พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2181 โจมตีแนวป้องกันแตก
เหมียวอี้พยักหน้าเงียบๆ
เฉิงไท่เจ๋อพูดไม่ออก นึกไม่ถึงว่าแดนมรณะดึกดำบรรพ์พี่โดนทัrใหญ่ของตำหนักสวรรค์กวาดล้างบ่อยจะมีวิญญาณชั่วร้ายที่วรยุทธสูงถึงระดับจะใช้งานธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์เยอะขนาดนี้ ไม่รู้ด้วยว่าหนิวโหย่วเต๋อควบคุมพวกเขาให้ว่านอนสอนง่ายได้อย่างไร
กำลังพลโจมตีที่เว้นช่องว่างให้ มองคนพวกนี้ด้วยสีหน้าระแวงสงสัย
ภายใต้การบัญชาการของชิงเยว่ แนวกำแพงโล่ป้องกันแถวหน้าสุดที่มีช่องโหว่ยังคงอยู่ มือธนูที่อยู่ด้านหลังถอยออกไปแล้ว ให้มือธนูวิญญาณชั่วร้ายจำนวนหนึ่งแสนเข้ามาเติมแทน
เฮยทั่นทำสัญญาณมือ “เตรียมตัว!”
วิญญาณชั่วร้ายหนึ่งแสนง้างสายธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์พร้อมกัน ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์กระเพื่อมลำแสงออกมา ง้างสายธนูออก มีไอหมอกสีชมพู ไอหมอกสีขาว ไอหมอกสีเทา ไอ้หมอกสีดำเริ่มลอยวนเวียนอยู่บนลูกธนูดาวตก
เฮยทั่นที่ตื่นเต้นจนตาลุกวาวสับแขนลงอีกครั้ง “ยิงธนู!”
เกิดเสียงระเบิดดังต่อเนื่องกัน ลูกธนูสามสายถูกยิงพร้อมกัน ยิ่งออกไปท่ามกลางช่องว่างของแนวกำแพงโล่
ในลำแสงจำนวนมากที่ล้อมโจมตีพลันปรากฏลำแสงที่แตกต่างกันมาก เป็นลำแสงที่มีไอหมอกหมุนวน เมื่อเทียบกับลูกธนูดาวตกรอบข้างที่ยืนออกมา ก็ดูประหลาดลึกลับและโดดเด่น
เป็นเพราะกำลังพลที่โจมตีมีจำนวนมากเกินไป กำลังพลจำนวนหนึ่งแสนที่ปะปนอยู่ในนี้เป็นเพียงส่วนน้อยจริงๆ
บึ้มๆๆ…
ท่ามกลางเสียงระเบิดที่ดังก้อง ตรงจุดที่ลำแสงปนไอหมอกประหลาดยิงไปโดน ก็พังทลายเหมือนกับจุดอื่น แต่สิ่งที่ไม่เหมือนก็คือ ตรงจุดที่พังทลายกลับไม่มีการเติมคนให้กลับมาเหมือนเดิม มีท่าทีจุดที่ถล่มเสียหายจะขยายเป็นวงกว้างด้วย
บริเวณที่เฝ้าป้องกันนี้ เดิมทีก็ถูกอนุภาพการโจมตีของลูกธนูดาวตกทำลายจนเสียระเบียบอยู่แล้ว ข้างหลังก็จะรีบเอาคนมาเติมเพื่อเสริมความมั่นคงอีก ใครจะคิดว่าจะพุ่งเข้าไปอยู่ท่ามกลางปราณมรณะ ปราณสังหาร ปราณอาฆาต ปราณเหี้ยมโหดที่กำลังระเบิด ภายใต้ความฉุกละหุก ยังไม่ทันรู้ชัดว่าคือสิ่งใดกันแน่ ก็มีบางคนที่ผิวหนังบนร่างกายราวกับถูกมีดนับไม่ถ้วนแล่ออก เกิดบาดแผลที่มีเลือดซึมจำนวนมาก บางคนก็ตาสองข้างบอดทันที มีหลายคนเอามือปิดหน้าร้องครวญคราง บางคนก็ตัวสั่นยืนอยู่ที่เดิม
บางคนเหมือนกับโดนปีศาจเข้าสิง ดวงตาแดงก่ำ เห็นใครก็ฆ่า โบกดาบทวนสังหารเพื่อนร่วมงานของตัวเอง
บางคนยืนเอ๋อเหมือนคนโง่อยู่ที่เดิม เห็นฝนธนูยิงมาตรงหน้าอีกแล้ว แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่หลบ ปล่อยให้ตัวเองโดนโจมตีอย่างดุเดือดจนร่างแหลก
แนวหน้าของกระบวนทัพฉีกเป็นช่องโหว่ ไม่มีการป้องกันไปชั่วคราว ฝนธนูที่ยิงเข้ามาเข้าไปอยู่ในขบวนรบโดยตรง แค่คิดก็รู้แล้วว่าคนที่อยู่ข้างหลังจะลนลานขนาดไหน เสียงร้องครวญครางดังเป็นแถบ
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” ฉวี่ฉางเทียนที่ติดตามสถานการณ์รบอย่างใกล้ชิดพบความผิดปกติแล้ว เขาชี้พลางตะคอกอย่างโมโห “ดักคนไว้ให้ข้า! ใครหนีจากการปฏิบัติหน้าที่ ฆ่าไม่ละเว้น!”
