พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2175 จุดไฟสงคราม
คนกลุ่มหนึ่งที่ปลอมตัวแล้วขึ้นมาบนพื้นดิน แล้วเหาะไปยังจุดลึกของดาราจักรอย่างรวดเร็ว
คิดจะลงมือกับหนิวโหย่วเต๋อ มีแม่ทัพจำนวนไม่น้อยที่บอกไม่ถูกว่าตัวเองรู้สึกเครียดหรือรู้สึกตื่นเต้น หนิวโหย่วเต๋อก็มีพื้นเพมาจากกองทัพองครักษ์เหมือนกัน เคยเป็นความภาคภูมิใจของกองทัพองครักษ์ มีคำสรรเสริญว่ารบไม่แพ้ จนป่านนี้ได้ไต่เต้าทะยานขึ้นสู่ตำแหน่งอ๋องสวรรค์คุมทัพใต้แล้ว คนภายในกองทัพองครักษ์ไม่หยุดยั้งความเลื่อมใสแบบนี้เพราะหนิวโหย่วเต๋อออกไปแล้ว กองทัพองครักษ์ส่งเสริมความเลื่อมใสศรัทธานี้ ไม่ว่าจะเป็นศัตรูหรือคนของตัวเอง หากทำศึกได้ก็แสดงว่าเป็นวีรบุรุษ ต่อให้เป็นศัตรูก็ควรค่าแก่การนับถือ!
แน่นอน นับถือก็ไม่ได้แปลว่าหวาดกลัว และต้องเอาชนะเขาให้ได้ด้วย ต้องอยู่เหนือกว่าเขาให้ได้
กำลังจะประมือกลับขุนพลเลื่องชื่อที่มีพื้นเพจากกองทัพองครักษ์ กำลังจะท้ารบขุนนพลเลื่องชื่อที่สร้างผลงานรบไม่แพ้ไว้ที่กองทัพองครักษ์ มีคนไม่น้อยรู้สึกเครียดกังวลจริงๆ รู้สึกตื่นเต้นก็มี ถึงขั้นเฝ้าคอยศึกนี้ด้วย บางคนก็ยิ่งเลือดร้อน หวังว่าจะได้ใช้ดาบสังหารหนิวโหย่วเต๋อด้วยมือตัวเอง ทำให้นามอันยิ่งใหญ่ของตัวเองเปล่งประกายอยู่ในกองทัพองครักษ์!
สำหรับนามอันยิ่งใหญ่ของหนิวโหย่วเต๋อ พวกเขาชื่นชมมานานแล้ว แต่ในบรรดาคนที่อยู่ตรงนี้ยังไม่มีใครเคยประมือกับเขา ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะได้เห็นท่วงท่าอันสง่างามของท่านขุนพลหรือเปล่า!
ตรงจุดซ่อนตัวนี้อยู่ไม่ไกลจากอาณาเขตดาวของดาวอ๋องสวรรค์หนิว พวกฉวี่ฉางเทียนซ่อนตัวอยู่ตรงนี้เพื่อรอฟังคำสั่งบุกโจมตีมาตลอด ทำแบบนี้ก็เพื่อให้ปฏิบัติภารกิจได้ทันเวลาตามคำสั่ง
หลังจากนั้นสักพัก ประตูดวงดาวทางเข้าอาณาเขตดาวของจุดหมายปลายทางก็ปรากฏสู่สายตา ทว่าตรงทางเข้าประตูดวงดาวมีกำลังพลหลายล้านเฝ้าอย่างเข้มงวด จำนวนของกำลังพลไม่ใช่น้อยๆ
เมื่อเห็นว่ามีคนแปลกหน้าเข้ามาใกล้ กำลังพลที่เฝ้าอยู่ก็แบ่งกลุ่มเล็กๆ หนึ่งพันคนเหาะเข้ามาทันที ก้าวเข้ามาดักไว้ แม่ทัพที่นำหน้ามาตะโกนถาม “เป็นใครกัน?”
