พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2178 ออกศึกด้วยตัวเอง
เมื่อครูนี้ยังพูดเรื่องกองทัพองครักษ์โจมตีหนิวโหย่วเต๋ออยู่เลย ชั่วพริบตาเดียวกองทัพองครักษ์ก็โจมตีมาฝั่งนี้แล้ว โค่วหลิงซวีถามด้วยสีหน้าขึงขัง “เรื่องนี้ได้รับการยืนยัน หรือยัง ?”
ถังเฮ่อเหนียนตอบว่า “น่าจะไม่ผิดพลาด พื้นที่ที่โดนจู่โจมไม่ได้มีแค่จุดเดียว คงไม่ใช้ว่าข้าวพัลาดทุกที่หรอกขอรับ ?”
โค่วหลิงซวีกัดฟันถามว่า “ประมุขชิงคิดจะทำอะไร ?”
ยังไม่ทันพูดจบ ถังเฮ่อเหนียนก็ใช้ระฆังดาราติดต่ออีกครั้ง จากนั้นก็รีบรายงานอกว่า “ท่านอ๋อง กองทัพพระห้าร้อยล้านจากแดนสุขาวดีออกมาแล้ว ปรากฏตัวอยู่ในอาณาเขตทัพเหนือของพวกเราแล้ว”
โค่วหลิงซวีสีหน้าบึ้งตึง ตอนแรกเขายังนึกว่ากำลังพลกลุ่มนั้นจากแดนสุขาวดีเตรียมไว้เพื่อสยบเหตุการณ์ในทัพตะวันออก ใครจะคิดว่าตอนนี้กองทัพองครักษ์กลับโจมตีอยู่ในอาณาเขตของเขา ต่อให้เรื่องที่ทัพตะวันออกจะถูกแก้ไขแล้ว แต่กำลังพลแดนสุขาวดีก็ยังออกมา นี่คิดจะทำอะไรกัน ?
ความคิดแรกของเขาก็คือประมุขชิงจะลงมือกับเขาหรือว่าอย่างไร ถามเสียงต่าว่า “บอกให้กำลังพลเร่งปิดล้อมอาณาเขตดาวที่กำลังพลแดนสุขาวดีปรากฏตัว สั่งให้กำลังพลแต่ละพื้นที่ระดมพล
ปกป้องตัวเอง ขัดขวางไม่ให้กองทัพองครักษ์รวมตัวกันขนาดใหญ่ ส่วนกองทัพองครักษ์ที่โจมตีกำลังพลของข้า กำจัดให้หมด!”
“ขอรับ!” ถังเฮ่อเหนียนเอ่ยรับคำสั่งแล้วถ่ายทอดคำสั่งลงไปทันที่
ส่วนโค่วหลิงซวีก็รีบหยิบระฆังดารามาติดต่อพวกเหมียวอี้อยากจะยืนยันสักหน่อยว่าสถานการณ์ฝั่งนั้นี้เป็นอย่างไรหากมีการเปิดศึกจริง ๆ ให้เข้าสู่ฝ่ายเดียวก็เกินกำลัง ต้องขอการสนับสนุนจากฝ่ายที่เหลือ…
ในเรือนใหญ่หลังหนึ่งที่อยู่ในเมืองที่เจริญรุ่งเรื่อง เฉาหม่ำนยืนพูดไม่ออกอยู่ใต้ต้นไม้
ชีเจวี๋ยเข้ามารายงานว่า “นายท่าน เบื้องล่างปฏิบัติตามคำสั่งแล้ว อีกไม่นานคงจะย้ายสมาชิกครอบครัวไปแล้ว”
เฉาหม่ำนถามด้วยสีหน้าสงสัยว่า “สมาชิกครอบครัวของกองทัพองครักษ์พวกนี้เป็นใครกัน ไม่น่าเชื่อว่าจะมีค่าพอให้ท่านพ่อกาชับให้พาย้ายที่อย่างปลอดภัย ?”
