พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2157 เจ้าอยากบีบให้ข้าลงจากตำแหน่งเหรอ?
บรรดาแม่ทัพมองหน้ากันเลิกลั่ก ทุกคนมีสีหน้าตกตะลึง ต่างก็ตระหนักได้นิดหน่อยถึงอะไรบางอย่าง โดยเฉพาะสิ่งที่เรียกว่าหวังติ้งเฉาวางแผนก่อกบฏแล้วโดนสังหาร ประโยคที่บอกว่าได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเซี่ยโห้วก็ยิ่งทำให้คนนึกเชื่อมโยงไปมากกว่าเดิม
ที่ตรงนั้นเงียบกริบ บรรดาแม่ทัพเริ่มทำสีหน้าแตกต่างกันไป คนนี้มองคนทางซ้ายทางขวาข้างกายตัวเอง คนนั้นก็มองคนทางซ้ายทางขวาข้างกายตัวเอง
ไม่มีใครกล้าพูดจาต่อต้าน และไม่มีใครพูดจาสนับสนุนเช่นกัน ไม่ต่อต้านก็เพราะยังไม่แน่ใจว่าเป็นอย่างที่ตัวเองคิดหรือเปล่า ไม่พูดจาเห็นด้วยก็เพราะเหตุผลนี้เช่นกัน จะบุ่มบ่ามกระโดดออกมาแสดงท่าทีได้อย่างไร
ที่น่าแปลกที่สุดก็คือ คนพวกนี้ย้ายมาจากกองทัพองครักษ์แท้ๆ ตระหนักได้แล้วว่าคำพูดของชิงหยวนจุนมีความหมายจาบจ้วงเบื้องบน แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่มีใครพูดว่าอะไรสักคำ
ก็เพราะด้วยเหตุนี้เอง หยางชิ่งที่เงียบอยู่ข้างหลังถึงยิ้มบางๆ ยื่นมือให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ที่อยู่ข้างๆ บอกใบ้ให้นางออกโรงได้แล้ว
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่พยักหน้ายิ้มให้เขา จัดแขนเสื้อเล็กน้อย จัดท่วงท่าให้เรียบร้อย เงยหน้ายืดอกเดินออกไป
“ข้าเป็นพยานได้ ตระกูลเซี่ยโห้วจะสนับสนุนองค์ชายอย่างเต็มกำลัง พวกเจ้าฟังไม่ผิดหรอก สนับสนุนองค์ชายอย่างเต็มกำลัง!”
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ที่เดินมาจากตำหนักด้านหลังยังไม่โผล่หน้า แต่เสียงมาก่อนแล้ว พอโผล่หน้ามาอีกครั้ง ก็เดินขึ้นไปบนแท่นสูงที่ชิงหยวนจุนยืนอยู่ด้วยท่าทางอันสูงส่งน่าเกรงขาม ส่วนชิงหยวนจุนก็กุมหมัดคารวะนาง
สองแม่ลูกยืนเคียงข้างกัน ก้มมองบรรดาแม่ทัพ ลักษณะท่าทางแตกต่างกับท่าทางวิตกหวาดกลัวก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง เมื่อผ่านเหตุการณ์อย่างนั้นมาครั้งหนึ่งแล้ว ทั้งยังคุมสถานการณ์ได้เร็วมาก ทำให้ทั้งสองโยนความกังวลใจทิ้งไปแล้ว เกิดความมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างมาก ปลุกความมั่นใจที่มาจากชาติกำเนิดอันสูงส่งของตัวเองด้วยแล้วเช่นกัน พบว่าเรื่องนี้ก็แค่เท่านี้เอง ไม่เชื่อหรอกว่าพวกเขาสองแม่ลูกจะทำงานใหญ่ไม่สำเร็จ!
“คำนับราชินีสวรรค์!” บรรดาแม่ทัพกล่าวทำความเคารพพร้อมกัน
หลังจากทำความเคารพแล้ว ในหัวของบรรดาแม่ทัพก็ยังมีประโยคนั้นของเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ดังก้อง ตระกูลเซี่ยโห้วจะสนับสนุนองค์ชายอย่างเต็มกำลัง!
