พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2171 ง้างธนูบนสาย
หยางเจาชิงที่เดินเข้ามาในโถงยังเงียบอยู่ตลอด
เหมียวอี้เอามือยันแผนที่ดาว เงยหน้ามองคานห้อง กำลังคิดตามที่หยางชิ่งพูด
หยางชิ่งพูดต่อว่า “ในอาณาเขตทัพตะวันตกกับทัพเหนือยังมีกองทัพองครักษ์ห้าร้อยล้าน เป็นกำลังพลหลักสิบล้านที่ฉวยโอกาสระดมพลตอนการเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้สำเร็จ ตอนเกิดศึกสามารถให้ความร่วมมือกับกองทัพพระได้เลย สังกัดสองทัพที่จะมาช่วยท่านอ๋อง ช่วงชิงเวลาให้กำลังหลักของกองทัพองครักษ์กำจัดท่านอ๋อง ถ้าหากจำเป็น กำลังพลเหล่านี้สามารถฝืนบุกเข้ามาในอาณาเขตทัพใต้เพื่อช่วยกำลังหลักของกองทัพองครักษ์โดยตรง ขอเพียงกำจัดท่านอ๋องได้ในรวดเดียว ต่อให้ล่วงเกินอ๋องสวรรค์โค่วและอ๋องสวรรค์ก่วงก็ไม่เป็นอะไร สองคนนั้นขาดแรงสนับสนุนจากทัพใต้กับทัพตะวันออกแล้ว ประมุขชิงไม่จำเป็นต้องกลัวพวกเขาอีก พวกเขาก็ไม่กล้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าอีกแล้วเช่นกัน”
เหมียวอี้เคาะนิ้วทั้งห้าบนแผนที่ดาว ก้มหน้าพูดต่ออย่างไม่แน่ใจว่า “ถ้าประมุขชิงคิดจะทำอย่างนี้จริง โอกาสชนะของเขาก็ขึ้นอยู่กับการกดกำลังพลทัพตะวันออกเอาไว้ กำลังพลของข้าก็กำลังพัวพันต่อสู้อยู่กับทัพใหญ่แดนรัตติกาล เขาวางแผนจู่โจมอย่างบ้าระห่ำก็เท่านั้นเอง ความได้เปรียบของข้าก็คือทำลายแผนการที่ทัพตะวันออกแล้ว สามารถเอาทัพใหญ่หนึ่งพันห้าร้อยล้านของเฉิงไท่เจ๋อมาใช้งานให้ข้าได้ ทัพใหญ่แดนรัตติกาลก็เป็นกำลังพลของข้าแล้วเช่นกัน ถ้าเป็นแบบนี้ เมื่อสถานการณ์รบอยู่ในความคาดหมายของเรา เถิงเฟยถูกกดดันให้อยู่ฝ่ายเราเหมือนปากกับฟัน ก็จะต้องเคลื่อนทัพมาช่วยข้าแน่นอน ทัพใหญ่หนึ่งพันห้าร้อยล้านของเถิงเฟยก็อยู่นอกเหนือความคาดหมายของประมุขชิงเช่นกัน อีกทั้งประมุขชิงก็นึกว่ากำลังพลสี่ร้อยล้านที่เขาวางกำลังไว้ในอาณาเขตทัพใต้จะถ่วงเวลาการระดมพลของข้าได้ หารู้ไม่ว่าข้าก็ใช้ข้ออ้างปราบกบฏและฉวยโอกาสตอนอีกฝ่ายระดมพลครั้งใหญ่จนไม่ทันระวังเพื่อแอบไประดมพลวางกำลังแล้วเหมือนกัน”
