พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2099 ท่านอ๋องโปรดช่วยให้สมปรารถนา
เหยียนซิวกับเฮยทั่นสังเกตเซี่ยโห้วท่า ขณะเดียวกันก็สนใจปฏิกิริยาของหยางชิ่งด้วย
ในใจหยางชิ่งรู้สึกเจ็บแปลบอย่างบอกไม่ถูก ที่มากกว่านั้นก็คือตกตะลึง แต่บนใบหน้ายังเจือรอยยิ้มอ่อนๆ “ท่านปู่สวรรค์ยังคิดจะพูดอะไรอีก?”
เซี่ยโห้วท่าหดหน้าที่ยืนเข้าไปใกล้กลับมาแล้ว “เจ้ารู้ว่าตาแก่คนนี้ต้องการอะไร เจ้ารู้ด้วยว่าตาแก่คนนี้ให้อะไรกับเจ้าได้บ้าง…”
ตุ้บ! เฮยทั่นพลันลงมือ กำหมัดชกบนใบหน้าเซี่ยโห้วท่า ฟันกระเด็นเลือดสาด เซี่ยโห้วท่าล้มลงและสลบไปแล้ว
“ปู่เจ้าสิ น่ารำคาญจะตายอยู่แล้ว” เฮยทั่นบ่นด่า แล้วก็เตะเซี่ยโห้วท่าอีกที ก่อนจะพูดกับหยางชิ่งด้วยรอยยิ้มว่า “อย่าไปฟังเขาพูดเหลวไหล ตาเฒ่านี่ฝีปากร้ายกาจ เขากำลังใช้แผนเสี้ยมอะไรนะ…ใช่แล้ว เสี้ยมให้แตกคอกัน ทุกคนอย่าตกหลุมพราง”
หยางชิ่งยิ้มบางๆ “จิ้งจอกเฒ่านี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ข้าเทียบไม่ติด!”
เหยียนซิวก้าวขึ้นมาข้างหน้า แล้วเก็บเซี่ยโห้วท่าเอาไว้อย่าเงียบๆ
ผ่านไปไม่นาน ประมุขขุนพลหกลัทธิก็มาด้วยกันแล้ว พอเข้ามาก็สังเกตการณ์รอบๆ อยู่พักนึง แล้วตานฉิงก็เดาะลิ้นบอกว่า “ที่แท้ที่นี่ก็คือที่ซ่อนตัวของเซี่ยโห้วท่า”
“ข้างนอกจัดการเป็นยังไงบ้าง?” หยางชิ่งถาม
อ๋าวเถี่ยตอบว่า “เก็บกวาดสะอาดแล้ว” พร้อมยื่นกำไลเก็บสมบัติหลายวงให้
หยางชิ่งผลักมือห้าม “ท่านอ๋องบอกไว้แล้ว ว่าของที่ได้จากการรบให้หกลัทธิไปแบ่งกัน ไม่ต้องผ่านมือท่านอ๋องแล้ว” ทรัพย์สมบัติที่เขาได้จากตัวเซี่ยโห้วท่า เขาย่อมเตรียมจะนำไปรายงานต่อเหมียวอี้อยู่แล้ว
หกคนกุมหมัดคารวะพร้อมกัน “เคารพมิสู้ทำตามคำสั่ง!” จากนั้นก็สบตากันแล้วหัวเราะเสียงดัง
สำหรับพวกเขาแล้ว ครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่หวาดเสียวแต่ไม่อันตราย ได้ขุดรากฐานของตระกูลเซี่ยโห้วแล้ว แม้แต่เซี่ยโห้วท่าที่ยึดครองใต้หล้ามาหลายปีก็ยังตกอยู่ในมือพวกเขาแล้ว ทั้งยังได้ทรัพย์สินก้อนใหญ่ด้วย สุขสำราญบานใจจริงๆ! กวาดล้างความหดหู่ใจที่อยู่แดนอเวจีมาหลายปี!