” เมื่อครูนี้บ่าวเพิ่งถือโอกาสตรวจสอบมา สืบจากประวัติส่วนตัวของคนพวกนั้น ก็พบว่ามีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นก็คือตอนที่หนิวโหย่วเต๋ออยู่กองทัพองครักษ์ คนพวกนี้ล้วนเคยทำงานใต้บังคับบัญชาหนิวโหย่วเต๋อล้วนี้เป็นกำลังพลครึ่งธงพยัคฆ์ที่เหลือรอดจากศึกเลือดน่านฟ้าระกาติง!” ชีเจวี๋ยตอบ
“เป็นพวกเขาเหรอ ?” เฉาหม่ำนประหลาดใจ นึกไม่ถึงว่าท่านพ่อจะยอมเสียคนที่อยู่ในกองทัพองครักษ์เพื่อคนพวกนี้…
วังสวรรค์ ตาหนักดาราจักร ประมุขชิงกำลังหลับตาพักผ่อนอยู่หลังโต๊ะยาว ศึกใหญ่กำลังจะเริ่มแล้ว เขามีสีหน้านิ่งสงบ แต่ในใจกลับเฝ้ารอรายงาน
ทว่าอู๋ฉวี่ที่ถือระฆังดาราอยู่ในตาหนัก พอวางระฆังดาราแล้วก็สีหน้าเปลื่ยนไปมาก รีบรายงานด่วนว่า “ฝ่าบาท เกิดเรื่องไม่ดีแล้ว ตอนที่กำลังพลของฉวี่ฉางเทียนกำลังจะไปถึงเป้าหมายโจมตี ก็ถูกกำลังพลหนึ่งพันห้าร้อยล้านของทัพใต้ล้อมโจมตี เหมือนหนิวโหย่วเต๋อจะเตรียมตัวไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เหมือนกำลังพลของฉวี่ฉางเทียนจะติดกับดักที่หนิวโหย่วเต๋อวางเอาไว้แล้ว!”
ซ่างกวนชิงพลันเงย่อหน้า ซือหม่ำเวิ่นเทียนสีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง
เกาก้วนขมวดคิ้ว หลังจากฝั่งนี้เริ่มบุกโจมตี ก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังเรื่องนี้กับเขาอีก ที่เรียกเขามาก็เพื่อจะให้ฟังด้วยกัน
ประมุขชิงพลันลืมตาและลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ จากนั้นตะโกนสั่งยังโมโหว่า “สั่งให้กำลังพลของฮวาอี้เทียนไปช่วยเดียวนี้!”
ระฆังดาราในมือของอู๋ฉวี่ขัยบอีกครั้ง หลังจากติดต่อครูเดียว อู๋ฉวี่ก็กล่าวอย่างแค้นใจอกว่า “แม่ทัพใหญ่ของฉวี่ฉางเทียนนาทัพใหญ่ห้าสิบล้านไปปิดล้อมประตูดวงดาวทางออก ผลปรากฏว่าโดน
เหิงอู๋เต้า จอมพลสายมะเส็งนาทัพใหญ่ห้าร้อยล้านมาล้อมโจมตี กำลังอยู่ในอันตราย! ฝ่าบาท หนิวโหย่วเต๋อวางกำลังสองพันล้านไว้รอพวกเรา สงสัยเขาจะรู้แผนการโจมตีของพวกเราตั้งนานแล้ว!”
“ให้กำลังพลของฮวาอี้เทียนไปสนับสนุนอย่างเร็วที่สุด!” ประมุขชิงตะคอกอย่างเดือดดาล
ทว่าตอนที่อู๋ฉวี่เพิ่งจะหยิบระฆังดาราขึ้นมาก็มีข่าวส่งมาอีกแล้ว ครั้งนี้สีหน้าของอู๋ฉวี่เปลื่ยนี้เป็นย่าแย่มากจริง ๆ เขาเงย่อหน้าช้า ๆ “ฝ่าบาท ทัพใหญ่สามร้อยล้านที่นาโดยฮวาอี้เทียนมีการเคลื่อนไหวแล้ว แต่ก็โดนทัพใหญ่หนึ่งพันห้าร้อยล้านล้อมโจมตีทันที่”
ประมุขชิงเดือดดาลสุด ๆ ชี้เขาพร้อมตะคอกถามว่า “มีทัพใหญ่หนึ่งพันห้าร้อยล้านโผล่มาจากไหนอีก ?”
