พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2103 ความกลัดกลุ้มใจของชิงหยวนจุน
เมื่อมีข่าวออกมา เขาก็พอจะเดาออกแล้ว สงสัยว่าเป็นฝีมือของฝั่งหนิวโหย่วเต๋อ ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้เขาก็เพิ่งขู่หนิวโหย่วเต๋อไป ตอนนี้ก็ยิ่งพิสูจน์แล้วว่าเป็นฝีมือของหนิวโหย่วเต๋อ เขาเพิ่งข่มขู่อีกฝ่ายไป อีกฝ่ายก็สั่งสอนเขากลับทันที เหมือนกำลังเตือนเขาว่า สามารถเปิดโปงได้ทุกเมื่อว่าเขาวางแผนสังหารเซี่ยโห้วลิ่ง
เรื่องพวกนี้ล้วนไม่สำคัญ เว่ยซูยืนอยู่ฝั่งเขาแล้ว อธิบายต่อพี่น้องของเขาแล้วว่าเซี่ยโห้วลิ่งถูกพระปีศาจทำร้าย ถ้ามองจากบางระดับคำพูดของเว่ยซูก็ยังมีพลังอยู่บ้าง อย่างไรเสียข้างหลังก็ยังมีสมาคมอาวุโสหนุน ประเด็นสำคัญก็คือทายาทและลูกน้องเก่าของเซี่ยโห้วลิ่ง เกรงว่าจะไม่ยอมทิ้งอำนาจในมือ เขาได้รับข่าวแล้ว ว่าลูกชายของเซี่ยโห้วลิ่งกำลังติดต่อกับลูกน้องเก่าของเซี่ยโห้วลิ่ง ไม่รู้ว่ากำลังวางแผนลับอะไรกัน
ถ้าอิงตามแผนของเขา จะต้องจัดการอย่างลับๆ แน่นอน เพราะเขาได้ดูแลตระกูลแล้ว ย่อมไม่ยอมให้คนเบื้องล่างทำอะไรซี้ซั้ว ศึกภายในต้องสงบก่อน ถึงจะสู้ศึกภายนอกได้! แต่ประเด็นก็คือเซี่ยโห้วท่ายังมีชีวิตอยู่ ถ้าเขาถือวิสาสะทำให้คนอื่นของตระกูลเซี่ยโห้วเข่นฆ่ากันเอง ก็ไม่รู้ว่าเซี่ยโห้วท่าจะคิดอย่างไร
หลังจากลังเลซ้ำไปซ้ำมา เขาก็ยังหยิบระฆังดาราขึ้นมาติดต่อเซี่ยโห้วท่า ผลักปัญหานี้ไปให้เซี่ยโห้วท่าโดยตรง หยั่งท่าทีของเซี่ยโห้วท่า
ส่วนคำตอบที่เซี่ยโห้วท่าให้กลับมาก็เรียบง่ายมาก นั่นก็คือไม่อนุญาตให้ในตระกูลเซี่ยโห้วมีคนสร้างความแตกแยก หัวหน้าตระกูลอย่างเจ้าไม่มีแม้แต่ความเด็ดเดี่ยวที่จะตัดสินใจหรือไง? ยังต้องถามข้าอีกหรือ?
