พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2182 สาบานเป็นพี่น้อง
ขวัญกำลังใจทหารเพิ่มขึ้นแล้ว!
เหิงอู๋เต้าเองก็ดีใจมากเช่นกัน!
ไม่ว่าจะเป็นเพราะความได้เปรียบด้านกำลังทหารหรือไม่ ต้องทราบไว้ว่าคนที่พวกเขาเอาชนะได้คือกองทัพองครักษ์ เอาชนะกองทัพองครักษ์ที่ระดมกำลังพลห้าสิบล้าน เอาชนะกองทัพองครักษ์ที่กำจัดอิ๋งจิ่วกวง เอาชนะกองทัพองครักษ์ที่ได้ชื่อว่าตั้งแต่ก่อตั้งตำหนักสวรรค์ขึ้นมาก็ไม่มีศึกไหนที่รบแพ้ จะไม่ให้ขวัญกำลังใจทหารขึ้นสูงปรี๊ดได้อย่างไร!
บนสนามรบหลักที่ใหญ่ที่สุด ทัพใหญ่สองฝ่ายเลิกใช้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์แล้ว ตอนนี้กำลังเข่นฆ่ากันแล้ว ตะลุมบอนกันแล้ว ล้อมโจมตี!
“นายท่าน ทางฝั่งปี่จัวขาดการติดต่อโดยสิ้นเชิงแล้ว!” รองแม่ทัพที่อยู่ข้างๆ รายงานเสียงสั่น
ฉวี่ฉางเทียนที่กำลังจับตาดูสถานการณ์รบหัวใจกระตุกวูบ ขาดการติดต่อไปในเวลานี้โดยสิ้นเชิงหมายความว่าอะไร ก็ไม่ต้องพูดมากแล้ว
นอกสนามรบ ท่ามกลางการคุ้มครองของทัพอารักขา พวกเหมียวอี้กำลังจับตาดูสถานการณ์รบ
หยางเจาชิงที่อยู่ข้างๆ วางระฆังดาราลงแล้วรายงานว่า “ท่านอ๋อง จอมพลเหิงรายงานมา ว่ากองทัพองครักษ์ห้าสิบล้านถูกกำจัดหมดแล้ว กำลังเร่งมาช่วยทางนี้ขอรับ!”
“กำจัดกองทัพองครักษ์ห้าสิบล้านหมดแล้ว!” เฉิงไท่เจ๋อเดาะลิ้นอยู่ข้างๆ
เหมียวอี้พยักหน้า ถามว่า “ความเสียหายจากการรบเป็นยังไง?”
“กำลังพลฝ่ายเราเสียหายไปเกือบหกสิบล้าน!” หยางเจาชิงกล่าว
เหมียวอี้ขมวดคิ้ว แม้แต่เฉิงไท่เจ๋อก็ขมวดคิ้วเช่นกัน กำลังพลห้าร้อยล้านโจมตีกำลังพลห้าสิบล้าน ไม่น่าเชื่อว่าความเสียหายจะสูงกว่าฝ่ายศัตรูเสียอีก พลังรบของกองทัพองครักษ์ช่างแข็งแกร่งจริงๆ ทว่าฝั่งฮวาอี้เทียนมีกองทัพองครักษ์สามร้อยล้าน สิ่งนี้ทำให้เขาปวดใจนิดหน่อย
หยางเจาชิงพูดเสริมว่า “จอมพลเหิงใช้วิธีการรีบรบรีบจบ กดดันเข้าไปจากทุกด้าน ความเสียหายจึงค่อนข้างมาก”
เหมียวอี้พยักหน้า หันกลับไปมองเฉิงไท่เจ๋อ “ท่านอ๋องเฉิง ที่ข้ามีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ห้าสิบล้านคันมาไว้ในมือแล้ว รอจนกำจัดกำลังพลตรงหน้าได้ ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ห้าร้อยล้านคันก็จะมาอยู่ในมือแล้วจริงๆ ถ้ากำลังพลของเจ้าสามารถกำจัดทัพใหญ่สามร้อยล้านของฮวาอี้เทียนได้ ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์สามร้อยล้านคันนั่นข้าก็ไม่เอาเลย ทั้งหมดยกให้เจ้า เป็นยังไง?”
หยางชิ่งที่อยู่ข้างๆ ได้ยินแล้วอมยิ้ม ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์สามร้อยล้านคันเชียวนะ นี่เท่ากับบีบให้เฉิงไท่เจ๋อสู้ตาย!
