พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2153 น่าขำนักเหรอ?
อยู่ดีๆ ก็มีพี่สาวและหลานชายเพิ่มขึ้นมา สำหรับหยางชิ่ง ความรู้สึกนี้ยากจะบรรยายได้ แต่หน้าที่ที่ควรจะรับผิดชอบก็ยังต้องทำให้ดีที่สุด บอกไว้แล้วว่าจะไปขอยืมอาณาเขตจากหนิวโหย่วเต๋อให้ เดิมทีหยางชิ่งไม่สะดวกจะโผล่หน้ามา ทว่าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ไม่เคยทำเรื่องที่ใหญ่โตขนาดนี้มาก่อน นางรู้สึกไม่มั่นใจ ต้องการดึง ‘น้องชาย’ ให้มาช่วยเหลือ ยากจะปฏิเสธการเชื้อเชิญ หยางชิ่งจนปัญญา ทำได้เพียงยอมนาง
พอฝั่งนี้ออกเดินทาง เหมียวอี้ก็ย่อมได้รับข่าวและเตรียมตัว เห็นได้ชัดว่าไม่สะดวกจะทำให้เอิกเกริก จึงเตรียมการอย่างลับๆ
ที่จริงไม่มีความจำเป็นนี้เลย ในเมื่อจะแสดงละครก็ต้องทำให้ครบถ้วน ยังต้องให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่มาขอร้องสักครั้ง
ก่อนหน้านี้ไม่ว่าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่จะไปที่ไหน ก็ล้วนมีคนล้อมหน้าล้อมหลัง มีทหารอารักขาเรียงรายเหมือนผืนป่า มีหน้ามีตามาก ครั้งนี้มาที่ดาวอ๋องสวรรค์หนิวเงียบๆ แล้วก็เข้ามาในจวนท่านอ๋อง เป็นสวนดอกไม้ขนาดเล็กที่เหมียวอี้พบกับเถิงเฟย เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ที่ปลอมตัวมาแล้วก็เข้าไปในห้องเล็กก่อนเพื่อคือโฉมหน้าเดิม
โถงหลัก หยางชิ่งเจอกับเหมียวอี้และฮูหยินอีกครั้ง กุมหมัดคารวะ
เหมียวอี้กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เจ้าไปเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับผู้หญิงคนนั้นได้ยังไง? พี่สาวของเจ้าคนนี้ไม่ใช่คนที่ใจกว้างอะไรหรอกนะ” ก่อนจะมาหยางชิ่งก็ได้บอกข่าวไว้ล่วงหน้าแล้ว
“เอ่อ! ได้พี่สาวเพิ่มคนเดียวเสียที่ไหนกัน ยังมีหลานชายเพิ่มมาอีกหนึ่งคน…” หยางชิ่งถอนหายใจแล้วเล่าความเป็นมาของเรื่องนี้ให้ฟัง บอกว่านึกไม่ถึงว่าจู่ๆ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่จะใช้วิธีการนี้ โจมตีจนเขารับมือไม่ถูก ภายใต้สถานการณ์แบบนั้นถ้าตัวเองปฏิเสธไป ก็กลัวว่าสองแม่ลูกจะคิดมาก
ขั้นตอนระหว่างนั้นทำให้เหมียวอี้รู้สึกบันเทิง อวิ๋นจือชิวเอามือปิดปากกลั้นขํา แต่ก็ยังขำจนไหล่สั่น กล่าวปนเสียงหัวเราะว่า “ข้ารู้แต่ว่านางโหดร้ายมากตอนอยู่ที่วังสวรรค์ ไม่รู้ว่ามีนางสนมกับนางกำนัลผู้บริสุทธิ์ถูกนางทรมานอย่างทารุณจนตายไปตั้งเท่าไหร่ นึกไม่ถึงว่ายังมีด้านอ่อนโยนอย่างนี้อยู่ด้วย”
หยางชิ่งหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
“นางไม่เคยมีประสบการณ์กับเหตุการณ์แบบนี้ เจ้าไปคอยดูเอาไว้หน่อยเถอะ ไม่อย่างนั้นนางจะไม่มั่นใจ” เหมียวอี้กล่าวกลั้วหัวเราะ
“ขอรับ!” หยางชิ่งที่รายงานข่าวแล้วกุมหมัดคารวะถอยออกไป