หยางชิ่งบอกว่า “ใช่แล้ว นี่ก็คือโอกาสชนะของท่านอ๋องที่พวกเราคุยกันไว้ก่อนหน้านี้ แต่ปัญหาในตอนนี้ก็คือ ฝั่งแดนสุขาวดีเป็นภัยพิบัติที่รอเกิดอยู่ตลอด ถ้าสถานการณ์ไม่ชอบมาพากลเมื่อไหร่ เกรงว่าแดนสุขาวดีจะสนับสนุนประมุขชิงอย่างสุดกำลัง ในจุดนี้ก็ต้องเผชิญกับความจริงเหมือนกัน ศิษย์ชาวพุทธคือกำลังพลหนึ่งแสนล้าน แต่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นฆราวาส กระจายตัวอยู่ในอาณาเขตแดนพุทธและตำหนักสวรรค์ นักพรตที่แท้จริงมีไม่ถึงสามพันล้าน ในจำนวนนั้นครึ่งหนึ่งก็กระจายกันถือธูปอยู่ในโลกมนุษย์ สมาชิกที่กระจัดกระจายอย่างนี้ ถ้าอยากจะรวมตัวกะทันหันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ ตอนเกิดศึกประตูดวงดาวแต่ละแห่งถูกปิดไว้ ไม่มีทางรวมตัวกันได้ เช่นนั้นกำลังพลที่แดนพุทธใช้งานได้ก็มีประมาณหนึ่งพันห้าร้อยล้าน ต่อให้ส่งเข้ามาในเขตตำหนักสวรรค์ห้าร้อยล้าน ในเขตแดนพุทธก็ยังเหลือกำลังพลอีกหนึ่งพันล้าน ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องบอกว่ามีวิธีการตรึงกำลังที่แดนพุทธได้ มีความมั่นใจจริงหรือเปล่าขอรับ? หรือว่าท่านอ๋องคิดจะให้ทัพใหญ่แดนอเวจีจู่โจมแดนพุทธ? ทัพใหญ่แดนอเวจีมีแค่ประมาณร้อยล้าน ถ้าอยากจะทำให้แดนพุทธสะเทือน เกรงว่าคงยากมาก!”
เหมียวอี้ตอบว่า “ทัพใหญ่แดนอเวจีเป็นแค่หนึ่งในนั้น…เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าแอบวางกำลังไว้ที่ฝั่งแดนพุทธตั้งนานแล้ว พอเกิดเรื่องขึ้น รับรองว่าประมุขพุทธะไม่มีเวลามาสนใจคนอื่นแน่”
เมื่อเห็นว่าจนป่านนี้แล้วเขายังไม่ยอมบอกเรื่องวางกำลังไว้ฝั่งแดนพุทธ หยางชิ่งก็ไม่ถามแล้วเช่นกัน “ถ้าเป็นอย่างนี้ ท่านอ๋องก็มีโอกาสชนะเพิ่มอีกส่วน เช่นนั้นปัญหาสำคัญที่ต้องแก้ไขก็เหลือแค่ว่าจะโจมตียังไงแล้ว?”
เหมียวอี้กล่าวอย่างลังเล “เผชิญหน้ากับการรุกโจมตีของกองทัพองครักษ์แปดร้อยล้าน อย่างน้อยข้าก็ต้องระดมกำลังพลสองพันล้านถึงจะปะทะกันได้ ถ้าสามารถสู้กันโดยใช้กำลังปะทะกันตรงๆ ได้ ต่อให้จะชนะ แต่ข้าก็ได้รับความเสียหายหนักมาก หลังจากนั้นเกรงว่าคงต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่จะโดนคนอื่นฮุบกลืน ต่อให้สู้ชนะแล้วแต่ก็ยกประโยชน์ให้คนอื่นอยู่ดี”
หยางเจาชิงที่อยู่ข้างๆ พูดแทรกว่า “ขยายกำลังพลหนึ่งพันห้าร้อยล้านของเฉิงไท่เจ๋อมาเป็นกำลังหลักในการโจมตี แม้จะลดความเสียหายของฝ่ายพวกเราได้ แต่ในการสู้รบขนาดใหญ่แบบนี้ เกรงว่ากำลังพลของเฉิงไท่เจ๋อคงไม่เต็มใจดันทุรังโจมตีเช่นกัน ถึงตอนนั้นอาจจะวุ่นวายได้”
เหมียวอี้เอียงหน้ามองเขา “ดังนั้นต้องหลีกเลี่ยงการใช้กำลังปะทะตรงๆ จากทั่วทุกด้าน”
“มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากที่กำลังพลแปดร้อยล้านจะรวมตัวกัน” หยางชิ่งพี่กำลังครุ่นคิดกล่าว ยื่นมือไปขยายแผนที่กลุ่มดาวบนแผนที่ดาว ชี้ไปตรงประตูดวงจุดหนึ่งพร้อมบอกว่า “ประตูดวงดาวทางผ่านระหว่างน่านฟ้าฉลูติงกับน่านฟ้าชวดปิ่ง! ทัพใหญ่สามร้อยล้านที่นำโดยฮวาอี้เทียนถูกกักไว้ที่นี่ ชัดเจนแล้วว่าถูกเพ่งเล็งแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ทัพใหญ่แปดร้อยล้านจะรวมตัวกันและฝืนผ่านด่านนี้ไปได้ ถ้าลงมือเมื่อไหร่ก็จะแหวกหญ้าให้งูตื่นทันที ดังนั้น ภายนอก กำลังพลสามร้อยล้านที่นำโดยฮวาอี้เทียนก็ยังอยู่ที่นี่ไม่ขยับไปไหน ใช้เพื่อทำให้ท่านอ๋องประมาท ส่วนกำลังพลห้าร้อยล้านนอกจากนี้ก็ต้องเข้ามาในเขตทัพใต้เงียบๆ มุ่งตรงมาที่ดาวอ๋องสวรรค์หนิว แล้วจู่โจมท่านอ๋องกะทันหัน…ส่วนการดักซุ่มอยู่ตามทางที่มา เพื่อศึกนี้ ต่อให้วังสวรรค์จะต้องเปิดโปงคนบางส่วนที่แทรกไว้ในทัพใต้ แต่ก็จะยอมแลกทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ ตั้งแต่กองทัพองครักษ์ลอบจู่โจมอิ๋งจิ่วกวง จนถึงเรื่องดักซุ่มทัพใหญ่ไว้ที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์ ต่างก็พิสูจน์แล้วว่าวังสวรรค์มีความสามารถที่จะทำจนถึงจุดนี้ได้ ถ้ากำลังพลห้าร้อยล้านนี้ลงมือจู่โจมเมื่อไร มีเพียงหลังจากที่กำลังพลห้าร้อยล้านลงมือเท่านั้น ทัพใหญ่ที่นำโดยฮวาอี้เทียนถึงจะฉีกหน้ากากที่อ่อนโยนและเคลื่อนไหวต่อต้าน ฝืนโจมตีด่าน บุกตรงเข้ามาช่วยที่ดาวอ๋องสวรรค์หนิว! ส่วนกำลังพลสี่ร้อยล้านที่กระจายอยู่ในเขตทัพใต้ก็จะเคลื่อนไหวทันที จะโจมตีสกัดกองหนุนแต่ละหน่วยของท่านอ๋องทันที!”
“ให้ทัพใหญ่หนึ่งพันห้าร้อยล้านของเฉิงไท่เจ๋อล้อมโจมตีกำลังพลสามร้อยล้านของฮวาอี้เทียน แบบนี้จะสามารถเอาชนะกำลังพลสามร้อยล้านได้โดยอยู่ในจุดที่ได้เปรียบอย่างแน่นอน คาดว่าเฉิงไท่เจ๋อก็คงไม่รู้สึกลำบากใจเกินไปด้วย!” หยางเจาชิงกล่าว
“เช่นนั้นปัญหาในตอนนี้ก็คือ จะรู้เส้นทางดักซุ่มของกำลังพลห้าร้อยล้านนั่นได้ยังไง แล้วจะเลือกลงมือที่ไหนดีล่ะ?” เหมียวอี้จ้องบนแผนที่ดาวอย่างลังเล การที่เขาพูดออกมาอย่างนี้ได้ ก็แสดงว่าเห็นด้วยกับสิ่งที่หยางเจาชิงพูดไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
หยางชิ่งบอกว่า “เคลื่อนไหวมิสู้นิ่งเงียบ ถ้าเคลื่อนไหวเยอะเกินไปในเวลานี้ กลับจะเผยพิรุธได้ง่ายด้วยซ้ำ ในเมื่ออีกฝ่ายลงมือจะต้องมุ่งมาที่นี่ ก็ไม่สู้ใช้อาณาเขตดาวของดาวอ๋องสวรรค์หนิวเป็นสนามรบหลักเสียเลย ท่านอ๋องสนใจแค่แอบระดมกำลังพลก็พอ รอให้ข้าศึกวิ่งมาติดกับดับเอง!”
