พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2165 ร่วมมือกดดันราชัน
จะไม่ให้เขากังวลคงไม่ได้ ถ้าเหมียวอี้ยอมแลกทุกอย่างและทำซี้ซั้วขึ้นมา สถานการณ์ที่สมดุลก็จะถูกทำลาย ฝ่ายเขาเองก็พูดได้ยากว่าจะไม่ได้รับผลกระทบไปด้วย
สามารถเรียกว่า ‘น้องชาย’ ได้ ก็เห็นได้ชัดว่าเรื่องที่รับอวิ๋นจือชิวเป็นบุตรสาวบุญธรรมในปีนั้นได้ผ่านไปแล้ว แม้เบื้องล่างจะมีคนเอ่ยถึงเรื่องนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่หลังจากเหมียวอี้ขึ้นนั่งตำแหน่งอ๋อง เวลาคนตระกูลโค่วเจอเหมียวอี้ โดยทั่วไปก็จะเรียกว่าท่านอ๋อง เจออวิ๋นจือชิวก็เรียกเหนียงเหนียง เรื่องในอดีตทุกคนล้วนอยู่ในใจ แต่งกลับแสร้งทำเป็นลืมไปหมดแล้ว
เหมียวอี้ตอบอย่างไม่ลังเล : ไม่มีอะไรให้เจรจา!
โค่วหลิงซวี : น้องชายเป็นคนฉลาด เรื่องของชิงหยวนจุน เดาว่าเจ้าคงไม่ได้มองเบาะแสไม่ออก การที่ตระกูลเซี่ยโห้วบอกเรื่องกำลังพลดักซุ่มที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์ให้เจ้ารู้ในเวลานี้ ก็ชัดเจนแล้วว่าจงใจสร้างความขัดแย้ง น้องชายต้องไตร่ตรองให้ดี!
เหมียวอี้ถามกลับว่า : อย่าบอกนะว่าในสายตาท่านอ๋อง หนิวเป็นคนโง่คนหนึ่ง? อาณาเขตที่ข้าลำบากลำบนช่วงชิงมา มีหรือที่จะมอบให้คนอื่นเฉยๆ?
โค่วหลิงซวีกำลังสงสัยเรื่องนี้พอดี : เจ้าคิดจะทำอะไร?
เหมียวอี้ : ประมุขชิงวางกับดักข้าไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยผ่านไปอย่างนี้ ข้าเองก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้ด้วย ข้าจะปล่อยให้เขากลั่นแกล้งตามอำเภอใจได้ยังไง! ท่านอ๋องไม่รู้สึกว่าตอนนี้เป็นโอกาสดีที่จะรวมทัพตะวันออกเหรอ?
โค่วหลิงซวีชะงักไป : หมายความว่ายังไง?
เหมียวอี้ : เรื่องนี้ประมุขชิงต้องให้คำชี้แจงกับข้า ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ จะให้เกิดแนวโน้มนี้ในระยะยาวไม่ได้ ต้องให้คำชี้แจงกับพวกเราทุกคน! ข้าสามารถกำจัดทัพใหญ่แดนรัตติกาลได้ สามารถช่วยเขาปราบกบฏได้ ทำให้เขาเลิกสนับสนุนเฉิงไท่เจ๋อก็คงไม่เกินไปใช่ไหม?
