พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2123 แพ้ย่อยยับ
พอพูดถึงเรื่องนี้หนานโปก็โมโห ตะคอกถามว่า “เจ้ายังเล่นอุบายนี้ไม่พอใช่ไหม? เหมือนเจ้าจะติดค้างอะไรบางอย่างข้านะ?”
เหมียวอี้เองก็นึกไม่ถึงว่าเหตุการณ์การแลกเปลี่ยนแบบนี้กับหนานโปจะเกิดขึ้นอีก ระยะเวลาห่างกันเพียงสั้นๆ เวรกรรมตามทันเร็วขนาดนี้ เขาเข้าใจชัดเจนมาก ว่าครั้งนี้หนานโปไม่มีทางเชื่อเขาง่ายๆ อีกเขาพลิกฝ่ามือคว้าบัวโลหิตออกมา แสงระยิบระยับบนมือ เผยให้หนานโปเห็นต่อหน้าฝูงชน
หนานโปหรี่ตาจ้อง ถ้าบอกว่าไม่หวั่นไหวก็โกหกแล้ว เมื่อได้เห็นบัวโลหิตกับตาตัวเอง หัวใจก็เต้นรัวแล้ว แต่ก็รู้เช่นกันว่าจะต้องมีชีวิตเอาไว้เสพสุขด้วย
เหมียวอี้ยื่นบัวโลหิตพร้อมบอกว่า “ข้าให้ของเจ้าได้ แต่ปล่อยคน ปล่อยพวกเขาไปซะ ถ้าไม่ปล่อยคน ก็อย่าคิดว่าจะรอดไปได้แม้แต่คนเดียว!”
เมื่อเห็นว่าเขาสื่อสารกับตนได้ปกติ หนานโปก็แอบใช้มนต์คร่าชีวิต ผลปรากฏว่าเหมียวอี้ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ในใจรู้สึกอึดอัดสงสัย เห็นได้ชัดว่าเตรียมตัวมาแล้ว จึงตะโกนทันทีว่า “ส่งบัวโลหิตมาให้ข้าก่อน!”
“ปล่อยมาก่อนหนึ่งคน!” เหมียวอี้กล่าว
เมื่อกล่าวคำนี้ออกมา ศีลแปดก็เคลื่อนไหวเรากลับเป็นบ้า ไม่รู้ว่ากำลังบอกใบ้อะไรให้ฟังนี้รู้ เหมียวอี้จึงพยักหน้าบอกว่า “ให้เขาพูด!”
หนานโปกลับเข้าใจเจตนาของศีลแปด เอียงศีรษะบอกใบ้ให้คนที่ควบคุมศีลแปด คนนั้นคลายผนึกให้ศีลแปดทันที แต่ก็ยังควบคุมศีลแปดเอาไว้
ศีลแปดตะโกนเสียงดังว่า “พี่ใหญ่ ปล่อยมู่น่าก่อน ช่วยมู่น่าก่อน ในท้องนางมีลูกของข้า นางกำลังท้องลูกของข้านะ!” เขากลัวว่าเหมียวอี้จะพาตัวเขาไปแล้วทิ้งมู่น่าไว้เป็นตัวประกัน เขารู้ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่เหมียวอี้อาจจะทำอย่างนี้
มู่น่าดีแล้ว มองเขาพลางน้ำตาไหล นางร้องไห้แล้ว
ลูก? เหมียวอี้จ้องมู่น่า จ้องที่ท้องของมู่น่า มุมปากกระตุกอย่างรุนแรง มองไปที่ศีลแปดด้วยแววตาที่เหมือนจะกินคน
หนานโปกวักมือ ให้คนคุมตัวมู่น่ามาอยู่ข้างกาย ยื่นมือลูบท้องมู่น่า รูดเสื้อผ้าตรงส่วนท้องลงไป เห็นท้องนูนขึ้นมาจริงๆ ด้วย
มู่น่าที่อยู่ใต้มือเขาทั้งตกใจทั้งกลัวจนตัวสั่นระริก
ศีลแปดเรากับเป็นบ้าไปแล้ว คำรามอย่างเกรี้ยวกราดว่า “พระปีศาจ ปล่อยมือเหม็นๆ ของเจ้า!”
หนานโปไม่แยแส ปล่อยมือแล้วมองเหมียวอี้ด้วยรอยยิ้ม “ส่งบัวโลหิตมาให้ข้าก่อน!”