“ดี!” เหมียวอี้กล่าวอย่างเด็ดขาดว่า “ตามที่ท่านบุรุษบอก ข้าจะระดมทัพใหญ่สองพันล้านรอยอยู่ที่นี่เงียบๆ! ขอเพียงกำจัดกำลังพลแปดร้อยล้านนี้ได้ กำลังพลสี่ร้อยล้านที่กระจายอยู่ในอาณาเขตก็ไม่พอให้กังวล! ตราบใดที่กดกำลังพลหนึ่งพันสองร้อยล้านของประมุขชิงไว้ได้ ประมุขชิงก็สูญเสียกำลังไปเกือบครึ่งแล้ว มีหรือที่อ๋องสวรรค์โค่วกะอ๋องสวรรค์ก่วงจะพลาดโอกาสดีในการโค่นล้มประมุขชิง? ตราบใดที่กำจัดกำลังพลหนึ่งพันสองร้อยล้านของประมุขชิงได้ ประมุขชิงก็หมดอนาคตแล้ว! พอประมุขชิงล้ม ฝั่งแดนสุขาวดีก็ต้านการรวมกำลังของหลายฝ่ายฝั่งนี้ไม่ไหว!”
หยางชิ่งกุมหมัดคารวะอีก “ประมุขชิงไม่ใช่คนที่รับมือได้ง่ายแน่นอน ต้องป้องกันไม่ให้เขาพลิกสถานการณ์ นี่คือเรื่องที่มีความเป็นไปได้แน่นอน ดังนั้นขอเพียงอ๋องสวรรค์โค่วกับอ๋องสวรรค์ก่วงยังไม่ลงมือ ก็มีโอกาสที่จะเกิดความเปลี่ยนแปลง มิอาจไม่ป้องกัน!”
“ท่านบุรุษมีความเห็นอันสูงส่งอะไร?” เหมียวอี้ถาม
หยางชิ่งรีบปรับแผนที่ดาวให้เป็นเค้าโครงของทั้งใต้หล้า ชี้ทัพใต้พลางอธิบายว่า “เมื่อเริ่มเปิดศึก ก็สามารถใช้งานกำลังของตระกูลเซี่ยโห้วที่อยู่ในกองทัพองครักษ์พร้อมกันได้เลย ลูกน้องเก่าของท่านอ๋องในกองทัพองครักษ์ด้วย ควรชิงลงมือก่อนเพื่อความได้เปรียบ สามารถให้พวกเขาใช้ฐานะกองทัพองครักษ์โจมตีทัพที่ประจำอยู่ในทัพตะวันตกกับทัพเหนือ!”
เหมียวอี้ตาเป็นประกาย เข้าใจเจตนาของหยางชิ่งแล้ว ทำแบบนี้เพราะต้องการจะลากอ๋องสวรรค์โค่วกับอ๋องสวรรค์ก่วงมาเกี่ยวข้องด้วยตั้งแต่เนิ่นๆ! ยังไม่ต้องพูดถึงว่าจะมีบทบาทอย่างอื่นแน่นอน อย่างน้อยเมื่อถึงตอนนั้น สองทัพจะต้องป้องกันกองทัพองครักษ์ในอาณาเขตตัวเองอย่างเข้มงวดแน่นอน ถ้ากองทัพองครักษ์ในเขตสองทัพนี้คิดจะไปช่วยรบในเขตทัพใต้อย่างราบรื่น ก็คงเป็นไปไม่ได้แล้ว ถือว่าได้กำจัดปัญหาที่จะตามมาในภายหลัง!