โค่วหลิงซวีตาเป็นประกาย เข้าใจความหมายแฝงในคำพูดเหมียวอี้แล้ว นี่คือโอกาสดีที่จะกู้สถานการณ์กึ่งแข่งขันกึ่งร่วมมือของสี่ทัพเพื่อคานอำนาจกับประมุขชิง ไม่อย่างนั้นก็จะเหมือนทัพตะวันออกก่อนหน้านี้ เถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อไม่รวมกัน ถูกประมุขชิงใช้ประโยชน์ได้ง่ายมาก นี่คือโอกาสดีที่จะแก้ไขปัญหาที่จะตามมาในภายหลัง ตอบทันทีว่า : ไม่เลว! ข้าก็คิดอย่างนี้เหมือนกัน
เหมียวอี้กล่าวเสริมอีกว่า : เมื่อครู่นี้ก่วงลิ่งกงเพิ่งติดต่อข้า ข้าแสดงท่าทีชัดเจนมาก ก่วงลิ่งกงก็เห็นด้วยเหมือนกัน
หลังจากทั้งสองติดต่อกันจบ โค่วหลิงซวีก็รีบติดต่อก่วงลิ่งกงอีก จนกระทั่งเก็บระฆังดาราแล้ว ก็ส่ายหน้าแสยะยิ้ม “ข้าว่าแล้วว่าเจ้าเด็กนั่นไม่มีทางทิ้งอาณาเขตตัวเองไปเฉยๆ”
“เขาพูดว่ายังไงขอรับ?” ถังเฮ่อเหนียนสงสัย
โค่วหลิงซวีเล่าให้ฟังคร่าวๆ แล้วยกมือขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย “บอกกำลังพลที่พวกเรารวบรวมไว้ เข้าไปในเขตทัพตะวันออก สร้างความกล้าให้เถิงเฟย! ราชันสวรรค์ผู้สง่าผ่าเผยบังอาจลอบสังหารอ๋องสวรรค์ทัพใต้ ปล่อยให้เกิดแนวโน้มนี้ในระยะยาวไม่ได้จริงๆ ข้าต้องการเจรจากับประมุขชิงให้ดี!”
“เข้าใจแล้วขอรับ” ถังเฮ่อเหนียนพยักหน้าตอบ
ส่วนเหมียวอี้ที่นั่งอยู่ในห้องหนังสือ หลังจากติดต่อกับโค่วหลิงซวีเสร็จแล้ว ก็ถือระฆังดาราเล่นพลางชำเลืองหยางชิ่ง “ไม่รู้ว่าฝั่งประมุขชิงจะยอมถอยหรือเปล่า”
หยางชิ่งบอกว่า “ทัพใต้ ทัพเหนือล้วนมีท่าทีสนับสนุนเถิงเฟย กอปรกับประมุขชิงกลัวตระกูลเซี่ยโห้ว ภายใต้ความกดดันนี้ ขอเพียงท่านอ๋องรับปากว่าจะกำจัดทัพกบฏแดนรัตติกาล ยังจะสนับสนุนเฉิงไท่เจ๋อต่อไปหรือไม่ ประมุขชิงคงตัดสินใจเลือกได้ไม่ยาก! ถ้าปกป้องเฉิงไท่เจ๋อต่อไป ไม่เพียงแค่จะจำกัดทัพกบฏแดนรัตติกาลไม่ได้ ทั้งยังจะถูกอำนาจหลายฝ่ายร่วมมือกันโต้ตอบด้วย ทำเพื่อเฉิงไท่เจ๋อแล้วได้ไม่คุ้มเสีย ประมุขชิงย่อมปล่อยผ่านบัญชีแค้นนี้ไป!”
เหมียวอี้ขานรับ แล้วหยิบระฆังดารามาติดต่อเถิงเฟยอีก เมื่อเชื่อมสัญญาณติดแล้วก็ขี้คร้านจะทำให้มากพิธี บอกโดยตรงว่า : พี่เถิง ทัพใต้กับทัพเหนือตอบตกลงที่จะสนับสนุนเจ้าแล้ว ต่อไปก็ต้องดูเจ้าแล้ว!
เถิงเฟยยังมีท่าทีคลุมเครือ เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นกระต่าย ไม่ปล่อยเหยี่ยว
เหมียวอี้ไม่พูดพร่ำทำเพลง หลังจากติดต่อจบแล้ว ก็ติดต่อเฉิงไท่เจ๋อต่อตามแผนของหยางชิ่ง
หลังจากทักทายตามมารยาทนิดหน่อย เฉิงไท่เจ๋อก็เหมือนอารมณ์ดีพอสมควร ยังมีกะจิตกะใจพูดล้อเล่น : ท่านอ๋องหนิว อาณาเขตอันกว้างใหญ่ของทัพใต้เป็นสิ่งที่ท่านอ๋องลำบากช่วงชิงมา ทำไมถึงยอมยกให้ชิงหยวนจุนล่ะ?