“ไปเถอะ กลับไปรายงานผลภารกิจ!” หยางชิ่งกล่าวพร้อมรอยยิ้ม เดินก้าวยาวออกไปจากกุฏิใหญ่ แล้วกลุ่มคนที่เหลือก็เดินตามออกไป…
เมืองหลวงเจริญรุ่งเรือง ความสงบเงียบอยู่ท่ามกลางความวุ่นวาย ในเขตลานบ้านที่เงียบและลึกแห่งหนึ่ง เก้าอี้โยกใต้ต้นไม้ใหญ่ว่างเปล่า
ตรงจุดที่อยู่ไม่ไกล เฉาหม่านกำลังเดินไปเดินมาไม่หยุด จิตใจก็ไม่สงบเช่นกัน เว่ยซูไม่กลับมาเสียที ทั้งยังติดต่อไม่ได้ ทำให้เขากังวลสุดๆ ด้วยเหตุนี้เขาจึงรีบย้ายที่พัก เขากังวลว่าหนิวโหย่วเต๋อเล่นตุกติกอะไรแล้วหรือเปล่า แต่ก็ไม่สะดวกจะถาม เพราะหากไม่ได้เป็นเพราะหนิวโหย่วเต๋อ แล้วบุ่มบ่ามไปถาม ก็จะทำให้หนิวโหย่วเต๋อรู้ว่าเว่ยซูหายตัวไปแล้ว ถ้าข่าวเรื่องเว่ยซูหายตัวหลุดออกไป ก็จะดึงดูดความสนใจของผู้คนในใต้หล้าแน่นอน เพราะบนตัวเว่ยซูมีความลับของตระกูลเซี่ยโห้วอยู่ตั้งมากมายเท่าไหร่ก็ไม่รู้…
จวนอ๋องสวรรค์หนิว เมื่อรู้ข่าวว่าพวกหยางชิ่งได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ เหมียวอี้ก็ยืนต้อนรับอยู่ตรงประตูเรือนชั้นในด้วยตัวเอง หยางเจาชิงออกไปรับเอง
เมื่อเห็นพวกหยางชิ่งมาถึงแล้ว บนใบหน้าเหมียวอี้ก็เผยรอยยิ้ม
พอเห็นเหมียวอี้มาต้อนรับด้วยตัวเอง พวกหยางชิ่งก็รีบเร่งฝีเท้าเช่นกัน พอเข้ามาใกล้ก็ทำความเคารพพร้อมกัน “ท่านอ๋อง!”
เหมียวอี้ก้าวขึ้นมาใช้สองมือประคองแขนหยางชิ่ง “ไม่ต้องมากพิธี! ลำบากแล้ว! ตรงนี้ไม่ใช่ที่คุยกัน เชิญข้างใน!” เขาคว้าข้อมือหยางชิ่ง จงเดินไปด้วยตัวเอง
หยางชิ่งแสดงความหวาดเกรงซ้ำๆ แต่เหมียวอี้ที่กำลังตื่นเต้นดีใจกลับไม่ยอมปล่อย ดูแลอย่างดีสุดๆ
ส่วนเหยียนซิวกับเฮยทั่น เหมียวอี้ก็ไม่ได้สนใจพวกเขาสองคน ถ้าพูดจากบางมุมก็คือ ความสนิทคุ้นเคยต่างกัน
พอเข้ามาในโถงหลัก เหมียวอี้ก็ปล่อยหยางชิ่ง แล้วจู่ๆ ก็จัดแต่งเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วโค้งกายกุมหมัดคารวะหยางชิ่งค้างไว้นานมาก “ครั้งนี้ท่านบุรุษสร้างผลงานใหญ่แล้ว ไม่รู้จะขอบคุณอย่างไร โปรดรับการคารวะจากค่าสักครั้ง!”
หยางชิ่งรีบหลบแล้วเข้ามาประคอง กล่าวอย่างเกรงกลัวว่า “ท่านอ๋องเกรงใจข้าน้อยเกินไปแล้วแล้ว ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่ข้าน้อยสมควรทำ”
มีเรื่องมากมายที่กำลังเปลี่ยนแปลงโดยไม่รู้ตัว ในปีแรกๆ ต่อให้ติดตามเหมียวอี้แต่ก็ไม่เป็นอย่างนี้ ตอนนี้ยามหยางชิ่งเผชิญหน้ากับเหมียวอี้กลับต้องระวังมากกว่าเดิม ส่วนบนตัวเหมียวอี้ก็ปรากฏให้เห็นลักษณะของราชันโดยไม่รู้ตัว พลังอำนาจที่ดูน่าเกรงขามแม้จะไม่ได้กำลังรู้สึกโกรธเริ่มปรากฏให้เห็นทีละน้อยแล้ว
เหมียวอี้คว้าแขนเขาพลางหัวเราะลั่น “พูดแบบนี้ไม่ถูกนะ นี่คือผลงานที่ใหญ่ที่สุด ไม่มีอะไรเทียบได้! เซี่ยโห้วท่ามีบารมีข่มใต้หล้ามาทั้งชีวิต ไม่ว่าใครก็ต้องหวาดกลัวสามส่วน ตอนนี้กลับมีจุดจบอยู่ในมือท่านบุรุษแล้ว ชาตินี้ท่านบุรุษไม่มีอะไรให้นึกเสียใจทีหลังแล้ว! ข้ารับรองกับท่านบุรุษได้เลย หากมีโอกาสเหมาะสมเมื่อไหร่ ข้าจะประกาศผลงานของท่านบุรุษต่อใต้หล้า จะกลายเป็นเรื่องราวที่ทำให้คนอื่นสรรเสริญแน่นอน!”
