พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2097 ฆ่า! ฆ่าอย่าให้เหลือ!
เมื่อออกจากโรงเตี๊ยมมาแล้ว หยางชิ่งก็เดินไปเดินมาอยู่บนถนน หลังจากได้ข่าวจากไป๋เฟิ่งหวงมา เขาก็กำลังครุ่นคิดเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ ร้อยเรียงเรื่องราวดูว่ามีช่องโหว่หรือไม่ การที่ไป๋เฟิ่งหวงทำสำเร็จได้ง่ายทำให้เขากังวลนิดหน่อย รู้สึกว่าแบบนี้ธรรมดาเกินไปหรือเปล่า ถึงอย่างไรคนที่สู้ด้วยก็คือเซี่ยโห้วท่า ทว่าพอคิดไปคิดมา ก็ไม่รู้สึกว่ามีปัญหาตรงไหน เขาจึงเปลี่ยนความคิด เซี่ยโห้วท่าแล้วยังไงล่ะ? ที่เตรียมตัวแต่ละอย่างไว้อย่างละเอียดรอบคอบก่อนหน้านี้ ก็เพื่อให้ง่ายดายในตอนสุดท้ายไม่ใช่หรอกเหรอ?
เซี่ยโห้วท่า ชื่อที่สร้างความกดดันให้เขาได้รับการปลดปล่อยในชั่วพริบตาเดียว เขาเดินขึ้นไปทางต้นน้ำเพื่อหาเรือลำหนึ่ง แล้วบอกให้คนขับเรือลอยเรือลงไปตามกระแสน้ำ
เรือลอยเข้ามาใกล้ตามกระแสน้ำ ตอนที่ลอยผ่านเรือของเซี่ยโห้วท่าไปสิบกว่าจั้ง ก็ดีดนิ้วปล่อยแหวนเก็บสมบัติวงหนึ่งออกมา แล้วยิงเข้าไปในกระโจมเรือของเซี่ยโห้วท่า ระหว่างนี้คนบนเรือสองลำไม่ได้เข้าใกล้หรือเจอหน้ากัน
หลังจากไป๋เฟิ่งหวงที่อยู่ในกระโจมเรือรับแหวนเก็บสมบัติมาแล้ว หยางชิ่งก็กำชับนางอีก สอนนางว่าต้องทำอย่างไร
ไป๋เฟิ่งหวงเรียกเหยียนซิวออกมาจากแหวนเก็บสมบัติ แล้วเร่งว่า “ท่าทางลับๆ ล่อๆ ของพวกเจ้าทำให้ข้าเครียดแทบแย่ เร็วๆ หน่อย!”
เหยียนซิวไม่เปลืองคำพูดกับนาง โบกมือเก็บนางเอาไว้ เปลี่ยนให้ตัวเองมานั่งแทนที่ไป๋เฟิ่งหวง เขาพลิกฝ่ามือ บนกลางฝ่ามือมีธงเรียกวิญญาณที่ยังหมุนวนและยังไม่ขยายใหญ่ แสงสีดำถูกยิงออกมาสายแล้วสายเล่า โจมตีไปที่หน้าอกของเซี่ยโห้วท่า เป็นลำแสงสีดำหลายสิบสาย
เรือที่หยางชิ่งนั่งยังคงลอยลงไปตามกระแสน้ำ ไม่มีท่าทีว่าจะกลับมา รอจนกระทั่งเหยียนซิวส่งข่าวกลับมาแล้ว หยางชิ่งถึงได้หยิบระฆังดาราเอาไว้ในกระบอกแขนเสื้อ แล้วถามสถานการณ์ : เป็นยังไงบ้าง?
เหยียนซิว : ไม่ผิดหรอก เป็นเซี่ยโห้วท่าตัวจริง!
บนใบหน้าหยางชิ่งฉายแววปลาบปลื้มดีใจ ถามว่า : ข้างกายเขามีคนดักซุ่มอยู่หรือเปล่า?
เหยียนซิว : ข้างกายเขามีคนจับตาดูทางนี้อยู่ แต่ไม่รู้รายละเอียดแน่ชัดว่ากี่คน เรื่องทางด้านนี้เขาไม่ได้เตรียมการด้วยตัวเอง ล้วนเป็นหน้าที่ของเซี่ยโห้วยง ลูกชายคนโตของเขา
หยางชิ่งตะลึงทันที ถามว่า : เซี่ยโห้วยง? ไม่ใช่ว่าตายไปแล้วหรอกเหรอ? อย่าบอกนะว่าแกล้งตาย?