เหมียวอี้พยักหน้าให้มู่น่า “เจ้าปล่อยนางก่อน แล้วข้าจะมอบของให้เจ้า”
หนานโปยิ้มเห็นฟัน ยื่นมือคว้ามู่น่าเข้ามา ใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งแนบบนแผ่นหลังมู่น่า แล้วจู่ๆ ก็เผยสิหน้าดุร้าย ดันพลังอิทธิฤทธิ์ให้พรั่งพรูออกมา
“อั้ก!” ตรงหัวใจของมู่น่าระเบิดออก มีดอกเลือดระเบิดออกมากลุ่มหนึ่ง
“ให้เจ้า!” หนานโปใช้มือข้างหนึ่งผลักมู่น่าออกไป ลงมือสังหารมู่น่าแล้ว
มู่น่าเผยอปากเล็กน้อย เบิกตากว้าง ทั้งตัวลอยออกมา ลอยไปทางฝั่งเหมียวอี้ การมองเห็นเริ่มเลือนรางทีละน้อย ปรากฏภาพป่าไม้เขียวชอุ่มที่เลือนราง นั่นคือสถานที่ที่ให้กำเนิดและเลี้ยงดูนาง เต็มไปด้วยพลังชีวิต ใบหน้าของผู้อาวุโสมู่เซินปรากฏตรงหน้านาง นั่งใต้ต้นไม้ใหญ่และบอกนางว่า “โลกภายนอกอันตรายมาก มีคนเลวเยอะ…” แล้วก็ปรากฏภาพเหตุการณ์ที่เจอกับศีลแปดครั้งแรก นางพยายามหันกลับไปมองศีลแปดอีกครั้ง แต่ภาพตรงหน้ากลับดำมืด มองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น หยดน้ำตาดุจผลึกอัญมณีหยดออกจากหางตาและล่องลอยอยู่ในดาราจักร
“…” ศีลแปดตกใจจนค้างไปเลย น้ำตาพรั่งพรูออกมา ควบคุมอารมณ์ไม่ได้แล้ว พยายามดิ้นรนสุดชีวิต ตะโกนจนคอแทบแตกว่า “มู่น่า! มู่น่า…พระปีศาจ ข้าจะสู้ตายกับเจ้า! พี่ใหญ่ ฆ่าเขาเลย ฆ่าเขา พี่ใหญ่ ข้าไม่อยู่แล้ว ฆ่าเขาให้ข้าหน่อย ท่านช่วยฆ่าเขาให้ข้าสิ ข้าขอร้อง…”
เหมียวอี้กําหมัดแน่นอยู่ในกระบอกแขนเสื้อ เม้มริมฝีปากตึงแน่น
มู่น่าลอยเข้ามา ชิงเยว่ถลันตัวออกไปอุ้มร่างที่อ่อนยวบของมู่น่าเอาไว้ มองรอยน้ำตาบนใบหน้างามวิจิตรของมู่น่าแวบหนึ่ง แล้วรีบร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจอาการ พบว่าพระปีศาจลงมือโหดเหี้ยมผิดปกติ ไม่ใช่แค่ใช้หนึ่งฝ่ามือตีทำลายหัวใจเท่านั้น แม้แต่อวัยวะภายในก็สะเทือนแตกไปด้วย สภาพภายในท้องทำให้คนพูดไม่ออก
ชิงเยว่อุ้มมู่น่ามาตรงหน้าเหมียวอี้ แล้วส่ายหน้าให้เหมียวอี้ บอกใบ้ว่าเกินเยียวยาแล้ว
ไม่รู้ว่ามีคนตั้งมากมายเท่าไรแอบประเมินปฏิกิริยาของเหมียวอี้เงียบๆ
เหมียวอี้พยักหน้าเบาๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย กำลังมองศีลแปดที่ตะโกนโวยวายราวกับเป็นบ้า ชิงเยว่เก็บศพของมู่น่าแล้วกลับมาอยู่ข้างกาย
พวกจั่วเอ๋อร์ก็ตะลึงค้างเช่นกัน นึกไม่ถึงว่าพระปีศาจหนานโปจะบ้าระห่ำขนาดนี้ ตอนทำเงื่อนไขแลกเปลี่ยนเพื่อปกป้องชีวิต ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าทำอย่างนี้
หารู้ไม่ว่าสำหรับหนานโปแล้ว เป็นเพราะเคยมีบทเรียนมาก่อน เขาไม่เชื่อเลยว่าเหมียวอี้จะปล่อยเขาไปง่ายๆ เขาก็แค่นำชีวิตของมู่น่ามาใช้ล้างแค้นสิ่งที่เหมียวอี้ทำไว้ก่อนหน้านี้ก็เท่านั้นเอง นี่ก็คือราคาเล็กน้อยที่เจ้าต้องจ่ายหลังจากปั่นหัวข้า!
