พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2177 ให้เกียรติรอมานานแล้ว
มาถึงขั้นนี้แล้ว เขากังวลที่สุดว่ากำลังพลห้าสิบล้านของปี่จัวจะติดกับดักเหมือนกัน ยามเผชิญหน้ากับทัพฝ่ายศัตรูที่ใหญ่โตนับไม่ถ้วนแบบนี้ กำลังพลห้าสิบล้านน้อยนิดก็เฝ้าทางออกไม่ไหวเลย ไม่จำเป็นต้องเฝ้าทางออกแล้วด้วย ต้องรีบเรียกกลับมาถึงจะเป็นหลักการที่ถูกต้อง ให้มาร่วมกับกำลังพลที่นี่ก็ใช้ว่าจะสิ้นหวังเรื่องฝ่าวงล้อม กำลังของกองทัพองครักษ์ก็เห็น ๆ กันอยู่ ถ้าแยกกันก็อาจจะถูกกำจัดทีละส่วนจริง ๆ
ขณะเดียวกันฉวี่ฉางเทียนก็รีบเรียกหันเจ๋อจวิน ฉวนอู่ผิง เซียวเหยียนเลี่ยให้นำกำลังพลกลับมาร่วมกัน จะให้โอกาสทัพฝ่ายศัตรูกำจัดทีละส่วนไม่ได้ ต้องรวมกำลังให้แข็งแกร่งเหมือนหมัดเหล็กเพื่อรับมือ
กำลังพลสามกลุ่มรีบถอนกำลังกลับมา ทางนี้เพิ่งจะเก็บกำลังพลเข้ากระเป๋าสัตว์ แต่กำลังพลหนึ่งพันห้าร้อยล้านรวมทั้งชิงเยว่ก็ล้อมโจมตีฝั่งนี้เอาไว้หลายชั้นเรียบร้อยแล้ว เห็นได้ชัดว่าธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ของกำลังพลหนึ่งพันล้านรวมอยู่ตรงหน้าแล้ว ปะทะกับธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ของกองทัพองครักษ์โดยตรง
กำลังพลของฉวี่ฉางเทียนร่วมกันี้เป็นวงกลม พร้อมรับมือกับการลอบโจมตีจากสี่ด้านแปดทิศ ไม่บุกไปข้างหน้าอีก อยู่ในสภาพ
ป้องกันทั่วทุกด้าน ใช้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์เพื่อทำลายกำลังของฝ่ายตรงข้าม
ชิงเยว่ใช้กระบวนทัพรูปลิ่มบุกโจมตีจากสี่ด้านแปดทิศ ราวกับมีหนามแหลมหลายแท่งแทงเข้าไปตรงกลางวัตถุทรงกลม ขณะเดียวกันก็ถล่มยิงลาแสงนับไม่ถ้วนไปยังอีกฝ่าย
เสียงเข่นฆ่าที่ดุเดือดราวกับจะทำให้ดาราจักรืผนี้นสั่นสะเทือน
เมื่อสถานการณ์รบคงที่แล้ว ฉวี่ฉางเทียนก็รีบรายงานขึ้นไปเบื้องบน…
พอปี่จัวได้ข่าวว่าทัพใหญ่ที่เป็นกำลังโจมตีหลักตกหลุมพราง เขาก็ตกใจมาก รีบโบกแขนตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ระดมพล รีบตามข้าไปช่วยผู้บัญชาการซ้าย!”
เขาเพิ่งจะพูดจบ ด้านข้างก็มีเสียงอุทานอย่างตกใจว่า “นายท่าน!”
ปี่จัวรีบหันมองรอบ ๆ เห็นเพียงดาวเคราะห์และดาวที่อยู่รอบ ๆ มีกำลังพลกลุ่มใหญ่โผล่มา ล้อมโจมตีมาทางฝั่งนี้แล้ว
ปี่จัวหันกลับไปมองประตูดวงดาวข้างหลังตัวเองที่นที่กำลังพลฝ่ายศัตรูจำนวนมากกำลังมาทางนี้ เกรงว่าคงสู้ลำบาก วิธีการที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือ ออกจากประตูดวงดาวและหนี้ไปจากที่นี่ ทว่าผลที่ตามมาจากการไม่ปฏิบัติตามกฎทหาร ฉวี่ฉางเทียนั้นนรับผิดชอบไม่ไหว ถ้าจะให้ทิ้งกำลังหลักที่กำลังโดนล้อมโจมตีหนี้ไป เขาก็ทำไม่ลง
จริง ๆ ถ้าเขาทำอย่างนั้น นากำลังพลกลุ่มนี้ไป ก็ไม่ต่างอะไรกับทำให้กำลังหทารของฉวี่ฉางเทียนออนแอลง ถ้าให้ทัพศัตรูที่อยู่ตรงหน้าไปร่วมล้อมโจมตี ก็ไม่ต่างอะไรกับเพิ่มความกดดันให้ฉวี่ฉางเทียน ยิ่งไปกว่านั้น ด้านหลังประตูดวงดาวจะมีกำลังพลดักซุ่มอยู่อีก หรือเปล่าก็ไม่รู้
ในหัวรีบพิจารณาถึงผลได้ผลเสีย ปี่จัวโบกทวนอยู่ในมือชี้ไปยังทัพใหญ่ที่รวมตัวกัน แล้วตะโกนสั่งว่า “ตามข้าฝ่าวงล้อมไปช่วยผู้บัญชาการซ้าย ฆ่า!”