ฉวี่ฉางเทียนไม่สนใจเลย พอโบกมือส่งสัญญาณ แม่ทัพหลายคนที่อยู่ข้างกายก็ปล่อยกำลังพลห้าสิบล้านออกมา
“ฆ่า!” แม่ทัพโบกกระบี่ออกคำสั่ง
กำลังพลห้าสิบล้านตะโกนเสียงดัง ชั่วพริบตานั้นกำลังพลหนึ่งพันก็เหมือนถูกกระแสน้ำไหลท่วมจนมิด
หลังจากกระแสน้ำพัดผ่านไปแล้ว ในดาราจักรก็ทิ้งเศษซากเอาไว้เปลือก
“ข้าศึกบุก!” ทหารยามตรงประตูดวงดาวตะโกนบอกอย่างโมโห ทางฝั่งนี้รีบรับมืออย่างเร่งด่วน เมื่อเห็นว่ามีกำลังพลมากขนาดนี้พุ่งเข้ามา ก็ตกใจแทบแย่แล้ว
“ยิงธนู!”
ชั่วพริบตาที่สองทัพปะทะกัน แม่ทัพใหญ่ฉวี่ก็ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด
ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ในมือกำลังพลกองทัพองครักษ์สิบล้านที่พุ่งมาตรงหน้าสุดกะพริบแสง ตามด้วยเสียงระเบิดดังเปรี้ยงปร้าง ลำแสงนับไม่ถ้วนยิงเข้ามาราวกับห่าฝน
ก่อนที่จะบุกโจมตี ฝั่งนี้คาดคะเนเหตุการณ์และวางแผนรบไม่รู้ตั้งกี่รอบแล้ว กำลังพลมากขนาดนี้บุกโจมตี ยิงธนู แต่กลับราบรื่นราวกับเมฆเหินน้ำไหล
บึ้ม!
เพียงชั่วพริบตานี้ ลำแสงนับไม่ถ้วนถล่มกองทัพหลายล้านตรงประตูดวงดาวแตกแล้ว
ทัพใหญ่ที่บุกโจมตีพุ่งเข้ามาในทัพที่กระจัดกระจายด้วยกระบวนทัพรูปลิ่ม ราวกับกระแสน้ำที่ชะล้างทุกอย่าง ไม่เกรงกลัวสิ่งใด และไม่พัวพันใดๆ ด้วย บุกเข้าไปในประตูดวงดาวโดยตรง ไม่สนด้วยว่ากองทัพที่โดนถล่มจนวุ่นวายเมื่อครู่นี้จะมีสภาพเป็นอย่างไร ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองด้วย ฝ่าด่านพุ่งเข้าไปเลย
ทัพใหญ่ที่บุกโจมตีเก็บงานแล้วเข้ามา โผล่มากะทันหันและหายเข้าไปในประตูดวงดาวอย่างกะทันหันแล้ว กองทัพที่วุ่นวายและบาดเจ็บล้มตายไปหลายแสนนอกประตูดวงดาวงงนิดหน่อย ทหารรีบหยิบระฆังดาราออกมารายงานด่วน
ส่วนฉวี่ฉางเทียนที่นำทัพบุกเข้าประตูดวงดาวมาก็รีบหันรอบๆ เพื่อสำรวจสถานการณ์ในดาราจักร พอเห็นว่าข้างในไม่มีการเตรียมป้องกันใดๆ ในใจก็ดีใจมาก ดูท่าแล้ว ฝั่งนี้คงไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยจริงๆ
แต่เขาก็รู้อย่างชัดเจน ว่าความเคลื่อนไหวอย่างนี้ปิดบังหนิวโหย่วเต๋อไม่ได้ ต่อให้เมื่อครู่นี้จะล้างเลือดทหารยามข้างนอกจนสะอาดเรียบร้อยแล้วก็ไม่มีประโยชน์ ยังคงมีข่าวหลุดออกไปได้เหมือนเดิม กำลังพลหลายล้านไม่ใช่กำลังพลหลายแสน ต่อให้เขาใช้ทัพใหญ่หลายร้อยล้านออกมาโจมตีทั้งหมด แต่ก็ไม่มีทางจะกำจัดทิ้งทั้งหมดได้
เมื่อตัดสินแล้วว่าตรงนี้ยังไม่มีภัยคุกคาม ฉวี่ฉางเทียนก็โบกมือชี้ทันที “ปี่จัว เจ้านำกำลังพลไปปิดทางออกประตูดวงดาวเดี๋ยวนี้ อย่าปล่อยให้ใครหนีไปได้ ไม่อย่างนั้นข้าจะเอาเรื่องเจ้า!”
“ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง!” แม่ทัพใหญ่ปี่จัวกุมหมัดเอ่ยรับคำสั่ง จากนั้นโบกมือ นำแม่ทัพอีกหลายสิบเหาะออกจากกลุ่มไป
ส่วนฉวี่ฉางเทียนก็นำกำลังพลมุ่งหน้าไปยังจุดบุกโจมตีต่อ ขณะเดียวกันก็หยิบระฆังดาราขึ้นมารายงานสถานการณ์ต่อเบื้องบน เขารู้ว่าเบื้องบนกำลังรอข่าวการบุกโจมตีจากฝั่งเขาอยู่ เพื่อที่จะบัญชาการการบุกโจมตีขั้นต่อไป
วังสวรรค์ ตำหนักดาราจักร เมื่อได้รับรายงานจากฉวี่ฉางเทียนที่ร่วมบัญชาการและลงสนามรบด้วยตัวเอง อู๋ฉวี่ก็กำระฆังดาราไว้ แล้วกุมหมัดคารวะ “ฝ่าบาท ฉวี่ฉางเทียนนำกำลังพลบุกโจมตีฝ่าเข้ารังของข้าศึกได้อย่างราบรื่น ในนั้นยังไม่พบการเตรียมป้องกันใดๆ!”
“ดี!” ประมุขชิงตบโต๊ะลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปเดินมาอย่างตื่นเต้น เขาชี้ซือหม่าเวิ่นเทียน “ลองถามดูว่าสถานการณ์ในจวนอ๋องสวรรค์หนิวเป็นยังไงบ้าง!”
ซือหม่าเวิ่นเทียนที่ได้ยินรายงานจากอู๋ฉวี่แล้วพี่ติดต่อตามคำสั่ง หลังจากได้คำตอบแล้วก็กุมหมัดคารวะ “ฝ่าบาท หนิวโหย่วเต๋อยังอยู่ในจวนท่านอ๋อง อวิ๋นจือชิวเพิ่งจะเรียกรวมกลุ่มอนุภรรยามาสั่งสอน เมื่อคืนนี้สายลับยังเห็นหนิวโหย่วเต๋อเอ้อระเหยลอยชายอยู่ในจวนท่านอ๋อง เหมือนคาดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์บุกโจมตี”
“ดี!” ประมุขชิงทำสีหน้าตื่นเต้นบนดุร้าย ชี้อู๋ฉวี่พร้อมบอกว่า “ให้ฉวี่ฉางเทียนมุ่งตรงสู่เป้าหมาย พยายามดักหนิวโหย่วเต๋อเอาไว้ พยายามอย่าให้เขาหนีไป ต่อให้สกัดไม่ได้แต่ก็ต้องโจมตีกำลังพลเดิมของเขาให้ย่อยยับ!”