เหมียวอี้ถาม : ท่านอ๋องเฉิง เจ้าตัดสินใจแน่วแน่แล้วเหรอว่าจะไปพึ่งพาประมุขชิง?
เฉิงไท่เจ๋อ : ข้าก็ไม่อยากทำอย่างนี้หรอก แต่มีบางคนรังแกกันเกินไป ไม่ยอมให้โอกาสรอดชีวิตกับข้า!
เหมียวอี้เตือนว่า : จะไม่มีทางรอดชีวิตได้ยังไง? น้องชายยินดีมอบโอกาสรอดชีวิตให้ท่านอ๋องเฉิง ถ้าประมุขชิงทอดทิ้งท่านอ๋องเฉิงแล้ว ก็มาหาน้องชายได้เลย น้องชายไม่มีทางเห็นคนลำบากแล้วไม่ช่วยหรอก!
เฉิงไท่เจ๋ออยากจะด่าแม่ แต่ปากยังกล่าวอย่างสุภาพว่า : เช่นนั้นข้าต้องขอบคุณท่านอ๋องหนิวหรือเปล่า?
เหมียวอี้ : ถ้าจะขอบคุณก็เอาไว้พูดทีหลังแล้วกัน
แล้วทั้งสองก็จบการติดต่อเพียงเท่านี้
เฉิงไท่เจ๋อเก็บระฆังดาราเงียบๆ เดินไปเดินมาในห้องไม่หยุด ไม่รู้ว่าจู่ๆ เหมียวอี้ติดต่อมาพูดอย่างนี้หมายความว่าอะไร…
จวนอ๋องสวรรค์ก่วง โกวเยว่เดินมาริมทะเลสาบ รายงานก่วงลิ่งกงที่กำลังตกปลาว่า “ท่านอ๋อง พวกเราเคลื่อนย้ายกำลังพลแล้ว กำลังพลฝั่งทัพเหนือก็เคลื่อนไหวแล้วเหมือนกัน มีแค่ทัพใต้ที่เหมือนยังไม่มีปฏิกิริยาอะไร”
ก่วงลิ่งกงกล่างเสียงเรียบว่า “ตอนนี้หนิวโหย่วเต๋อยังไม่มีทางเคลื่อนทัพได้ กำลังพลของเขายังต้องรอเจรจากับประมุขชิงและอยู่ปราบทัพกบฏแดนรัตติกาลก่อน”
โกวเยว่ลังเล “ตอนนี้กองทัพองครักษ์ที่กดดันอยู่ไหนทัพตะวันออกยังไม่ถอนกำลัง เถิงเฟยก็ไม่มีท่าทีว่าจะลงมือด้วย…บอกเถิงเฟยไปแล้ว แต่ทางฝั่งเถิงเฟยเป็นหนังหน้าไฟ ไม่รู้ว่าจะลังเลหรือเปล่า?”
ก่วงลิ่งกงหัวเราะเหยียดหยาม “ลังเลเหรอ? โลกนี้มีเรื่องดีๆ ให้ชุบมือเปิบโดยไม่ขาดทุนเลยเสียที่ไหน? คนอื่นจะยอมมอบทัพตะวันออกให้เขาดีๆ เชียวหรือ? แล้วอีกอย่าง ตอนนี้ขอทำตามใจตัวเองได้เหรอ? เดี๋ยวไปบอกเขาด้วย ว่าถ้าเขายินดีที่จะเป็นอ๋องสวรรค์ครึ่งเดียว พวกเราก็สามารถสนับสนุนเฉิงไท่เจ๋อได้ จะเป็นเฉิงไท่เจ๋อที่ล้ม หรือจะเป็นเขาที่ล้ม ก็ให้เขาเลือกเองตามสบาย เจ้าวางใจเถอะ พอกองทัพองครักษ์ถอนกำลัง เขาจะต้องลงมือแน่!”
