พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2117 เจ้ามันเดรัจฉาน!
จวนอ๋องสวรรค์โค่ว โค่วหลิงซวีกำลังเดินไปเดินมาอยู่ในป่าไผ่ ตรวจอ่านข่าวลือด้านนอกที่ถังเฮ่อเหนียนจัดเรียงข้อมูลมาให้
หลังจากอ่านละเอียดแล้ว ก็ยืนเอามือไขว้หลังเงียบๆ อยู่นานมาก ก่อนจะถามว่า “เรื่องนี้เจ้าคิดว่ายังไง?”
ถังเฮ่อเหนียนขมวดคิ้ว “ไม่รู้ว่าหนิวโหย่วเต๋อกำลังเล่นลูกไม้อะไรกันแน่?”
“ยืนยันแล้วใช่ไหมว่าเขาพวกนี้ล้วนปล่อยออกมาจากโถงชุมนุมอัจฉริยะ?” โค่วหลิงซวีถาม
ถังเฮ่อเหนียนตอบว่า “ข่าวที่บอกว่าชิงหยวนจุนชอบก่วงเม่ยเอ๋อร์ถูกปล่อยมาจากจวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลก่อน แต่โถงชุมนุมอัจฉริยะเหมือนไม่ชอบที่ข่าวจากจวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลมีผลกระทบน้อยเกินไป เลยเติมไฟเข้าไปอีก ดึงหนิวโหย่วเต๋อเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย บอกว่าหนิวโหย่วเต๋อได้กับก่วงเม่ยเอ๋อร์แล้ว ดังนั้นก็สามารถดันทุรังอธิบายได้ว่าข่าวทั้งหมดล้วนมาจากหนิวโหย่วเต๋อ”
โค่วหลิงซวีหันตัวมองมา “แล้วที่เขาปล่อยข่าวว่าลูกน้องตัวเองฝึกเคล็ดวิชาวิญญาณหยินเชื่อมหยางหมายความว่ายังไง ยังกล้าบอกด้วยว่าเคล็ดวิชาวิญญาณหยินเชื่อมหยางสามารถควบคุมคนเพื่อล้วงความลับได้ด้วย ไม่กลัวว่าจะสร้างปัญหาให้ตัวเองเหรอ?”
ถังเฮ่อเหนียนกล่าวยังลังเล “นี่คงไม่นับว่าเป็นปัญหากระมัง? คำแก้ตัวบางอย่างก็ไม่ผิด เคล็ดวิชาที่ประมุขปราชญ์ลัทธิผีฝึกจะต้องเป็นเคล็ดวิชาวิญญาณหยินเชื่อมหยางของแท้แน่นอน แต่ก็ไม่เคยเห็นว่าประมุขปราชญ์ลัทธิผีจะควบคุมคนเพื่อล้วงความลับได้ แม้เหยียนซิวจะมีใบหน้านิ่งเหมือนคนตาย แต่เมื่อเคยคลุกคลีด้วยก็จะพิสูจน์ได้ว่าเป็นคนเป็นๆ ไม่ใช่นักพรตผีแน่นอน”
โค่วหลิงซวีสงสัย “อนุภรรยาคนโปรดของหนิวโหย่วเต๋อ เฟยหงเป็นสายลับของหน่วยตรวจการซ้าย ทั้งยังมีหลินอ้าวเสวี่ยอะไรนั่นอีก ใต้พระตำหนักอุทยานเป็นสถานที่หลอมสร้างธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ ก่วงลิ่งกงสมคบกับพระปีศาจหนานโปเพื่อช่วยคนให้หนิวโหย่วเต๋อ เจ้ารู้สึกว่ามีความจริงเท็จอยู่กี่ส่วน?”
ถังเฮ่อเหนียนใบหน้ากระตุกเล็กน้อย “เรื่องนี้วุ่นวายมาก ที่บอกว่าเฟยหงเป็นสายลับของหน่วยตรวจการซ้ายนั้นมีความเป็นไปได้ ใต้พระตำหนักอุทยานเป็นสถานที่หลอมสร้างธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ก็เป็นไปได้เหมือนกัน ส่วนที่บอกว่าก่วงลิ่งกงสมคบกับพระปีศาจหนานโป เหมือนไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่เรื่องที่วังสวรรค์โดนลอบโจมตีสองครั้งก็น่าสงสัยจริงๆ คนของก่วงลิ่งกงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยแล้ว เรื่องนี้นอกจากคนที่ก่อเรื่องแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ความจริงชัดเจน”
โค่วหลิงซวีมองแผ่นหยกบนมือ “เฉาหม่านสมทบกับหนิวโหย่วเต๋อเพื่อฆ่าเซี่ยโห้วหลิง?”