เหยียนซิว : ไม่ผิดหรอก แกล้งตาย กิจวัตรประจำวันของสมาคมอาวุโสก็เป็นเซี่ยโห้วยงที่รับผิดชอบ
หยางชิ่งถามทันที : สมาคมอาวุโสอยู่ที่นี่?
เหยียนซิว : ดาวเคราะห์ดวงนี้ก็คือฐานที่มั่นของสมาคมอาวุโส คนของสมาคมอาวุโสถูกควบคุมไว้ที่นี่ การสันนิษฐานของเจ้าไม่ผิด เว่ยซูคือกับดักที่เขาวางเอาไว้รับสัญญาณอันตรายจริงๆ โจรเฒ่าเตรียมกับดักนี้เอาไว้รับมือกับพระปีศาจ ยังมีอีก เส้นทางที่ใช้เดินทางเข้าเขตตำหนักสวรรค์ ไม่ได้มีแค่เว่ยซูที่รู้ ยังมีอีกเส้นทางหนึ่งที่ไม่ให้คนอื่นรู้
เรื่องอื่นไม่สำคัญ ขอเพียงสืบเจอกำพืดของสมาคมอาวุโสได้ละเอียดก็พอแล้ว! หยางชิ่งดีใจมาก ถามอีกว่า : บนดาวเคราะห์ดวงนี้มีกำลังพลของตระกูลเซี่ยโห้วอยู่เท่าไร?
เหยียนซิว : มีคนไม่มาก มีประมาณล้านกว่า แต่เป็นระดับสุดยอดทั้งนั้น ศักยภาพแข็งแกร่งไม่ธรรมดา ประมาณเจ็ดแสนกว่าคนที่มีวรยุทธ์ต่ำสุดก็ปาไประดับบงกชกลายแล้ว องครักษ์ของหัวหน้าตระกูลเซี่ยโห้วก็มาจากที่นี่!
หยางชิ่งตกใจมาก แบบนี้หมายความว่าในมือตระกูลเซี่ยโห้วมีนักพรตระดับพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพอยู่เจ็ดแสนกว่าคน ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับทัพใหญ่ทัพไหนในใต้หล้า ก็ล้วนมีศักยภาพที่จะโจมตีซึ่งๆ หน้าได้ เบื้องลึกของตระกูลเซี่ยโห้วน่าตกใจจริงๆ ด้วย แต่ก็พอจะจินตนาการได้ ตระกูลเซี่ยโห้วสะสมกำลังทรัพย์มาหลายยุค ย่อมมีไม่น้อยอยู่แล้ว เลี้ยงไหวอยู่แล้ว
อยู่ที่โลกภายนอกมีอำนาจมหาศาลขนาดนั้น ที่นี่ก็มีกำลังทหารที่แข็งแกร่งขนาดนี้อีก ตระกูลเซี่ยโห้วมีความสามารถที่จะครองใต้หล้านี้ได้เลย ทว่ากลับไม่มีท่าทีว่าจะไปแทรกแซง ทำให้หยางชิ่งต้องคิดมากอยู่ครู่หนึ่ง
เหยียนซิว : ต่อไปจะทำยังไง?
หยางชิ่งดึงสติกลับมา แล้วบอกว่า : รอสักประเดี๋ยว ข้าจะถามความเห็นท่านอ๋อ!
ระฆังดาราในมือเปลี่ยนเป้าหมายในการติดต่อ เขาติดต่อไปหาเหมียวอี้แล้วบอกว่า : ท่านอ๋อง ควบคุมเซี่ยโห้วท่าไว้ได้อย่างราบรื่น!
เหมียวอี้ที่กำลังอุดอู้อยู่ในห้องหนังสือพลันลุกขึ้น ในดวงตาเผยความรู้สึกดีใจ รีบเขย่าระฆังดาราตอบว่า : ดี! ทำได้สวยงาม!
หยางชิ่ง : ท่านอ๋อง ศักยภาพของตระกูลเซี่ยโห้วแข็งแกร่งกว่าที่พวกเราจินตนาการเอาไว้เยอะมาก ตระกูลเซี่ยโห้วมีกำลังพลอยู่ที่นี่ล้านกว่าคน ในจำนวนนั้นคนวรยุทธ์ระดับบงกชกลายขึ้นไปก็เจ็ดแสนกว่าแล้ว!
เหมียวอี้ตกตะลึงพรึงเพริด : เจ้ากำลังบอกว่าฝั่งนั้นมีนักพรตระดับพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพเจ็ดแสนกว่าคนเหรอ?
หยางชิ่ง : ใช่แล้ว! ท่านอ๋องคิดจะจัดการคนพวกนี้ยังไง?
