พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2145 ขัดบัญชา
เมื่อเห็นประมุขชิงเดินออกมาจากห้องด้วยสีหน้าขึงขัง ซ่างกวนชิงกับซือหม่าเวิ่นเทียนก็โค้งตัวเล็กน้อยเพื่อต้อนรับ
“สนมสวรรค์ยังสบายดีหรือไม่ครับ?” ซ่างกวนชิงถามหยั่งเชิง
ประมุขชิงจ้องเขาอย่างเย็นเยียบ แล้วถามอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “นางตัวแสบนั่งอยู่ที่ไหน?”
ซือหม่าเวิ่นเทียนก้มหน้าเงียบๆ ย่อมรู้ว่า ‘นางตัวแสบ’ หมายถึงใคร
ซ่างกวนชิงไม่กล้าบอก เมื่อครู่นี้เขาเพิ่งได้ข่าว ว่าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ไปพาลก่อเรื่องที่พระตำหนักอุทยาน พอไปหาแล้วไม่เจอประมุขชิง ก็ทำลายเรือนที่พระตำหนักอุทยานพังไปหลายหลัง อู๋ฉวี่สั่งให้คุมตัวเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ไว้แล้ว ไม่อย่างนั้นเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็อาจจะพังทั้งพระตำหนักอุทยานได้
โชคดีที่ซ่างกวนชิงเตรียมตัวไว้ก่อนพอ ปล่อยเซี่ยโห้วเฉิงอวี่เข้าพระตำหนักอุทยานไป ก็ปิดข่าวทันที ไม่ให้ใครรู้ความเคลื่อนไหวในพระตำหนักอุทยาน เพราะเขาเดาออกแล้วว่าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่จะก่อเรื่อง
ประมุขชิงพลันปะทุอารมณ์ ชี้ไปด้านนอกพร้อมคำรามอย่างเกรี้ยวกราด “ถ่ายทอดคำสั่งข้า ประหารนางตัวแสบนั่นซะ!”
ซ่างกวนชิงก้มหน้าแล้วเช่นกัน ไม่กล้าพูดอะไรเหมือนกับซือหม่าเวิ่นเทียน ต่างก็ไม่กล้าถ่ายทอดคำสั่งนี้ลงไป ถ้าถ่ายทอดคำสั่งนี้ลงไปจริงๆ ก็ต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่นอน ตระกูลเซี่ยโห้วจะเดือดร้อนมาก ใต้หล้าวุ่นวายใหญ่โต ยังต้องการอำนาจนี้อยู่หรือเปล่า?
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครเอ่ยรับคำสั่ง ไฟโกรธในใจประมุขชิงก็ปะทุรุนแรงยิ่งขึ้น เตะซ้ายเตะขวา เตะซ่างกวนชิงกัลซือหม่าเวิ่นเทียนลงบันไดไป
ทั้งสองไถลตัวลุกขึ้นมา แล้วก็ก้มหน้ายืนอยู่อย่างนั้นอีก ยังไม่กล้าพูด ต่างก็รู้ว่าประมุขชิงกำลังหัวร้อน ยอมให้ประมุขชิงลงไม้ลงมือกับตัวเองสักยกให้ใจเย็นลงสักหน่อย ดีกว่าช่วยประมุขชิงที่กำลังหัวร้อนถ่ายทอดคำสั่ง
ประมุขชิงกลับโมโหจนระเบิดอารมณ์แล้ว ชี้พวกเขาสองคนด้วยนิ้วที่สั่นเทิ้ม “พวกเจ้า…พวกเจ้า…พวกเจ้าทุกคนไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาแล้วใช่ไหม? ทหาร! ทหาร!” เสียงคำรามเกรี้ยวกราดดังขึ้นต่อเนื่อง สะเทือนพระตำหนักอุทยาน
ทหารสวรรค์กลุ่มหนึ่งวิ่งกรูเข้ามาจากสี่ด้านอย่างรวดเร็ว กุมหมัดคารวะรับคำสั่ง
ซ่างกวนชิงกับซือหม่าเวิ่นเทียนหันไปมอง แล้วแอบร้องในใจ คนพวกนี้ไม่ได้รับการควบคุมจากพวกเขา
ประมุขชิงโบกมือชี้ไปทางพระตำหนักอุทยาน พลางตะโกนสั่งอย่างโมโห “ถ่ายทอดคำสั่งของข้า ประหารนางตัวแสบนั่นซะ ฆ่าไม่ละเว้น!”