เมื่อได้ยินแบบนี้ เฉาหม่านก็ฮึกเหิมทันที เท่ากับได้รับการสนับสนุนจากเซี่ยโห้วท่าแล้ว รู้แล้วว่าควรต้องทำอย่างไร
เพียงแต่หลังจากเว่ยซูไม่อยู่แล้ว ก็มีหลายเรื่องที่เฉาหม่านทำไม่สะดวก เรื่องบางเรื่องถ้ากำชับเว่ยซู เว่ยซูก็ย่อมรู้ว่าต้องไปหาใคร เรื่องที่ชีเจวี๋ยชำนาญในตระกูลเซี่ยโห้วก็มีแต่ตลาดมืด บางเครือข่ายชีเจวี๋ยไม่ได้เป็นคนสร้างขึ้นมา มีบางเรื่องที่ยังต้องให้เขาติดต่อไปเกลี้ยกล่อมกับพี่น้องพวกนั้นด้วยตัวเอง ถ้าให้ชีเจวี๋ยติดต่อไป ก็เห็นได้ชัดว่าความน่าเชื่อถือของชีเจวี๋ยยังเทียบกับเว่ยซูไม่ติด
ส่วนฝั่งเหมียวอี้ บัญชีแค้นนี้เขาทำได้เพียงติดไว้ก่อน เซี่ยโห้วท่าสั่งแล้วว่าไม่ให้เขาแตะต้อง เขาย่อมไม่กล้าแตะต้อง
ตามที่เขาคาดเดา เซี่ยโห้วท่าก็คงจะมีชีวิตอยู่ไม่นานเช่นกัน เรื่องบางเรื่องก็แค่อดทนไว้ก่อน รอให้เซี่ยโห้วท่าตายแล้วจริงๆ ก็ค่อยไปสะสางบัญชีนี้กับหนิวโหย่วเต๋อ สิ่งที่ทำให้เขาเสียดายก็คือ ไม่ได้ฉวยโอกาสลงมือตอนที่หนิวโหย่วเต๋อยังยืนไม่มั่นคง ถ่วงเวลามาถึงตอนหลังแล้ว การจัดการหนิวโหย่วเต๋อก็ต้องจ่ายมากกว่าเดิมแน่นอน
ตำหนักนารีสวรรค์ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่อยู่ในห้องที่ปิดสนิท ในมือกำระฆังดาราแน่น นั่งกัดฟันเงียบๆ อยู่ตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ในดวงตาเต็มไปด้วยความคับแค้น
คนที่ติดต่อกับนางก็คือชิงหยวนจุนลูกชายของนาง ชิงหยวนจุนกำลังถามเรื่องที่เซี่ยโห้วลิ่งป่วยตาย ถามมารดาว่าเรื่องเป็นอย่างไรกันแน่
กว่าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่จะรู้ ข่าวนี้ก็แพร่ไปทั้งใต้หล้าแล้ว แพร่ไปนานแล้ว ไม่น่าเชื่อว่านางจะไม่ได้ยินข่าวเลยสักนิด ที่นางคิดได้ก็คือคนข้างกายล้วนปิดบังนาง พวกเอ๋อเหมยถูกเฉาหม่านควบคุมได้แล้ว
ชิงหยวนจุนถามต่อว่า : เสด็จแม่ อย่าบอกนะว่าท่านไม่รู้เรื่องนี้?
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่กลับฝืนรักษาหน้าเอาไว้ : ตอนที่เซี่ยโห้วลิ่งอ้างเหตุไม่เข้าประชุมขุนนาง แม่ก็รู้แล้วว่าเฉาหม่านมาแทนที่เขาแล้ว พวกเราไปแทรกแซงเรื่องภายในตระกูลเซี่ยโห้วไม่ได้ เจ้าไม่ต้องสนใจมากขนาดนั้น ว่าแต่ฝั่งเจ้าเถอะ สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?
ชิงหยวนจุนเหมือนจนใจเล็กน้อย : เสด็จแม่ ลูกอยู่ฝั่งนี้เกรงว่าจะทำอะไรได้ยาก!
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่หน้าบึ้งทันที ถามว่า : มีเรื่องอะไร? หนิวโหย่วเต๋อกลั่นแกล้งเจ้าเหรอ หรือว่าตระกูลเซี่ยโห้วมาหาเรื่องเจ้า?