กำลังพลห้าสิบล้านพุ่งไปยังทิศทางนั้นอย่างอึกทึกคึกโครม
เหิงอู๋เต้าร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนเสียงดังมาจากดาราจักร “เหิงให้เกียรติรอมานานแล้ว จะหนี้ไปไหน!”
คนที่นากำลังพลมาดักตรงหน้ากคือเหิงอู๋เต้า จอมพลสายมะเส็ง สองฝ่ายใช้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ถล่มยิงใส่กันราวกับพายุฝน
กำลังพลห้าสิบล้านที่บุกโจมตีถูกทัพใหญ่ขวางไว้แล้ว ตามติดด้วยกำลังพลที่มาล้อมพวกเขาเอาไว้จากสี่ด้านแปดทิศ
ตอนแรกเหมียวอี้ก็ไม่สามารถคาดคะเนการแบ่งกำลังพลของฝั่งนี้ได้ แต่เดาได้แล้วว่าอีกฝ่ายจะต้องไปปิดล้อมประตูดวงดาวเพื่อป้องกันไม่ให้เหมียวอี้หนี จึงดึงกำลังพลห้าร้อยล้านไปให้เหิงอู๋เต้าเสียเลย กันไว้ดีกว่าแก้ พอเปืนแบบนี้ เท่ากับว่ากำลังพลห้าร้อยล้านกำลังล้อมโจมตีทัพใหญ่ห้าสิบล้าน เป็นจำนวนที่มากกว่ากิำลังพล
ของอีกฝ่ายสิบเท่าสถานการณ์ของปีั่จวอันตรายกว่าฝั่งฉวี่ฉางเทียนเสียอีก!
ปี่จัวที่อยู่ในขบวนรบรีบรายงานขึ้นไป
หลังจากฉวี่ฉางเทียนที่อยู่บนสนามรบหลักได้รับข่าว ก็แอบร้องอย่างขื่นขม ดูท่าแล้ว ลองคำนวณดูคร่าว ๆ ฝ่ายศัตรูเหมือนจะแอบระดมพลสองพันล้านเอาไว้แล้วอ้ากระเป๋ารอให้พวกเขาวิ่งเข้าไปติดกับดักเอง!
เขาอดไม่ได้ที่จะแอบตาหนิฝั่งประมุขชิงว่าวางแผนอย่างไรกันแน่ ในฐานะที่เป็นจอมทัพสูงสุดของกองทัพองครักษ์ ยังไม่ต้องพูดถึงว่ารายงานข่าวผิดพลาด แต่วิเคราะห์สถานการณ์พลาดุร้ายแรงขนาดนี้ได้อย่างไร ?
ตอนนี้เขามีเพียงสองทางเลือก หนึ่งคือพยายามสังหารอีกฝ่าย สองคือฝ่าวงล้อม แล้วค่อยยืนหัยดอดทนเพื่อรอกองหนุนมาช่วย…
ในขณะที่ฝั่งนี้กำลังเปิดฉากบุกโจมตี
น่านฟ้าฉลูติง บนดาวเคราะห์ที่รกร้างดวงหนึ่ง ฮวาอี้เทียนเดินก้าวยาวออกจากถ้า ทอดสายตามองประตูดวงดาวทางเข้าน่านฟ้าชวดปิ่งที่อยู่ไกล ๆ ข้างหลังมีแม่ทัพกลุ่มหนึ่งติดตามอยู่ทางซ้ายและขวา
ตรงทางเข้าประตูดวงดาว ทหารยามหนึ่งแสนของทัพใต้ปิดล้อมประตูไว้ ไม่ให้คนที่อยู่ฝั่งนี้เข้าไป และก่อนหน้านี้ก็มีกำลังพลที่ผ่าน
การตรวจสอบเข้าไปแล้วหนึ่งล้านคน แต่ตอนนี้ถึงขั้นไม่ตรวจสอบด้วยซ้ำ ก็แค่ไม่ให้เข้าไป เจ้าจะทำอย่างไรได้ ? ทหารยามที่เฝ้าประตูดวงดาวไม่หวาดกลัวเพราะมีที่พึ่ง พวกเจ้าจะกล้าดันทุรังโจมตีพวกเราเชียวเหรอ ?