คำพูดของเซี่ยโห้วเฉิงอวี่มีน้ำหนักพอสมควร ทำให้บรรดาแม่ทัพตระหนักได้ว่าการที่ตระกูลเซี่ยโห้วจะสนับสนุนสองแม่ลูกนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่เหนือความคาดหมาย เดิมทีสองแม่ลูกก็เป็นคนของตระกูลเซี่ยโห้วอยู่แล้ว เรื่องในวันนี้เกรงว่าคงเป็นตระกูลเซี่ยโห้วผลักดัน ไม่อย่างนั้นสองแม่ลูกจะมีความกล้านี้ได้อย่างไร!
ใช่ว่าพูดส่งเดชแค่สองสามประโยคแล้วจะทำให้คนเหล่านี้ยอม ในที่สุดก็มีคนเอ่ยถามว่า “องค์ชาย ไม่ทราบว่าเคลื่อนทัพออกจากแดนรัตติกาลแล้วจะมีอนาคตอย่างไร?”
ชิงหยวนจุนกวาดสายตามองทุกคนที่อยู่รอบๆ พร้อมกล่าวเสียงดังว่า “เอาอาณาเขตหนึ่งสายของทัพใต้มาเป็นรากฐานก่อน!”
บรรดาแม่ทัพสบตากันแวบหนึ่ง มีคนถามอีกว่า “ทัพใต้เป็นอาณาเขตของหนิวโหย่วเต๋อ จะให้พวกเราครอบครองหนึ่งสายง่ายๆ หรือขอรับ?”
ชิงหยวนจุนตอบว่า “ไม่ใช่แค่จะครอบครอง ทั้งยังไม่เสียเลือดเสียเนื้อด้วย ตระกูลเซี่ยโห้วเตรียมตัวไว้อย่างรอบด้านแล้ว ขอเพียงพวกเราที่นี่เตรียมตัวให้ดี ตระกูลเซี่ยโห้วก็ย่อมบีบให้หนิวโหย่วเต๋อยอมปล่อยอาณาเขตหนึ่งสายให้ได้ ในจุดนี้ทุกคนไม่ต้องกังวล ข้าจะทำเรื่องที่ตัวเองไม่มั่นใจได้ยังไง?”
“พวกเราจะยืนได้อย่างมั่นคงเหรอขอรับ?” มีคนถามอีก
กลุ่มคนที่อยู่ตรงนี้ย่อมเข้าใจความหมายของคำถาม ฝ่าบาทจะนิ่งดูดายโดยไม่ทำอะไรเหรอ?
“ตอนที่หนิวโหย่วเต๋อโค่นล้มฮ่าวเต๋อฟาง ทุกคนรู้หรือเปล่าว่าทำไมอำนาจแต่ละฝ่ายถึงชักช้าไม่ไปช่วยเหลือสักที? หลักการเดียวกัน!” ชิงหยวนจุนกล่าวเสียงดัง
บรรดาแม่ทัพทำท่าครุ่นคิด สาเหตุที่ฮ่าวเต๋อฟางไม่มีใครไปช่วยเหลือ ไม่ใช่เพราะอำนาจทั้งภายในและภายนอกถูกตระกูลเซี่ยโห้วตรึงไว้ไว้หรอกหรือ?
บ้างก็ช้าบ้างก็เร็ว ตอนนี้คนกลุ่มนี้นึกถึงประโยคนั้นแล้ว ครองตระกูลเซี่ยโห้วได้ก็ครองใต้หล้าได้ อย่าบอกนะว่าจะเปลี่ยนประมุขอีกแล้ว?