อู๋ฉวี่ใส่หน้าอย่างยากลำบาก “เป็นกำลังพลของเฉิงไที่เจ๋อเปืนทัพใหญ่หนึ่งพันห้าร้อยล้านของเฉิงไที่เจ๋อพวกฮวาอี้เทียนตกอยู่ในอันตราย!”
“เฉิงไที่เจ๋อ! อย่าตกอยู่ในมือข้าแล้วกัน ไม่อย่างนั้นข้าจะสับเจ้าสักหมื่นดาบพันดาบ!” ประมุขชิงทุบกาปั้นลงบนโต๊ะ ใบหน้าเผยความดุร้าย ก่อนหน้านี้ตอนได้ยินข่าวว่ากำลังพลของเฉิงไที่เจ๋อาจหายไป เขาก็เกิดความสงสัยนี้แล้ว ดังนั้นจึงยอมสละสายลับของหน่วยตรวจการซ้ายในจวนอ๋องสวรรค์หนิวเพื่อหยั่งเชิง ผลจากการหยั่งเชิงนี้ทำให้หายสงสัย เขาถึงได้วางใจสั่งให้เคลื่อนทัพ พอมาดู
ตอนนี้แล้ว ช่างเป็นเรื่องนาขายิ่งนัก อีกฝ่ายรู้เจตนาของเขาอย่างแจ่มแจ้งชัดเจน ใช้แผนซ้อนแผนแล้ว
ตอนแรกเขาก็ยังนึกว่าหนิวโหย่วเต๋อรู้แผนของเขาเพราะมีคนฝั่งนี้ปล่อยข้อมูล พอมาดูตอนนี้แล้วพบว่าไม่ใช้เลย เพราะตอนแรกที่เขากลั่นกร้องแผนนี้ออกมาก็ไม่ได้คายความลับให้ใครรู้เลย และการที่หนิวโหย่วเต๋อขอความร่วมมือให้หลายฝ่ายอ้างเรื่องกำลังพลดักซุ่มที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์มาบีบให้เขาเลิกสนับสนุนเฉิงไที่เจ๋อก็เห็นได้ชัดว่าอยากได้เฉิงไที่เจ๋อตั้งแต่ตอนั้นนแล้ว หนิวโหย่วเต๋อวางแผนจะเอากำลังพลของเฉิงไที่เจ๋อมาตั้งแต่แรกแล้ว เป็นการบีบให้เฉิงไที่เจ๋อเจอทางตันจนต้องไปขอพึ่งพาหนิวโหย่วเต๋อ
พอคิดจนเข้าใจจุดนี้แล้ว ประมุขชิงก็กล่าวอย่างเคียดแค้นว่า “ไอ้หนิวจัญไร่นารังเกียจ ในปีนั้นข้าตาบอดเอง ถึงขนาดเลี้ยงลูกเสือลูกจระเข้!”
หลังจากอู๋ฉวี่ใช้ระฆังดาราติดต่ออีกครั้ง ก็รายงานอย่างคับแค้นใจ “ฝ่าบาท กำลังพลสี่ร้อยล้านที่กระจายอยู่ในเขตทัพใต้เคลื่อนไหวตามคำสั่ง แต่กลับไม่ทันระวัง จู่ ๆ ทัพกบฏแดนรัตติกาลก็คืนดีกับกำลังพลปราบกบฏของทัพใต้ หันหัวหอกมาโจมตีกำลังพลสิบล้านของพวกเราแตกพ่ายในรวดเดียว! ทัพใหญ่หนึ่งพันล้านของหนิวโหย่วเต๋อเริ่มรวมตัวกันเฝ้าจุดยุทธศาสตร์แล้ว ส่วนทัพกบฏก็กำลังไล่สังหารกำลังพลที่กระจายตัวอยู่ของพวกเรา! ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป กำลังพลของเราที่กระจายตัวอยู่จะถูกสกัดไว้ตามจุดต่าง ๆแต่ทัพ
กบฏกลับถูกปล่อยผ่านตลอดทาง จะไล่สังหารกำลังพลของพวกเราตามอำเภอใจ!”