คนเบื้องล่างไม่รู้เรื่องของคนเบื้องบน คิดไปเองว่าไร้ที่พึ่งจึงไม่หวาดกลัว หารู้ไม่ว่าครั้งนี้มีคนกล้าฉีกหน้าทานอ๋องของพวกเขาแล้ว
“ทำตามแผนการลงมือ!” ฮวาอี้เทียนออกคำสั่งที่สั้นกระชับ
ผ่านไปไม่นาน ทหารยามที่เฝ้าประตูดวงดาวก็พบความผิดปกติแล้ว เห็นเพียงกองทัพองครักษ์หลายล้านบุกเข้ามาโดยตรง ไม่มีท่าที่ว่าจะลดความเร็วเลยสักนิด
สิ่งที่ทำให้พวกเขากลัวกว่านั้นยังอยู่ตอนหลัง กำลังพลที่พุ่งเข้ามาโจมตีโดยไม่แม้แต่จะทักทายก่อน พอง้างธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ก็ยิงเลย มีลาแสงยิงกลบเข้ามาพักหนึ่ง
ทหารยามหลายแสนถูกโจมตีแตกในชั่วพริบตาเดียว พอทัพใหญ่พุ่งผ่านไป ก็ผ่านเข้าไปในประตูดวงดาวโดยตรง ถูกพ่นออกมากลางอวกาศ กำลังพลที่เข้ามาก่อนเตรียมป้องกันรอบ ๆ อย่างต่อเนื่องแล้ว
“ไป!” ฮวาอี้เทียนโบกมือลูกน้องเก็บรวมกำลังพล แล้วตามเขาเร่งเหาะไปยังจุดลึกในดาราจักร
ทว่าไปได้ไม่ไกล ฮวาอี้เทียนก็ยกมือขึ้นอีก กำลังพลที่มาด้วยกันหยุดพร้อมกัน เห็นเพียงทหารคนหนึ่งพุ่งมาตรงหน้า เขาคือเหยียนเสี้ยว จอมพลสายถาะของทัพใต้นั่นเอง กลุ่มแม่ทัพที่ตามหลังมา ส่วนใหญ่เป็นกำลังพลของเฉิงไที่เจ๋อนากำลังพลแน่นขันดเข้ามาขวางทางพวกเขาไว้
พวกฮวาอี้เทียนรีบมองไปรอบ ๆ กำลังพลที่หนาแน่นออกจากที่ซ่อนรอบด้าน กำลังล้อมเข้ามาจากสี่ด้านแปดทิศ กำลังพลมีจำนวนเยอะกว่าที่ฝั่งนี้จินตนาการไว้
เหยียนเสี้ยวโบกทวนี้ชฮวาอี้เทียน “ฮวาอี้เทียน เหยียนให้เกียรติรอมานานแล้ว เหตุใดต้องสังหารพี่น้องทัพใต้ของข้า ? ยอมให้จับแต่โดยดี แล้วข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า ไม่อย่างนั้น ฆ่าไม่ละเว้น!”
เหมียวอี้สั่งให้เขานาทหารอารักขาหนึ่งล้านมา ให้รับหน้าที่บัญชาการกำลังพลของเฉิงไที่เจ๋อ
“ผู้ตรวจการใหญ่ สถานการณ์ไม่ชอบมาพากลแล้ว เหมือนส่วนใหญ่จะเป็นกำลังพลของเฉิงไที่เจ๋อนี่มันเรื่องอะไรกัน ?” ข้าง ๆ มีคนถ่ายทอดเสียงบอกฮวาอี้เทียน
ฮวาอี้เทียนกวาดสายตามองรอบ ๆ หรี่ตาจ้องเหยียนเสี้ยว รู้ว่าเรื่องนี้ยุ่งยากแล้ว รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังอ้ากระเป๋ารอเขา จะให้ยอมแพ้เหรอ ? จะเป็นไปได้อย่างไร! เขาสั่งคนที่อยู่ทางซ้ายและขว่าด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “จัดกระบวนทัพ!”