“รับทราบ!” อู๋ฉวี่พยักหน้าเอ่ยรับ เข้าใจเจตนาของเขาแล้ว
ทางนั้นคือรังของหนิวโหย่วเต๋อ ถ้าหนิวโหย่วเต๋อหนีไปทันที เกรงว่าจะจับตัวหนิวโหย่วเต๋อได้ยากแล้ว แต่ถ้าหนิวโหย่วเต๋อจะหนี ก็ต้องส่งกำลังพลมาโจมตีสกัดข้าศึกที่ไล่ตามแน่นอน ไม่มีทางให้โอกาสข้าศึกไล่กัดไม่ปล่อย เช่นนั้นก็มีโอกาสโจมตีกำลังพลเดิมของหนิวโหย่วเต๋อให้ย่อยยับแล้ว ขอเพียงกำจัดกำลังพลของหนิวโหย่วเต๋อได้ ต่อให้หนิวโหย่วเต๋อหนีไปอาณาเขตดาวนิรนาม ขอเพียงฝั่งนี้ปิดล้อมทางออกไว้ ก็สามารถรับมือกับกำลังพลของหนิวโหย่วเต๋อที่อยู่ด้านนอกได้เต็มที่ ยิ่งไปกว่านั้น ข่าวหนิวโหย่วเต๋อรบแพ้ก็จะแพร่ออกไป จะต้องทำให้ขวัญกำลังใจทหารสั่นคลอนแน่นอน เป็นประโยชน์ต่อทัพใหญ่ในการกวาดล้างทัพใต้ยิ่งขึ้น หลังจากนี้ต่อให้หนิวโหย่วเต๋อโชคดีรอดชีวิตไปได้ แต่ก็ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะกลับตัวแล้ว
ประมุขชิงกำชับอีกว่า “ทางฮวาอี้เทียน ให้เริ่มได้แล้ว!”
อู๋ฉวี่เอ่ยรับคำสั่ง แล้วรีบถ่ายทอดคำสั่งลงไป
ประมุขชิงชี้ไปที่ซ่างกวนชิงอีก “แจ้งไปทางกำลังพลของพี่ใหญ่พุทธะ ให้ออกมาเสริมอานุภาพได้แล้ว ต้องให้พวกเขาควบคุมสถานการณ์ให้ได้!”
“ขอรับ!” ซ่างกวนชิงเอ่ยรับ แล้วหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อ
ในจวนอ๋องสวรรค์หนิว เหมียวอี้นั่งอยู่ในศาลา ชิงเยว่ถลันตัวเข้ามา เหาะขึ้นตึกไปโดยตรง แล้วกุมหมัดรายงานด่วนว่า “ท่านอ๋อง เป็นอย่างที่คาดไว้ อีกฝ่ายลงมือแล้ว”
เหมียวอี้แสยะยิ้ม ถามว่า “มากันเท่าไหร่?”
“หลังจากกำลังพลประมาณห้าสิบล้านบุกฝ่าด่านเข้ามา ก็มุ่งตรงมาทางนี้” ชิงเยว่ตอบ
เหมียวอี้กล่าวเสียงเรียบว่า “กองทัพองครักษ์ไม่มีทางยอมแพ้ อย่าเปลืองความพยายาม ไม่เอาทหารที่ยอมแพ้ อย่าเก็บไว้แม้แต่คนเดียว รีบฆ่าให้หมด ข้าจะสังหารให้พวกเขาขวัญผวา! ชิงเยว่ ศึกนี้สำคัญยิ่ง ต้องทำลายขวัญกำลังใจทหารของประมุขชิงภายในศึกเดียว ต้องทำให้อำนาจฝ่ายอื่นเห็นด้วยว่าประมุขชิงมันก็เท่านี้เอง ถึงจะทำให้พวกเขามีความมั่นใจในการลงมือไปด้วย เข้าใจใช่มั้ย?”
“ข้าน้อยเข้าใจแล้ว!” หญิงแกร่งกุมหมัดคารวะอย่างองอาจห้าวหาญ
เหมียวอี้ปัดมือ “ไปเถอะ!”