หนานโปกล่าวกับเหมียวอี้ด้วยรอยยิ้มว่า “คน ข้าให้เจ้าแล้ว เอาของมาให้เขาสิ!” พูดจบก็ดึงศีลแปดออกมาอีก สกัดคอหอยศีลแปดเอาไว้เสียเลย ไม่ให้ศีลแปดกระดิกกระเดี้ยได้อีก ไม่สามารถร้องคำรามได้ ทำท่าเหมือนจะฆ่าศีลแปดได้ตลอดเวลา
ศีลแปดน้ำตาไหลไม่ขาดสาย เขานึกเสียใจทีหลัง เสียใจว่าทำไมไม่ตั้งใจฝึกตนให้ดี
“ถ้าฆ่าเขาแล้ว แล้วก็อย่าคิดว่าจะรอดชีวิออกไปได้เลย!” เหมียวอี้บอก
“เจ้าก็ลองดูได้! เร็วๆ เอาของมาให้ข้า!” หนานโปยิ้ม
สุดท้ายเหมียวอี้ก็ไม่มีทางมองดูศีลแปดตายไปต่อหน้าต่อตา สะบัดแขนเสื้อโยนบัวโลหิตออกไปแล้ว
พอบัวโลหิตลอยเข้ามาใกล้ หนานโปก็ใช้นิ้วทั้งห้าดูดเข้ามา วางบัวโลหิตไว้ตรงหน้าแล้วตรวจสอบอย่างละเอียดพักหนึ่ง ป้องกันไม่ให้เหมียวอี้เล่นตุกติก หลังจากตรวจสอบแล้ว ถึงได้ดูดเข้ามาในฝ่ามือ นำมาจ่อดมตรงจมูก แล้วร่ายอิทธิฤทธิ์ดูดเลือดสดหยดหนึ่งของมู่น่า เมื่อเลือดหยดลงบนรากบัวสีขาวหยกเปล่งประกาย เลือดก็ถูกดูดเข้าไปทันที
ตอนนี้หนานโปถึงได้เก็บบัวโลหิตไว้ เหมียวอี้ตวาดว่า “ปล่อยคน! แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป!”
หนานโปกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “ก็ได้!” เขาพลันลงมือควบคุมพลังอิทธิฤทธิ์ของศีลแปด คลายมือปล่อยให้ศีลแปดลอยไปตรงหน้า
หนานโปกางแขนสองข้างเบาๆ อ่อนโยนไร้ที่เปรียบ หน้าอกกับแผ่นหลังกลับนูนขึ้นและเลื้อยไป สุดท้ายทั้งหมดก็เลยไปตรงขวามือ ทำให้ฝ่ามือสองข้างขยายใหญ่หนึ่งหลายเท่า
“ดม!” หนานโปตะโกน แล้วใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งตบแผ่นหลังศีลแปด ในฝ่ามือเหมือนมีของบางอย่างกรอกเข้าไปในร่างกายของศีลแปด ฝ่ามือที่ขยายใหญ่ข้างนั้นกลับสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว!
“ขาด!” หนานโปตะโกนอีกครั้ง แล้วใช้ฝ่ามือตบหลังศีลแปดอีกที เหตุการณ์เหมือนกับก่อนหน้านี้
เมื่อทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ หนานโปเพิ่งจะหยุดมือ ตัวเองก็กระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง เงาร่างสั่นไหวเล็กน้อย ใบหน้าขาวซีด มีเลือดซึมออกจากรูทวารทั้งเจ็ด
ทุกคนสังเกตเห็นฉากนี้หมดแล้ว เหมียวอี้เม้มริมฝีปากแน่น ไม่รู้ว่าหนานโปกำลังทำอะไรบนตัวศีลแปด แต่ศีลแปดดูเหมือนไม่มีอันตรายถึงชีวิต
จั่วเอ๋อร์รีบประคองหนานโป “ผู้อาวุโส ท่านเป็นอะไรไป?”