ประมุขชิงโกรธจัดจนหน้าเขียว จินตนาการถึงผลลัพธ์นั้นได้เลย กำลังพลที่เขาย้ายไปให้ชิงหยวนจุนในปีนั้น เดิมทีก็เป็นทหารที่มีฝีมือของกองทัพองครักษ์ หลังจากกลายเป็นทัพใหญ่แดนรัตติกาลแล้ว พวกเขาก็เพิ่มีพลังของตัวเองอย่างสงบใจและจริงจังมาหลายปีขนาดนั้น ถ้ากำลังพลหลายสิบล้านี้นรวมตัวกันก่อหายยานะ เกรงว่ากองทัพองครักษ์สิบล้านของเขาที่กระจายกันอยู่ตามจุดต่าง ๆในทัพใต้คงไม่อาจต้านไหว
กำลังพลเกรียงไกรกลุ่มนี้ เดิมที่เขาเตรียมจะเลี้ยงเอาไว้ให้เป็นปลายดาบแทงหนิวโหย่วเต๋อแต่ตอนนี้กลับถูกหนิวโหย่วเต๋อขวามาแทงเขาแทน
ในตอนนี้ความโกรธแค้นเดือดดาลในใจยากจะบรรยายออกมาได้อยากจะจับเซี่ยโห้วเฉิงอวี่กับลุกชายมาสับสักพันดาบหมื่นดาบ
เป็นเพราะจู่ ๆ ทัพกบฏแดนรัตติกาลก็ไปเข้าข้างฝั่งหนิวโหย่วเต๋อจึงทำให้เขาสงสัยเรื่องบางเรื่อง ทำไมอำนาจหลายฝ่ายร่วมมือกันสนับสนุนให้เถิงเฟยยึดอาณาเขตทัพตะวันออก เหตุใดไม่สนับสนุนเฉิงไที่เจ๋อ ? จังหวะขั้นตอนที่หนิวโหย่วเต๋อบีบให้เฉิงไที่เจ๋อไปขอพึ่งพานั้นชัดเจนมาก พอนึกเชื่อมโยงไปถึงตอนที่เถิงเฟยก่อเรื่องที่วังหลังอีก ตอนนี้เขาก็มีเหตุผลที่จะสงสัยได้เลยว่า การที่เถิงเฟยกระโดดออกมาก่อนเรื่องที่ตาหนักเย็นั้นน เบื้องหลังต้องเกี่ยวข้องกับห
นิวโหย่วเต๋อมีความเป็นไปได้ว่าเถิงเฟยจะถูกหนิวโหย่วเต๋อหลอกใช้แล้ว
เรื่องที่ตาหนักเย็นทำให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่และลูกชายเกิดความคิดก่อกบฏที่แดนรัตติกาล พอตอนนี้ทัพกบฏแดนรัตติกาลก็ไปเข้าข้างหนิวโหย่วเต๋อง่าย ๆ อีก แล้วก็คิดอกว่าหลังจากหนิวโหย่วเต๋อคุมสถานการณ์กบฏได้แล้ว ก็โจมตีสังหารชิงหยวนจุนลูกชายของเขาได้อย่างง่ายดาย ถ้าในนนไม่มีลับลมคมในก็แปลกแล้ว
จากข้อสันนิษฐานเหล่านี้ ก็สามารถทำให้เชื่อได้เลยว่า เรื่องที่ตาหนักเย็นมีหนิวโหย่วเต๋อคอยบงการอยู่เบื้องหลัง จงใจเสี้ยมให้พวกเขาพ่อลูกกลายเป็นศัตรูกัน จะได้ยึดทัพใหญ่แดนรัตติกาลได้ง่าย ๆ พอคิดทบทวนถึงวิธีการต่อเนื่องที่ทำกับทัพตะวันออกเพื่อเอากำลังพลของเฉิงไที่เจ๋อจนกระทั่งเขาลงไปอยู่ในกับดัก
ชั่วพริบตาเดียวสมองเขาก็ลำดับเหตุการณ์ของเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน พอนึกถึงฉากที่เห็นศีรษะของลูกชายอยู่ในกล้อง หน้าอกประมุขชิงก็กระเพื่อมขึ้นลงถี่ ๆ ไฟโกรธแทบจะทำให้เขากระอักเลือดออกมา
เขาเองก็ต้องยอมรับเช่นกัน ว่าอุบายที่ต่อเนื่องเป็นห่วงโซ่แบบนี้ล้าเลิศจริง ๆ เหนือชั้นจนทำให้คนรู้สึกกลัว!
