พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2112 ไปแลกเปลี่ยนของด้วยตัวเอง
เหยียนซิวเรียกเซี่ยโห้วท่าออกมาถามตรงนั้นเลย ไม่ได้หลบเลี่ยงคนอื่นๆ ที่อยู่ตรงนั้น ถึงอย่างไรคนพวกนี้ก็รู้ถึงพลังอภินิหารของเขาหมด
เซี่ยโห้วท่าตอบอย่างทึ่มๆ “เป็นพิษพิเศษชนิดหนึ่งที่พระปีศาจหลอมสร้างขึ้นในปีนั้น คนที่โดนพิษจะเกิดการกลายพันธุ์ แขนขาและร่างกายจะกลายพันธุ์จนน่ากลัว จะกลายเป็นปีศาจที่ไม่เหลือโฉมหน้าเดิม น่าสะอิดสะเอียนที่สุด คนที่พิษกำเริบจะเจ็บปวดมาก แต่การหลอมสร้างพิษนี้ไม่สำเร็จ คนที่กลายเป็นปีศาจจะจิตใจสับสน ควบคุมตัวเองไม่ได้ และไม่นานก็จะตายเพราะหมดแรง ข้อเสียนี้พระปีศาจยังแก้ไขไม่ได้เลย”
แม้น้ำเสียงของเซี่ยโห้วท่าจะฟังดูเชื่องช้า แต่เนื้อหาที่อยู่ในนั้นก็ทำให้คนฟังรู้สึกขนลุกขนพอง
“แต่มียาถอนเหรอ?”
“ของนี้มาจากพระปีศาจ คนนอกไม่รู้ชัดว่ามันคืออะไร ยาถอนมีเพียงพระปีศาจที่หลอมสร้างได้ แต่ต้องกินก่อนที่จะกลายพันธุ์ เพราะถ้ากลายพันธุ์แล้ว แม้แต่พระปีศาจเองก็แก้ไขอะไรไม่ได้”
สองหยางมองหน้ากันเลิกลั่ก นึกไม่ถึงว่าพระปีศาจจะเคยทำของแบบนี้ด้วย ที่บอกว่าเขาเป็นพระปีศาจนั้นไม่ผิดเลยสักนิด นี่ต้องวิปริตขนาดไหนกันถึงคิดทำของเล่นแบบนี้ออกมาได้ หรือเป็นเพราะพื้นเพชาติกำเนิดของตัวเอง อยากจะให้คนอื่นกลายร่างเป็นปีศาจเหมือนกัน?
ยาพิษ? เหมียวอี้ครุ่นคิดเลขเงียบๆ ถ้าเป็นยาพิษจริงๆ ข้าก็สามารถลองดูได้ ตอนนี้พอจะเข้าใจแล้วว่าพระปีศาจให้เฟยหงไปด้วยตัวเองหมายความว่าอะไร ถ้าให้เฟยหงเห็นมารดากลายพันธุ์กับตาตัวเอง เกรงว่าคงทำใจรับได้ยาก ทำแบบนี้เพื่อต้องการกดดันเขา!
หลังจากบอกให้เหยียนซิวเก็บเซี่ยโห้วท่าแล้ว เขาก็กล่าวยังลังเลอีก “การแลกเปลี่ยนครั้งนี้ ข้าจะไปด้วยตัวเอง!”