เหมียวอี้ครุ่นคิดนิดหน่อย แล้วถามว่า : มีความเป็นไปได้ไหมว่าจะดึงมาเป็นพวกได้?
หยางชิ่งเข้าใจความคิดของเขา ถ้าสามารถได้รับความช่วยเหลือจากคนกลุ่มนี้ได้ เขาก็จะได้เป็นเสือติดปีกในใต้หล้านี้ หลังจากครุ่นคิดแล้วก็ตอบว่า : เกรงว่าจะยากมาก! ทั้งหมดล้วนเป็นทหารประจำตระกูลเซี่ยโห้ว ถูกผูกมัดจิตใจอยู่ในมือตระกูลเซี่ยโห้วไม่รู้ตั้งกี่ปี แค่คิดก็รู้แล้วว่าจงรักภักดีต่อตระกูลเซี่ยโห้วขนาดไหน ทรัพยากรที่ใช้เลี้ยงคนพวกนี้ก็ไม่ใช่น้อยๆ กำลังทรัพย์ของท่านอ๋องเลี้ยงไม่ไหว ท่านอ๋องไม่มีกำลังทรัพย์เลี้ยงดู และไม่มีตำแหน่งดีๆ มากมายขนาดนั้นให้พวกเขาด้วย ติดตามตระกูลเซี่ยโห้วดีกว่าหรือติดตามท่านอ๋องดีกว่า พวกเขามีแนวโน้มจะเลือกแบบแรกมากกว่า พอเป็นแบบนี้ ถ้าตระกูลเซี่ยโห้วบัญชาการเมื่อไหร่ ผลที่ตามมาก็ไม่มีทางคาดเดาได้ นอกเสียจากท่านอ๋องจะสังหารพี่น้องตระกูลเซี่ยโห้วให้หมด แต่ถ้าพูดในทางกลับกัน พอไม่มีการควบคุมจากตระกูลเซี่ยโห้วแล้ว ถ้าจะให้คนมากมายขนาดนี้เปลี่ยนจุดยืน เปลี่ยนไปจงรักภักดีกับคนอื่น ก็เป็นเรื่องที่ยากมาก! คนพวกนี้ถูกเลี้ยงโดยตระกูลเซี่ยโห้วมาตลอด สถานการณ์แตกต่างกับการแย่งชิงอำนาจผลประโยชน์ของกำลังพลตำหนักสวรรค์
ประโยคสุดท้ายต่างหากที่เป็นกุญแจสำคัญ!
เหมียวอี้ : คนที่พวกเราพาไปด้วยสามารถจัดการคนพวกนี้ได้หมดไหม?
หยางชิ่ง : เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา ตอนนี้เซี่ยโห้วท่าตกอยู่ในมือพวกเราแล้ว ถ้าจะเริ่มปฏิบัติการก็ง่ายมาก!
เหมียวอี้ : เจ้ามีความคิดยังไงกับคนพวกนี้?
หยางชิ่ง : สามารถเอามาหลอมเป็นยาได้ จะกลายเป็นทรัพย์สินก้อนหนึ่งที่มีจำนวนไม่น้อย!
เหมียวอี้เดินไปเดินมาอยู่ในห้องหนังสือพักหนึ่ง สุดท้ายก็ทำหน้าตึง เขย่าระฆังดาราตอบไปว่า : คนมากมายขนาดนี้ ถ้าจะหลอมเอายาก็ยุ่งยากเกินไป รีบสู้รีบจบ ฆ่า!
หยางชิ่งตกใจ : ท่านอ๋องโปรดไตร่ตรอง ทรัพย์สินก้อนนี้ไม่ใช่น้อยๆ ทิ้งไปจะเสียดายนะ!
เหมียวอี้ : ทรัพย์สินที่เซี่ยโห้วท่าสะสมไว้คงไม่น้อย ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากอีก เหลือสมาชิกบางส่วนที่มีประโยชน์เอาไว้ ส่วนที่เหลือ ฆ่า! ฆ่าอย่าให้เหลือ!