“อาจจะจริง แล้วก็อาจจะไม่ซิง สรุปก็คือข่าวลือต่างๆ ที่หนิวโหย่วเต๋อปล่อยครั้งนี้ล้วนทำให้ตัวเองอยู่ในจุดที่ไม่ได้ประโยชน์ ไม่ว่าจะมองยังไงก็เหมือนเล่นงานตัวเอ แต่ก็ไม่มีเหตุผลอีก ทำให้คนรู้สึกเหมือนเขากำลังกลบเกลื่อนอะไรบางอย่าง” ถังเฮ่อเหนียนตอบ
โค่วหลิงซวีมือไขว้หลังอีกครั้ง หรี่ตาบอกว่า “ชิงหยวนจุนปล่อยข่าวออกมาข่าวเดียวก็ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวเป็นพรวน เป็นเรื่องที่วุ่นวายจริงๆ หนิวโหย่วเต๋อกำลังเล่นลูกไม้อะไรกันแน่? อย่าบอกนะว่ากำลังงัดข้อกับประมุขชิง?”
ถังเฮ่อเหนียนพยักหน้า “เป็นไปได้จริงๆ ขอรับ หนิวโหย่วเต๋อสมคบกับตระกูลเซี่ยโห้ว ประมุขชิงต้องหวาดระแวงแน่นอน ต้องแอบเคลื่อนไหวโดยที่พวกเราไม่รู้แน่ ถ้าพวกเขาสองฝ่ายกำลังสู้กันจริงๆ ก็พอฟังขึ้น เพียงแต่ทำเหมือนอยู่ในหมอกเมฆหนา ไม่ว่าใครก็มองเห็นไม่ชัดว่าเรื่องเป็นยังไงกันแน่!”
“วิธีการของหนิวโหย่วเต๋อยิ่งเหนือชั้นขึ้นทุกวัน ถ้ามองไม่กระจ่างสิจะเป็นปัญหา ก่อนหน้านี้ที่เขาโค่นล้มฮ่าวเต๋อฟางก็หลอกพวกเราเหมือนกันไม่ใช่เหรอ” โค่วหลิงซวีไม่แน่ใจ
วังสวรรค์ ตำหนักดาราจักร ประมุขชิงหน้าขรึมราวกับน้ำนิ่ง กำลังฟังคนที่ยืนอยู่เบื้องล่างแสดงความเห็น คุยกันไปคุยกันมาก็ยังเหมือนอยู่ในหมอกหนา ไม่เข้าใจว่าหนิวโหย่วเต๋อกำลังเล่นลูกไม้อะไรกันแน่
เมื่อไม่ได้บทสรุป สุดท้ายทุกคนก็แยกย้ายกันไป
เกาก้วนกลับมาที่หน่วยตรวจการขวา จุยหย่วนเข้ามาต้อนรับ แล้วรายงานลับว่า “คนพวกนั้นปากแข็งมาก ไม่มีเบาะแสอะไรที่เป็นประโยชน์”
“ปากแข็งกับง้างปาก เริ่มจากเซี่ยงจงนั่นก่อน ข้าไม่เชื่อหรอกว่าก่อนหน้านี้เขาจะไม่สังเกตเห็นสักนิดว่ากัวเหยียนถิงผิดปกติ” เกาก้วนกล่าวเสียงเรียบ
จุยหย่วนปาดเหงื่อเล็กน้อย ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเซี่ยงจงคือผู้บัญชาการขององครักษ์เงา จึงเตือนว่า “นายท่าน ถ้าง้างปากอาจจะทำให้มีคนตายได้!”
เกาก้วนเหล่ตามองเขาอย่างเยียบเย็นแวบหนึ่ง แล้วตวาด “ความปลอดภัยของฝ่าบาทสำคัญ หรือชีวิตของเขาสำคัญ? จำไว้ ชะตากรรมของหน่วยตรวจการขวาผูกติดอยู่กับตัวฝ่าบาท ความปลอดภัยของฝ่าบาทถูกวางไว้อันดับหนึ่งตลอดไป เรื่องอื่นไม่สำคัญ อย่าปล่อยผ่านจุดที่น่าสงสัยใดๆ!”