ประตูเปิดออกเสียงดังแกร๊ก เมื่อเห็นหยางชิ่งรออยู่ด้านนอก เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็โล่งอก ก่อนหน้านี้นางวิตกกังวลเล็กน้อย
ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนแล้ว มาเพื่อขอร้องอย่างแท้จริง ภายใต้คำแนะนำของหยางชิ่ง นางไม่ได้พาสาวใช้ข้างกายอย่างเอ๋อเหมยและคนอื่นๆ มาด้วยสักคน พวกทหารอารักขาก็ไม่ได้พามาเช่นกัน กังวลว่าจะเชื่อถือไม่ได้ ป้องกันไม่ให้มีข่าวหลุด แทบจะนับว่ามาคนเดียว ถ้าหนิวโหย่วเต๋อมีเจตนาอะไรไม่ดีต่อนาง ก็ถือว่าเรียกฟ้าฟ้าไม่ตอบ เรียกดินดินไม่ขาน หยางชิ่งกลายเป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวของนางแล้ว
ตั้งแต่นางแต่งงานเข้าวังสวรรค์ ก็แทบจะไม่เคยทำอะไรคนเดียวอย่างนี้เลย ไม่คุ้นชินกับการทำงานแบบนี้เช่นกัน แต่เพื่องานใหญ่ นางได้แต่แข็งใจทำแล้ว
หยางชิ่งมองสำรวจเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ศีรษะจดเท้าแวบหนึ่ง ในใจรู้สึกสะท้อนใจอยู่บ้าน นับว่าปฏิบัติต่อผู้หญิงคนนี้อย่างไม่ยุติธรรมแล้ว แม้จะกลับมาใช้เครื่องประทินโฉมเหมือนเดิม แต่ก็ถอดเครื่องแต่งกายราชินีสวรรค์ที่น่าเกรงขามและล้ำเลิศกว่าผู้อื่นแล้ว แต่งตัวเรียบง่ายเหมือนสตรีผู้ร่ำรวยคนหนึ่งเท่านั้น อย่างไรเสียการจะมาขอร้องคนอื่นก็ต้องมีท่าทางเหมือนมาขอร้อง
แต่จะว่าไปแล้ว ในสายตาหยางชิ่ง เซี่ยโห้วเฉิงอวี่แต่งกายเรียบง่ายกลับดูดีกว่าตอนแต่งกายรุงรังฟุ่มเฟือย เดิมทีเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็ไม่ใช่สาวงามอยู่แล้ว เครื่องแบบราชินีสวรรค์ทำให้นางดูเหมือนวาดงูเติมขา ถอดเครื่องแต่งกายอลังการออก รูปร่างก็นับว่าไม่เลว หน้าอกอิ่มเอิบก้นงอน สมบูรณ์ได้สัดส่วน เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ผิวเนียนละเอียดอ่อน ในบรรดาผู้หญิงของตระกูลเซี่ยโห้ว นางนับว่าหน้าตาอยู่ระดับต้นๆ เพียงแต่เครื่องหน้าแย่ไปหน่อย
อย่างไรเสียในปีนั้นก็เป็นผู้หญิงที่ตระกูลเซี่ยโห้วส่งไปแต่งงาน คงไม่ดีหากจะทำให้ประมุขชิงรังเกียจเกินไป ในด้านหน้าตาก็ต้องพอไปวัดไปวาได้สักหน่อย เจ้าคงจะเลือกคนที่ทำให้ประมุขชิงเห็นแล้วหมดอารมณ์ เจอแล้วหยากหลบไม่ได้หรอก ราชินีสวรรค์เชียวนะ ยังต้องมีท่าทางของราชินีสวรรค์อยู่บ้าง
“เหนียงเหนียง! ท่านอ๋องกับหวังเฟยกำลังรอท่านอยู่!” หยางชิ่งกล่าวเตือนพลางโค้งตัวเล็กน้อย เพื่อทำลายความหวาดระแวงของเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ด้วย เขาเองก็แสร้งแนะนำเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ว่าอย่าให้เหมียวอี้รู้ว่าพวกเขาเป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่พยักหน้าเบาๆ ถามอย่างกังวลเล็กน้อยว่า “ท่านบุรุษ คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงใช่ไหม?”