ตอนแรกหลังจากหนิวโหย่วเต๋อโค่นล้มฮ่าวเต๋อฟาง เขาก็ใจร้อนอยากกำจัดทิ้ง ที่จริงเป็นเพราะเขารู้สึกว่าวิธีการที่หนิวโหย่วเต๋อใช้สู้กับฮ่าวเต๋อฟางยอดเยี่ยมเกินไป ในใจเกิดความรู้สึกกลัว ไม่ใช้ว่า
เป็นเพราะเซี่ยโห้วท่าเสียทั้งหมด ตอนนี้เรื่องที่เขากลัวาได้เกิดขึ้นกับตัวเขาแล้ว
เขาคิดไม่ตกจริง ๆ เซี่ยโห้วท่าคิดอย่างไรกันแน่ ไปร่วมมือกับคนที่มากกลอุบายขนาดนี้ปลอดภัยแล้วเหรอ ? ในปีนั้นเขากำจัดเจ้าสามไป๋เพราะอะไรล่ะ ? ก็เพราะเซี่ยโห้วท่ากลัวเจ้าสามไป๋เหมือนกันไม่ใช้เหรอ ?
มีอยู่จุดหนึ่งที่เขาก็ยอมรับเช่นกัน เขายอมรับว่าในแต่ละด้านเข้าสู่เจ้าสามไป๋ไม่ได้!
เขานึกเสียใจอีกครั้งที่ตระกูลเซี่ยโห้วตายเร็วเกินไป เพราะเฉาหม่ำนคนนี้เลอะเลื่อน ำลังเต้นรากับหมาป่าแท้ ๆ ต้องมีวันที่ตระกูลเซี่ยโห้วได้เสียใจทีหลังแน่!
แน่นอน เขาเองก็สงสัยเช่นกันว่าเป็นเพราะกำลังพลดักซุ่มที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์ยั่วโมโหหนิวโหย่วเต๋อแล้ว ถึงขั้นทำให้หนิวโหย่วเต๋อยอมให้หยกศิลาล้วนแหลกลาญ
พอนึกถึงตรงนี้ เขาก็เสียใจทีหลังนิดหน่อย นี่คือผลที่ตามมาของการบุ่มบ่ามลงมือกับขุนนางผู้มีอำนาจ
ขณะที่ฟังอู๋ฉวี่รายงาน ซ่างกวนชิงกับซือหม่ำเวิ่นเทียนก็ตกตะลึงมาก ใคร ๆ ก็บอกว่าหนิวโหย่วเต๋อเชี่ยวชาญการรบ วันนี้นับว่าได้รับบทเรียนอย่างสุดโหดแล้ว เปลื่ยนจากฝ่ายถูกกระทำให้เป็นฝ่ายกระทำ เป็นการบีบคอวังสวรรค์เอาไว้แล้วแทงอย่างแรง!
“ฝ่าบาท ข้าน้อยจะสั่งให้กำลังพลสี่ร้อยล้านั่นนถอนกำลังเดียวนี้ รวบรวมกำลังทหารก่อน ไม่อย่างนั้นถ้ากระจายกันไปช่วยเหลือก็มีแต่จะถูกโจมตีแตก จะได้รับความเสียหายโดยไม่จำเป็น!” อู๋ฉวี่กล่าวเสนอตัวเสียงดัง
“จัดการตามนั้น!” ประมุขชิงเพิ่งจะตะโกนบอก ก็หยิบระฆังดาราขึ้นมาติดต่อประมุขพุทธะทันที่รายงานสถานการณ์รบที่ไม่ดีให้ฟัง ให้ประมุขพุทธะเตรียมตัวให้ดี หลังจากเก็บระฆังดาราแล้ว ทั้งตัวประมุขชิงก็มีกลิ่นอายสังหารพวยพุ่ง กล่าวเสียงต่าว่า “รวบรวมกำลังพลทั้งหมดบริเวณวังสวรรค์ ข้าจะออกรบด้วยตัวเอง!”