หยางชิ่งรีบโน้มน้าว “ยังไม่รู้เลยว่าพระปีศาจจะเล่นตุกติกอะไร อุบายของพระปีศาจมีหลายจุดที่พิลึกพิลั่น ท่านอ๋องไม่ควรวิ่งเข้าหาอันตราย การแลกเปลี่ยนครั้งนี้ไม่ต้องให้ท่านอ๋องลงมือด้วยตัวเองหรอก ถ้าท่านอ๋องไม่วางใจ เบื้องล่างก็ใช้ยอดฝีมือกับกำลังพลเยอะๆ ก็พอแล้ว”
หยางเจาชิงก็บอกเช่นกันว่า “ที่ท่านบุรุษพูดก็มีเหตุผล เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องให้ท่านอ๋องออกโรงด้วยตัวเอง ใช่ว่าทัพใต้จะไม่มีคนเสียหน่อย”
ถ้าหากเหมียวอี้เป็นอะไรไป ทั้งทัพใต้ก็จะต้องวุ่นวายใหญ่โตแน่นอน จะส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของคนจำนวนมากเกินไป ไม่มีใครกล้าให้เหมียวอี้ไปเสี่ยงอันตราย ทุกคนพากันห้าม
้เรื่องที่เคล็ดวิชาอัคนีดาราสามารถแก้พิษได้ เหมียวอี้ไม่สะดวกจะบอกพวกเขามาก ได้แต่ยกมือห้าม “ข้าตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ตกลงตามนี้แล้วกัน เตรียมออกเดินทาง!” พูดจบก็เดินไปตรงหน้าแผนที่ดาวในห้องหนังสือ ปรับขนาดตรงจุดที่พระปีศาจระบุไว้ขึ้นมาตรวจสอบ
“ขอรับ!” หยางเจาชิงเอ่ยรับอย่างจนใจ แล้วถอยออกไปช้าๆ ไปบอกให้กำลังพลเบื้องล่างเตรียมตัว
“เป็นบริเวณที่อยู่ใกล้อาณาเขตดาวนิรนาม” เหมียวอี้ชี้แผนที่ดาว บอกใบ้ให้หยางชิ่งเข้ามาดู
หลังจากหยางชิ่งเข้ามาดูใกล้ๆ ก็พยักหน้าเล็กน้อย “ดูท่าแล้ว พระปีศาจคงกลัวว่าหลังจากแลกเปลี่ยนแล้วท่านอ๋องจะกลับคำพูด นี่คือการเตรียมตัวว่าถ้าแลกเปลี่ยนสำเร็จเมื่อไหร่ ก็จะหนีเข้าไปซ่อนตัวที่อาณาเขตดาวนิรนามทันที ถ้าตัดสินจากระยะทางและเวลา การเลือกสถานที่ไว้ตรงนี้ ทำให้ท่านอ๋องส่งคนไปวางกำลังไม่ทัน ดูท่าแล้วคนของพระปีศาจน่าจะมาถึงก่อนล่วงหน้าแล้ว สามารถพบความผิดปกติได้ทุกเมื่อ คงจะไม่ให้โอกาสพวกเราเล่นตุกติก”
ถ้าเขาเดาไม่ผิด ไม่ใช่แค่คนของพระปีศาจที่มาถึงแล้ว ตัวพระปีศาจหนานโปเองก็น่าจะถึงจุดแลกเปลี่ยนแล้วเช่นกัน เขากับจั่วเอ๋อร์เพราะลงไปเหยียบบนดาวเคราะห์ที่รกร้างแห่งหนึ่ง ตอนนี้กำลังหันมองโดยรอบ
“วางกำลังคนไว้แล้ว สำรวจโดยรอบแล้ว ที่จริงผู้อาวุโสไม่ต้องมาด้วยตัวเองก็ได้” จั่วเอ๋อร์กล่าว
หนานโปยิ้มบางๆ “ข้าต้องเข้าร่วมกันแลกเปลี่ยน จะไม่มาด้วยตัวเองได้ยังไง ข้าไม่วางใจที่ของตกอยู่ในมือคนอื่น”
จั่วเอ๋อร์ตกใจมาก “ผู้อาวุโสจะไปแลกของด้วยตัวเองเหรอ? ไม่ได้! สำหรับหนิวโหย่วเต๋อแล้ว ผู้อาวุโสสำคัญกว่าหลินอ้าวเสวี่ยตั้งเยอะ ถึงตอนนั้นเขาอาจไม่สนใจชีวิตของหลินอ้าวเสวี่ยแล้วก็ได้ ทั้งจะลงมือทำร้ายผู้อาวุโสด้วย!”