หยางชิ่งบอกว่า “ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงจริงๆ เช่นนั้นก็ช่วยไม่ได้ เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านอ๋องที่นี่ ข้าต้องพูดโดยยืนอยู่ฝั่งท่านอ๋อง ไม่สะดวกจะเตือนอะไรท่านอีก แต่ตราบใดที่เหนียงเหนียงจำได้ว่าก่อนหน้านี้ถ้าให้ท่านโน้มน้าวและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้ายังไง ปัญหาก็น่าจะมีไม่มาก…เหนียงเหนียง ครั้งนี้ท่านมาขอร้องคนอื่น ก็ได้โปรดสำรวมท่าทีไว้หน่อย ท่านอ๋องเป็นขุนนางใหญ่ที่กุมอำนาจทหารเอาไว้ เป็นคนที่ใช้ไม้แข็งด้วยไม่ได้”
“ทราบแล้ว ข้าเข้าใจเรื่องนี้อยู่แล้ว ไม่ทำให้งานของตัวเองพังหรอก” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่พยักหน้า
“เชิญตามข้ามา” หยางชิ่งยื่นมือเชิญ แล้วค่อยนำทางอยู่ข้างๆ
คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปจากสวนนี้หมดแล้ว ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครพบว่าราชินีสวรรค์มาที่นี่ เดินมาตลอดทางจนถึงด้านนอกโถงหลัก พอเหมียวอี้กับฮูหยินเห็นก็ก้าวขึ้นมากุมหมัดคำนับทันที “คำนับราชินีสวรรค์!”
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่รีบผายมือให้ยืนตัวตรง “ข้ามาครั้งนี้เพื่อพบสหายเป็นการส่วนตัว ท่านอ๋อง หวังเฟยไม่ต้องมากพิธี เห็นข้าเป็นแขกธรรมดาคนหนึ่งก็พอ” นับว่ามีท่าทีสงบเสงี่ยมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คนที่ตบจ้านหรูอี้อย่างเอาเป็นเอาตาย คนที่ไม่ไว้หน้าแม้แต่ประมุขชิง
สองสามีภรรยาบอกว่ามีบางอา เชิญให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ขึ้นนั่งที่เบื้องบน ไม่เหมือนเถิงเฟยก่อนหน้านี้ที่มีฐานะใกล้เคียงกัน สามารถดื่มสุราพูดคุยกันได้ ตอนนี้อวิ๋นจือชิวนำน้ำชามาวางด้วยตัวเอง เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ฉวยโอกาสคว้าข้อมืออวิ๋นจือชิว นำกำไลเก็บสมบัติวงหนึ่งยัดใส่มือนาง “มาที่นี่ตามอำเภอใจ ไม่ได้เตรียมของขวัญอะไรไว้ นี่คือน้ำใจเล็กน้อย จือชิวดูสิว่าชอบหรือเปล่า”
การที่นางมาส่งของขวัญให้ด้วยตัวเอง นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน ยามปกติล้วนเป็นการประทานรางวัล อีกทั้งของขวัญในครั้งนี้ก็นับว่าทุ่มทุนด้วย แม้จะเทียบไม่ได้กับทรัพยากรที่เหมียวอี้มอบให้ชิงหยวนจุน แต่นับว่าเป็นของขวัญล้ำค่าแน่นอน ในจำนวนนั้นมีสมบัติหายากของวังสวรรค์อยู่ไม่น้อย ล้วนเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของนาง เพื่อให้เรื่องนี้สำเร็จ ครั้งนี้นางแข็งใจควักออกมาแล้วไม่น้อย