ล้อเล่นอะไรกัน ตอนนี้ยังสามารถอาศัยความได้เปรียบต่อต้านฝ่ายตรงข้ามได้ ถ้าโดนฝ่ายศัตรูโจมตีเข้ามาผ่านช่องโหว่ ยามเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีจำนวนมากกว่าตัวเองหลายเท่า จะไม่แย่หรอกหรือ?
แม่ทัพที่บัญชาการบริเวณนั้นรีบบัญชาการให้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ที่อยู่รอบๆ ระดมยิงอย่างบ้าคลั่งโดยไม่เสียดายอะไร โจมตีทำลายกระบวนทัพรูปลิ่มของฝ่ายศัตรูที่โจมตีเข้ามาในช่องโหว่ จากนั้นตะโกนอย่างดุดันว่า “ใครก่อกวน ประหาร!”
กำลังพลกองทัพองครักษ์ที่อยู่ข้างหลังตั้งแถวง้างธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ทันที ลำแสงถูกยิงออกมาอย่างหนาแน่น ท่ามกลางเสียงดังก้อง ยิงคนฝ่ายตัวเองที่โดนปราณชั่วร้ายจนคว่ำแล้ว
“ฆ่า!” แม่ทัพที่บัญชาการตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดอีกครั้ง
ลูกธนูดาวตกยิงออกมาระลอกแล้วระลอกเล่า กองทัพองครักษ์ที่โดนปราณชั่วร้ายไปแล้วหนึ่งนายถูกกำจัดหมดแล้ว ไม่ว่าจะช่วยชีวิตได้หรือไม่ ก็ไม่มีเวลาให้แยกแยะอย่างช้าๆ แล้ว ช่วงเวลาต่อไปไม่ไหวเช่นกัน รีบแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วคือวิธีการที่ดีที่สุด เป็นการลงมือกับพี่น้องของตัวเองโดยไม่ปราณีแม้แต่น้อย
ไม่ใช่ว่าแม่ทัพที่บัญชาการจะไม่รู้ว่าได้ฆ่าคนของตัวเองไปแล้ว ไม่ใช่ไม่รู้ว่าที่สังหารไปคือพี่น้องใต้บังคับบัญชาของตัวเอง แต่ไม่มีทางเลือก การฆ่าฟันบนสนามรบไม่อาจใช้ความรู้สึกมาชั่งน้ำหนักได้ ถ้าถูกทัพฝ่ายศัตรูฉีกช่องฉีกช่องโหว่สังหารเข้ามา กำลังพลหลายร้อยล้านอาจจะต้องตายโดยไร้หลุมศพก็ได้
บนสนามรบต้องมีการสละชีวิตอยู่เสมอ วิธีการพิจารณาผลได้ผลเสีย มักจะใช้การเสียสละจำนวนน้อยที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียสละจำนวนมากที่สุดเสมอ
เมื่อกวาดล้างสมาชิกที่เสียระเบียบไปหมดแล้ว แม่ทัพที่บัญชาการก็ตะโกนสั่ง “ดักไว้!”
คนกลุ่มหนึ่งชูโล่และตั้งขบวนทัพพุ่งไปยังช่องโหว่อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ต่างก็ได้เรียนรู้มาแล้ว ทั้งหมดใช้เกราะลมป้องกันตัวเอง แม้แต่การเผชิญกับการรุกล้ำของปราณชั่วร้ายจะทำให้สิ้นเปลืองพลังมาก แต่กลับต้องยอมรับ มือธนูที่อยู่ข้างหลังขึ้นมาข้างหน้าและใช้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์โจมตีกลับต่อไป…
เมื่อลูกธนูดาวตกลอยม้วนกลับมาอยู่ในมือ เฮยทั่นก็ตะโกนสั่งอีกครั้ง “เก็บ! ถอย!”