หลังจากเก็บระฆังดาราแล้ว เขาก็เดินช้าๆ อ้อมไปนั่งหลังโต๊ะอีก ทั้งตัวจมอยู่ในความเงียบในห้องหนังสือ ดูค่อนข้างเย็นชามืดมน
เขาเข้าใจความคิดของหยางชิ่ง การที่หยางชิ่งคิดจะช่วงชิงความรวยให้เขานั้นเป็นเรื่องดี แต่เขามาถึงขั้นนี้แล้ว ความคิดบางอย่างไม่เหมือนหยางชิ่งแล้ว ในเมื่อคนพวกนั้นควบคุมยาก เขาก็ต้องรีบกำจัดทิ้ง ไม่ทิ้งปัญหาที่จะตามมาในภายหลังเอาไว้ ไม่จำเป็นต้องเปลืองพลังกับเรื่องนี้ ตอนนี้กำลังความคิดหลักของเขาอยู่ที่ฝั่งตำหนักสวรรค์ มีเรื่องที่เร่งด่วนกว่าต้องจัดการ และถ้าให้คนมากมายขนาดนั้นเห็นว่าในมือเขามีทรัพย์สินก้อนใหญ่ ก็อาจไม่ใช่เรื่องดี ถ้ามองจากมุมของเขาที่เห็นสถานการณ์ภาพทั้งหมด ทรัพยากรฝึกตนที่แดนอเวจีไม่ได้เหลือกินเหลือใช้ เจ้าจะให้หรือไม่ให้ล่ะ? พอมีเงินมากแล้ว พวกเขาจะต้องร้องขอทรัพยากรฝึกตนจำนวนมากเพื่อมาเป็นหลักประกันแน่นอน ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ก็ยากจนถึงขั้นทำให้ผวา และทรัพยากรทั้งใต้หล้าก็หายไปอย่างกะทันหันแบบนั้นไม่ไหว ต้องส่งเข้าไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน แต่คนเบื้องล่างไม่ได้คิดอย่างนั้น พอคนเรามีเจตจำนงร่วมกัน เจ้าก็ควบคุมไม่ได้ง่ายๆ แล้ว ที่สำคัญก็คือแม้จะให้ไปแล้ว แต่ก็ไม่สามารถอาศัยทรัพย์สินก้อนนี้เพื่อเพิ่มศักยภาพกำลังพลของตัวเองในระยะสั้นได้อยู่ดี เพราะการฝึกตนต้องอาศัยขั้นตอน
ในเมื่อเป็นแบบนี้ ไม่สู้แก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว เขาเองก็ไม่มีทางยื่นมือไปเอา!
ในห้องโดยสารเรือ หยางชิ่งที่กำลังกำระฆังดาราเงียบไปพักหนึ่ง สุดท้ายก็เหมือนคิดอะไรบาองย่างได้ ถอนหายใจเบาๆ แล้วพึมพำว่า “มีปณิธานต่อใต้หล้าจริงๆ ด้วย กลับเป็นข้าคิดอะไรง่ายๆ ไป…”
จากนั้นก็ใช้ระฆังดาราติดต่อไปบอกเหยียนซิวว่า : ให้เซี่ยโห้วท่าถอนกำลังทั้งหมดที่จับตาดูอยู่ ให้เขารวบรวมคนทั้งหมดไว้ที่นี่…
บนตึกกำแพงเมือง เซี่ยโห้วยงกำลังนั่งจิบน้ำชา มองเรืออูเผิงที่ลอยอยู่กลางแม่น้ำเป็นระยะ
ตอนที่เขาได้รับข่าวจากเซี่ยโห้วท่า ก็รู้สึกงงอยู่บ้าง ถามว่า : ท่านพ่อ ทำไมต้องเรียกรวมคนทั้งหมด?
เซี่ยโห้วท่า : แก้ไขปัญหาเรื่องพระปีศาจได้แล้ว เจ้าทำตามที่ข้าบอก ข้ามีแผนของข้า
เซี่ยโห้วยง : ท่านพ่อ จะเหลือคนไว้ที่นี่สักหน่อยมั้ย?
เซี่ยโห้วท่า : ทำตามที่ข้าบอก
เซี่ยโห้วยง : ขอรับ!
ก่อนที่จะลุกขึ้นเดินออกมาจากตึกนั้น เขาก็จ้องไปที่เรืออูเผิงกลางแม่น้ำอีกครั้ง จากนั้นก็รีบไป…
ประตูใหญ่ของอารามเต๋าปิดสนิท ด้านนอกอารามเต๋ามีกำลังพลหนาแน่น ระหว่างแม่น้ำและภูเขาเต็มไปด้วยคน
คนของสมาคมอาวุโสหลายสิบคนมากันครบ รวมตัวกันมาถึงนอกอารามเต๋า หนึ่งในนั้นกุมหมัดคารวะเซี่ยโห้วยง “พี่ใหญ่ ท่านพ่อเรียกรวมคนเยอะขนาดนี้มีจุดประสงค์อะไร?”