กลุ่มทหารพูดไม่ออก สบตากันเงียบๆ แวบหนึ่ง ที่ตำหนักเย็นเกิดความเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนั้น พวกเขาย่อมรู้เช่นกันว่า ‘นางตัวแสบ’ หมายถึงใคร แต่ว่าจะฆ่าราชินีสวรรค์เหรอ? จริงเหรอ? พวกเขาลังเลนิดหน่อย แต่พวกเขาไปเทียบกับซ่างกวนชิงและซือหม่าเวิ่นเทียนไม่ได้ พวกเขารับผลที่ตามมาจากการขัดคำสั่งไม่ไหว
ภายใต้ความจนใจ ทหารทุกคนกำลังจะเอ่ยรับคำสั่ง จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงราบเรียบอันน่าเกรงขามดึงขึ้น “ช้าก่อน!”
ทุกคนหันกลับไปมอง เห็นเพียงอู๋ฉวี่ปรากฏตัวอยู่นอกประตูใหญ่ กำลังเดินเข้ามาช้าๆ อย่างองอาจผึ่งผาย พอซ่างกวนชิงกับซือหม่าเวิ่นเทียนเห็นเขามา ทั้งสองก็แอบโล่งอก ถ้าคนที่มีอำนาจทางทหารมาแล้วก็จัดการง่าย
อู๋ฉวี่ที่เดินเข้ามาท่ามกลางกลุ่มคนโบกมือไปทางซ้ายและขวา “ถอยออกไปให้หมด!”
เขารู้สถานการณ์แล้ว เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ถูกเขาควบคุมไว้แล้ว ที่จริงเขารู้เรื่องที่ตำหนักเย็นแล้ว อย่างไรเสียคนที่เฝ้าอยู่ที่นี่ก็เป็นคนของเขาทั้งหมด
“รับทราบ!” กลุ่มกำลังพลที่เพิ่งเข้ามาเอ่ยรับคำสั่ง แล้วก็หายไปหมดสิ้นอีกครั้งราวกับกระแสน้ำ
ประมุขชิงจ้องอู๋ฉวี่ด้วยสายตาเกรี้ยวโกรธ
อู๋ฉวี่เดินมากุมหมัดคารวะตรงคีนบันได “ข้าน้อยคารวะฝ่าบาท!”
“เจ้า…” ประมุขชิงโบกมือชี้เขา “หรือเจ้าคิดจะขัดบัญชาข้าเพื่อช่วยนางตัวแสบนั่น!”
“ข้าน้อยมิกล้าขัดบัญชา!” อู๋ฉวี่กุมหมัดคารวะพลางส่ายหน้าอย่างจนใจ “เพียงแต่วังสวรรค์ไม่มีนางตัวแสบนั่น ราชินีสวรรค์ก็ยิ่งไม่ใช่นางตัวแสบ เหนียงเหนียงคือราชินีสวรรค์ซึ่งเป็นมารดาแห่งใต้หล้า จะเป็นนางตัวแสบได้อย่างไรขอรับ!”
เมื่อพบว่าไม่มีใครฟังคำสั่งตัวเอง ประมุขชิงก็โมโหไม่เบา เขาชี้หน้าทั้งสามทีละคน ตวาดเสียงดุดัน “พวกเจ้าคิดจะก่อกบฏใช่ไหม?”
อู๋ฉวี่ส่ายหน้า “ข้าน้อยมิบังอาจ!”