มือธนูวิญญาณชั่วร้ายหนึ่งแสนดูดปราณชั่วร้ายที่กระจายไปรอบๆ กลับเข้าร่างกายตัวเองทันที ป้องกันไม่ให้รบกวนกำลังพลคนอื่นที่อยู่ข้างกาย จากนั้นก็รีบถอยออกจากช่องโหว่นั้น ไปมาได้อย่างรวดเร็วมาก
ก่อนที่จะเตรียมใช้งานวิญญาณชั่วร้ายกลุ่มนี้ เหมียวอี้ก็รู้แล้วว่าวิญญาณชั่วร้ายกลุ่มนี้ไม่มีประสบการณ์ออกรบ จึงออกคำสั่งให้ฝึกมาแล้วล่วงหน้า
จากนั้นชิงเยว่ก็โบกมือให้กำลังพลของตัวเอง “ลุย!”
มือธนูที่ถอยออกมาก่อนหน้านี้รีบขึ้นไปเติม ยิงธนูอีกครั้ง ยิงไปตรงจุดที่มีกำลังพลพังทลาย ขยายผลจากการโจมตีให้มากกว่าเดิม
เหมียวอี้เข้ามาอยู่ใกล้แนวหน้า จับตาดูประสิทธิภาพการโจมตีระลอกแรกอย่างใกล้ชิด เห็นเพียงจุดที่ฝ่ายศัตรูโดนธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ของวิญญาณชั่วร้ายโจมตีวุ่นวายเสียระเบียบแล้ว กลับสู่สภาพเดิมไม่ได้ตั้งนาน เขาอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าอย่างพอใจ
ลองสังเกตจำนวนกำลังพลวิญญาณชั่วร้ายครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าโจมตีระลอกเดียวก็ถอยกลับมาแล้ว เฉิงไท่เจ๋อก็ทำท่าครุ่นคิด คาดว่าพลังงานสำรองสำหรับธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ของวิญญาณชั่วร้ายคงจะมีไม่มาก ไม่สามารถใช้งานอย่างไร้กังวลได้
ถ้าในใจรู้ข้อมูลอยู่สักหน่อยก็จะเข้าใจ ด้วยความที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์ถูกกวาดล้างหลายครั้ง ต่อให้จะมีวิญญาณชั่วร้ายระดับสูงอยู่ แต่ก็มีไม่เยอะแน่นอน ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์คืออาวุธสำหรับนักพรตระดับบงกชทองขึ้นไป ไม่ใช่ว่าใช้ยาเจี๋ยตันขั้นห้าเม็ดเดียวแล้วจะหลอมสร้างได้ ต้องใส่ไข่มุกวิญญาณระดับต่ำไปเท่าไหร่ถึงจะเติมพลังงานให้เต็มได้ล่ะ? ยิ่งไปกว่านั้น นี่ก็คือธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หนึ่งแสนคันเชียวนะ!
เหมียวอี้หันกลับมาถ่ายทอดเสียงบอกชิงเยว่ “เจ้าก็เห็นหมดแล้ว ไม่นานฝ่ายศัตรูก็เตรียมตัวได้แล้ว ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์พวกนี้มีพลังงานจำกัด ครั้งหน้าจะต้องสังหารเข้าไปให้ได้ในรวดเดียว!”
เขาเองก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน ไม่มีประสบการณ์ใช้งานธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ของวิญญาณชั่วร้ายจำนวนมากแบบนี้มาก่อน แม้จะรู้ว่าจะได้ผลบ้างแน่นอน แต่จำนวนหนึ่งแสนคัน ยามเผชิญหน้ากับการรบราฆ่าฟันขนาดใหญ่แบบนี้ ก็ถือว่ายังเล็กน้อยเกินไปหน่อย เขาไม่มีความมั่นใจว่าจะแสดงประโยชน์ได้เยอะขนาดไหนกันแน่ จะต้องมีการยิงทดลองครั้งแรกก่อนเพื่อตัดสิน
เมื่อผ่านประสบการณ์ครั้งนี้แล้ว เขาก็สามารถสรุปได้แล้ว ว่ายามอยู่ในขบวนรบแบบนี้ การใช้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์วิญญาณชั่วร้ายไม่กี่พันหรือไม่กี่หมื่นคันนั้นไม่มีประโยชน์สักเท่าไหร่ แต่หนึ่งแสนคันก็ได้ผลพอดี และหนึ่งแสนคันนี้ก็เป็นจำนวนจำกัดที่เขาสามารถหามาได้แล้ว เฮยทั่นรวบรวมวิญญาณชั่วร้ายที่ได้มาตรฐานจำนวนหนึ่งแสนห้าหมื่น แต่จำนวนธนูฝ่าอิทธิฤทกลับให้ได้แค่หนึ่งแสนคน
“เข้าใจแล้ว!” ชิงเยว่พยักหน้าแล้วรีบบัญชาการลูกน้อง…
สุดท้ายช่องโหว่ตรงแนวป้องกันที่ถูกโจมตีก็ถูกอุดแล้ว ฉวี่ฉางเทียนวางใจแล้ว บอกกับรองแม่ทัพที่อยู่ทางซ้ายและขวาทันที “ถามหน่อยว่ามันคืออะไร?”