หนานโปส่ายหน้า “คิดมากไปแล้ว ข้าย่อมไม่โผล่หน้าออกไปแลกเปลี่ยนด้วยตัวเอง หลบอยู่ไกลๆ ให้สามารถถอนตัวได้ทุกเมื่อก็พอ”
จั่วเอ๋อร์กล่าวอย่างระมัดระวัง “แบบนั้นก็ไม่ปลอดภัยอยู่ดี ถ้าแลกเปลี่ยนกันสำเร็จแล้ว ไม่รู้ว่าหนิวโหย่วเต๋อยังมีแผนสำรองอะไรอีกหรือเปล่า ถึงอย่างไรบริเวณนี้ก็เป็นถิ่นของหนิวโหย่วเต๋อ ที่นี่หนิวโหย่วเต๋อมีกำลังอำนาจเยอะมาก ถ้าผู้อาวุโสอยู่ใกล้เกินไปก็จะไม่ปลอดภัย ต้องรีบถอนกำลังให้เร็วที่สุด เรื่องแลกเปลี่ยนให้คนเบื้องล่างไปจัดการก็ได้ คนที่เตรียมไว้ครั้งนี้ ผู้อาวุโสสามารถวางใจได้เลย ไม่มีปัญหาอะไรแน่”
หนานโปหัวเราะลั่น “ใต้หล้านี้เคยเป็นใต้หล้าของข้ามาก่อน เรื่องบางเรื่องที่ข้ารู้ พวกเจ้าอาจจะไม่รู้ รู้หรือเปล่าว่าทำไมข้าเลือกแลกเปลี่ยนของกันที่นี่? ในจุดลึกของอาณาเขตดาวนิรนามผืนนี้มีประตูดวงดาวอยู่แห่งหนึ่ง สามารถผ่านเข้าไปในอาณาเขตทัพเหนือได้ เดี๋ยวต่อไปข้าจะพาพวกเจ้าไปเปิดประสบการณ์ดูสักหน่อยก็ได้ ขอเพียงได้ของนั้นมาแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะวางกำลังอะไรไว้ ก็ไม่ต้องสนใจ พวกเราสนใจแค่หนีไปก็พอ ปล่อยให้พวกเขาค่อยๆ วางกำลังกันไปเถอะ”
ตอนนี้เขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเฝ้าคอย เรื่องที่รู้จักปีศาจโลหิตน่าจะไม่ผิดพลาด ถ้าได้บัวโลหิตมาเมื่อไหร่ ก็สามารถหลอมสร้างร่างกายให้สำเร็จได้ในรวดเดียว ไม่จำเป็นต้องเลือกกายเนื้อมาผ่านขั้นตอนการหลอมสร้างที่ทรมานใหม่อีก แบบนั้นมีโอกาสสำเร็จต่ำไป ขอเพียงหลอมร่างกายสำเร็จ เขาก็ย่อมมีวิชาลับที่จะฟื้นฟูพลังให้กลับมาอยู่ในจุดสูงสุดได้โดยเร็วอยู่แล้ว ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องหวาดกลัวและหลบซ่อนอีกแล้ว บัญชีแค้นที่ควรจะชำระก็จะชำระทีละบัญชีให้ชัดเจน
จั่วเอ๋อร์มองไปยังจุดลึกของดาราจักรอย่างงุนงง ตรงนั้นยังมีประตูดวงดาวที่ยังไม่ถูกค้นพบด้วยเหรอ?
ในห้องหนังสือ หยางเจาชิงเข้ามารายงานว่า “ท่านอ๋อง คนประจำที่เรียบร้อยแล้ว สามารถออกเดินทางได้ทุกเมื่อ หวังเฟยกับเฟยหงฮูหยินก็มาแล้วเช่นกันขอรับ”
เหมียวอี้ขานรับ สายตาย้ายออกจากแผนที่ดาว ชี้บนสถานที่เป้าหมายพร้อมบอกว่า “ถ่ายทอดคำสั่งไปให้เหิงอู๋เต้า สั่งให้เขาปิดประตูดวงดาวบริเวณนั้นให้หมด ห้ามใครเข้าออก!”