นางคิดมากไปหน่อย เหมียวอี้กับเฉาหม่านตอนนี้ไม่มีอารมณ์มาคิดเรื่องนาง ทั้งสองล้วนมีเรื่องเร่งด่วนกว่าให้ต้องแก้ไข ถ้าจะสู้กับชิงหยวนจุนก็เป็นเรื่องในภายหลัง ขอเพียงชิงหยวนจุนไม่กระโดดซี้ซั้วเอง ก็ย่อมไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว
ชิงหยวนจุน : สองฝั่งนั้นไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร ตอนนี้ยังอยู่กับลูกอย่างสงบ แต่เสด็จแม่ก็รู้ ว่าช่องทางรายได้ในมือลูกมีจำกัด อยากจะทำอะไรก็ยากมาก ลูกอยากจะให้รางวัลคนที่ทำงาน แต่ก็หาของอะไรมาให้ไม่ได้เลย แล้วยังจะให้คนทำงานให้ได้ยังไง?
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ : กำลังพลในมือเจ้าถูกเลี้ยงด้วยทรัพยากรของตำหนักสวรรค์ไม่ใช่เหรอ? อย่าบอกนะว่าคนฝั่งตำหนักสวรรค์เล่นตุกติก หักค่าจ้างที่จะเลี้ยงกำลังพลฝั่งเจ้า?
ชิงหยวนจุน : ไม่ใช่อย่างนั้น แต่งเงินที่ฝั่งตำหนักสวรรค์จ่ายมาเลี้ยงฝั่งนี้เป็นค่าจ้างตายตัวแบบปกติ แดนรัตติกาลไม่ใช่สถานที่ที่ดีอะไรนัก ถ้าไม่ให้ค่าตอบแทนดีๆ ก็จะไม่เหมาะสม
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ : ในมือเจ้ายังควบคุมรายได้ที่เก็บจากทางเข้าออกน้ำพุวังเวงไม่ใช่เหรอ? ในปีนั้นหนิวโหย่วเต๋อยังรับมือไหว ทำไมเจ้าทำไม่ได้แล้วล่ะ? จุนเอ๋อร์ เรื่องบางเรื่องก็ต้องหาเหตุผลจากตัวเองบ้างนะ ตอนนี้เจ้ายืนด้วยลำแข้งตัวเองแล้ว จะเอาแต่ยื่นมือขอคนอื่นทุกเรื่องไม่ได้! เจ้าลองศึกษาดูหน่อยก็ได้ว่าตอนแรกหนิวโหย่วเต๋อทำยังไง เรียนรู้ข้อดีจากตัวอีกฝ่ายเอาไว้สักหน่อยก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร
ชิงหยวนจุนบ่นทันที : เสด็จแม่ ท่านเข้าใจผิดแล้ว! น้ำพุวังเวงก็เป็นรายได้ก้อนหนึ่ง แต่ตอนที่หนิวโหย่วเต๋ออาศัยรายได้จากน้ำพุวังเวง ในมือเขามีแค่กำลังพลหนึ่งแสน จวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลตอนนั้นยังเป็นจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาล รายได้จากน้ำพุวังเวงเหลือเฟือสำหรับเลี้ยงกำลังพลหนึ่งแสน รางวัลที่ควรจะให้ก็มีให้ แต่ตอนนี้มีกำลังพลห้าสิบล้านนะ! ตอนที่หนิวโหย่วเต๋อกุมกำลังพลห้าสิบล้าน ในมือไม่ได้มีแค่ช่องทางรายได้จากน้ำพุวังเวง ทั้งยังมีช่องทางรายได้ที่โถงชุมนุมอัจฉริยะหามาจากทั่วสารทิศ ฟังตลาดมืดก็ยื่นมือเข้าไปอย่างกำเริบเสิบสาน ตระกูลเซี่ยโห้วปิดตาข้างเดียวทำเป็นไม่เห็น ทางฝั่งตลาดสวรรค์ก็ไม่ออมมือ เขามีอิทธิพลที่ตลาดสวรรค์มาก ที่ตลาดสวรรค์มีใครกล้าไม่ไว้หน้าเขาบ้าง? ทั้งยังร่วมมือกับฮ่าวเต๋อฟางวางจำหน่ายระฆังดาราแบบใหม่อีก นั่นคือรายได้มหาศาลมาก! เขายังแอบส่งเสริมให้ลูกน้องออกปล้นด้วย ใครกล้าขวางช่องทางการเงินของเขา เขาก็จะส่งทหารเป็นล้างเลือดโดยอ้างว่าปราบโจร แค่ศึกที่โจมตีอิ๋งจิ่วกวงที่สระน้ำมังกรดำจนแพ้แล้วบีบให้อิ๋งจิ่วกวงจ่าย จำนวนค่าชดเชยนั้นก็มากจนน่าตกใจแล้ว ได้ยินว่าเขายังปล้นร้านค้าที่สระน้ำมังกรดำมาแล้วไม่น้อย
ได้ยินว่าให้ท้ายทหารตัวเองปล้นทรัพย์เหมือนเป็นโจรแบบสง่าผ่าเผย ปล้นแบบไม่ปิดบังเลยสักนิด เสด็จแม่ลองนับช่องทางรายได้ของเขาดูสิ แล้วนับสิ่งที่อยู่ในมือลูกดู อาศัยแค่รายได้จากน้ำพุวังเวง ไปเทียบกับรายได้ทั้งหมดของหนิวโหย่วเต๋อไม่ติดเลย น้อยจนยัดซอกฟันอีกฝ่ายไม่ได้ด้วยซ้ำ ลูกก็อยากจะเรียนรู้จักเขานะ แต่ลูกคือโอรสของราชันสวรรค์ ลูกจะละโมบแบบเขาได้เหรอ? ลูกส่งกำลังทหารไปโจมตีตามอำเภอใจได้เหรอ? ลูกส่งเสริมให้ทหารทำตัวเป็นโจรได้เหรอ? ลูกจะส่งกำลังทหารไปล้อมตลาดสวรรค์ ถึงขั้นล้างเลือดตลาดสวรรค์เหมือนเขาได้เหรอ? ต่อไปลูกจะต้องถูกขุนนางในราชสำนักกล่าวโทษตายแน่นอน! ถ้าลูกยื่นมือเข้าไปทางตลาดมืด ตระกูลเซี่ยโห้วจะปิดตาข้างเดียวให้ลูกได้เหรอ? ถ้าลูกสร้างกลุ่มลับส่วนตัวเหมือนโถงชุมนุมอัจฉริยะ แบบนั้นจะเหมาะสมหรือเปล่า? ถ้าให้เสด็จพ่อรู้แล้วท่านจะคิดยังไง?
มีเรื่องมากมายที่ลูกอยากจะลองทำ แต่แม่ทัพของลูกคอยห้ามเต็มที่ โดยเฉพาะรองผู้สำเร็จราชการหวังติ้งเฉา เป็นคนดื้อรั้นโดยสมบูรณ์ เอะอะก็อ้างเสด็จพ่อมาขู่ลูก เสด็จแม่ ในสายตาเสด็จพ่อ ฝั่งนี้ไม่มีอะไรที่เป็นความลับเลย ข้างกายข้าไม่มีแม้แต่เสนาธิการสักคน อยากจะหาคนคอยปรึกษาวางแผนด้วยก็หาไม่เจอ!