รองแม่ทัพหนึ่งในนั้นหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อแม่ทัพที่บัญชาการอยู่แนวหน้า
และในขณะนี้เอง อีกฝั่งหนึ่งก็มีเสียงระเบิดดัง สภาพชุลมุนวุ่นวายปรากฏขึ้นอีกครั้ง ฉวี่ฉางเทียนที่หันขวับไปมองตะโกนอย่างโมโห “อุดไว้!”
“ยับยั้ง!” ชิงเยว่ที่โจมตีอยู่ทางฝั่งนั้นชักกระบี่ออกมาตะโกน
ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์บริเวณนั้นยิงโจมตีอย่างบ้าคลั่งไปยังช่องโหว่รอบๆ กองทัพองครักษ์ที่ถูกวิญญาณชั่วร้ายถล่มไว้ก่อนหน้านี้ทันที พยายามยับยั้งการโจมตีจากกองทัพฝ่ายศัตรูสุดชีวิต เพื่อหาโอกาสให้ทัพใหญ่บุกโจมตีเข้าไป
“บุก!” ชิงเยว่ควงกระบี่ตะโกน “ผู้ที่นำบุกเข้ากระบวนทัพฝ่ายศัตรูได้ก่อน ตบรางวัลอย่างงาม!”
ทัพรูปมังกรสามตัวคุ้มกันทัพรูปมังกรตัวที่อยู่ตรงกลางจากสามทิศทาง และพุ่งออกไปอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อทั้งสองฝ่ายประจัญบานกัน ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ก็สูญเสียอานุภาพที่ควรจะมีแล้ว ทัพรูปมังกรที่นำบุกเข้ามาก่อนโจมตีจนแนวโล่พลิกคว่ำ กลายเป็นกลุ่มคนปะทะกับกองทัพองครักษ์ ขยายช่องโหว่ตรงนี้ให้ใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว กำลังพลที่บุกโจมตีตามมาข้างหลังก็ได้สังหารเข้ามาอย่างต่อเนื่องทันที
แนวป้องกันของกองทัพองครักษ์ถูกโจมตีให้ฉีกขาดในชั่วพริบตาเดียว
“นายท่าน แนวหน้ารายงานมาว่า เป็นปราณชั่วร้าย สิ่งที่ทำลายแนวป้องกันก็คือปราณชั่วร้าย อีกฝ่ายคงจะมีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ที่ใช้ไข่มุกวิญญาณชั่วร้ายควบคุม!” รองแม่ทัพรายงานด่วนต่อฉวี่ฉางเทียน
ไม่รู้เหมือนกันว่าฉวี่ฉางเทียนฟังเข้าใจหรือเปล่า เขากำลังจ้องช่องโหว่ที่ถูกโจมตี ริมฝีปากสั่นด้วยความโกรธ แนวป้องกันอันแข็งแกร่งที่เขาทุ่มเทสร้างขึ้นมาถูกฉีกทำลายออกอย่างนี้แล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับการล้อมโจมตีของศัตรูที่มีมากกว่าหลายเท่า ก็จินตนาการได้ไม่ยากผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร เขาจ้องจนตาแทบถลนอยู่แล้ว…
ตรงทางออกประตูดวงดาว ศึกใหญ่ใกล้จะจบแล้ว
ข้างกายปี่จัวเหลือกำลังพลอยู่ไม่กี่หมื่น พวกเขาเผชิญหน้ากับศัตรูทั้งสี่ด้านแปดทิศ ล้อมปกป้องเขาเอาไว้ตรงกลาง รอบข้างมีกำลังพลล้อมอยู่อย่างหนาแน่น
ไม่มีทางเลือก กำลังของฝ่ายตัวเองและฝ่ายศัตรูแตกต่างกันเกินไป ห้าร้อยล้านกับห้าสิบล้านเชียวนะ!