หลังจากอวิ๋นจือชิวเห็นแล้ว ก็รีบปฏิเสธว่า “ของขวัญที่ล้ำค่าเกินไป มิบังอาจรับจริงๆ เพคะ”
“ถ้าเทียบกับที่ท่านอ๋องดูแลองค์ชาย สิ่งนี้นับว่าเป็นของขวัญล้ำค่าอะไรกัน หรือว่าน้องสาวดูถูกข้า?” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ทำสีหน้าเหมือนตกใจ
ทั้งสองผลักไสเล็กน้อย สุดท้ายก็ฝืนยัดของขวัญให้อวิ๋นจือชิวจนได้ อวิ๋นจือชิวทำได้เพียงขอบคุณเช่นกัน
หลังจากพูดจาทักทายตามมารยาทพักหนึ่ง เซี่ยโห้วเฉิงอวี่พูดประเด็นหลัก นั่นก็คือขอความช่วยเหลือจากเหมียวอี้
กับเรื่องแบบนี้เหมียวอี้จะตอบตกลงง่ายๆ ได้อย่างไร นี่คืออาณาเขตหนึ่งสายเชียวนะ ในมือเขามีอาณาเขตทั้งหมดสามสายเท่านั้นเอง ถ้าตอบตกลงเร็วเกินไปก็จะทำให้คนสงสัยได้ง่าย
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ย่อมขอร้องอย่างลำบากลำบน นับว่าปล่อยวางศักดิ์ศรีแล้ว แม้แต่หน้าตาศักดิ์ศรีก็ไม่เอาแล้ว เหตุการณ์นี้นางใช้กับประมุขชิงและหัวหน้าตระกูลเซี่ยโห้วเท่านั้น คนอื่นยังไม่มีสิทธิ์นั้น เหมียวอี้นับว่าเป็นคนที่สามที่ถูกราชินีสวรรค์ขอร้อง
แม้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่จะพูดตามที่หยางชิ่งบอกแล้ว แต่เหมียวอี้ก็ยังไม่รับปาก หลังจากเงียบไปครู่เดียว ก็บอกว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก หวังว่าเหนียงเหนียงจะให้เวลาข้าไตร่ตรอง” พูดจบก็ยืนขึ้นกุมหมัดคารวะ แล้วถือโอกาสเรียกหยางชิ่งเดินออกไปด้วยกัน
ขณะมองคล้อยหลัง ในดวงตาเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ฉายแววอาฆาตแค้น ตัวเองเป็นราชินีสวรรค์ผู้สง่าภูมิฐานลดเกียรติตัวเองมาขอร้องเจ้าถึงขั้นนี้แล้ว…บัญชีแค้นนี้ข้าจะอดทนไว้ก่อน ถ้าในอนาคตมีโอกาส ความอัปยศนี้ข้าจะให้หนิวโหย่วเต๋อชดเชยเป็นเท่าตัว!
ทว่าสถานการณ์ไม่แข็งแกร่งไปกว่าคน ความไม่สบอารมณ์ในใจยังปิดบังไว้ได้ เปลี่ยนใบหน้าเป็นยิ้มแย้มเพื่อมาพูดคุยกับอวิ๋นจือชิว
ทั้งสองออกจากโถงหลักมาเดินเล่นอยู่ในสวน หลังจากเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ฝืนใจชมทิวทัศน์ในสวนไปสองสามประโยค จู่ๆ ก็เปลี่ยนประเด็นสนทนา “ข้ากับน้องสาวมีวาสนาต่อกัน ไม่สู้ให้ข้ากับเจ้าสาบานเป็นพี่น้องกันดีไหม?”
“เอ่อ…” อวิ๋นจือชิวงุนงง ค่อยๆ หันกลับไปมองนาง รู้สึกตกใจมาก ท่านนี้ช่างน่าตกใจจริงๆ เพิ่งสระทำเรื่องนี้กับหยางชิ่งเสร็จ ก็จะมาทำกับข้าอีกแล้วเหรอ?