หยางเจาชิงก็เข้าใจความหมายนี้เช่นกัน แต่ก็ยังสงสัยนิดหน่อย “ในเวลานี้ ทำไมใช้งานแค่กำลังของตระกูลเซี่ยโห้วในกองทัพองครักษ์ ทำไมไม่ปลุกระดมทั้งหมดให้มาช่วยท่านอ๋องอีกแรง?”
หยางชิ่งโบกมือส่ายหน้า “กำลังของตระกูลเซี่ยโห้ว ยามอยู่ในศึกใหญ่ขนาดนี้ก็แสดงศักยภาพอะไรไม่ได้มากนัก ดังนั้นเวลาตระกูลเซี่ยโห้วจะสนับสนุนใครก็ไม่ใช่ว่าเลือกส่งเดช คนที่เขาสนับสนุนล้วนมีศักยภาพในตัวเองระดับหนึ่ง ดังนั้นเหล็กดีก็ต้องใช้บนคมมีด จะใช้หมดไม่ได้เด็ดขาด! หลังจากจัดการประมุขชิงกับประมุขพุทธะแล้ว ตอนหลังยังมีพวกโค่วหลิงซวีอีก ถ้าตระกูลเซี่ยโห้วแสดงเจตนาว่าจะสนับสนุนท่านอ๋องสุดกำลัง ก็จะทำให้พวกโค่วหลิงซวีตกใจ ดีไม่ดีหลังจากจบเรื่องแล้วพวกเขาอาจจะรวมกลุ่มกันมาสู้กับท่านอ๋องก็ได้ รอให้สถานการณ์ภาพรวมนิ่งก่อน ถึงจะเป็นเวลาที่เหมาะที่สุดที่จะให้ตระกูลเซี่ยโห้วลงมือ ถ้าเปิดโปงกำลังของตระกูลเซี่ยโห้วทั้งหมดตอนนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับเอาตัวไปเจาะคมดาบให้คนกำจัด!”
“อืม! ที่ท่านบุรุษพูดก็มีเหตุผล!” เหมียวอี้พยักหน้าเห็นด้วย
หยางเจาชิงกุมหมัดคารวะ ทำท่าทางเหมือนได้รับคำชี้แนะแล้ว
“ตอนนี้ก็รอแค่ให้เฉิงไท่เจ๋อมาพึ่งพาแล้ว…” เหมียวอี้มองไปนอกประตูพลางกล่าวช้าๆ ในใจเต็มไปด้วยความกังวล ลูกธนูง้างอยู่บนสายแล้ว กังวลว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรทางฝั่งเฉิงไท่เจ๋อ
หยางชิ่งปลอบใจอยู่ข้างๆ “ขอเพียงเฉิงไท่เจ๋อเข้ามาในเขตทัพใต้แล้ว เขาก็ทำอะไรตามใจตัวเองไม่ได้!”
ในเขตทัพตะวันออก กำลังพลของท่านอ๋องเฉิงกำลังรวมตัวกันอย่างลับๆ
จวนอ๋องสวรรค์เฉิง หวังเก้า แม่ทัพใหญ่คนสนิทเดินก้าวยาวเข้ามา เดินตรงเข้ามาในโถงแล้วไม่สนใจจะทำความเคารพ ถามโดยตรงเลยว่า “ท่านอ๋อง ได้ยินว่ากำลังพลกองทัพองครักษ์ถอนทัพแล้ว มีเรื่องอย่างนี้หรือเปล่า?”
เฉิงไท่เจ๋อหน้าตึง กล่าวอย่างแค้นใจว่า “มีเรื่องอย่างนี้จริง ประมุขชิงโจรสุนัข พูดแล้วคืนคำ เห็นข้าเป็นตัวหมากที่ใช้แล้วทิ้ง!”
“แล้วจะทำยังไงดีขอรับ ทัพใหญ่ของข้าจะไม่อยู่ในอันตรายหรอกหรือ?” หวังเก้าหวาดระแวงกลัว
เฉิงไท่เจ๋อถามเสียงต่ำว่า “ข้าเป็นคนที่จะนั่งรอความตายเหรอ?”