กำลังเสริมที่เข้ามาเติมให้กำลังพลห้าสิบล้านตอนหลังไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันกับจำนวนสี่ร้อยห้าสิบล้านของฉวี่ฉางเทียนเลย ความสามารถในการป้องกันของทั้งสองฝ่าย แตกต่างกันจนไม่อาจใช้จำนวนธรรมดามาเทียบได้
มีความได้เปรียบด้านกำลังทหารที่แน่นอนขนาดนี้ เหิงอู๋เต้าไม่เล่นวิธีการบุกโจมตีแนวป้องกันอะไรกับเขาทั้งนั้น ทหารที่ล้อมอยู่จากสี่ด้านแปดทิศก่อตัวเป็นทัพรูปมังกรนับไม่ถ้วนและโจมตีจากทั่วทุกด้าน เพียงครั้งเดียวก็ถล่มแนวป้องกันธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ของปี่จัวได้แล้ว เข้าสู่สภาวะตะลุมบอนเข่นฆ่ากันโดยตรง
เหิงอู๋เต้าควงกระบี่ชี้ปี่จัวราวกับสัตว์ที่โดนขัง “ยอมแพ้เดี๋ยวนี้ ข้ารับประกันต่อหน้าท่านอ๋องว่าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า!”
“ถุย!” ปี่จัวชี้เข้ามา ตะโกนด้วยสีหน้าดุร้ายว่า “พวกเจ้าเคยเห็นกองทัพองครักษ์ยอมแพ้เหรอ? พี่น้อง กำจัดเขา!”
ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ทางฝั่งนี้ยิงไปทางเหิงอู๋เต้าทันที
โล่จำนวนมากถูกยกขึ้น รีบคุ้มกันอยู่ข้างหน้าเหิงอู๋เต้า
บึ้ม! ชั่วพริบตาที่แนวโล่ป้องกันถูกทำลาย ทัพใหญ่รอบกายเหิงอู๋เต้าก็ยิงลำแสงนับไม่ถ้วนออกไปเช่นกัน แค่การยิงโจมตีระลอกเดียวก็จัดการพลังโจมตีกลับเฮือกสุดท้ายของสัตว์ในกับดักได้แล้ว
เหลือคนที่ทรงตัวไม่ไหวอยู่ไม่กี่สิบคน กำลังพลที่อยู่รอบข้างกรูกันเข้าไป ใช้ทั้งดาบทั้งทวนฟันโจมตีพร้อมกัน
ทวนยาวสิบกว่าด้ามแทงเข้าในร่างกายของปี่จัว เงาคนคนหนึ่งแฉลบผ่านและตัดศีรษะของปี่จัวแล้ว ก่อนจะเหาะมาตรงหน้าเหิงอู๋เต้าราวกับได้สมบัติล้ำค่ามา ใช้สองมือยื่นให้
เหิงอู๋เต้าหัวเราะลั่น ชี้ไปยังแม่ทัพตรงหน้าที่สะบักสะบอมเลือดเปื้อนทั้งตัว พร้อมประกาศเสียงดังว่า “ทุกคนดูให้ดี คนที่เด็ดหัวแม่ทัพฝ่ายศัตรูได้ เลื่อนยศสามขั้น!”
เมื่อประกาศอย่างนี้ ก็ไม่รู้มีคนตั้งมากมายเท่าไหร่อิจฉาตาร้อน ยามปกติ สิ่งที่เรียกว่าขั้นสามนี้ ใช้ทั้งชีวิตก็อาจจะไต่เต้าไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ ทัพใหญ่สู้สุดชีวิตบนสนามรบไปเพื่ออะไรล่ะ? ได้สร้างผลงานการรบก็หมายถึงเกียรติยศความร่ำรวย หมายถึงทรัพย์สินเงินทอง หมายถึงอำนาจ หมายถึงจะได้เสพสุขกับสาวงามไม่หมดไม่สิ้น
ทหารคนนั้นตื่นเต้นดีใจไม่หยุด กล่าวเสียงดังว่า “ขอบคุณท่านจอมพล!” แล้วก็ก้าวมาข้างหน้าอีก ใช้สองมือยื่นศีรษะที่มีเลือดหยดของปี่จัวให้ ไม่รังเกียจความสกปรกเลยสักนิด
เหิงอู๋เต้ามองไปรอบๆ “เหลือกลุ่มเล็กไว้เก็บกวาดสนามรบ ทัพใหญ่ตามข้าไปช่วยที่สนามรบหลัก สร้างผลงานใหม่อีก!” ขณะที่พูดก็ชูศีรษะในมือขึ้นสูง
“ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า…”
ทั้งกองทัพโบกอาวุธในในมือพลางตะโกนเสียงดัง
…………………………