หยางชิ่งรีบปฏิเสธผลงาน “ท่านอ๋องกล่าวเกินไปแล้ว ครั้งนี้เป็นท่านอ๋องที่วางแผนก่อนลงมือปฏิบัติ ข้าน้อยก็แค่ปฏิบัติตามคำสั่ง ถ้าไม่ใช่เพราะท่านอ๋องฝืนผลักดันเรื่องนี้ ข้าน้อยก็แทบจะโง่เขลาจนทำเสียงานแล้ว ถ้าจะบอกว่ามีผลงาน ข้าน้อยก็บอกได้เพียงว่าได้อาศัยบารมีท่านอ๋อง ไม่กล้าครองผลงานใหญ่นี้จริงๆ!”
เหมียวอี้หัวเราะลั่น “ผิดแล้ว! ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่ท่านบุรุษออกโรงด้วยตัวเอง ผลที่ตามมาก็เลวร้ายจนไม่อยากจินตนาการถึง ผลงานของท่านบุรุษก็คือผลงานของท่านบุรุษ ไม่จำเป็นต้องบ่ายเบี่ยง! ตอนนี้ข้าไม่รู้ว่าควรจะตบรางวัลอะไรท่านบุรุษดี ไม่สู้ให้ท่านบุรุษพูดเองดีกว่า อยากได้อะไรก็เอ่ยปากได้เลย ต่อให้เป็นสนมของประมุขชิง ข้าก็จะหามาให้เจ้า!”
เขาดีใจเกินไปแล้วจริงๆ ไม่ให้ดีใจคงไม่ได้หรอก การทำเรื่องในครั้งนี้สำเร็จหมายความว่าอะไรล่ะ? หมายความว่าตระกูลเซี่ยโห้วที่เคยครองใต้หล้าไม่มีอนาคตอีกแล้ว ตระกูลเซี่ยโห้วอยู่ในกำมือเขาแล้ว ว่ากันว่าหากครองตระกูลเซี่ยโห้วได้ ก็ครองใต้หล้าได้ ครั้งนี้หยางชิ่งสร้างผลงานใหญ่มากจริงๆ ถ้าไม่ตบรางวัลก็จะฟังดูเหลวไหล ขอเพียงแค่เป็นสิ่งที่หยางชิ่งต้องการ ครั้งนี้เขาจะทำให้พอใจแน่นอน เขาเชื่อเช่นกันว่าหยางชิ่งคงไม่เสนอขออะไรที่ไร้เหตุผล
ถ้าให้ประมุขชิงได้ยินคำพูดนี้ จะต้องโมโหจนกระอักเลือดแน่นอน
แบบนี้แสดงว่าอยากได้อะไรก็ให้หมด! เฮยทั่นที่อยู่ข้างๆ ได้ยินแล้วอิจฉาไม่หยุด ถ้าเปลี่ยนเป็นเขา เขาจะขอให้ท่านอ๋องมอบเทพสตรีผู้พิทักษ์สองคนนั้นเป็นรางวัลให้เขา
เหยียนซิวยังคงมีใบหน้านิ่งเฉยเหมือนคนตาย
ส่วนหยางเจาชิงก็ยิ้มตาหยี เขาย่อมรู้ว่าถ้าทำเรื่องในครั้งนี้สำเร็จหมายความว่าอะไร รู้สึกดีใจสุดๆ เช่นกัน ในใจแอบทึ่ง โชคดีที่ตอนแรกท่านอ๋องยืนกรานความคิดเห็นของตัวเอง ไม่อย่างนั้นจะได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์นี้ได้อย่างไร
ทว่าพอหยางชิ่งได้ฟังถึงประโยคสุดท้าย จากที่ตอนแรกคิดจะปฏิเสธ เขาก็ชะงักไปทันที หลังจากลังเลอยู่ครู่เดียว ก็กุมหมัดคารวะ “ข้าน้อยมีคำขอที่เหลวไหล หวังว่าท่านอ๋องจะช่วยให้สมปรารถนา!”