คนที่พูดไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือหยวนกง อดีตลูกน้องของเหมียวอี้
เซี่ยโห้วยงส่ายหน้า “ท่านพ่อคงเตรียมตัวจะลงมือกับพระปีศาจ เรื่องรายละเอียดข้าไม่รู้ชัดเจน เดี๋ยวพอเข้าไปพบท่านพ่อข้างใน ก็ย่อมเข้าใจเองว่าวางแผนไว้แบบไหน ท่านพ่อกำลังรอทุกคนอยู่ข้างใน เชิญ!” เขายื่นมือเชิญ
จะลงมือกับพระปีศาจแล้วเหรอ? ทุกคนสบตากันแวบหนึ่ง รู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ทั้งหมดเริ่มทำสีหน้าจริงจังแล้วทยอยกันเข้าไป
ประตูใหญ่ของอารามใหญ่ในอารามเต๋าผลักเปิดออก เซี่ยโห้วท่ากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่เบื้องบน หลับตาอย่างสงบใจ ตรงหน้าคือสุราอาหารโต๊ะเล็ก ทั้งสองฝั่งยังมีคนยืนอยู่หลายคนด้วย
ทุกคนไม่รู้ว่าเขาทำแบบนี้หมายความว่าอะไร แต่ยังเข้าไปยืนคำนับพร้อมกัน
เซี่ยโห้วท่าไม่ลืมตา เพียงกล่าวเสียงเรียบว่า “ปิดประตูไว้ ทุกคนหาที่นั่งเถอะ”
ทุกคนทำตามที่บอก ทยอยกันเข้ามานั่งลง เซี่ยโห้วยงปิดประตูใหญ่ แล้วหันตัวเดินกลับมานั่งลงตรงตำแหน่งถัดจากเซี่ยโห้วท่า
“เจ้าใหญ่ เจ้าช่วยดื่มกับทุกคนแทนข้าหน่อยเถอะ” เซี่ยโห้วท่ากล่าวเสียงเรียบ
เซี่ยโห้วยงไม่เข้าใจว่าบิดาทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไร แต่บิดามีความคิดล้ำลึกยากคาดเดามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ทำแบบนี้แสดงว่ามีเหตุผลแน่นอน จึงรินสุราและยกจอกสุราชูให้ทุกคน “ไม่ง่ายเลยกว่าครอบครัวพวกเราจะได้กินข้าวด้วยกันสักมื้อ วันนี้มากันครบแล้ว ทุกคนดื่มจอกนี้ร่วมกัน!”
ทุกคนชูจอกสุราดื่มหมด จากนั้นทุกคนก็รอเซี่ยโห้วท่าให้โอวาท รออยู่ครู่หนึ่งไม่เห็นเซี่ยโห้วท่ามีปฏิกิริยาอะไร เซี่ยโห้วยงจึงกุมหมัดคารวะถาม “ท่านพ่อ ให้พวกเรามารวมตัวกันวันนี้ มีเรื่องอะไรจะประกาศหรือเปล่า?”
เซี่ยโห้วท่ายังไม่ลืมตา กล่าวยังใจเย็นว่า “พวกเจ้ากินไปเถอะ”
“…” เซี่ยโห้วยงงงทันที แต่สุดท้ายก็หยิบตะเกียบขึ้นมาอย่างว่าง่าย แล้วโบกตะเกียบบอกใบ้ทุกคนว่าให้กินเหมือนกัน จากนั้นตัวเองก็เริ่มกินก่อน แล้วทุกคนก็ทยอยกันคีบอาหารเข้าปาก กินอย่างสงบมาก ต่างก็กำลังมองสำรวจเซี่ยโห้วท่าอย่าเงียบๆ ไม่รู้ว่าท่านพ่อกำลังคิดอะไร…
สรุปก็คือคนที่อยู่นอกอารามเต๋าก็ไม่ได้เห็นคนที่เข้าไปออกมาอีก แต่ก็มีคนได้รับข้อความไม่หยุด กำลังพลรวมตัวกันทยอยออกไปกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า
ชิงเยว่ที่อยู่ในกระเป๋าสัตว์เก็บระฆังดาราอย่างช้าๆ นางขมวดคิ้วมุ่น
ถูกเก็บอยู่ในกระเป๋าสัตว์มานานเกินไป ชิงเยว่รู้สึกได้รางๆ ว่ามีบางอย่างไม่ปกติ แล้วหยางชิ่งก็ให้นางนำธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ทั้งหมดของกำลังพลห้าล้านออกมาอีก
เรื่องนี้มีความเกี่ยวโยงสำคัญ นางจำเป็นต้องรายงานเหมียวอี้ ทว่าเหมียวอี้ตอบเพียงสองคำ : ทำตาม!
……………