเขาก็ทักทายก่อน “พ่อบ้านหยาง!”
ผู้หญิงที่มาปรากฏตัวตรงนี้ได้ล้วนมีทักษะการเข้าสังคมที่ดีมาก ต้องทุ่มเทสุดกำลังเช่นกัน ทุกคนล้วนเข้าใจหลักการข้อหนึ่ง นั่นก็คือพ่อบ้านท่านนี้คือสุดยอดลูกน้องคนสนิทข้างกายท่านอ๋อง มีอิทธิพลต่อท่านอ๋องมาก ถ้าสามารถช่วยพูดอะไรดีๆ ไม่กี่คำต่อหน้าท่านอ๋องได้ ก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาตระกูลของพวกนางได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นถ้าเผลอไปล่วงเกินใครเข้า แล้วมีพ่อบ้านท่านนี้ช่วยพูดให้ สถานการณ์ก็จะแตกต่างออกไปแล้ว ทุกคนของทัพใต้จะไม่ไว้หน้าท่านนี้ได้หรือ?
ส่วนหยางเจาชิงก็กุมหมัดคารวะกลับทีละคน สำหรับการปรากฏตัวของผู้หญิงเหล่านี้ เขานั้นรู้อยู่แก่ใจตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ได้หาข้ออ้างอะไรมาก ทักทายตามมารยาทแล้วก็ไป แต่ในใจกลับแอบจดจำคนเหล่านี้ไว้ จดจำผู้หญิงที่ค่อนข้างมีจิตใจฝักใฝ่ผลประโยชน์เอาไว้ ในอนาคตเวลามีเรื่องเกิดขึ้น จะได้ให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจแก่เหมียวอี้ได้ทันเวลา นี่ก็คือหน้าที่ของพ่อบ้านอย่างเขา
เมื่อหยางเจาชิงออกไปแล้ว ไม่นานก็มีกำลังพลกลุ่มเล็กเข้ามา เฝ้าอยู่ตรงประตูเขตลานบ้านของหมิงจู แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ให้ใครเข้าไปรบกวนง่ายๆ
เป็นเวลาครึ่งชั่วยามเต็มๆ ยังไม่เห็นเหมียวอี้ออกมาจากเขตลานบ้านของหมิงจู ท่านอ๋องผู้สง่าภูมิฐานจะมีอะไรให้คุยกับผู้หญิงคนใหม่ไม่จบไม่สิ้นขนาดนั้น คิดไปคิดมาก็รู้แล้วว่าเกิดเรื่องอะไร บางคนเริ่มอารมณ์ไม่ดีแล้ว รสชาติยามโดนคนอื่นแย่งของไปครอบครองนั้นทรมาน
กำแพงลานบ้านของที่นี่ออกแบบไว้อย่างพิถีพิถันมาก ต่อให้ยืนอยู่บนตึก ก็จะเห็นนอกกำแพงลานบ้านเท่านั้น จะไม่เห็นเหตุการณ์ข้างในเขตลานบ้าน เป็นเพราะตึกของที่นี่ไม่สูง ไม่เหมือนตึกในเรือนหลักของจวนท่านอ๋อง ที่จุดสูงสุดสามารถมองเห็นทั้งจวนท่านอ๋องได้
ปกติแล้วระดับความสูงของตึกที่พัก ขนาดเขตลานบ้านของผู้หญิงในจวนท่านอ๋องล้วนแสดงออกถึงฐานะของผู้หญิงคนนั้นในจวนท่านอ๋อง ถ้าเป็นเรือนใหญ่ก็ย่อมใช้คนดูแลมากกว่า หมายความว่ามีคนปรนนิบัติเยอะกว่า
บนตึกมีบางคนพูดจาไม่ดีแล้ว ต้องทราบไว้ว่าในบรรดาอนุภรรยาของเหมียวอี้มีคนที่นิสัยคุณหนูอยู่ไม่น้อย
มีบางคนพูดเหน็บแนมว่า “หมิงจูคนนี้ปกติดูเป็นคนเรียบร้อยสง่างาม นึกไม่ถึงว่าจะมีวิธียั่วผู้ชายมากมาย เจ้าเล่ห์ไม่ใช่น้อย คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ บังเอิญไปเก็บดอกไม้งั้นเหรอ? สง่างามนักนะ เล่นละครเก่งจริงๆ”
บางคนที่เจ้าอารมณ์มากก็ด่าไปโดยตรงเลย “นางตัวดีนี่ไม่ใช่ชะโงกดูเงาตัวเองเสียบ้างว่าเป็นใคร แค่ลูกสาวหัวหน้าภาคกระจอกๆ ก็กล้ามายั่วท่านอ๋องแล้วเหรอ สักวันจะโดนกรรมตามสนอง!”
บางคนก็ระบายอารมณ์กับสาวใช้ของตัวเอง “พวกเจ้าดูสาวใช้ของคนอื่นสิ ช่วยเจ้านายตัวเองแสดงละครได้ดีขนาดไหน พวกนั้นเล่นละครกันจบแล้ว พวกเจ้าถึงรู้ว่าท่านอ๋องมา บ้านข้าส่งพวกเจ้ามาทำประโยชน์อะไร?” ด่าจนสาวใช้ของตัวเองไม่กล้าเงยหน้า
บางคนก็แค่แสดงความไม่พอใจ “ก็แค่เก็บดอกไม้ไม่ใช่เหรอ อย่างกับคนอื่นทำไม่ได้อย่างนั้นแหละ”
ในขณะที่บริเวณนี้มีสถานการณ์แตกต่างกันไป บนทางเดินที่อยู่ระหว่างกำแพงจวนไกลๆ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งปรากฏตัว อวิ๋นจือชิวเดินนำหน้าด้วยสีหน้าเยียบเย็น ตามหลังด้วยเชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ ข้างหลังยังมีทหารอารักขาอีกกลุ่มหนึ่ง ดึงดูดความสนใจของคนที่กำลังมองดูทันที
ผู้หญิงที่เดินไปเดินมาอยู่ระหว่างทางเห็นอวิ๋นจือชิวแล้วหลีกทางคำนับ แต่อวิ๋นจือชิวไม่ชายตามองเลยสักนิด
เห็นเพียงอวิ๋นจือชิวเดินตรงเข้าไปที่ประตูเขตลานบ้านของหมิงจู แล้วตะคอกทหารยามว่า “หลีกไป!” ขณะที่พูดก็บุกเข้าไปเลย
ทหารยามตรงประตูไม่กล้าขวางนาง ปล่อยให้เข้าไปแล้ว
บนตึกมีคนหัวเราะเยาะ “แม่เสือมาแล้ว ตอนนี้มีฉากเด็ดให้ดูแล้ว”
เป็นอย่างที่คาดไว้ ผ่านไปครู่เดียว ในเรือนพักของหมิงจูก็มีเสียงตำหนิของอวิ๋นจือชิวดังแว่วมา จากนั้นก็ตามด้วยเสียงต่อสู้ มีห้องพังถล่มโครมคราม…
…………………