เหมียวอี้โบกมืออย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย “บอกมาได้เลย!”
ในดวงตาหยางชิ่งฉายแววเก้อเขิน ก่อนจะบอกว่า “สนมของประมุขชิงข้าน้อยไม่ต้องการ ข้าน้อยถูกใจซูอวิ้น เกิดความรักและชื่นชม ท่านอ๋องได้โปรดช่วยให้สมปรารถนา!”
ถ้าสร้างผลงานใหญ่แล้วไม่อยากได้อะไรเลย เขาก็กังวลว่าจะทำให้เหมียวอี้คิดมาก จึงถือโอกาสเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาเสียเลย
“เอ่อ…” เหมียวอี้หัวเราะไม่ออกทันที มองหยางชิ่งอย่างเหม่องง ตกใจแล้ว ตกตะลึงแล้ว งงเป็นไก่ตาแตกแล้ว
เฮยทั่นยังดีหน่อย ยังทำสีหน้าอิจฉาอยู่ หยางเจาชิงกับเหยียนซิวกลับตะลึงค้าง ใบหน้านิ่งเฉยเหมือนคนตายของเหยียนซิวเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
เหมียวอี้กล้ามเนื้อใบหน้ากระตุก “เจ้ากำลังพูดถึงซูอวิ้นเหรอ? เจ้าชอบซูอวิ้นเหรอ?”
หยางชิ่งกุมหมัดคารวะ “ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นนาง ข้าน้อยก็ตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบแล้ว ถ้าได้อยู่ร่วมกับนาง ทั้งชีวิตนี้หยางชิ่งก็จะไม่เสียใจทีหลังเลยจริงๆ!”
เหมียวอี้เลิกคิ้ว “มิน่าล่ะ สงสัยตอนแรกที่เจ้าช่วยออกหน้าพูดให้นาง เพราะซ่อนความรู้สึกส่วนตัวนี้ไว้”
หยางชิ่งรีบบอกว่า “ท่านอ๋องโปรดระงับโทสะ! ตอนแรกซ่อนความรู้สึกส่วนตัวไว้จริงๆ แต่ก็คำนึงถึงท่านอ๋องจริงเช่นกัน!”
“พอแล้ว ความรักความปรารถนาคืออารมณ์ปกติของมนุษย์เรา เจ้าไม่ได้ทำผิด!” เหมียวอี้โบกมืออย่างใจกว้าง อาศัยผลงานที่หยางชิ่งตั้งไว้ครั้งนี้ เรื่องเล็กน้อยแค่นั้นไม่เป็นปัญหาเลย เพียงแต่หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “ข้ายอมให้เจ้าอยากได้สนมของประมุขชิงยังดีกว่า ซูอวิ้นคนนี้…หยางชิ่งเอ๊ยหยางชิ่ง เจ้าให้โจทย์ยากกับข้าแล้วจริงๆ!”
ถ้าเป็นผู้หญิงของอำนาจฝ่ายอื่น เขาจะช่วยชิงตัวมาให้แล้ว ทำเหมือนที่เขาช่วยสวีถังหรานกับเสวี่ยหลิงหลงตอนแรกก็ได้ แต่ประเด็นก็คือตอนนี้ซูอวิ้นเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา จะให้เขาบีบบังคับได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้ด้วยที่จะทำเรื่องนี้!
หยางชิ่งแข็งใจโคง้ตัวอยู่นานมาก “ท่านอ๋องได้โปรดช่วยให้สมปรารถนา!”