หวังเก้าก้มหน้าเงียบๆ แล้วจู่ๆ ก็กุมหมัดคารวะ “ท่านอ๋อง ประมุขชิงถอนกำลังตอนนี้ พวกเราหมดอนาคตแล้ว…ท่านอ๋องไม่ต้องสนใจพวกข้าน้อย พาครอบครัวหนีไปก่อนเถอะขอรับ ข้าน้อยยินดีเป็นเกราะกำบังให้ท่านอ๋อง!”
เฉิงไท่เจ๋อตะคอกว่า “พูดจาเหลวไหล! ข้าจะทิ้งพี่น้องแล้วหนีเอาชีวิตรอดคนเดียวได้ยังไง?”
“แต่ว่า…” หวังเก้ากล่าว
เฉิงไท่เจ๋อยกมือห้าม แล้วกล่าวอย่างมีลับลมคมนัยว่า “ข้ามีแผนดีๆ แล้ว แต่เจ้าต้องให้ความร่วมมือสักหน่อย”
หวังเก้ากุมหมัดคารวะอีกครั้ง “ท่านอ๋องบอกมาได้เลย ข้าน้อยจะทุ่มสุดตัว ให้ตายหมื่นครั้งก็ไม่ปฏิเสธ!”
เฉิงไท่เจ๋อขวาข้อมือเขา ยื่นศีรษะเข้ามาใกล้ กล่างเสียงต่ำว่า “ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าไปตายหรอก รับรองว่าเจ้าจะปลอดภัยมาก ข้าให้กำลังพลเจ้าหนึ่งล้าน เจ้าพาหนีไปที่อาณาเขตดาวนิรนาม ต้องทำให้คึกโครมนิดหน่อย ให้ฝั่งเถิงเฟยรู้ทิศทางที่เจ้าไปคร่าวๆ แสร้งว่าข้าหนีไปทางนั้น จำไว้นะ เรื่องนี้เป็นความลับ ห้ามมีข่าวหลุด รอให้จัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ข้าจะไปรับเจ้ากลับมา ส่วนอย่างอื่นเจ้าก็ไม่ต้องสนใจ…”
จวนอ๋องสวรรค์เถิง แม่ทัพหลายคนมาทำความเคารพพร้อมกัน
แม่ทัพคนหนึ่งกล่าวว่า “ทำไมท่านอ๋องยังลังเลอยู่อีก? กองทัพองครักษ์ถอนกำลังไปแล้ว ดูท่าแล้วคงจะเลิกสนับสนุนเฉิงไท่เจ๋อ เป็นโอกาสดีให้พวกเราโจมตี หวังว่าท่านอ๋องจะรีบออกคำสั่งเคลื่อนทัพ!”
เมื่อเห็นเถิงเฟยยังลังเลอยู่บ้าง แม่ทัพอีกคนก็บอกว่า “มีกำลังพลทัพตะวันตกกับทัพเหนือสนับสนุน พวกเราต้องชนะแน่นอน!”
ทุกคนรู้สึกรีบร้อนมาก รอมาหลายปีขนาดนี้ ในที่สุดก็เจอโอกาสที่จะได้อยู่สูงขึ้นอีกระดับแล้ว
เถิงเฟยกล่าวด้วยความสงสัย “แน่ใจนะว่ากองทัพองครักษ์ถอนกำลังออกจากทัพตะวันออกหมดแล้ว?” เขากังวลว่าประมุขชิงจะเล่นตุกติก ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้โจมตีหลัก ทำได้เพียงปักหลักอยู่ที่นี่เท่านั้น ถ้าแพ้แล้วก็ไม่มีที่ให้ไป ส่วนทัพตะวันตกกับทัพเหนือยังสามารถถอนทัพกลับได้
“เร็วเข้า! ท่านอ๋อง ลังเลอีกไม่ได้แล้ว ค่ำคืนยาวนานความฝันเปลี่ยนแปลงเยอะ!” แม่ทัพคนหนึ่งกล่าว
ในขณะนี้ เถิงจงที่อยู่ข้างๆ เก็บระฆังดารา แล้วรายงานว่า “ท่านอ๋อง กำลังพลจำนวนมากของเฉิงไท่เจ๋อหายไปแล้ว ดูเหมือนจะหนีขอรับ!”
……………