ทหารยามที่อยู่แถวนั้นตกใจเสียงตวาดจนหันกลับมามอง
“ขอรับ!” จุยหย่วนกุมหมัดเอ่ยรับ
ภูเขาหิมะ ลมหนาวเย็นยะเยือก ปากถ้ำที่มีน้ำแข็งผนึกแห่งหนึ่ง พระปีศาจหนานโปกำลังยืนเงียบๆ จั่วเอ๋อร์คอยรายงานสถานการณ์ข่าวหรือด้านนอกอยู่ข้างๆ กัน
พอเกิดเรื่องขึ้นกับสงฉี ทางนี้ก็ย้ายออกจากดาวเกาะครามแล้ว
หลังจากฟังรายงานจบ หนานโปก็ค่อยๆ หลับตาลง หนิวโหย่วเต๋อมีอำนาจมากเกินไป เขาปล่อยข่าวลือพวกนี้ออกมาเพราะอยากให้หนิวโหย่วเต๋อได้รับผล แต่ใครจะคิดว่าหนิวโหย่วเต๋อจะสรา้งกระแสใหญ่โตทันที ทำให้ข่าวที่เขาปล่อยออกมาเจือจางจนไม่เหลือเงาแล้ว ด้วยอำนาจอำนาจที่น้อยนิดอย่างเขา แม้กระทั่งจะพูดให้ดังกว่านี้ก็ทำไม่ได้ อำนาจเล็กน้อยของเขาทำให้ไม่กล้าเปิดเผยอย่างเอิกเกริก
เขาคิดว่าตัวเองทำอะไรหนิวโหย่วเต๋อไม่ได้เลย นอกเสียจากจะออกหน้ามาพิสูจน์ด้วยตัวเอง แต่เขาจะออกมาด้วยตัวเองได้อย่างไร แบบนั้นแสดงว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว ความรู้สึกไร้ความสามารถพรั่งพรูขึ้นมาในใจ นึกย้อนไปถึงปีนั้นว่าตัวเองเคยมีชื่อเสียงบารมีระดับไหน สภาพสังคมเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
จั่วเอ๋อร์เหมือนรู้สึกได้ถึงอารมณ์ของเขา จึงเสนอแผนการว่า “ครั้งนี้ทำอะไรเขาไม่ได้ ครั้งหน้าหน้าพวกเราค่อยทำต่อก็ได้ เว้นช่วงเวลาแล้วค่อยปล่อยข่าวนี้อีก เป็นไปไม่ได้ที่หนิวโหย่วเต๋อจะหาข้ออ้างมาทำให้ข่าวสับสนได้ทุกครั้ง ทำซ้ำหลายครั้งก็ย่อมดึงดูดความสนใจคนได้!”
หนานโปพยักหน้า “มีเหตุผล!”
แต่ยังไม่สามารถลดความรู้สึกพ่ายแพ้ในใจให้เบาลงได้ ตกอยู่ในความเงียบนานมาก…
คลื่นลมเริ่มสงบลงทีละนิด ทั้งยังสงบลงเร็วมาก เริ่มมีอำนาจอีกฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้อง อำนาจของแดนสุขาวดีเข้ามาเกี่ยวด้วยแล้ว อำนาจใหญ่ฝ่ายต่างๆ ของอาณาเขตตำหนักสวรรค์ล้วนให้ความร่วมมืออยู่บ้าง งานบุญเขาหลิงซานกำลังจะมาถึง ประมุขพุทธะจะบรรยายพุทธธรรมดูตัวเอง แดนสุขาวดีไม่อยากให้เรื่องราวลุกลามใหญ่โตจนส่งผลกระทบต่องานในครั้งนี้ ถึงอย่างไรก็มีชาวพุทธมากมายอยู่ในอาณาเขตตำหนักสวรรค์ ถ้ามัวเอาความคิดไปสนใจข่าวลือเหลวไหล ถือว่าใช่เรื่องเสียที่ไหน? ถ้าในอาณาเขตตำหนักสวรรค์เริ่มทำสงคราามอีก ประมุขพุทธะที่สนใจเรื่องสงครามจะแสดงธรรมอย่างสงบใจได้อย่างไร? ไม่ง่ายเลยกว่าประมุขพุทธะจะออกมาบรรยายธรรมสักครั้ง ไม่ควรก่อความวุ่นวายอย่างนี้สิ
ภายนอกคลื่นลมสงบ ก็ไม่ได้แปลว่าตามซอกมุมล้วนต่างๆ สงบสุข
คุกใหญ่หน่วยตรวจการขวา ศพร่างหนึ่งถูกย้ายออกจากกรงขัง สมาชิกหน่วยตรวจการขวาสองคนหำออกมาจากปลายคุก
ศพนี้ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ทุกส่วนของร่างกายมีบาดแผลชัดเจน มีหลายแผลที่ลึกจนเห็นกระดูก เลือดสดไหลหยดลงพื้นตลอดทาง ผู้ตายก็คือผู้บัญชาการองครักษ์เงา เซี่ยงจง
ในกรงขังโลหะที่อยู่ฝั่งซ้ายฝั่งขวาของทางเดินคุกใหญ่ สมาชิกองครักษ์เงาพากันกันจับราวกั้นและถลึงตามองไปข้างนอก
ว่ากันว่าคุกใหญ่ของหน่วยตรวจการขวาก็คือนรกบนดิน ดูจากสภาพบนตัวคนพวกนี้ ไม่เห็นใครสภาพดีสักคน แค่นี้ก็รู้แล้ว
คนที่เกาะอยู่บนราวกั้น บางคนกำลูกกรงโลหะแน่นจนข้อนิ้วปูดโปนขึ้นมา บางคนเริ่มตาแดงก่ำ หายใจถี่กระชั้น บางคนแก้มตึง เรากับจะขบฟันให้แตก บางคนคุกเข่าโดยไร้เสียง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าโศก บางคนพึมพำว่า “นายท่าน!”