มีปฏิกิริยาเหมือนกับหยางชิ่งในตอนนั้น อวิ๋นจือชิวงุนงงเล็กน้อย ต่อให้จะมีหยางชิ่งเป็นบทเรียนแล้ว แต่นางก็นึกไม่ถึงว่าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่จะใช้วิธีนี้กับนาง ก่อนหน้านี้ยังหัวเราะเยาะหยางชิ่งอยู่เลย นึกไม่ถึงว่าไม่นานตัวเองจะโดนเองแล้ว ทำเอานางไปไม่เป็นเหมือนกัน
แต่จากนั้นความรู้สึกเปลี่ยนเป็นซับซ้อน ไม่รู้ว่าควรจะเห็นใจผู้หญิงคนนี้หรือไม่ ถ้ายืนในมุมของอีกฝ่าย ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่มีต้นทุนอะไรเลยจริงๆ มีแค่สถานะราชินีสวรรค์ที่พอจะมีราคาอยู่บ้าง ถ้าไม่ใช่เพราะหาสิ่งอื่นมาไม่ได้แล้วจริงๆ ด้วยนิสัยหยิ่งผยองของอีกฝ่ายก่อนหน้านี้ มีหรือที่จะมาขอเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับคนอื่นต่อเนื่องกันอย่างนี้
ขณะมองสายตาที่เต็มไปด้วยการเฝ้ารอของเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ อวิ๋นจือชิวก็รู้สึกปวดใจกับนางเล็กน้อย แต่จะไม่ยอมรับก็ไม่ได้ ว่าอีกฝ่ายไม่ได้โชคร้ายเกินไปนัก ยังมีปู่ที่นับว่าไม่เลว ก่อนที่เซี่ยโห้วท่าจะตาย อย่างอื่นสามารถปล่อยวางได้ แต่กลับคิดจะปกป้องชีวิตของหลานสาวคนนี้อยู่ตลอด ถ้าไม่ไม่ถึงคราวจำเป็น เหมียวอี้คงจะไม่ทำอันตรายนางถึงชีวิต ต้องทำให้นางแก่ตายตามสัญญาที่ให้ไว้
อวิ๋นจือชิวกลับไม่รู้ว่าเซี่ยโห้วท่าไม่ได้เอ่ยคำขอแค่กลับเหมียวอี้เท่านั้น ขอร้องกับหินเซี่ยโห้วลิ่งแล้วเช่นกัน และให้เว่ยซูเอ่ยกับเฉาหม่านแล้วด้วย เอ่ยกับทุกคนที่อาจจะมีอำนาจในตระกูลเซี่ยโห้วหมดแล้ว ว่าต้องการให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่แก่ตายตามอายุขัย เรียกได้ว่าลำบากทำด้วยใจล้วนๆ
แต่เซี่ยโห้วเฉิงอวี่กลับไม่รู้ถึงความตั้งใจดีของท่านปู่ ไม่เข้าใจว่าทำไมตอนแรกท่านปู่ถึงกำชับกับนางซ้ำแล้วซ้ำอีก ว่าตราบใดที่ตระกูลเซี่ยโห้วไม่ล้ม นางก็จะไม่เป็นอะไร บอกนางอย่างชัดเจนว่าอย่าทำซี้ซั้ว สามารถทำให้คนอย่างเซี่ยโห้วท่าเตือนเรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมาได้ ปากนางก็ตอบรับอย่างดี แต่กลับไม่เห็นความสำคัญ ขอเพียงแค่มีคนทำเรื่องขัดใจนาง นางก็จะเคียดแค้นทันที ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำให้ตระกูลเซี่ยโห้วเกิดช่องโหว่ และคงไม่ทำให้ฝั่งเหมียวอี้ประสบความสำเร็จได้ง่ายดายจนเดินมาถึงทุกวันนี้ได้เช่นกัน
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ถูกนางมองจนรู้สึกไม่มั่นใจ คิดในใจว่า อย่าบอกนะว่าหยางชิ่งบอกเรื่องพี่น้องร่วมสาบานให้ผู้หญิงคนนี้รู้แล้ว? หยางชิ่งบอกว่าอย่าเพิ่งเปิดเผยไม่ใช่เหรอ? จึงถามหยั่งเชิงว่า “อย่าบอกนะว่าน้องสาวไม่เต็มใจ?”