ในตำหนักเงียบไปพักหนึ่ง ทุกคนล้วนมองประเมินคนอื่น ไม่รู้ว่าคนอื่นมีความคิดอย่างไร ไม่มีใครกล้ายืนขึ้นแสดงท่าทีเป็นคนแรก
“เหตุใดองค์ชายจึงต้องทำเช่นนี้?” มีคนอดไม่ได้ที่จะถาม
ชิงหยวนจุนกล่าวอย่างโมโห “ที่วังสวรรค์มีคนกักบริเวณเสด็จแม่ของข้าไว้ที่ตำหนักนารีสวรรค์เพื่อนางแพศยาคนนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลเซี่ยโห้วยื่นมือเข้ามาช่วยเสด็จแม่ของข้าออกมา เกรงว่าตอนนี้เสด็จแม่ของข้าคงยังโดนกักบริเวณอยู่ในตำหนักนารีสวรรค์ ตอนนี้วังสวรรค์ก็ยิ่งต้องการยืมมือของหวังติ้งเฉามากำจัดพวกเราสองแม่ลูก เลือดของข้ามาจากไหนล่ะ? เกือบตายด้วยน้ำมือโจรสุนัขหวังติ้งเฉาแล้ว! มีคนต้องการจะสนับสนุนให้นางแพศยาที่ตำหนักเย็นมาแทนที่เสด็จแม่ของข้า จะให้พวกเราสองแม่ลูกนั่งรอความตายเชียวหรือ? ตระกูลเซี่ยโห้วย่อมมิอาจนิ่งดูดาย!”
“หา!” ในตำหนักเกิดเสียงฮือฮาพักหนึ่ง ย่อมรู้ว่าคำเรียกวังสวรรค์หมายถึงใคร นอกจากท่านนั้นแล้ว ยังจะมีใครมีอำนาจกับบริเวณราชินีสวรรค์อีก? นึกไม่ถึงว่าจะมีเรื่องนี้ ไม่แปลกใจที่ตระกูลเซี่ยโห้วต้องการลงมือ
มีคนไม่น้อยแอบทอดถอนใจ ถ้านี่คือเรื่องจริง ก็ไม่รู้เลยว่าจะพูดอย่างไรกับฝ่าบาทดี
ที่จริงแล้ว ความโปรดปรานที่ประมุขชิงมีต่อจ้านหรูอี้ คนส่วนใหญ่ที่อยู่ตรงนี้เคยได้ยินมาแล้ว ประมุขชิงทำลายกฎระเบียบเพื่อจ้านหรูอี้มาแล้ว โดนประนามมาตั้งนานแล้ว ตามหลักแล้ว ในเมื่ออิ๋งจิ่วกวงมีความผิดข้อหาวางแผนก่อกบฏ จ้านหรูอี้ก็ควรจะโดนโทษประหารไปด้วยตั้งแต่แรก แต่ประมุขชิงโปรดปรานจ้านหรูอี้จนลือชื่อ ในเมื่อประมุขชิงดึงดันจะปกป้องจ้านหรูอี้ให้ได้ ทุกคนก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน เพียงแต่นึกไม่ถึง ว่าประมุขชิงคิดจะกำจัดลูกเมียตัวเองเพื่อแต่งตั้งให้จ้านหรูอี้ขึ้นสู่ตำแหน่ง ถ้าเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นก็ทำเกินไปแล้ว เริ่มเผยเค้าลางทรราชให้เห็นแล้ว!
ขณะเผชิญหน้ากลุ่มคนที่ฮือฮา ชิงหยวนจุนก็ถามเสียงดังอีกครั้ง “ไม่ทราบว่าใครยินดีจะช่วยข้าอีกแรง ร่วมเสพสุขในเกียรติยศความร่ำรวยไปด้วยกัน?”
ในตำหนักมีคนของตระกูลเซี่ยโห้วแทรกซึมอยู่ตั้งนานแล้ว ที่รออยู่ก็คือประโยคนี้ มีคนตะโกนเสียงดังทันที “ข้าน้อยยินดีถวายชีวิตรับใช้องค์ชาย!”
“ข้าน้อยยินดีบุกน้ำลุยไฟเพื่อองค์ชาย!”