ประโยคสุดท้ายแสดงความไม่พอใจเล็กน้อย แทบจะพูดออกมาอยู่แล้วว่าตัวเองเป็นเพียงหุ่นเชิดเท่านั้น
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่เข้าใจสถานการณ์ลำบากของลูกชายทันที เห็นได้ชัดเจนมาก ว่าเมื่อไม่มีกำลังทรัพย์สนับสนุน ต่อให้ลูกชายคิดจะแสดงความสามารถแต่ก็เป็นไปไม่ได้ ถ้าจะให้ส่งกำลังทหารออกรบจริงๆ เมื่อไม่มีกำลังทรัพย์สนับสนุนก็สู้ไม่ได้เลย อย่าบอกนะว่าพลังงานที่ใช้เติมธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ก็ต้องให้ลูกน้องควักกระเป๋าเอง? ค่าใช้จ่ายในการรักษาการบาดเจ็บจากสงครามรวมทั้งเงินบำรุงขวัญของคนที่รบตาย ก็ล้วนต้องมีกำลังทรัพย์สนับสนุนทั้งนั้น
เมื่อก่อนนางคิดถึงเรื่องในด้านนี้น้อยมาก ตอนที่ควบคุมหนิวโหย่วเต๋อ หนิวโหย่วเต๋อก็จัดการเรื่องทุกอย่างได้อย่างเรียบร้อยดี ไม่ต้องให้นางกังวลใจเลย ตอนนี้พอลูกชายเอ่ยถึงขึ้นมา นางถึงได้พบว่าการเลี้ยงคนมากมายขนาดนั้นมีจุดให้ใช้เงินเยอะเกินไป จากที่ลูกชายพูดก็ฟังออก ว่าในมือมีกำลังทรัพย์ไม่พอ แม้แต่การซื้อหัวใจคนขั้นพื้นฐานก็ทำไม่ได้ เมื่อไม่มีกำลังทรัพย์สนับสนุน กำลังพลกลุ่มนั้นก็ไม่มีวันเป็นของลูกชายนาง การตบรางวัลทั้งหมดล้วนต้องเพิ่งการสนับสนุนจากวังสวรรค์ กำลังพลอยู่ในมือของวังสวรรค์ตลอดไป
เมื่อเผชิญหน้ากับการระบายทุกข์ของลูกชาย เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็อยู่ไม่สุขแล้ว ลุกขึ้นยืนเดินไปเดินมาอยู่ในห้อง นางก็อยากจะช่วยลูกชายสักหน่อย สนับสนุนกำลังทรัพย์บางส่วนให้ แต่นั่นคือกำลังพลห้าสิบล้านเชียวนะ! กำลังทรัพย์ที่นางให้ได้ไม่เพียงแค่เหมือนใช้น้ำแก้วเดียวราดดับกองฟืน แม้จะให้ได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราว แต่ก็ให้ในระยะยาวไม่ได้ ในมือจะต้องมีแหล่งทำเงินเอาไว้ นั่นต่างหากคือหนทางที่จะอยู่ได้ยาวนาน
พอนึกถึงตรงนี้ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็อดไม่ได้ที่จะคับแค้นกับความใจดำของประมุขชิง แทรกคนไว้ข้างกายลูกชายมากมาย ไม่ให้โอกาสลูกชายได้แสดงความสามารถเลย นี่ยังดีที่ลูกชายของตัวเองเชื่อฟัง ลองเปลี่ยนเป็นแม่ทัพคนอื่นดูสิ มีหรือที่จะว่านอนสอนง่ายอย่างนี้
นางก็ไม่ลองคิดดูบ้างว่า ก่อนหน้านี้คนที่อยากจะย้ายกองทัพองครักษ์ไปช่วยลูกชายก็คือนาง ตอนนี้รู้สึกว่ากองทัพองครักษ์เป็นอุปสรรคก็คือนางเอก คาดว่าถ้าประมุขชิงปล่อยให้ชิงหยวนจุนทำซี้ซั้วจนโดนคนอื่นเล่นงานถึงตาย นางก็ยังจะโทษประมุขชิงอีก