เหมียวอี้อยากจะตบปากตัวเองจริงๆ พบว่าเมื่ออยู่ในตำแหน่งอย่างทุกวันนี้แล้ว ก็ไม่อาจให้สัญญากับใครซี้ซั้ว ใช้สองมือประคองเขาขึ้นมา แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น “หยางชิ่งเอ๊ย ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากช่วยให้เจ้าสมปรารถนานะ แต่เจ้าก็รู้สถานการณ์ของซูอวิ้นดี ต่อให้ข้ามีคำสั่งลงไป นางก็ไม่ตอบตกลงอยู่ดี จะให้ข้าฝืนจับตัวนางมาไม่ได้หรอก จะบังคับให้นางเข้าห้องหอกับเจ้าไม่ได้หรอกมั้ง? ต่อให้เจ้าต้มข้าวสุกให้กลายเป็นข้าวสารก็ไม่มีประโยชน์ นางมีความรักต่อฮ่าวเต๋อฟางลึกซึ้งเกินไป ถ้าเจ้าทำซี้ซั้วก็เกรงว่าจะบีบให้นางตาย นี่คงเป็นเรื่องที่เจ้าไม่อยากเห็นเหมือนกันใช่ไหมล่ะ?”
หยางชิ่งตอบว่า “ข้าน้อยรู้ว่านางมีความรักลึกซึ้งต่อฮ่าวเต๋อฟาง แต่ข้าน้อยก็เชื่อว่าเรื่องในอดีตไม่มีทางคงอยู่ตลอดไป เวลาสามารถทำให้ทุกอย่างเจือจางลงได้ ข้าน้อยไม่ขอให้ท่านอ๋องบังคับประทานงานแต่งงานเช่นกัน แค่อยากให้ท่านอ๋องรู้ถึงความรู้สึกที่ข้ามีต่อนาง แอบช่วยเป็นพ่อสื่อให้ก็พอ ส่วนจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จนั้น ข้าน้อยจะพยายามให้เต็มที่ จะไม่ฝืนใจนาง จะสำเร็จหรือไม่ก็เป็นเรื่องของข้าน้อยเองขอรับ”
เหมียวอี้เข้าใจแล้ว เขาต้องการไม่ให้ฝั่งนี้ขัดขวางยามเขาตามจีบซูอวิ้น ให้ช่วยสร้างโอกาสให้เขาสักหน่อย แบบนี้ทำไมจะไม่ได้ล่ะ เขาหัวเราะลั่นทันที “ได้! เจ้าไปจัดการเองเถอะ ถ้ารู้สึกว่ามีโอกาสอะไรเหมาะสมก็บอกมาได้เลย ข้าจะช่วยเป็นคนกลางให้เต็มที่แน่นอน!”
“ขอบคุณท่านอ๋องที่ช่วยให้สมปรารถนา!” หยางชิ่งกุมหมัดคารวะอย่างปลาบปลื้มดีใจ
วางเรื่องนี้ไว้ชั่วคราวก่อน หลังจากรายงานเรื่องที่ทำครั้งนี้ด้วยละเอียดแล้ว ก็นับว่าได้รายงานผลภารกิจแล้ว หยางชิ่งจึงถอยออกไป
เหยียนซิวปล่อยชิงเยว่ออกมาอีก
เมื่อเห็นว่าตัวเองกลับมาอยู่ที่จวนท่านอ๋องอีกครั้ง เหมือนจะยังไม่ได้ทำอะไรเลย ชิงเยว่ก็รู้สึกเลอะเลือนนิดหน่อย “ท่านอ๋อง นี่คือ?”
เหมียวอี้บอกคำเดียวว่า “เรื่องก่อนหน้านี้ให้ทำเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เข้าใจไหม?”