คนในตำหนักที่มาเข้าพวกกับชิงหยวนจุนตั้งนานแล้ว ในเวลานี้ทยอยกันแสดงท่าทีด้วยเสียงดัง
ภายใต้สถานการณ์ที่ตัดสินใจเลือกลำบากแบบนี้ คนส่วนใหญ่ไม่มีใครกล้านำแสดงท่าทีก่อน เรื่องบางเรื่องถ้าพูดถึงการรับโทษ คนที่เป็นตัวนำกับคนที่ทำตามนั้นมีโทษแตกต่างกัน พอคนจำนวนไม่น้อยเริ่มแสดงท่าทีแล้ว คนที่เหลือก็พากันแสดงท่าทีเช่นกัน ตรงนั้นมีเสียงตะโกนสนับสนุนชิงหยวนจุนดังเป็นแถบ
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่กับชิงหยวนจุนดีใจมาก!
สถานการณ์ภาพรวมคลี่คลายแล้ว ควบคุมความเคลื่อนไหวของกำลังพลทัพใหญ่แดนรัตติกาลทันที ใช่ว่าทั้งทัพใหญ่แดนรัตติกาลจะเต็มใจทรยศประมุขชิงกันหมด ดังนั้นเรื่องการกำจัดคนคิดต่างประชิดเข้ามาตรงหน้าแล้ว มักเป็นเรื่องที่โหดร้ายที่สุด เป็นการเข่นฆ่าพวกเดียวกันเอง!
ตรงนี้เพิ่งจะเดินออกจากตำหนักหลัง ทหารคนหนึ่งก็ตามมาอย่างรวดเร็ว เป็นคนที่ลงมือลอบแทงสังหารหวังติ้งเฉาก่อนหน้านี้ ชื่อว่าฉินฟ่าง รีบรายงานด่วนว่า “องค์ชาย สมาชิกที่วังสวรรค์ส่งมาถ่ายทอดบัญชาเหมือนจะสังเกตเห็นความผิดปกติแล้ว เพิ่งจะออกเดินทางไป จะขัดขวางหรือไม่ขอรับ?”
“…” ชิงหยวนจุนลังเลนิดหน่อย การสังหารหวังติ้งเฉายังบอกได้ว่าตัวเองยังไม่ได้รับบัญชา หรือไม่ก็บอกว่าหวังติ้งเฉามีเจตนาไม่ซื่อ แต่การสังหารคนที่ถ่ายทอดบัญชาให้วังสวรรค์ ก็เท่ากับฉีกหน้ากันโดยสิ้นเชิงแล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปทางหยางชิ่ง
หยางชิ่งถามเสียงเรียบว่า “มาถึงขั้นนี้แล้ว องค์ชายยังลังเลอยู่อีกหรือ?”
ตอนนี้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่กลับเด็ดขาดเป็นพิเศษ ตะคอกถามว่า “จุนเอ๋อร์ ธนูที่ง้างแล้วไม่มีการหันกลับ ทำไมต้องลังเล?”
ชิงหยวนจุนแข็งใจให้เด็ดเดี่ยว เผยสีหน้าดุร้าย แล้วตวาดสั่งฉินฟ่าง “ฆ่า!”
ดังนั้น ตอนที่กลุ่มคนถ่ายทอดบัญชาวังสวรรค์รีบร้อนจากไปถึงทางออกแดนรัตติกาล ก็ถูกกำลังพลกลุ่มหนึ่งโผล่มาล้อมเอาไว้ ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์จำนวนมากเล็งไปที่พวกเขา
แม่ทัพคนสำคัญที่ถ่ายทอดบัญชาถามอย่างโมโห “ข้าคือขุนนางที่ถ่ายทอดบัญชาของฝ่าบาท พวกเจ้าคิดจะทำอะไร คิดจะก่อกบฏเหรอ?”