โกวเยว่พยักหน้า
“เม่ยเอ๋อร์ยังไม่ออกจากการฝึกตนเหรอ?” ก่วงลิ่งกงพลันเอ่ยถาม
โกวเยว่ตอบด้วยเสียงที่เบาลง “โดยส่วนใหญ่คุณหนูไม่ได้ติดต่อกับใครเลย เก็บตัวตั้งใจฝึกวิชามาตลอด”
“ข้าทำผิดต่อนาง หลังจากจบเรื่องในครั้งนี้ เรื่องชีวิตการแต่งงานของนาง ข้าจะให้นางเลือกเอง ข้าจะไม่แทรกแซงอีกแล้ว” ก่วงลิ่งกงถอนหายใจเบาๆ บนใบหน้าเริ่มฉายแววขุ่นเคือง “ชิงหยวนจุน เจ้าเด็กนั่น หวังว่าหนิวโหย่วเต๋อจะไม่ปล่อยให้เขาหนีไป!”
ในปีนั้นที่ชิงหยวนจุนประกาศออกมา ก็นับว่าทำลายชีวิตการแต่งงานของก่วงเม่ยเอ๋อร์แล้ว ใครจะกล้าแย่งผู้หญิงกับโอรสสวรรค์ล่ะ? เดิมทีนึกว่าก่วงเม่ยเอ๋อร์จะต้องโดดเดี่ยวไปจนแก่ แต่ใครจะคิดว่าจู่ๆ ชิงหยวนจุนจะก่อกบฏ สุดท้ายก็ทำให้ก่วงลิ่งกงเจอโอกาสแก้ไขความรู้สึกผิดในใจแล้ว
หลักการก็ไม่ซับซ้อน พอชิงหยวนจุนตายแล้ว ผู้ชายคนอื่นก็ย่อมหมดความกังวล อาศัยความงามของก่วงเม่ยเอ๋อร์ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีผู้ชายมาจีบ สามารถปล่อยให้ก่วงเม่ยเอ๋อร์เลือกได้เต็มที่เลย
เรื่องราวในโลกนี้เปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่ง หวังติ้งเฉาที่เสนอแผนการให้ชิงหยวนจุนทำลายชีวิตการแต่งงานของก่วงเม่ยเอ๋อร์ ตอนนี้กำลังกายด้วยนะมึงชิงหยวนจุนแล้ว
จวนอ๋องสวรรค์เถิง ในตำหนักใหญ่ เถิงเฟยเดินไปเดินมาไม่หยุด ในใจรู้สึกกระวนกระวาย
ทัพตะวันตกกับทัพเหนือล้วนแสดงท่าทีชัดเจนว่าจะสนับสนุนเขา และข่าวที่ส่งมาก็พิสูจน์แล้วด้วย สองทัพส่งกำลังพลกลุ่มใหญ่มาสนับสนุนแล้ว ตามหลักแล้วเป็นเรื่องดี แต่ยามเผชิญหน้ากับกองทัพองครักษ์ที่สนับสนุนเฉิงไท่เจ๋อ ถ้าลงมือต่อสู้กันขึ้นมา เขาก็จะเป็นหนังหน้าไฟ ต้องเสียหายหนักอย่างเลี่ยงไม่ได้
ทว่าหนิวโหย่วเต๋อ ก่วงลิ่งกงและโค่วหลิงซวีร่วมมือกันกดดันแล้ว เกรงว่าถ้าจะไม่เคลื่อนทัพคงไม่ได้ ด้านหนึ่งเป็นกองทัพองครักษ์กับเฉิงไท่เจ๋อร่วมมือกันกดดัน อีกด้านเป็นสามอ๋องร่วมมือกันกดดัน เขาถูกขนาบอยู่ตรงกลางลำบากมาก
วังสวรรค์ ในตำหนักดาราจักร ประมุขชิงสีหน้าบึ้งตึง หลายวันมานี้เขาไม่ได้ออกจากตำหนักดาราจักรเลย