ตอนนี้เขาถอดหน้ากากออกแล้ว เผยโฉมหน้าที่แท้จริงแล้ว มาถึงขั้นนี้แล้ว ฉีกหน้าตำหนักสวรรค์อย่างถึงที่สุดแล้ว ไม่จำเป็นต้องหลบๆ ซ่อนๆ อีก
เฉิงไท่เจ๋อได้ยินแล้วตาลุกวาว ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์สามร้อยล้านคันเชียวนะ ถ้าสามารถได้อุปกรณ์ชุดนี้ เสียอาณาเขตทัพตะวันออกไปก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย ถ้ามีอาวุธชุดนี้อยู่ในมือ เถิงเฟยก็ยากจะต้านไหว!
แต่พอชำเลืองเห็นเหมียวอี้ยิ้มกรุ้มกริ่มลึกลับ ในใจก็พลันหนาวสั่น ทั้งครอบครัวตกเป็นตัวประกันอยู่ในมืออีกฝ่ายแล้ว อีกฝ่ายบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าต้องการกำลังพลในมือเจ้า ชัดเจนแล้วว่าต้องให้เจ้ายอมแพ้ ถ้าเอาธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์สามร้อยล้านคันนั่น ก็ไม่ต่างอะไรกับคิดจะอาศัยกำลังทหารแข็งข้อต่อเบื้องบน มีหรือที่อีกฝ่ายจะปล่อยให้เจ้ารอดชีวิตกลับไป? ประโยคเดียว ยอมแพ้ก็มีทางรอดชีวิต ถ้าอาศัยกำลังทหารแข็งข้อต่อเบื้องบนก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!
ถ้าเปลี่ยนให้ตัวเองอยู่ในตำแหน่งเดียวกับหนิวโหย่วเต๋อ ก็ลองคิดดูสิ สถานการณ์ภาพรวมของใต้หล้ากำลังจะเปลี่ยนแปลงเพื่อต้อนรับผลประโยชน์ สุดท้ายถ้าใครมีศักยภาพแข็งแกร่งที่สุด คนนั้นก็มีสิทธิ์เอาส่วนแบ่งผลประโยชน์! ปลุกปั่นศึกใหญ่ขนาดนี้ขึ้นมา เบื้องล่างต้องมีความเสียหายย่อยยับแน่นอน ถ้าเปลี่ยนเป็นตัวเขาเอง ก็จะต้องรีบร้อนเอากำลังพลในมือหนิวโหย่วเต๋อมาเติมกำลังทหารของตัวเองแน่นอน มีหรือที่จะให้คนอื่นดึงกำลังพลของตัวเองไป? อย่าบอกนะว่ายอมทุ่มจ่ายมาเยอะขนาดนี้แล้ว สุดท้ายจะยกประโยชน์ให้คนอื่นไป?
ไม่ว่าสถานการณ์ของใต้หล้าจะเปลี่ยนแปลงไปมากหรือไม่ แต่ศึกใหญ่สนามต่อไป ก็เป็นไปไม่ได้ที่หนิวโหย่วเต๋อจะยอมเห็นกำลังทหารของตัวเองลดลงเยอะมาก นอกเสียจากจะรนหาที่ตายเท่านั้น คิดว่าอ๋องคนอื่นเป็นไก่ก่อนกันหมดจริงๆ น่ะเหรอ?
พอคิดจนเข้าใจจุดนี้แล้ว ก็ย่อมเข้าใจเจตนาที่หนิวโหย่วเต๋อพูดกับตนอย่างนี้ นี่กำลังจะหยั่งเชิงตนชัดๆ!
เฉิงไท่เจ๋อเหงื่อซึมหลัง รู้ว่าตัวเองเพิ่งเดินอ้อมหน้าประตูยมบาลมาแล้วรอบหนึ่ง ถ้าตัวเองบอกว่าตกลง ต่อไปอีกฝ่ายก็จะต้องกำจัดตนแน่นอน จากนั้นก็คิดจะหาทจัดระบบกำลังพลของเขาใหม่ ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ ถ้าอยากจะหนีก็หนีไม่พ้นเลย
“ท่านอ๋อง ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ เจ้ากับข้าน่ะ ถ้าแยกกันจะเสียหาย ถ้ารวมกันจะได้ประโยชน์ คุยเรื่องแบ่งธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์อะไรกัน ห่างเหินเหมือนเป็นคนนอกเกินไปแล้ว เรื่องราวดำเนินมาจนป่านนี้ ได้เห็นท่านอ๋องมีกลยุทธ์อันปราดเปรื่องมามากพอแล้ว เฉิงได้แต่ถอนใจที่สู้ไม่ไหว ชื่นชมยินดีด้วยใจจริง วันนี้ต่อหน้าทุกคน…” เฉิงไท่เจ๋อเม้มริมฝีปาก กุมหมัดคารวะโค้งตัวค้างไว้ พลางกล่าวอย่างจริงใจว่า “ตำแหน่งอ๋องสวรรค์เฉิงที่ประมุขชิงแต่งตั้งกลายเป็นอดีตไปแล้ว ตอนนี้มีเพียงเฉิงไท่เจ๋อ ไม่มีอ๋องสวรรค์เฉิงแล้ว เฉิงไท่เจ๋อยินดีรับใช้ท่านอ๋อง ขอเพียงท่านอ๋องถ่ายทอดคำสั่งลงมา ก็ยินดีถวายชีวิตทำงานรับใช้!”