หนานโปหอบหายใจพลางตอบว่า “สุดท้ายร่างนี้ก็ไม่เหมาะกับข้า ไม่สามารถใช้มหาเคล็ดวิชาของข้าได้” ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เขาไม่ได้พูด นั่นก็คือเมื่อร่างนี้ดันทุรังใช้เคล็ดวิชาของเขา ก็ได้ทำให้วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาเสียหายหนักมากแล้ว
“ปล่อยคน!” เหมียวอี้ตะคอกอย่างโมโห
หนานโปโบกมือปัดจั่วเอ๋อร์ออกไป แล้วพูดกับเหมียวอี้ด้วยรอยยิ้มว่า “คนน่ะข้าปล่อยอยู่แล้ว แต่การทำข้อตกลงกับเจ้า ถ้าไม่เชื่อเจ้า คาบูเดิมพันกับเจ้าด้วยชีวิต!”
“เจ้าจะเดิมพันยังไง?” เหมียวอี้ถามเสียงเย็น
หนานโปคว้าแขนศีลแปด “ข้าส่งตัวประกันให้เจ้าแล้ว เจ้าปล่อยพวกข้าไป ถ้ากล้าเล่นลูกไม้อะไร ข้าก็กระตุ้นสิ่งที่อยู่ในร่างกายเจ้าโจรน้อยนี้ได้ทุกเมื่อ ขอเพียงให้พวกเราหนีไปไกลได้อย่างปลอดภัยแล้ว ก็ย่อมไม่สามารถควบคุมได้ในระยะไกล เจ้าก็หาทางออกค่อยๆ คลายของที่อยู่ในตัวเขาได้เหมือนกัน”
“เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อคำพูดเจ้าหรอ?” เหมียวอี้ถาม
หนานโปบอกว่า “ดังนั้นก็ง่ายมาก ดังนั้นก็ง่ายมาก ไม่ต้องเจรจาแลกเปลี่ยนอะไร พวกเราเอาชีวิตมาเดิมพัน! เจ้าจะสังหารพวกเราตอนนี้ หรือไม่ก็หลีกทางให้พวกเราไป ข้าจะทิ้งตัวประกันไว้ให้เจ้าที่นี่!”
เหมียวอี้เงียบไปพักหนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็สะบัดแขนเสื้อ ส่งสัญญาณมือให้ทหาร
ทัพใหญ่พี่โอบล้อมหลีกทางให้เส้นทางหนึ่งทันที
หนานโปมองไปรอบๆ แวบหนึ่ง แล้วบอกกับจั่วเอ๋อร์ว่า “ไป!”
นี่คือการเดิมพันด้วยชีวิตจริงๆ พวกจั่วเอ๋อร์อกสั่นขวัญแขวน ประคองหนานโปที่ไร้เรี่ยวแรงแล้วรีบเหาะออกไปตรงช่องโหว่ที่เปิดเอาไว้
หนานโปทิ้งศีลแปดเอาไว้ตามสัญญา ไม่ได้พาไปด้วย
พวกเหมียวอี้รีบถลันตัวไปอยู่ข้างกายศีลแปด โดยเฉพาะเหมียวอี้ ใช้มือข้างเดียวคว้าข้อมือศีลแปดมาตรวจดูอาการ พบว่าร่างกายของศีลแปดสมบูรณ์ดีไม่มีอะไรเสียหาย แต่เมื่อพลังอิทธิฤทธิ์ของเขาสัมผัสในร่างกายศีลแปด เส้นชีพจรในร่างกายศีลแปดก็ปูดขึ้นมาเป็นก้อนกลมหลายก้อนทันที ภายใต้การทำงานผิดปกติภายในร่างกาย ตรงจุดที่เลือดรวมตัวกันบวมขึ้นหลายจุด ศีลแปดที่ไร้ความอาลัยอาวรณ์ในชีวิตเผยสีหน้าขื่นขมทรมานทันที
เหมียวอี้ที่เห็นความผิดปกติรีบถอนพลังอิทธิฤทธิ์ของตัวเองกลับมา ไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไร พลันเงยหน้ามองพวกพระปีศาจหนีไปไหล ภายใต้สายตาที่เฝ้าคอยของพวกชิงเยว่ สุดท้ายก็ไม่กล้าออกคำสั่งให้ไล่สังหาร ได้แต่มองพวกพระปีศาจหายไปเข้าไปในจุดลึกของดาราจักร
ถ้าจะตามอีกก็ตามได้ยากแล้ว พวกชิงเยว่แอบถอนหายใจ ไม่ง่ายเลยกว่าพระปีศาจจะมาติดกับดัก ไม่น่าเชื่อว่าจะปล่อยไปเฉยๆ อย่างนี้