เขาย่อมรู้เรื่องที่ทัพตะวันตกกับทัพเหนือเคลื่อนไหว ไม่เพียงแค่เท่านี้ ก่วงลิ่งกงกับโค่วหลิงซวียังเดือดดาลกับเรื่องที่เขาส่งทหารไปลอบสังหารหนิวโหย่วเต๋อมาก พากันประณามเขาอย่างต่อเนื่อง กดดันให้เขาเลิกสนับสนุนเฉิงไท่เจ๋อเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นพวกเขากับหนิวโหย่วเต๋อจะร่วมกันเปิดศึกต่อเขา พร้อมทั้งประกาศต่อใต้หล้าอย่างเป็นทางการว่าสนับสนุนให้ชิงหยวนจุนเป็นราชันองค์ใหม่ การกระทำนี้ไม่ต่างอะไรกับร่วมมือกัน
นอกจากทัพเกรียงไกรสิบล้านที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์จะทำไม่สำเร็จแล้ว ทั้งยังล้มตายหมดด้วย การลอบสังหารเหมือนจะยั่วโมโหก่วงลิ่งกงกับโค่วหลิงซวีมาด ทำให้แผนการของเขาพังในชั่วพริบตาเดียว นึกไม่ถึงว่าจะกลายเป็นอย่างนี้ แค่คิดก็รู้แล้วว่าประมุขชิงรู้สึกอย่างไร
หลายคนในตำหนักเงียบไป ต่างก็กำลังรอผลการเจรจาจากฮวาอี้เทียน ถ้าเจรจาสำเร็จก็แล้วไป ถ้าเจรจาไม่สำเร็จ คาดว่าใต้หล้านี้คงตกอยู่ท่ามกลางการเข่นฆ่า..
“ท่านอ๋องหนิว อ๋องสวรรค์คุมทัพใต้ผู้สง่าผ่าเผย พูดจากลับกลอกแบบนี้เหมาะสมแล้วเหรอ?”
จวนอ๋องสวรรค์หนิว ในโถงรับแขก ฮวาอี้เทียนมาถึงอีกครั้ง พบกันครั้งนี้ไม่เกรงใจแล้ว ถามไปตรงๆ เลย ย่อมหมายถึงเรื่องที่เหมียวอี้บอกว่าจะปล่อยกองทัพองครักษ์ก่อนหน้านี้ ผลปรากฏว่านอกจากจะผ่านไปนานขนาดนี้แล้วยังปล่อยไม่หมด ตอนนี้ยังกักไว้เต็มที่ด้วย
ไม่เห็นอีกฝ่ายไม่นั่ง เหมียวอี้ก็ยืนประสานมือตรงท้องอยู่ตรงข้ามอีกฝ่าย ถามด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ถ้าเจ้าถ่อมาเพื่อพูดสิ่งเหล่านี้ ข้าก็ไม่ขัดขวางเจ้าหรอก เจ้าไปได้เลย แต่เจ้าจะกล้าไปเหรอ?”
“ถ้าไม่กล้าไป เพียงแต่การวางตัวของท่านอ๋อง ทำให้คนไม่กล้าสรรเสริญจริงๆ” ฮวาอี้เทียนกล่าว
เหมียวอี้แสยะยิ้ม “แล้วการวางตัวของประมุขชิงเป็นยังไงล่ะ? ดักซุ่มกองทัพองครักษ์สิบล้านไว้ที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์ ฆ่าสังหารตายหมดจนไม่เหลือแม้แต่เกราะ ไม่รู้ว่ายังพิสูจน์การวางตัวของประมุขชิงได้อยู่หรือเปล่า? ประมุขชิงจงใจวางแผนทำร้ายข้า จะให้ข้ายินดีให้ความร่วมมือเชียวเหรอ? ซีเหมินอู๋เหย่ คาดว่าผู้ตรวจการใหญ่คงรู้จักนะ?”