นางไม่เข้าใจแล้ว ตอนแรกหนิวโหย่วเต๋อทั้งปล้นทั้งฆ่า ทำเรื่องชั่วต่างๆ นานามาหมด ทำไมลูกชายตัวเองจะทำบ้างไม่ได้? คิดไปคิดมาก็ยังเป็นเรื่องที่ชอบธรรม ตอนแรกไม่ว่าหนิวโหย่วเต๋อจะทำเรื่องชั่วอะไร ก็ล้วนหาข้ออ้างที่ชอบธรรมได้เสมอ ถ้าไม่มีข้ออ้างก็จะโดนทำโทษแต่โดยดี
ในตอนนี้นางถึงได้เข้าใจ ว่าขุนนางคนสำคัญที่กุมอำนาจทางทหาร เวลาจะเติบโตขึ้นมารอยเท้าแต่ละก้าวนั้นมีความสำคัญมากขนาดไหน ถ้าไม่มีกำลังหลับของตัวเอง ก็มีแต่จะถูกคนอื่นควบคุม
พอนึกถึงข่าวที่เซี่ยโห้วลิ่งป่วยตาย เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสิ่งที่อวิ๋นจือชิวบอกในตอนแรก พอมาดูตอนนี้แล้วสงสัยจะเป็นเรื่องจริง เฉาหม่านปล้นตำแหน่งแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าคำพูดของอวิ๋นจือชิวตอนนั้นจริงเท็จกี่ส่วน อย่างไรเสียนางก็เคยโดนหนิวโหย่วเต๋อหลอกใช้มาแล้วครั้งหนึ่ง จะไม่กังวลเลยสักนิดได้อย่างไร
อีกด้านนึงก็โมโหในความใจดำของตระกูลเซี่ยโห้ว การแย่งอำนาจผลประโยชน์ในตระกูลทำให้คนใช้วิธีการต่ำช้าโดยไม่เลือก ขนาดหัวหน้าตระกูลก็ยังกล้าวางแผนทำร้าย มีสิทธิ์อะไรมาควบคุมนางเอาไว้ แล้วทำไมนางจะยืนด้วยลำแข้งตัวเองไม่ได้? อีกด้านหนึ่งก็กำลังครุ่นคิดว่าสิ่งที่หนิวโหย่วเต๋อฝากมาบอกเป็นเรื่องจริงหรือโกหก
นางเองก็เผชิญสถานการณ์ลำบากเหมือนกับลูกชาย ข้างกายไม่มีคนที่ไว้ใจได้คอยช่วยคิดแผน ถ้าพูดออกไปก็เท่ากับหาเรื่องใส่ตัว
คิดไปคิดมา ก็เขย่าระฆังดาราตอบลูกชายตัวเองว่า : จุนเอ๋อร์ เจอความลำบากอะไรก็แอบขอความช่วยเหลือจากหนิวโหย่วเต๋อได้!
ชิงหยวนจุนตกใจทันที ถามว่า : เสด็จแม่ สุนัขตัวนั้นมีใจทะเยอทะยาน ถ้ายังเชื่อเขาอีกเหรอ?
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ : มีบางเรื่องที่เจ้ายังไม่รู้ชัดเจน เอาอย่างนี้แล้วกัน ในมือเจ้าขาดเงินไม่ใช่เหรอ? เจ้าเอ่ยปากขอทรัพยากรจากเขาสักก้อน ดูว่าเขาจะให้หรือเปล่า
ครั้งนี้นางเตรียมจะหยั่งเชิง นางรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองไม่มีคุณค่าอะไรให้หนิวโหย่วเต๋อใช้ประโยชน์แล้ว ถ้าภายใต้สถานการณ์แบบนี้หนิวโหย่วเต๋อยังยินดีมอบทรัพยากรก้อนใหญ่ให้นาง เช่นนั้นก็แสดงว่าคำพูดของอวิ๋นจือชิวควรค่าให้เชื่อถือ
ชิงหยวนจุนลังเล : เสด็จแม่ แบบนี้จะเหมาะสมเหรอ?
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ : เจ้าไปลองดูก็ได้ ไม่เสียหายอะไรหรอก แต่เรื่องนี้เจ้าติดต่อเงียบๆ นะ อย่าให้ตกอยู่ในมือคนอื่นเด็ดขาด เสด็จพ่อของเจ้าขี้ระแวงมาก เรื่องนี้เจ้าเองก็รู้
…………………