“ขอรับ!” หยางเจาชิงเอ่ยรับ
นอกห้อง อวิ๋นจือชิวกับเฟยหงกำลังรออยู่ เมื่อเห็นเหมียวอี้เดินออกมาจากในห้อง เฟยหงก็ทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่เงียบไว้
เหมียวอี้เดินมาตรงหน้านาง แล้วพยักหน้าบอกว่า “กำลังจะเริ่มแลกเปลี่ยนกันแล้ว จะไม่ต้องกังวล ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้าเอง ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอก”
เฟยหงออกแรงพยักหน้า “ข้าเข้าใจค่ะ”
เหมียวอี้หันกลับมามองอวิ๋นจือชิวแวบหนึ่ง นางฝืนยิ้มพร้อมบอกว่า “พระปีศาจ…” สุดท้ายนางก็ไม่ได้พูดอะไรที่น่ากลัวมา เปลี่ยนเป็นบอกว่า “ระวังตัวหน่อย”
“อืม ไม่ต้องห่วง ข้ามีแผนในใจแล้ว”
“คนที่อยู่เรือนพักข้างนอก อีกไม่นานก็จะย้ายเข้าจวนได้แล้ว ท่านอ๋องเตรียมจะจัดการอย่างไร?”
“จัดการตามที่เจ้าเห็นสมควรแล้วกัน”
เหมียวอี้พูดพร้อมคว้ามือเรียวสวยของเฟยหง จูงมือเฟยหงเดินก้าวยาวออกไป
ฝ่ามืออบอุ่นแล้วมีพลัง เมื่อมีมือที่เป็นตัวแทนของอำนาจกุมอยู่ ทำให้เฟยหงที่ในใจเต็มไปด้วยความวิตกกังวลสงบใจลงแล้วไม่น้อย
กำลังพลหนึ่งหมื่นนาย หลังจากไปถึงอาณาเขตดาวบริเวณใกล้เคียงกับสถานที่เป้าหมาย จอมพลสายมะเส็งเหิงอู๋เต้าก็ตามมาคอยรับใช้ด้วยตัวเอง
หลังจากทำความเคารพแล้ว เหิงอู๋เต้าก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ท่านอ๋อง เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?” เหมียวอี้สั่งปิดอาณาเขตดาวบริเวณนี้กะทันหัน ทั้งยังจะมาด้วยตัวเอง ทำให้เขากังวลนิดหน่อยว่าอาณาเขตของตัวเองเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า
“ตัวตนที่แท้จริงของเฟยหงก็คือไท่ซูอ้าวเสวี่ย ลูกสาวของไท่ซูเหวินชางอดคเทพประจำดาวมะโรงดิน นางกับมารดาหลินอ้าวเสวี่ยถูกหน่วยตรวจการซ้ายควบคุมไว้ จับหลินอ้าวเสวี่ยเป็นตัวประกัน ส่วนเฟยหงก็กลายเป็นสายลับข้างกายข้า หลังจากเกิดเรื่องที่ทัพใต้ หน่วยตรวจการซ้ายก็มีคำสั่งลับให้เฟยหงร่วมมือกับองครักษ์เงาลอบสังหารข้า เพื่อไม่ให้เฟยหงพะว้าพะวง