คนที่อยู่ในกรงขังฝั่งซ้ายและขวาทยอยกันคุกเข่า บางคนส่งเสียงร้องให้แว่วมา ส่งเซี่ยงจงที่ถูกหามออกไป
นอกคุกใหญ่ เกาก้วนสวมหมวกทรงสูงสีดำ สวมผ้าคลุมสีดำทั้งตัว ยืนเงียบอยู่ในศาลาที่อยู่ไม่ไกล
ข้างกายยังมีอีกคนอยู่ด้วย ซ่างกวนชิงมีสีหน้าบึ้งตึง ดวงตาฉายแววสังหาร ราวกับต้องการจะกินคน
เสียงประตูใหญ่คุกเปิดดังแกร๊ก ร่างของเซี่ยงจงถูกหามออกมาแล้ว ถูกนำมาวางไว้ข้างศาลา
มองเห็นสภาพอนาถของเซี่ยงจงตั้งแต่ไกลๆ ซ่างกวนชิงกำหมัดแน่นอยู่ในแขนเสื้อ เดินออกจากศาลาอย่างช้าๆ เดินมานั่งยองๆ ข้างศพ ยื่นมือไปเกลี่ยผมยุ่งเหยิงที่บังใบหน้าเซี่ยงจง กะโหลกยุบเข้าไปเกินครึ่ง เมื่อตรวจดูชีพจร ก็เพราะว่าตายแล้วจริงๆ
เมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยถูกทรมานจนไม่เหลือสภาพคน นี่คือลูกน้องคนสนิทที่ซ่างกวนชิงสั่งสอนเลี้ยงดูมากับมือ จงรักภักดีมาก ติดตามรับใช้มาหลายปี สนิทกันเหมือนพ่อลูก ไม่น่าเชื่อว่าจะตายอยู่ในคุกใหญ่ของหน่วยตรวจการขวาอย่างคลุมเครือ ความเศร้าสลดในใจซ่างกวนชิงยากจะบรรยายออกมาจริงๆ
เขาพลันยืนขึ้น ชี้ไปที่ศพ พลางตะคอกถามในศาลาว่า “เกาก้วน เจ้าจะอธิบายยังไง?”
เกาก้วนกล่าวอย่างไม่แยแส “เขาเอาหัวโขกกำแพงตายในกรงขัง เพื่อนร่วมงานของเขาที่อยู่ในคุกข้างกันก็เห็นชัดเจน ข้าจำเป็นต้องอธิบายด้วยหรือ?”
ซ่างกวนชิงถลันตัวเข้ามา ดึงคอเสื้อเกาก้วน โมโหจนพูดเสียงสั่น “ชายหนุ่มที่แข็งแกร่งอย่างเขาถูกเจ้าบีบให้ฆ่าตัวตาย เจ้ามันเดรัจฉาน! เจ้าทำอะไรกับเขากันแน่!”