หลายคนพลันเงย่อหน้ามองเขา ซ่างกวนชิงบอกว่า “ฝ่าบาท ถ้าให้ทุกคนถอนกำลังไปหมด วังสวรรค์ก็จะถูกคนเหยียบย่าได้ง่ายขอรับ!”
ประมุขชิงจ้องเขาพลางแสยะยิ้ม “ถ้าเสียใต้หล้านี้ไป เก็บวังสวรรค์นี้ไว้ก็เท่ากับให้คนอื่นชุบมือเปิบ”
ซ่างกวนชิงเงียบไปครูหนึ่ง คิดไปคิดมาก็เห็นด้วย ถามอกว่า “แล้วบรรดาพระสนมของวังหลังล่ะขอรับ ?”
ประมุขชิงแสยะยิ้ม “นางตัวแสบพวกนั้นจิตใจเอนเอียงมาทางข้าบ้างหรือเปล่าล่ะ ? เบื้องหลังล้วนมีเจ้าของ ให้อิสระกับพวกนางก็สมใจพวกนางแล้วไม่ใช้เหรอ ? ใครอยากไปก็ไป อยากอยู่ก็อยู่ ข้าไม่ห้าม นอกจากสนมสวรรค์ คนอื่นก็ไม่ต้องสนใจ!”
ซ่างกวนชิงเตือนว่า “ล้วนี้เป็นยอดหญิงงามทั้งนั้น ถ้าตกอยู่ในมือคนอื่น แล้วถูกนำมาเป็นของเล่น จะกระทบต่อเกียรติของฝ่าบาทนะขอรับ”
ประมุขชิงทาเสียงฮึดัฮดอีกครั้ง “เช่นั้นนก็ฆ่าทิ้งให้หมด อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว!” พูดจบก็เดินก้าวยาวออกไปนอกตาหนัก…
จวนอ๋องสวรรค์หนิว เหมียวอี้กลับเข้ามาในตาหนักประชุมแล้ว
หยางเจาชิงที่เดินตามหลังเข้ามากำลังถือระฆังดารา คอยรายงานอยู่ข้าง ๆ “ท่านอ๋อง เหยียนซิวบอกว่า ทางตระกูลเซี่ยโห้วบอกมาแล้ว ว่าเรื่องย้ายสมาชิกครอบครัวพวกนั้นไม่มีปัญหา อีกไม่นานก็จะเรียบร้อยแล้ว”
“ดี่” เหมียวอี้พยักหน้า แอบถอนหายใจเฮือกหน่ง
ลูกน้องเก่าในกองทัพองครักษ์พวกนั้น ครั้งนี้คงมีคนมากมายที่ไม่อาจรับประกันความปลอดภัยได้ แต่เขาก็ไม่อาจละเลยคนในครอบครัวของคนพวกนั้น ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ ลูกน้องเก่าหลายคนต่างก็ไปมีครอบครัวแล้ว และส่วนใหญ่คนในครอบครัวของกองทัพองครักษ์ก็ล้วนไปรวมตัวกันอยู่อาศัยบริเวณวังสวรรค์ ไม่ว่าจะมีกี่คนที่รอดชีวิตอยู่ต่อไปได้ แต่อย่างน้อยเขาก็ต้องพยายามรับประกันความปลอดภัยให้สมาชิกในครอบครัวถือว่าให้คำชี้แจงกับคนตายได้ แต่เป็นการให้คำชี้แจงกับลูกน้องในภายหลังด้วยเช่นกัน
แต่เขาก็ไม่มีวิธีจะพาคนออกไปจากฝั่งวังสวรรค์ที่มีทหารป้องกันเข้มงวดได้ ทำได้เพียงฝากฝังตระกูลเซี่ยโห้ว ตระกูลเซี่ยโห้วอาจจะร่วมรบไม่ไหว แต่กับเรื่องลับลวงพรางแบบนี้กลับมีวิธีการมากมาย ผลปรากฏว่าไม่ทำให้เขาผิดหวัง