“ยิงธนู!” หนึ่งในนั้นโบกกระบี่พลางตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด
ท่ามกลางเสียงดังปั้งๆ ลำแสงหนาแน่นยิงระเบิดออกไป
ในขณะเดียวกันนี้เอง ทัพใหญ่แดนรัตติกาลที่ประจำอยู่ตามจุดต่างๆ ตะโกนฆ่าดังเป็นแถบ ทุกที่ล้วนมีทัพกบฏกับกำลังพลที่ไม่ยอมทรยศประมุขชิงเข่นฆ่ากัน คนที่ถูกขังอยู่แดนรัตติกาลมาหลายปีแต่ยังจงรักภักดีจนถึงที่สุดนั้นเป็นจำนวนน้อย แบบหลังอยู่ในสถานการณ์ที่อ่อนแอแน่นอน ความวุ่นวายในแต่ละพื้นที่ถูกปราบให้สงบอย่างรวดเร็ว…
วังสวรรค์ ตำหนักดาราจักร ประมุขชิงหน้าดำคร่ำเครียด สาวเท้าเดินไปเดินมา โมโหจนกระหืดกระหอบ “ลูกทรพี! นางตัวแสบ! ลูกทรพี! นางตัวแสบ…”
ซ่างกวนชิง ซือหม่าเวิ่นเทียน เกาก้วน อู๋ฉวี่ ต่างก็ทยอยกันมาถึง พอฝั่งนี้ได้รับข่าวว่าหวังติ้งเฉาโดนสังหาร ก็รีบเรียกพวกเขามาแล้ว
ในมือพวกเขาแทบจะไม่ได้วางระฆังดาราเลย คอยรับข่าวไม่หยุด
ผ่านไปครู่เดียว ซือหม่าเวิ่นเทียนก็เงยหน้าบอกว่า “ฝ่าบาท ตามที่พยานรู้เห็นฝั่งแดนรัตติกาลบอกเรา ขุนนางที่ส่งไปถ่ายทอดบัญชาคงจะถูกล้อมโจมตีจากทัพที่ชุลมุน ไม่เหลือรอดเลยสักคนขอรับ!”
อู๋ฉวี่กล่าวเสริมว่า “กำลังพลที่จงรักภักดีต่อฝ่าบาทอยู่ในสถานการณ์วิกฤต ขอความช่วยเหลือเร่งด่วน!”
“ลูกทรพี!” ประมุขชิงคำราม ตบมือลงบนโต๊ะ โมโหจนหนวดพองแล้ว
“จู่ๆ กำลังพลหลายล้านก็หายไป เป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง? หรือว่าตระกูลเซี่ยโห้วลงมือแล้ว?” เกาก้วนถามเสียงเรียบ
คำพูดนี้เหมือนราดน้ำมันบนไฟ ประมุขชิงหน้าตึง พวกซ่างกวนชิงกลอกตามองเกาก้วนแวบหนึ่ง พบว่าเจ้าเวรนี่พูดสิ่งที่ไม่ควรพูดจริงๆ จู่ๆ ราชินีสวรรค์ก็หนีไปก่อเรื่องนี้ ถ้าไม่มีตระกูลเซี่ยโห้วเล่นตุกติกอยู่เบื้องหลังก็แปลกแล้ว ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ เกี่ยวข้องกับการที่ฝ่าบาทปกป้องคนในตำหนักเย็น ราชินีสวรรค์รู้สึกว่าได้รับความไม่เป็นธรรม จึงเริ่มดึงครอบครัวตัวเองมาช่วยล้างแค้น
เพียงแต่ทุกคนต่างก็ไม่เข้าใจ ว่าการทำแบบนี้มีประโยชน์อะไรต่อตระกูลเซี่ยโห้ว?
ประมุขชิงเองก็นึกไม่ถึงว่าเรื่องที่ตำหนักเย็นจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่เลวร้ายขนาดนี้ พบว่าตัวเองสันนิษฐานปฏิกิริยาของตระกูลเซี่ยโห้วผิดไปอย่างจินตนาการไม่ถึง!
ในขณะนี้เอง ด้านนอกก็มีเสียงเดินที่หนักแน่นดังมา โพ่จวินมาแล้ว!