“เจ้าเองก็อยากจะอาศัยกำลังทหารแข็งข้อต่อเบื้องบนเหมือนกันเหรอ? คิดว่าข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้หรือไง?” ประมุขชิงตำหนิอย่างขุ่นเคือง
อู๋ฉวี่ถอนหายใจ “ข้าน้อยไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้นเลย ตอนนี้ต่อให้ฝ่าบาทถ่ายทอดคำสั่งถอดตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์ขวา ข้าน้อยก็ไม่กล้าบ่นแม้แต่น้อย”
“เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าเหรอ?” ประมุขชิงกัดฟัน
อู๋ฉวี่พูดเกลี้ยกล่อมไม่ยอมหยุด “ฝ่าบาท! ไม่ควรทำให้เรื่องนี้ใหญ่โต ตอนนี้ข้าน้อยสั่งให้ปิดข่าวเรื่องนี้กับโพ่จวิน ถ้าฝ่าบาททำให้เรื่องราวใหญ่โตแล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงว่าตระกูลเซี่ยโห้วจะทำยังไง โพ่จวินไม่ยอมให้ทรายเข้าตาหรอก ต้องนำคนบุกเข้าตำหนักเย็นมาหั่นบดเนื้อสนมสวรรค์แน่นอน ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้วยังไม่ฆ่าสนมสวรรค์ โพ่จวินจะต้องไม่หยุดแน่ ถ้าโพ่จวินใช้กำลังทหารเกลี้ยกล่อม ฝ่าบาทก็เท่ากับทำร้ายสนมสวรรค์นะขอรับ!”
คำพูดนี้พูดได้ดีมาก ซือหม่าเวิ่นเทียนตาสว่างทันที รีบกุมหมัดคารวะ “ใช่แล้ว! ฝ่าบาท ต่อให้ท่านไม่พิจารณาเพื่อสิ่งอื่น แต่ก็ต้องพิจารณาเพื่อสนมสวรรค์สิ เหตุใดต้องทำให้สนมสวรรค์ลำบากไปด้วยทั้งที่ไม่ผิดอะไร?”
พอเอ่ยถึงชื่อเจ้าคนน่าตายอย่างโพ่จวิน ประมุขชิงก็ใบหน้ากระตุก เขาจินตนาการออกแล้ว ถ้าให้โพ่จวินรู้ว่าฝั่งนี้ทำให้เรื่องราวใหญ่โตเพราะเรื่องประเภทนี้ จะต้องมองว่าจ้านหรูอี้เป็นคนอัปมงคลที่่ก่อหายนะให้วังหลังแน่นอน เจ้าคนน่าตายนั่นจะต้องใช้กำลังทหารแก้ปัญหาแน่นอน เรื่องนี้ใช่ว่าโพ่จวินจะไม่เคยทำมาก่อน ครั้งก่อนนำกำลังทหารมาล้อมวังสวรรค์ แทบจะทำให้เขาหาทางลงไม่เจอ
ซ่างกวนชิงก็ถอนหายใจเช่นกัน “ฝ่าบาท ยังมีทางองค์ชายหยวนจุนอีก ถ้าราชินีสวรรค์เป็นอะไรไป ให้องค์ชายทนความรู้สึกได้อย่างไร! นั่นคือมารดาขององค์ชายนะขอรับ!”