ข้าเลยทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนกับพระปีศาจหนานโป เขารับหน้าที่ช่วยหลินอ้าวเสวี่ยออกมา ส่วนข้าก็ต้องทำของไปให้เขา ใต้พระตำหนักอุทยานก็คือสถานที่หลอมสร้างธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ ตำหนักสวรรค์นำสมาชิกในครอบครัวของขุนนางที่ทำผิดไปทใช้แรงงานอยู่ในนั้นอย่างลับๆ หลินอ้าวเสวี่ยก็อยู่ในนั้น…” เหมียวอี้ไม่ปิดบังเขา เล่าสถานการณ์ให้ฟังคร่าวๆ
เหิงอู๋เต้าฟังจบแล้วตกตะลึงพรึงเพริด เรื่องที่เฟยหงเป็นสายลับไม่พอจะทำให้เขาตกตะลึงได้ หน่วยตรวจการซ้ายทำเรื่องแบบนี้บ่อยจนชินแล้ว ไม่มีอะไรน่าแปลกใจ แต่ที่ตกตะลึงก็คือเรื่องที่ท่านอ๋องกล้าไปทำข้อตกลงกับพระปีศาจ ที่ทำให้เขาแอบตกใจกว่านั้นก็คือท่านอ๋องบอกความลับนี้ให้เขารู้
เขาอดไม่ได้ที่จะมองประเมินเหมียวอี้เงียบๆ รู้สึกได้ว่าในตัวเหมียวอี้แผ่รังสีความมั่นใจในตัวเองออกมา ความมั่นใจนี้ทำให้เขารู้สึกกดดัน
“พูดแบบนี้ แสดงว่าเรื่องที่เกิดกับพระตำหนักอุทยานช่วงนี้คือฝีมือพระปีศาจหรือขอรับ?” เหิงอู๋เต้าลองถาม
เหมียวอี้พยักหน้า “ช่วยคนไงล่ะ มีความเคลื่อนไหวบ้างก็เป็นเรื่องปกติ”
เหิงอู๋เต้ารู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อย พระปีศาจน่ากลัวจริงๆ ด้วย ไม่น่าเชื่อว่าจะช่วยคนออกมาจากพระตำหนักอุทยานได้ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นใต้หนังตา คาดว่าประมุขชิงคงโมโหจนเป็นบ้าไปแล้ว เห็นเหมียวอี้มีท่าทางไม่แยแสแบบนี้ กล้ายอมรับเรื่องนี้ เหมือนไม่เห็นตำหนักสวรรค์อยู่ในสายตาเลย เขาก็แสดงท่าทีว่ายืนฝั่งเหมียวอี้และประณามทันที “ฝ่าบาททำเกินไปจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าลอบสังหารขุนนางใหญ่ตำหนักสวรรค์ ที่ตำหนักสวรรค์ยังมีกฎระเบียบอยู่ไหม?”
เหมียวอี้รู้ว่าเขาก็แค่พูดเท่านั้น เรื่องแบบนี้ถ้าไม่ถึงคราวจำเป็น ไม่ว่าใครก็ไม่อยากฉีกหน้ากัน กล่าวเสียงเรียบว่า “เรื่องลอบสังหารขุนนางใหญ่ตำหนักสวรรค์ ประมุขชิงทำมาน้อยหรือไง? ช่างเขาเถอะ! ว่าแต่เจ้า เตรียมตัวไปถึงไหนแล้ว พบความผิดปกติอะไรหรือเปล่า?”