เมื่อเห็นซ่างกวนชิงลงมือกับกาก้วนแล้ว ทุกคนของหน่วยตรวจการขวาก็แอบตกใจ ซ่างกวนชิงมีฐานะอะไรที่วังสวรรค์ มีใครบ้างที่ไม่รู้? เกรงว่าครั้งนี้หน่วยตรวจการขวาคงทำให้ผู้การใหญ่โกรธถึงขีดสุดแล้ว เกรงว่าทูตขวาคงต้องรับผลที่ตามมาเหมือนกัน
“ผู้การใหญ่ เจ้าสำรวมหน่อย นี่คือการสืบคดี อย่าใช้อารมณ์ทำงาน!” เกาก้วนกล่าวเสียงเย็น
“ถ้าเจ้าเก่งนักก็จับข้าไปด้วยสิ!” ซ่างกวนชิงตะคอกอย่างโมโห
เกาก้วนตะคอกกลับทันที “ข้าไม่กล้าจับเจ้าหรอก! แต่ผู้การใหญ่ได้โปรดบอกข้า ว่ากัวเหยียนถิงทำเรื่องแบบนี้ ไม่น่าเชื่อว่าข้างกายไม่มีใครพบความผิดปกติสักคน เจ้าเชื่อหรือว่าโลกนี้มีเรื่องที่แนบเนียนไร้ช่องโหว่? พวกเขาตายแต่ไม่ยอมเปิดปากเพราะกำลังปกป้องใครล่ะ? เป็นใครกันที่ทำให้พวกเขายอมตายแต่ก็กัดฟันไว้แน่น? จะเป็นฝ่าบาทเชียวเหรอ!”
ซ่างกวนชิงถลึงตาถามทันที “นี่เจ้ากำลังสงสัยข้าเหรอ?”
เกาก้วนตะคอกอย่างไม่เกรงใจเลยว่า “แล้วทำไมปัญหาต้องเกิดกับกัวเหยียนถิงที่ไม่ได้ออกไปทำภารกิจล่ะ? โลกนี้มีเรื่องบังเอิญเยอะขนาดนั้นเสียที่ไหน ผู้การใหญ่ให้คำอธิบายกับข้าได้หรือเปล่า? ใครกล้ารับประกันว่าเรื่องนี้ไม่มีคนเตรียมการไว้ล่วงหน้า? ตามหลักการแล้ว เจ้าคือคนที่น่าสงสัยที่สุด! แต่ฝ่าบาทไม่เอ่ยปาก หน่วยตรวจการขวาก็ไม่มีอำนาจจะสืบสวนผู้การใหญ่ ทำได้เพียงคิดหาทางนางกวักพวกเขา หน่วยตรวจการขวาทำผิดตรงไหน? ถ้าเจ้ารู้สึกว่าผิด ก็ไปฟ้องฝ่าบาทได้เลย ไม่ใช่มารบกวนการสืบคดีที่นี่!”
เมื่อกล่าวคำพวกนี้ออกมา ก็แทงใจดำทุกคำพูด ทำให้ซ่างกวนชิงเสียวสันหลังวาบ ถ้าคำพูดพวกนี้ไปถึงหูฝ่าบาท เขาก็ไม่มีทางคาดเดาได้เลยว่าฝ่าบาทจะคิดอย่างไร!
แต่เขาจะแสดงความอ่อนแอได้อย่างไร ตะคอกกลับว่า “เกาก้วน เจ้าอย่ามาพูดเพ้อเจ้อ เจ้าจะมาใส่ร้ายโดยไม่มีหลักฐานไม่ได้!”
เกาก้วนใช้ฝ่ามือผลัก แล้วชีhที่เท้าซ่างกวนชิง “ถ้ามีหลักฐานแล้วยังต้องตรวจสอบอีกหรอ? ถ้ามีหลักฐาน ผู้การใหญ่ยังจะได้ยืนพูดอยู่ตรงนี้ไหม? ถ้ามีหลักฐาน ผู้การใหญ่จะรับไหวไหมหากฝ่าบาทเดือดดาลเหมือนฟ้าผ่า?”
พูดเรื่องหลักฐานกับคนที่ชอบทรมานนักโทษแบบนี้ถือเป็นการหาเรื่องใส่ตัวโดยแท้ ซ่างกวนชิงหันหน้าหนี ไม่เถียงเรื่องนี้อีก มองไปทางคุกใหญ่พลางกล่าวเสียงต่ำว่า “ข้าจะเข้าไปดูสักหน่อย!” เขาอย่าจะเห็นว่าตอนนี้คนข้างในมีสถานการณ์อย่างไรกันแน่
เกาก้วนปฏิเสธอย่างเด็ดขาด “ไม่ได้! ผู้การใหญ่มีอิทธิพลต่อพวกเขามากเกินไป ตอนนี้ไม่เข้าไปแทรกแซงจะดีกว่า! แน่นอน ถ้าผู้การใหญ่ขอบัญชาจากฝ่าบาทมาได้ ในหน่วยตรวจการขวาก็ไม่มีที่ไหนที่ผู้ตรวจการใหญ่ไปไม่ได้ หน่วยตรวจการขวาฟังแค่คำสั่งของฝ่าบาท!”
…………………