กำลังพลกองทัพองครักษ์สามร้อยล้านกว่าเผยตัวออกมาหมด
ที่พูดเมื่อครูนี้ล้วนี้เป็นเรื่องเหลวไหลทั้งนั้น หลังจากกำลังพลหนึ่งพันห้าร้อยล้านล้อมไว้แล้ว เหยียนเสี้ยวก็ตะโกนว่า “ฆ่า!”
ชั่วขณะนั้น สองฝ่ายยิงลาแสงใส่กัน เสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น การต่อสู้เข้าสู่จุดเดือดแบบถ้าไม่เป็นเจ้าที่ตายก็เป็นข้าที่รอด…
นอกทางออกอาณาเขตดาววังสวรรค์ ซุ้มประตูขนาดใหญ่มึหมาลอยอยู่กลางอากาศ บนดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล เป็นสถานที่ตั้งค่ายของกำลังพลกองทัพองครักษ์กลุ่มหนึ่ง
เหลียวอิงรายงานแล้วเข้ามาในค่ายทัพกลางของหัวหน้าภาค หลังจากเห็นมู่อวี่เหลียนั่นงสง่าอยู่หลังโต๊ะยาว ก็กุมหมัดคารวะ “คารวะนายท่านหัวหน้าภาค!” ขณะที่กล่าวคำนี้ ก็หันมองรอบ ๆ โดยจิตใต้สำนึก ดูว่ามีคนนอก หรือเปล่า
มู่อวี่เหลียนยิ้มบาง ๆ ถ่ายทอดเสียงบอกว่า “ไม่ต้องมองแล้ว ที่นี่ไม่มีคนนอก รอแค่เจ้าคนเดียวแล้ว”
เวลาผ่านไปหลายหมื่นปี เรื่องนาอับอายระหว่างชายหญิงในปีนั้นกลายเป็นอดีตไปแล้ว ผู้ชายชื่อโป๋เยวที่นางเคยเอาตัวเข้าแลกปีนั้นถูกย้ายไปอยู่กับกำลังพลท้องถิ่น แล้วถูกฆ่าตายอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายของอำนาจท้องถิ่นตั้งนานแล้ว ในปีนั้นหลังจากรู้ข่าวการตายของโป๋เยว นางก็ไม่ถึงขั้นดีใจหรือไม่ดีใจ พอโป๋เยวตายนางก็นับว่าหลุดพ้นแล้ว ส่วนชวีหย่าหงที่เคยมเรื่องชู้สาวกับโป๋เยว
เหมือนกัน ตอนหลังติดตามโป๋เยวไปด้วย สุดท้ายจุดจบของนางก็คือถูกโป๋เยวทำให้ลำบากไปด้วย สาวงามสิ้นชีพไปนานแล้ว
ส่วนมู่อวี่เหลียนก็หลุดพ้นจากโป๋เยว ได้เดินในเส้นทางของตัวเองแล้ว ในปีนั้นที่ติดตามกำลังพลครึ่งธงพยัคฆ์ของเหมียวอี้ไปทาศึก นางก็มีความมั่นใจและความกล้าหาญแล้ว ลักษณะท่าทางเปลื่ยนไปโดยสิ้นเชิง ไม่คิดจะพึ่งพาผู้ชายอีก นับว่าได้อาสัยบารมีจากการรบครั้งนั้น ตอนนี้นางเป็นหัวหน้าภาคกองทัพองครักษ์หแล้ว
นางแอบรับทรัพยากรช่วยเหลือจากเหมียวอี้มาตลอด พูดตามตรง นางนึกไม่ถึงว่าลูกน้องเก่าในปีนั้นก็เหมือนกับนางเช่นเดียวกัน ล้วนกลายเป็นสายลับที่เหมียวอี้แทรกไว้ในกองทัพองครักษ์ จนกระทั่งครั้งนี้เหมียวอี้สั่งให้พวกเขาถอนตัวออกไป้และต้องการให้นำงมารับนางถึงได้เข้าใจ
เหลียวอิงก้าวขึ้นมาข้างหน้าแล้วถ่ายทอดเสียงถามว่า “คนมากันครบแล้วเหรอ ?”