ตรงนั้นเหลือเพียงเสียงลมหายใจที่หนักอึ้งของประมุขชิง ประมุขชิงหน้าอกกระเพื่อมถี่กระชั้น
หยินซวงแนบหูแอบฟังบทสนทนาอยู่ในประตูตำหนักบรรทมที่แง้มไว้ รู้สึกได้ว่าประมุขชิงข่มไฟโกรธได้แล้ว นางแอบด่าพวกอู๋ฉวี่ทันทีว่าทำเสียเรื่อง ที่จริงนางทนความโกรธที่ได้รับความอัปยศในหุบเขาก่อนหน้านี้ไม่ได้ อาศัยความรักที่ประมุขชิงมีต่อจ้านหรูอี้ นางหวังให้เรื่องนี้ลุกลามใหญ่โต ให้ประมุขชิงฆ่าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ทิ้งด้วยอารมณ์โกรธ เห็นอยู่กับตาว่าเรื่องนี้จะสำเร็จแล้ว ผลปรากฏว่าโดนตาแก่น่าตายสามคนขัดขวางไว้แล้ว
เมื่อเห็นว่าทำให้สำเร็จอย่างเดียว หยินซวงก็ย่องกลับเข้ามาข้างเตียง แอบด่าประมุขชิงว่าไร้ประโยชน์ ไม่น่าเชื่อว่าจะถูกลูกน้องสามคนบงการ ไม่น่าเชื่อว่าราชันสวรรค์ผู้สง่าผ่าเผยจะออกคำสั่งไม่สำเร็จ
นางเพียงนึกถึงความรู้สึกส่วนตัวที่อยากล้างแค้น แต่กลับไม่รู้ว่าการบุกยึดใต้หล้านั้นง่ายแต่การปกครองใต้หล้านั้นยาก เรื่องนี้ยากที่จะทำให้ทั่วถึงมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว!
ตอนที่บุกยึดใต้หล้าทุกคนล้วนทำเพื่อนเป้าหมายเดียวกัน ใจคิดไปทางเดียวกันได้ง่าย ร่วมแรงในที่เดียวกันได้ง่าย แต่พอบุกยึดใต้หล้าได้แล้ว รูปแบบของผลประโยชน์ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างแล้ว จะคิดอะไรให้เรียบง่ายเหมือนเมื่อก่อนอีกก็ยากแล้ว
แต่พอนึกถึงตอนที่อู๋ฉวี่เอ่ยถึงโพ่จวิน นางก็กลัวเช่นกัน ครั้งก่อนโพ่จวินใช้กำลังทหารแก้ปัญหา ไม่เพียงแค่ทำให้นางตกใจมาก แต่ทั้งวังหลังถูกโพ่จวินทำให้ตกตะลึงพรึงเพริด ผู้หญิงบางคนที่อยากจะฉวยโอกาสสร้างผลงานตอนสถานการณ์วุ่นวายจะเคยเห็นสถานการณ์นี้เสียทที่ไหนกัน พากันตกใจจนเลิกคิดใช้อุบายตื่นๆ แล้ว!
“กับบริเวณนางตัวแสบนั่นไว้ที่ตำหนักนารีสวรรค์ ถ้าไม่มีบัญชาจะข้า ก็ห้ามออกจากตำหนักแม้แต่ก้าวเดียว!” ประมุขชิงกัดฟัน เป็นเรื่องยากมากที่เขาจะทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น!
อู๋ฉวี่ยังคิดจะพูดอะไรอีก แต่พอสบกับสายตาที่เย็นเยียบของประมุขชิง ก็จำต้องปล่อยผ่านไป รู้ว่าประมุขชิงยอมถอยให้มากที่สุดแล้ว ถ้ายังไม่ฟังคำสั่งอีก เมื่อเห็นว่าคำสั่งของตัวเองไม่มีประโยชน์โดยสิ้นเชิงแล้ว ก็เกรงว่าจะยั่วโมโหท่านนี้อีก ทำได้เพียงกุมหมัดคารวะเอ่ยรับคำสั่ง “ข้าน้อยน้อมรับบัญชา!”