อวิ๋นจือชิวไหวตัวเร็วมาก ถามอย่างงุนงงว่า “เหนียงเหนียงพูดอะไรเพคะ หรือว่าข้าฟังผิดไป?”
ในเรือนหลัก เหมียวอี้กับหยางชิ่งกำลังเดินอยู่ระหว่างศาลา
อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถึงเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ หยางชิ่งถอนหายใจเบาๆ “ผู้หญิงคนนี้ทำให้ข้าน้อยแข็งใจทำร้ายนางไม่ลงแล้ว”
“เจ้ากำลังช่วยพูดให้นางเหรอ?” เหมียวอี้ถามเสียงเรียบ
“ภัยคุกคามที่แท้จริงของนางไม่ใช่ท่านอ๋อง แต่เป็นตัวนางเอง ความสามารถไม่สอดคล้องกับจิตใจที่ทะเยอทะยานแรงกล้า มีแต่จะทำร้ายตัวเอง ด้วยสถานะแบบนั้นของนาง หากในอนาคตปล่อยวางไม่ได้ ไม่ว่าใครก็ช่วยเหลือนางไม่ได้ หวังว่านางจะทำให้ตัวเองมีความสุขกว่านี้แล้วกัน!” หยางชิ่งกล่าว
เหมียวอี้หัวเราะเบาๆ รู้ว่าเขาถูกพัวพันด้วยเรื่องพี่น้องร่วมสาบานแล้ว
ทั้งสองเดินช้าๆ พลางวิเคราะห์สถานการณ์ในช่วงนี้ ใช้เวลาไม่นานอวิ๋นจือชิวก็มาแล้ว พอพบหน้ากันก็ตบหน้าผากตัวเองแล้วถอนหายใจ “สุดท้ายข้าก็ยอมนางแล้ว ดันทุรังจะดึงข้าไปเป็นพี่น้องร่วมสาบานให้ได้ ชั่วพริบตาเดียวข้าก็กลายเป็นน้องสาวนางแล้ว”
เหมียวอี้กับหยางชิ่งตะลึงพร้อมกัน หยางชิ่งเอามือเกาหน้าผากโดยไม่รู้ตัว เหมียวอี้ถามอย่างงงๆ ว่า “สาบานเป็นพี่น้องกันแล้วเหรอ?”
อวิ๋นจือชิวกลอกตา “นางจูงข้าไม่ปล่อย ข้าเองก็ไม่สะดวกจะปฏิเสธ กลัวว่านางจะมองออกว่าหยางชิ่งบอกเรื่องพี่น้องร่วมสาบานให้พวกเรารู้แล้ว ข้ากังวลว่านางกำลังหยั่งเชิง ถ้าไม่ตอบรับแล้วจะทำยังไงได้อีก แผนของเราผิดพลาดได้เหรอ?”
“ฮ่าๆ!” เหมียวอี้มองอวิ๋นจือชิว แล้วก็มองหยางชิ่ง กลั้นขำไม่ไหวแล้ว
อวิ๋นจือชิวแสยะยิ้ม “น่าขำมากนักเหรอ? เจ้าไม่รู้เหรอว่าตัวเองกลายเป็นน้องเขยของนางแล้ว?”
“…” เหมียวอี้หน้าค้างทันที หัวเราะไม่ออกแล้ว เขาแต่งงานกับฉินเวยเวย อวิ๋นจือชิวคือฮูหยินของเขา เซี่ยโห้วเฉิงอวี่เป็นพี่น้องร่วมสาบานกับหยางชิ่งแล้ว แล้วก็เป็นพี่น้องร่วมสาบานกับอวิ๋นจือชิวอีก ความสัมพันธ์นี้ไม่มีทางนับต่อได้เลย
ทั้งสามมองหน้ากันไปมองหน้ากันมา เดี๋ยวเบิกตากว้างเดี๋ยวหรี่ตาอยู่อย่างนั้น…
………………