ชิงเยว่อึ้งเล็กน้อย จากนั้นก็กุมหมัดเอ่ยรับทันที “ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”
เหมียวอี้โบกมือให้นางถอยออกไป
เมื่อเห็นว่าไม่มีคนนอก เหมียวอี้ก็อดไม่ได้ที่จะอยากเจอหน้าเซี่ยโห้วท่า เหยียนซิวเล่าเรื่องที่หยางชิ่งคุยกับเซี่ยโห้วท่าให้ฟังทันที เหมียวอี้ฟังจบแล้วครุ่นคิดคิดเงียบๆ นานมาก
เซี่ยโห้วท่าถูกปล่อยออกมาแล้ว โดนเฮยทั่นชกจนสภาพสะบักสะบอม เขามองไปรอบๆ ก่อนจะหยุดอยู่ที่เหมียวอี้
เหมียวอี้เดินเข้ามาตรงหน้าเขาด้วยรอยยิ้มที่เป็นกันเอง แล้วกุมหมัดคารวะอย่างสุภาพ “คารวะท่านปู่สวรรค์”
เซี่ยโห้วท่าที่ฟันหักไปครึ่งปากกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “พวกเราไม่ได้พบกันมาหลายปีแล้ว”
เหมียวอี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านปู่สวรรค์ไม่ยอมพบคนในใต้หล้า อ๋องผู้นี้ก็จนใจมากเช่นกัน แต่ว่าคิดถึงท่านปู่สวรรค์มากเกินไป ทำได้เพียงเชิญให้ท่านปู่สวรรค์มาพบกันอย่างไม่มีทางเลือก”
เซี่ยโห้วท่าพยักหน้ายิ้มเบาๆ รู้ว่าพูดเหลวไหลทั้งนั้น อารมณ์ของผู้ชนะเขาเข้าใจดี ในเมื่อจับตัวเขามาแล้ว ถ้าไม่เจอหน้าสักหน่อย ก็เหมือนส่วนชุดหรูหราเดินอวดตอนกลางคืน อวดไปก็ไม่มีใครเห็น จะทำให้ในใจจะเก็บกดจนเป็นทุกข์ เขาถามด้วยรอยยิ้ม “ไม่ทราบว่าอ๋องสวรรค์หนิวเตรียมจะจัดการข้าอย่างไร?”
“ก็ย่อมส่งให้พระปีศาจหนานโปอยู่แล้ว ไกล่เกลี่ยเพื่อยุติความขัดแย้ง!” เหมียวอี้กล่าวพร้อมรอยยิ้ม
เซี่ยโห้วท่าแสยะยิ้ม “ถ้าเจ้ากล้าก็ต้องพูดจริงทำจริง ถ้าไม่ส่งตัวข้าให้พระปีศาจ ก็จะถือว่าเจ้าเป็นไอ้พันธุ์ถ่อย!”
ในใจเขารู้อย่างชัดเจน ว่าเหมียวอี้จะขู่ให้เขากลัวเฉยๆ เป็นไปไม่ได้ที่เหมียวอี้จะส่งเขาไปให้ใคร ถ้าเขาเผยความลับของตระกูลเซี่ยโห้วขึ้นมา ความพยายามของเหมียวอี้ก็จะสูญเปล่าหมดแล้ว เป็นเพราะในใจมีความโกรธ เจอกับคนที่ไม่เล่นตามหลักการปกติแบบนี้ รู้สึกว่าแพ้อย่างไร้ความยุติธรรมไปหน่อย
เหมียวอี้กลับไม่โกรธเลยสักนิด ใบหน้ายังคงรอยยิ้มเอาไว้ “ข้าไม่กล้าส่งเจ้าให้พระปีศาจหรอก แต่ด้วยความสามารถของพระปีศาจ ท่านปู่สวรรค์เองก็รู้ ต่อให้ข้าส่งท่านปู่สวรรค์ไปสบาย แต่ก็เกรงว่าท่านปู่สวรรค์จะตายอย่างไม่สงบใจ!”
เซี่ยโห้วท่าเอามือไขว้หลังพร้อมกล่าวเสียงเรียบ “ตาแก่คนนี้ต้องกังวลด้วยเหรอ? ท่านอ๋องย่อมยอมจ่ายทุกอย่างเพื่อช่วยข้ากำจัดพระปีศาจอยู่แล้ว!”
เพียงไม่ชนะ เหมียวอี้ก็ขี้คร้านจะเปลืองคำพูดเช่นกัน “ไม่สู้ฉวยโอกาสตอนท่านปู่สวรรค์ยังมีอารมณ์สุนทรีย์ดีกว่า ข้าเดิมพันกับท่านปู่สวรรค์สักตั้งเป็นไง?”
“อ้อ!” เซี่ยโห้วท่าถามอย่างสนใจ “เดิมพันอะไร?”
เหมียวอี้หุบยิ้มทันที กล่าวเน้นทีละคำอย่างเยียบเย็นว่า “ก็เดิมพันว่าอ๋องผู้นี้จะตัดรากถอนโคนตระกูลเซี่ยโห้ว ฆ่าหมดจนไม่เหลือแม้แต่ไก่หรือสุนัขหรือเปล่า!”
…………………