ทุกคนหันกลับไปมอง มีบางคนหนังตากระตุกอย่างอดไม่ได้ พบว่าโพ่จวินสวมเกราะรบมาแล้ว เกราะรบหนักเผยกลิ่นอายสังหาร
เมื่อเห็นประมุขชิง มือก็ประคองกระบี่ที่แขวนเอว ไม่ได้ทำความเคารพ เพียงจ้องประมุขชิงอย่างเยียบเย็น
อู๋ฉวี่กระแอมแล้วบอกว่า “โพ่จวิน ทัพใหญ่แดนรัตติกาลเกิดเรื่องแล้ว…”
“ไม่ต้องให้เจ้าบอก ข้ารู้สถานการณ์แล้ว ทางนั้นก็มีคนที่ส่งไปจากหน่วยองครักษ์ซ้ายเหมือนกัน” โพ่จวินยกมือห้ามเขาพูด สายตาจ้องตรงไปที่ประมุขชิง พร้อมกล่าวเสียงต่ำว่า “ได้ยินว่าจ้านหรูอี้แอบออกจากตำหนักเย็นเป็นการส่วนตัว ถูกราชินีสวรรค์จับได้คาหนังคาเขา ราชินีสวรรค์รักษากฎระเบียบแต่กลับกลายเป็นยั่วโมโหฝ่าบาท ถูกฝ่าบาทกักบริเวณไว้ที่ตำหนักนารีสวรรค์ ราชินีสวรรค์ได้รับความอัปยศใหญ่หลวงขนาดนี้ ถึงได้ทำให้ทัพใหญ่แดนรัตติกาลก่อกบฏ ไม่ทราบว่าใช่หรือเปล่า?”
คนอื่นๆ ฟังแล้วอึดอัด นี่คือการสอบสวนฝ่าบาทชัดๆ
ประมุขชิงกระตุกมุมปากเล็กน้อย “เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เจ้าคิด ตอนนี้ลองย้อนกลับไปมอง คงจะมีคนวางแผนมานานแล้ว!”
โพ่จวินกล่าวอย่างเย็นชาว่า ” ข้าน้อยไม่มีสมองอย่างนั้นหรอก ไม่ฟังสิ่งที่อ้อมค้อมพวกนี้! แม้ราชินีสวรรค์จะจิตใจคับแคบ แต่ขอเพียงฝ่าบาทยอมลดศักดิ์ศรีไปปะเหลาะสักหน่อยก็จะดีขึ้นแล้ว ดังนั้นฝ่าบาทได้โปรดถ่ายทอดคำสั่งเดี๋ยวนี้ ให้คุมตัวจ้านหรูอี้ส่งไปให้ราชินีสวรรค์ลงโทษเองที่จวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาล หากฝ่าบาททนเห็นผู้หญิงที่รักถูกรังแกไม่ได้ เช่นนั้นก็ทำให้รวดเร็วหน่อย ประหารนางเสียเลย แล้วให้ซ่างกวนชิงถือศีรษะจ้านหรูอี้ไปสยบความโกรธของราชินีสวรรค์กับองค์ชายด้วยตัวเอง และออกคำสั่งอภัยโทษทัพกบฏ รับรองว่าจะไม่ถามหาความรับผิดชอบใดๆ อีก ขณะเดียวกันฝ่าบาทก็ลงจากตำแหน่งเพื่อองค์รัชทายาท หลีกทางให้องค์ชาย ฝ่าบาทคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง พยายามแก้ไขความวุ่นวายที่อยู่ตรงหน้าโดยเร็วที่สุด อย่าให้ไฟลามจนคนอื่นเข้ามาใช้ประโยชน์!”
พวกอู๋ฉวี่ตกตะลึงอ้าปากค้างกับคำพูดนี้ แต่จะไม่ยอมรับก็ไม่ได้ นี่คือวิธีการที่ดีที่สุดในการทำให้สถานการณ์สงบ
“เจ้า…” ประมุขชิงชี้โพ่จวินอย่างเดือดดาล ตวาดถามว่า “เจ้าคิดจะบีบให้ข้าลงจากตำแหน่งเหรอ?”
โพ่จวินกล่าวด้วยสีหน้าเหน็บแนม “ตำแหน่งราชันจะสำคัญอะไร? จะเทียบกับจ้านหรูอี้ของฝ่าบาทได้หรือ? หากฝ่าบาทแยแสตำแหน่งราชัน คงไม่ทำเรื่องเหลวไหลนี้เพื่อผู้หญิงคนเดียวหรอก?”
……………