เมื่อรอได้ครู่เดียว ประมุขชิงก็เรียกหัวหน้าทหารอารักขาที่เฝ้าที่นี่มาอีก
แม่ทัพยืนห้อยมือก้มหน้า ปกป้องจ้านหรูอี้ไม่ได้ ปล่อยให้จ้านหรูอี้โดนทำร้ายจนกลายเป็นอย่างนี้ แทบจะโดนราชินีสวรรค์สังหารแล้ว มิหนำซ้ำเขาก็ไม่รู้ว่าประมุขชิงจะลงโทษเขาอย่างไร ในใจหวาดระแวงกลัวมาก
ประมุขชิงจ้องเขาด้วยแววตาที่เหมือนจะมีไฟลุก ชอบในความสามารถของเขา จึงให้เป็นทหารอารักขาความปลอดภัยของจ้านหรูอี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะปล่อยให้จ้านหรูอี้รับความทรมานอย่างนี้ ประมุขชิงอยากจะออกคำสั่งให้ลากไปประหารจริงๆ แต่พอนึกถึงสิ่งที่สาวใช้สองคนบรรยาย ถ้าไม่ใช่เพราะท่านนี้ฝืนช่วยจ้านหรูอี้มากจากมือเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ จ้านหรูอี้ก็คงไม่เหลือชีวิตอยู่แล้ว ถ้าเปลี่ยนเป็นคนทั่วไป เกรงว่าคงไม่มีใครกล้าเสี่ยงล่วงเกินราชินีสวรรค์เพื่อช่วยคน เพราะนั่นคือการลงมือกับราชินีสวรรค์!
พอนึกถึงจุดนี้ ประมุขชิงก็บอกเพียงว่า “ตบรางวัลอย่างงาม!”
แม่ทัพเงยหน้าอย่างงุนงง หลังจากแน่ใจแล้ว เรื่องรางวัลนั้นเอาไว้ก่อน ในใจราวกับได้ปล่อยหนหนักอึ้งทิ้งลงพื้น
ทว่าพอหันกลับมา อู๋ฉวี่ก็เดินมาหาเขาอีก แล้วเตือนว่า “ในเมื่อฝ่าบาทเอ่ยปากแล้ว ก็ย่อมต้องตบรางวัล แต่เจ้าก็รู้เบื้องหลังของราชินีสวรรค์ เจ้าลงมือกับราชินีสวรรค์แล้ว ตามกฏแล้วฝ่าบาทอาจจะช่วยประนีประนอมให้เจ้าได้ แต่ครั้งนี้แตะขีดจำกัดของตระกูลเซี่ยโห้วแล้ว ตระกูลเซี่ยโห้วอาจจะไม่ปล่อยเจ้าไป ถ้าประกาศให้รางวัลกับเจ้าตอนนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องดีต่อตัวเจ้าเหมือนกัน รอให้ช่วงเวลานี้ผ่านไปก่อนแล้วค่อยให้รางวลัเจ้า แล้วเจ้าก็อยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว ตระกูลเซี่ยโห้วไม่สะดวกจะแตะต้องเจ้าอย่างเปิดเผย แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะลอบทำร้ายไม่ได้ ทางครอบครัวเจ้า ข้าเตรียมให้ย้ายที่อยู่แล้ว ต่อไปนี้เจ้าก็มาอยู่ที่ศูนย์บัญชาการองครักษ์ขวาแล้วกัน เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง ไม่ให้เจ้าได้รับความลำบากโดยสูญเปล่าหรอก”
“ข้าน้อยเข้าใจ ขอบคุณนายท่านผู้บัญชาการองครักษ์ขวา” แม่ทัพกุมหมัดคารวะ