มู่อวี่เหลียนส่าย่อหน้า “พี่น้องจากหน่วยเดิมมาถึงแค่พันคน ยังมีบางส่วนที่อยู่ภายใน ไม่สามารถออกมาได้ ท่านอ๋องบอกว่าให้พวกเขาเข้าไปซ่อนตัวในอาณาเขตดาวนิรนาม รอให้สถานการณ์สงบแล้วค่อยออกมาก็ยังไม่สาย”
“จู่ ๆ ท่านอ๋องก็ให้พวกเราออกจากที่นี่ หมายความว่ายังไง ?” เหลียวอิงแปลกใจเช่นเดียวกัน
มู่อวี่เหลียนได้แต่ตอบว่า “ไม่รู้สิ ในเมือท่านอ๋องสั่งงานมาแบบนี้ คาดว่าคงมีเหตุผลแน่นอน ไม่ต้องบ่นมากแล้ว ท่านอ๋องให้รีบหนี้ไปให้เร็วที่สุด ตามข้าไปเถอะ!” พูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกไป้เหลียวอิงพยักหน้าแล้วตามหลังไป
เดิมทีมู่อวี่เหลียนคือผู้บัญชาการสูงสุดของที่นี่ เข้าออกอาณาเขตของตัวเองย่อมไม่มีใครว่าอะไร
หลังจากทั้งสองออกจำกัดาวเคราะห์ดวงนี้ไปแล้ว ก็หนี้ไปอยู่บนดาวเคราะห์รกร้างดวงหนึ่งในจุดลึกของดาราจักร ไปเจอกับพันคนในหุบเขาที่มาหลบอยู่ก่อนแล้ว
“เดิมทีคิดจะพากำลังพลหนีมาด้วยกัน” แม่ทัพคนหนึ่งถอนหายใจ
มู่อวี่เหลียนจึงบอกเขาว่า “ท่านอ๋องบอกว่าแบบนั้นจะแหวกหญ้าให้งูตื่น ให้พวกเรามองความปลอดภัยของตัวเองไว้อันดับหนึ่ง เชื่อท่านอ๋องก็แล้วกัน อยู่ที่นี่นานไม่ได้ ไปกันเถอะ!”
ไม่นานนัก คนจำนวนหนึ่งพันก็เหาะไปทางทะเลดาวอันเวิ้งว้าง ต่างก็รู้ว่าการไปครั้งนี้เท่ากับออกจากกองทัพองครักษ์โดยสิ้นเชิงแล้ว ไม่มีทางกลับมาได้อีกแล้ว…
ในบางพื้นที่เขตทัพตะวันตก กำลังพลกองทัพองครักษ์กลุ่มหนังกำลังเข่นฆ่ากับกองทัพประจำถิ่นอย่างดุเดือด นับว่าลอบจู่โจมก็ได้เช่นกัน
แม่ทัพคนสำคัญส่งต่ออำนาจบัญชาการให้รองแม่ที่พ จากนั้นหาข้ออ้างออกไปก่อน การไปครั้งนี้หันกลับมาไม่ได้อีกแล้ว หนีหายเข้าไปในจุดลึกของดาราจักรแล้ว
เรื่องที่กองทัพองครักษ์จู่โจม กำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ของอาณาเขตทัพตะวันตกกับทัพเหนือ
จวนอ๋องสวรรค์โค่ว โค่วหลิงซวีที่กำลังโปรยอาหารปลาอยู่บนสะพานโค้งตกใจจนตัวสั่น หันขวับกลับมาถามว่า “เจ้าว่าอะไรนะ ? ประมุขชิงกำลังโจมตีหนิวโหย่วเต๋อเหรอ ?”
ถังเฮ่อเหนียนตอบว่า “ตอนนี้ยังไม่ได้ยืนยันว่าข่าวนี้จริงหรือเท็จ เป็นสายลับที่พวกเราแทรกไว้ในจวนอ๋องสวรรค์หนิวส่งข่าวมา บอกว่าในจวนอ๋องสวรรค์หนิวมีข่าวลือบอกว่าปริะมุขชิงระดมกองทัพองครักษ์หนึ่งพันห้าร้อยล้านสังหารเข้าไปที่รังของหนิวโหย่วเต๋อตอนนี้จวนอ๋องสวรรค์หนิวป้องกันอย่างเข้มงวด แล้วหนิวโหย่วเต๋อก็สังหารอนุภรรยาไปสองคน ข้อหาปล่อยข่าวลือ”
โค่วหลิงซวีขมวดคิ้ว “กองทัพองครักษ์หนึ่งพันห้าร้อยล้าน ? กองทัพองครักษ์หนึ่งพันห้าร้อยล้านมาที่โจมตีเข้ารังของหนิวโหย่วเต๋อมาจากไหนเยอะแยะ ?”
ส่วนถังเฮ่อเหนียนกลับหยิบระฆังดาราออกมา พอติดต่อแล้ว ก็สีหน้าเปลื่ยนไปมาก รีบรายงานว่า “ท่านอ๋อง มีหลายพื้นที่ในทัพเหนือโดนกองทัพองครักษ์จู่โจม!”