ชิงเยว่ถลันตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
“บอกเฉิงไท่เจ๋อ ให้พวกเขามาร่วมมือกัยทำภารกิจสำคัญกับข้าที่นี่!” เหมียวอี้ยืนขึ้น เดินมาเอามือไขว้หลังพิงระเบียง เปี่ยมด้วยพลังอันน่าเกรงขาม พลังแบบที่จะทำศึกตัดสินกับราชันแห่งใต้หล้า เขากวาดมองตึกรามบ้านช่องในจวนท่านอ๋องด้วยสีหน้าเรียบเฉย พลางกล่าวอย่างเยือกเย็น “ตอนนี้จับตาดูสายลับทุกคนในจวนท่านอ๋องไว้ให้ดี จับตาดูให้ข้า อยากจะเห็นนักใช่มั้ยว่าข้ามีปฏิกิริยายังไง ได้ ข้าจะให้พวกเขาได้เห็น! ข้าอยากจะเห็นจริงๆ ว่าถ้าประมุขชิงรู้ว่าเฉิงไท่เจ๋อใครอยู่ข้างหลังฆ่าแล้วจะทำสีหน้ายังไ!”
“เกรงว่าคงนึกเสียใจทีหลังไม่หาย แต่ขี่หลังเสือแล้วก็คงยาก ทำได้เพียงประสาทเสีย อาจจะเจรจาสงบศึก” หยางชิ่งกล่าวอยู่ข้างๆ
“เจรจาสงบศึก? ก็ได้ ขอเพียงเขาประกาศต่อใต้หล้า ประกาศยอมรับผิดต่อข้าให้คนรู้ทั้งใต้หล้ ข้าก็ยินดีเปลี่ยนอาวุธสงครามให้เป็นหยกแพรไหม!” เหมียวอี้เอ่ยเสียงเรียบ
ไม่เห็นเขาดูมีความมั่นใจเกินไป หยางชิ่งก็กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านอ๋อง พลังรบของกองทัพองครักษ์ไม่ธรรมดา ทุกคนล้วนมีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ ประมาทศัตรูไม่ได้”
เหมียวอี้เอียงหน้ามองเขาแวบหนึ่ง “เจ้าคิดว่าตอนแรกข้าตัดสินใจลงมือเพราะอะไรล่ะ? ถ้าไม่มีความมั่นใจข้าจะกล้าบุ่มบ่ามลงมือได้ไง? ประมุขชิงมีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ แล้วข้าไม่มีเหรอ? ถ้าข้าบอกว่าฉวี่ฉางเทียนจะต้องแพ้แน่นอน เจ้าเชื่อหรือเปล่าล่ะ?”
หยางชิ่งขมวดคิ้ว คิดในใจว่าต่อให้เอาธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ทั้งทัพใต้มารวมกัน ก็อาจไม่เยอะเท่าฉวี่ฉางเทียนก็ได้ เขาไม่รู้ว่าเหมียวอี้ความมั่นใจมาจากไหน ถึงพูดเรื่องธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์อย่างนี้
“ให้เฮยทั่นมาพบข้า” เหมียวอี้กล่าวอย่างไม่แยแส
“ขอรับ!” หยางเจาชิงเอ่ยรับ
ในจวนท่านอ๋องตอนนี้ มีกำลังพลจำนวนมากปรากฏตัวออกมาเตรียมพร้อมป้องกันแล้ว ทุกที่ล้วนมีทหารสวมเราะรบลาดตระเวน ป้องกันไม่ให้มีคนฉวยโอกาสก่อกวน
ผ่านไปเพียงครู่เดียว เฮยทั่นเดินก้าวยาวเข้ามา กุมหมัดคารวะอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านอ๋อง ในจวนท่านอ๋องมีความเคลื่อนไหวไม่ใช่น้อย เริ่มต่อสู้กันแล้วหรือเปล่า? ถึงคราวที่จะให้กำลังพลของข้าลงสนามได้หรือยัง?”
กำลังพลของเจ้า? หยางชิ่งสงสัย ไม่รู้ว่าเขาเอากำลังพลมาจากไหน ให้คนประเภทนี้บัญชาการกองทัพ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นหรอกหรือ?