“ครั้งนี้ทำให้เจ้าลำบากแล้ว” อู๋ฉวี่ยกมือขึ้นตบบ่าเขาพลางถอนหายใจ ขณะเดียวหันก็หันกลับไปมองตำหนักเย็นแวบหนึ่ง คนที่ครอบครองใต้หล้า ไม่น่าเชื่อว่าก่อเรื่องวุ่นวายเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่รู้จริงๆ ว่าจะว่าประมุขชิงอย่างไรดี ถ้าให้โพ่จวินรู้เรื่องนี้ จะต้องประณามว่าจ้านหรูอี้เป็นคนอัปมงคลแน่นอน มองจ้านหรูอี้เป็นหญิงหายนะที่ทำให้ใต้หล้าวุ่นวาย
ทว่าในใจอู๋ฉวี่ก็รู้ชัดเช่นกัน ตัวอัปมงคลหรือหญิงหายนะอะไรนั่นไม่เกี่ยวกับจ้านหรูอี้ แล้วจ้านหรูอี้ก็ไม่ได้ทำผิดอะไร เป็นเพราะมีผู้ชายคนหนึ่งมาชอบนางเท่านั้น นางถึงขั้นไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธด้วยซ้ำ ที่จริงตั้งแต่สมัยโบราณนานมา ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนที่เข้ามาอยู่ท่ามกลางการต่อสู้ทางอำนาจแบบนี้ ต่องดงามกว่านี้หรือเป็นที่โปรดปรานกว่านี้ก็ล้วนเป็นเรื่องจอมปลอม ถ้าไม่มีกำลังที่จะปกป้องตัวเอง ก็จะกลายเป็นคนที่โชคร้ายที่สุดได้ง่ายๆ บาปล้วนต้องมีแพะมารับ ราชันไม่ผิด ขุนนางไม่ผิด เช่นนั้นคนผิดมีเพียงแค่นางเท่านั้น!
แม้ในใจลึกๆ เขาจะเห็นใจจ้านหรูอี้เช่นกัน แต่ถ้าคำนึงถึงสถานการณ์ภาพรวม เขาก็ไม่คิดว่าประมุขชิงจำเป็นต้องมีรักแท้อะไร คนที่อยู่ในตำแหน่งอย่างประมุขชิง เดิมทีสิ่งที่เรียกว่ารักแท้ก็คือคำขอที่เกินตัวอยู่แล้ว เขาเองก็คิดว่าจ้านหรูอี้ไม่ควรใช้ฐานะผู้หญิงอ่อนแอมาปรากฏตัวอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ วังสวรรค์คือศูนย์กลางของการต่อสู้ทางอำนาจในใต้หล้า ถ้าอยู่ที่วังสวรรค์โดยไม่มีอำนาจหนุนหลัง ก็ถือเป็นเรื่องเด็กเล่นแท้ๆ เลย พออิ๋งจิ่วกวงล้มลง จ้านหรูอี้ก็สมควรถูกฆ่า สมควรตาย ไม่อย่างนั้นก็มีแต่จะทำร้ายทั้งคนอื่นทำร้ายทั้งตัวเอง!
แต่จนใจที่เรื่องบางเรื่องโพ่จวินสามารถทำได้ แต่ไม่ใช่ว่าคนอื่นจะทำได้
“ผู้บัญชาการองครักษ์ขวา ฝ่าบาทเชิญ!” ทหารคนหนึ่งออกจากตำหนักเย็นมากุมหมัดคารวะรายงาน
อู๋ฉวี่พยักหน้า เดินก้าวยาวเข้าไปข้างใน
ในตำหนักหลักของตำหนักเย็น ประมุขชิงเอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาด้วยสีหน้าเย็นเยียบ
ก่อนหน้านี้ตอนเกิดอารมณ์ชั่ววูบก็ยังไม่รู้สึกอะไร รอจนกระทั่งใจเย็นลงแล้ว เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล ไม่ได้ธรรมดาเหมือนที่เห็นภายนอก ตอนแรกเซี่ยโห้วเฉิงอวี่บอกว่าจะมาหาเขาที่พระตำหนักอุทยาน ทำไมถึงอ้อมมาตำหนักเย็นได้ล่ะ? ปกติจ้านหรูอี้ก็ไม่ออกจากตำหนักเย็นด้วย ทำไมเซี่ยโห้วเฉิงอวี่บังเอิญมาเจอจ้านหรูอี้ตอนออกมาข้างนอกยามพลบค่ำและเกิดเรื่องนี้ขึ้นพอดี?
…………………