ฮวาอี้เทียนเม้มริมฝีปากแน่น กำหมัดสองข้างในกระบอกแขนเสื้อแน่น ซีเหมินอู๋เหย่ก็คือผู้บังคับบัญชาของเขา
ในเมื่อวังสวรรค์ส่งเข้ามาเจรจาแล้ว สถานการณ์บางอย่างก็ย่อมบอกเขาได้ กองทัพองครักษ์สิบล้านเชียวนะ!
“บอกมาเถอะ ท่านอ๋องต้องการอะไร?” ฮวาอี้เทียนถามเสียเย็น
เหมียวอี้ตอบว่า “ข้าต้องการอะไร ตอนนี้ฝ่าบาทน่าจะรู้อยู่แก่ใจ เจ้าเองก็คงมีข้อมูลในใจแล้ว ให้กองทัพองครักษ์ถอนกำลังออกจากทัพตะวันออกเดี๋ยวนี้ เลิกสนับสนุนเฉิงไท่เจ๋อ!”
“ได้!” ฮวาอี้เทียนตอบรับอย่างไม่ลังเล “แต่ฝ่าบาทก็มีเงื่อนไขหนึ่งเหมือนกัน ทัพใต้ต้องหลีกทาง อย่าขัดขวางกองทัพองครักษ์ในการปราบกบฏ!”
“เรื่องนี้ไม่ได้หรอก! ถ้าปล่อยพวกเจ้าเข้ามา แล้วโดนพวกเจ้าควบคุมจุดยุทธศาสตร์ พอประมุขชิงกลับคำ ข้าก็หาเรื่องใส่ตัวน่ะสิ” เหมียวอี้ตอบ
ฮวาอี้เทียนส่ายหน้าช้าๆ “เรื่องนี้เจรจาไม่ได้ องค์ชายก่อกบฏอย่างเปิดเผย เป็นไปไม่ได้ที่ฝ่าบาทจะปล่อยไป ถ้าไม่ตอบตกลงเรื่องนี้ เช่นนั้นพวกเราก็ทำได้เพียงใช้สงครามแก้ปัญหา ต้องกำจัดทัพกบฏ!”
“ได้ ข้าจะหลีกทางให้อีกครั้ง ความวุ่นวายบนอาณาเขตทัพใต้ ไม่ต้องให้คนอื่นมาจัดการหรอก ข้าจะปราบทัพกบฏเอง เป็นยังไง?” เหมียวอี้ถาม
ฮวาอี้เทียนขมวดคิ้วมุ่น ฟังดูแล้วก็เหมือนจะไม่มีอะไรไม่ดี ทั้งยังลดความเสียหายของกองทัพองครักษ์ได้ด้วย จึงหยิบระฆังดาราติดต่อกับฝั่งวังสวรรค์ เพราะเขาไม่มีอำนาจตัดสินใจเรื่องนี้
หลังจากฝั่งวังสวรรค์ตอบกลับมาแล้ว ฮวาอี้เทียนก็บอกว่า “ก็ได้! แต่ใช่ว่าท่านอ๋องพูดอะไรแล้วจะว่าตามนั้น ต้องรอให้ท่านอ๋องเคลื่อนทัพปราบกบฏ ขเพียงได้เห็นความจริงใจของท่านอ๋อง เราถึงจะถอนกำลังพลกองทัพองครักษ์ออกจากทัพตะวันออก ไม่ทราบว่าท่านอ๋องคิดว่ายังไง?”
“ได้! ตกลงตามนี้ หวังว่าฝ่าบาทจะรักษาสัญญาเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นก็รับผลที่ตามมาเอาเอง!” เหมียวพยักหน้า
“ขอตัว!” ฮวาอี้เทียนพูดทิ้งท้ายแล้วหันตัวเดินออกไปเลย
“ส่งตรงนี้!” เหมียวอี้กล่าวเสียงเรียบ
……………