เหมียวอี้หันตัวไปมองเขา “กำลังพลของเจ้าฝึกไปถึงไหนแล้วล่ะ?”
เฮยทั่นตบหน้าอกเสียงตุ้บๆ “ไม่มีปัญหา! ขอเพียงให้ข้าลงสนาม ข้าคุณชายเฮยก็จะสังหารพวกเขาให้คนล้มมาพลิกเลย”
“กองทัพองครักษ์ห้าร้อยล้าน เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าจะนำกำลังพลหนึ่งแสนไปสังหารพวกเขาจนคนล้มมาพลิกได้?” เหมียวอี้พูดแขวะ
“เอ่อ…” เฮยทั่นรู้สึกเหมือนถูกบีบคอ กองทัพองครักษ์ห้าร้อยล้านเหรอ? คิดดูแล้วก็ตัวสั่น ยิ้มแห้งตอบว่า “แน่นอนว่าต้องให้กำลังพลของท่านอ๋องให้ความร่วมมือ…” เมื่อเห็นเหมียวอี้ทำสีหน้าแปลกๆ ก็พูดเสริมด้วยน้ำเสียงอ่อนปวกเปียกว่า “พวกเราให้ความร่วมมือกับกำลังพลของท่านอ๋อง”
หยางเจาชิงที่อยู่ข้างๆ เตือนว่า “พี่เฮย ไม่มีกำลังพลของเจ้าหรอก ทั้งหมดเป็นกำลังพลของท่านอ๋อง เข้าใจใช่ไหม?”
“เอ่อ…” เฮยทั่นรู้ตัวทันที รู้ว่าตัวเองพูดผิดไปแล้ว จึงตบปากตัวเองหลายที แล้วพยักหน้าซ้ำๆ “ใช่ๆๆๆ ล้วนเป็นกำลังพลของท่านอ๋อง ทั้งหมดเป็นกำลังพลของท่านอ๋อง”
หยางชิ่งประหลาดใจสงสัยยิ่งกว่าเดิม ทัพใหญ่ขนาดนี้สู้รบกัน กำลังพล หนึ่งแสนนับเป็นก้นอะไร พอเข้าสนามรบแล้วก็อาจจะโผล่ออกมาไม่ได้แม้แต่ฟองด้วยซ้ำ แต่ทำไมท่านอ๋องทำท่าเหมือนให้ความสำคัญมาก อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ท่านอ๋อง กำลังพลหนึ่งแสนนี้คือ?”
เหมียวอี้ยิ้มเรียบๆ “หลายปีมานี้ข้าทำธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หนึ่งแสนคันที่สามารถใช้ไข่มุกวิญญาณจากวิญญาณชั่วร้ายมาเป็นพลังงานได้ ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์การรบ ก็อาจแสดงประโยชน์ได้ไม่มาก แต่ถ้าสามารถทำให้สถานการณ์รบมั่นคงได้ ธนูหนึ่งแสนคันนี้ก็แสดงอานุภาพได้ไม่น้อย!”
หยางชิ่งตกใจ เขาย่อมรู้ว่าเมื่อใช้ปราณชั่วร้ายที่ระเบิดออกจากไข่มุกวิญญาณมาเสริมฤทธิ์ในธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ จะทำให้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์มีอานุภาพเพิ่มขึ้นขนาดไหน แต่ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ที่ระดับต่ำสุดล้วนเป็นของวิเศษขั้นห้า ที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์มีการกวาดล้างเป็นระยะ ไข่มุกวิญญาณของวิญญาณชั่วร้ายระดับต่ำพวกนี้ ต้องใช้เท่าไรถึงจะเติมพลังงานให้ธนูคันหนึ่งใช้งานได้? หนึ่งแสนคันเชียวเชียวนะ นั่นต้องใช้ไข่มุกวิญญาณมากขนาดไหนกัน? ถ้ารวบรวมปริมาณได้ง่ายขนาดนั้น เกรงว่าตำหนักสวรรค์ก็ทำไปนานแล้ว
………………