“เมื่อได้รับคำสั่งจะท่านอ๋อง ก็ปิดประตูดวงดาวทั้งหมดของบริเวณนี้ทันที ข้าน้อยตรวจสอบอย่างเข้มงวดแล้ว ไม่ปล่อยให้ใครเข้าออก” เหิงอู๋เต้าตอบ
เหมียวอี้เงียบไปครู่เดียว ไม่ได้รับข่าวจากพระปีศาจว่าให้เปลี่ยนแปลงสถานที่แลกของ สงสัยคนของพระปีศาจจะเข้าประจำที่ล่วงหน้าแล้วจริงๆ
ไม่สะดวกจะอยู่ตรงนี้นาน พอออกคำสั่งแล้ว กำลังพลก็ข้ามผ่านประตูดวงดาวที่อยู่ตรงหน้าไป
เดิมที่เหิงอู๋เต้าอยากจะนำกำลังพลเข้าไปคุ้มครองเยอะๆ หน่อย แต่เหมียวอี้ไม่เอา ให้เหิงอู๋เต้าพาทหารอารักขาไปด้วยไม่กี่คนเท่านั้น
หลังจากมาถึงจุดแลกเปลี่ยนแล้ว กำลังพลกลุ่มนี้ก็เหยียบลงบนดาวเคราะห์ที่รกร้าง ชิงเยว่โบกมือวางกำลังทัพอารักขาหนึ่งหมื่นทันที ภายนอกมีเพียงหนึ่งหมื่น แต่ความจริงย่อมไม่ได้มีเท่านี้อยู่แล้ว
เหิงอู๋เต้าที่อยู่ข้างกายเหมียวอี้เครียดนิดหน่อย ไม่รู้ว่าพระปีศาจจะปรากฏตัวหรือเปล่า ชื่อเสียงของคนก็เหมือนเงาของต้นไม้ ขนาดประมุขชิงกับประมุขพุทธะไปที่สถานที่ผนึกด้วยตัวเอง แต่ก็ยังจับพระปีศาจไม่ได้ ขนาดคนในพระตำหนักอุทยานยังช่วยออกมาได้ คิดไปคิดมาแล้วก็เครียดจริงๆ
ทว่าพระปีศาจยังไม่ทันปรากฏตัว ในจุดลึกของดาราจักรรอบๆ ก็มีคนหลายคนเหาะเข้ามา ผู้ที่นำหน้ามานั้นเป็นคนที่เหิงอู๋เต้ารู้จัก สงฉี ผู้ตรวจการขวาทัพอารักขาของอิ๋งจิ่วกวง!
สงฉีก็ใจกล้าเช่นกัน มาเหยียบตรงหน้ากระบวนทัพของฝั่งนี้โดยตรง มองข้ามเหิงอู๋เต้าไป จองบนใบหน้าเหมียวอี้เลย แสยะยิ้มแล้วบอกว่า “นึกไม่ถึงว่าท่านอ๋องหนิวจะมาแลกเปลี่ยนด้วยตัวเอง ดีมากๆ นำของมาหรือยัง?”
“คนล่ะ?” เหมียวอี้ถามเสียงเรียบ
พอสงฉีโบกมือ ก็คว้าสตรีวัยกลางคนออกมาคนหนึ่ง เป็นหลินอ้าวเสวี่ยนั่นเอง ใช้นิ้วบีบหลังคอของหลินอ้าวเสวี่ย สามารถปลิดชีพหลินอ้าวเสวี่ยได้ทุกเมื่อ ตอนนี้หลินอ้าวเสวี่ยหลับตาสนิท ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย สงฉีตะโกนถามว่า “คนอยู่นี่แล้ว ท่านอ๋องควรจะนำของออกมาแสดงหน่อยหรือเปล่า?”
เหมียวอี้พลิกมือ เผยบัวโลหิตออกมา รากบัวสีขาวหยกเปล่งแสงระยิบระยับ แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นของดี ไม่ต้องพูดอะไรมาก
เหิงอู๋เต้าที่อยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะมองสองครั้ง พึมพำในใจว่ามันคือของอะไรกัน ไม่น่าเชื่อว่าจะใช้ควบคุมพระปีศาจได้ กำลังคิดว่าคงเป็นของรำคาญที่ไม่ธรรมดาแน่นอน
สงฉีใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์กวาดมองบัวโลหิต แล้วตะโกนถามอีก “เฟยหง อนุภรรยาที่รักของท่านอ๋องล่ะ? ให้นางมาพิสูจน์ด้วยตัวเองดีกว่าว่าเป็นมารดาของนางหรือเปล่า ฝั่งข้าก็จะส่งคนไปตรวจสอบว่าเป็นของจริงหรือของปลอมเช่นกัน เป็นยังไง?”
………………