ทว่าสิ่งที่เหมียวอี้สนใจยิ่งกว่าก็คือจะช่วยศีลแปดอย่างไร เขาสั่งให้คนรีบกระจายกำลังบนดาวเคราะห์ที่รกร้างดวงนั้น จัดเตรียมสถานที่ที่เหมาะแก่การพักอาศัยชั่วคราว
จนกระทั่งตรวจสอบโดยละเอียดอีกครั้ง เหมียวอี้ก็โมโหจนแทบกระอักเลือด พบว่าตัวเองตกหลุมพรางพระปีศาจแล้ว ต่อให้เขาไม่ได้ร่ายอิทธิฤทธิ์กระตุ้น ก้อนเนื้อที่นูนขึ้นมาในร่างกายศีลแปดก็ยังขยายตัวต่อไป บนผิวของศีลแปดนูนขึ้นมาหลายจุดแล้ว ขยายใหญ่ขึ้นช้าๆ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ศีลแปดต้องระเบิดกลายเป็นรูพรุนแน่นอน จะต้องตายแน่นอน
ทว่าวิธีการของพระปีศาจชั่วร้ายมาก เหมียวอี้จนปัญญาราวกับโดนมัดมือ ข้างกายเปลี่ยนยอดฝีมือมาช่วยคนแล้วคนเล่า ทุกคนล้วนส่ายหน้าว่าไม่มีทางช่วย
หารู้ไม่ว่าสำหรับพระปีศาจแล้ว ก็อย่างที่บอก เขาเคยเสียเปรียบให้เหมียวอี้แล้วครั้งหนึ่ง ไม่เชื่อเลยว่าเหมียวอี้จะปล่อยให้เขารอดชีวิตออกไป ดังนั้นจึงไม่คิดจะให้หนทางรอดกับศีลแปดเช่นกัน ด้วยเหตุนี้จึงยอมให้วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองบาดเจ็บสาหัสเพื่อดันทุรังร่ายอิทธิฤทธิ์ลงของในร่างกายศีลแปด ถ้ารอดได้ก็ถือเป็นโชค ถ้ารอดไปไม่ได้ก็ถือว่าได้ดึงลงหลุมศพมาด้วยสักคน นี่ก็คือสิ่งที่เขาเรียกว่าเดิมพันด้วยชีวิต!
พระปีศาจเดิมพันชนะแล้ว เหมียวอี้แพ้เดิมพันแล้ว แพ้ย่อยยับ!
“อามิตตาพุทธ!”
นามพระพุทธเจ้าจากปากไต้ซือศีลเจ็ดดังขึ้นข้างหลัง เหมียวอี้หันกลับไปพยักหน้าทักทายด้วยสีหน้าขรึมเครียด ตอนนี้ไม่มีอารมณ์มาสุภาพแล้ว
เห็นได้ชัดว่าเหยียนซิวได้เตรียมตัวจะจัดการกับปัญหาที่ตามมาแล้ว ปล่อยไต้ซือศีลเจ็ดออกมา เตรียมจะให้ศิษย์และอาจารย์พบกันเป็นครั้งสุดท้าย เล่าสถานการณ์ให้ศีลเจ็ดฟังแล้วเช่นกัน
ศีลแปดนอนราบบนพื้น ร่างกายขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความทรมานและสั่นเทิ้ม
หลังจากไต้ซือศีลเจ็ดคุกเข่าตรวจอาการข้างกายศีลแปด ก็ประคองศีลแปดที่เจ็บปวดแสนสาหัสให้นั่งลง ส่วนตัวเองก็นั่งขัดสมาธิตรงข้ามกับศีลแปด ใช้ฝ่ามือสองข้างประสานมือกับศีลแปดเอาไว้ ใบหน้าเผยอารมณ์เศร้าสลด หลับตาลงช้าๆ พึมพำกับตัวเองว่า “ว่างคือไม่ว่าง ไม่ว่างคือว่าง ทุกสิ่งคือความว่างเปล่า ความว่างเปล่าคือทุกสิ่ง มิยึดถือธรรมลักษณ์ มิยึดถืออธรรมลักษณ์ มิยึดติดก็มิแยกจาก หากข้าไม่ลงนรก แล้วใครจะลงนรก…”
ศีลแปดส่งเสียงครางออกมา เห็นได้ชัดว่ายิ่งเจ็บปวดขึ้นเรื่อยๆ เห็นเพียงจุดที่นูนบนตัวศีลแปดเริ่มไหลกลิ้ง ไหลไปทางฝ่ามือ แต่ละก้อนไหลจากฝ่ามือสองข้างไปบนแขนของไต้ซือศีลเจ็ด ไหลไปบนร่างกายของไต้ซือศีลเจ็ดแล้ว
………………