พอได้ยินคำนี้ แม่ทัพหลายคนที่ติดตามเขาก็อึ้งก่อน คนที่รู้จักท่านอ๋องดีครุ่นคิดเล็กน้อย มีบางคนเหมือนจะเข้าใจอะไรแล้ว เผยสีน่าหดหู่ให้เห็นแล้ว
บางคนก็ตกใจมาก บอกว่า “ท่านอ๋อง! ท่าน…”
เฉิงไท่เจ๋อหันขวับ จ้องอย่างโมโหพร้อมบอกว่า “หุบปาก! ท่านอ๋องหนิววางแผนได้เก่งกาจ ข้ายินดีติดตาม ถ้าพวกเจ้าไม่ยอม ก็ออกไปได้เลย ข้าไม่ขัดขวางพวกเจ้า”
อีกคนดึงแขนเสื้อคนนั้นไว้เบาๆ แอบถ่ายทอดเสียงบอกว่า “ถ้าอยากรอดชีวิตก็อย่าเลอะเลือน ท่านอ๋องกำลังกล้ำกลืนความอัปยศเพื่อทุกคน”
คนๆ นั้นยังไม่เข้าใจ แต่ก็ขมวดคิ้วหุบปากแล้ว
เหมียวอี้กลับเคยสีหน้าดีใจมาก ชำเลืองมองคนที่ไม่ยอมแพ้คนนั้น จากสิ่งนี้จะเห็นได้เลยว่าเฉิงไท่เจ๋อยังมีผู้จงรักภักดีติดตาม จากนั้นเขาก็เปลี่ยนความคิด คว้าข้อมือเฉิงไท่เจ๋อ แล้วกล่าวอย่างดีใจมากกว่า “พูดอย่างนี้ก็ไม่ถูกนะ! ในเมื่อท่านอ๋องเฉิงบอกแล้วว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน เช่นนั้นยังจำเป็นต้องแบ่งแยกอีกเหรอว่าใครจะทำงานรับใช้ใคร? ท่านอ๋องเฉิงอายุมากกว่า ถ้าไม่รังเกียจ ข้ายินดีนับถือเจ้าเป็นพี่ชาย เจ้าสาบานเป็นพี่น้องกับข้า มีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน ดีไหม?” สายตาเต็มไปด้วยกันเฝ้าคอยจริง
เฉิงไท่เจ๋อรีบร้อนโบกมือ “มิบังอาจๆ เฉิงยินดีติดตามรับใช้ท่านอ๋อง นี่เป็นคำพูดที่มาจากใจจริงๆ!”
ใครจะคิดว่าเหมียวอี้จะหดมือกลับและดึงมีดสั้นออกมา ไม่พูดพร่ำทำเพลงกรีดหลังมือเสียเลย เลือดสดไหลออกจากกำปั้น พร้อมบอกว่า “หนิวเองก็พูดจากใจเหมือนกัน ยินดีกรีดเลือดร่วมสาบาน น้ำใจนี้ของข้า หวังว่าพี่ชายจะไม่ปฏิเสธ!” พูดจบไปยื่นมีดสั้นให้
เฉิงไท่เจ๋อแอบด่าแม่ในใจแล้ว สาบานเป็นพี่น้องแล้วจะมีประโยชน์บ้าอะไร ในปีนั้นประมุขชิงกับประมุขไป๋ยังเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันเลย เมื่อแตกคอกันใครจะมาแยแสสิ่งนี้ เวลาจะแตกคอกันไม่ว่าข้ออ้างอะไรก็หามาได้ทั้งนั้น?
ในใจเขารู้ชัดเจน ว่าอีกฝ่ายต้องการกำลังพลเร่งด่วน อยากจะให้เขายอมจำนนโดยเร็วที่สุด ไม่อยากให้เกิดอุปสรรคอะไรในเวลานี้ ต้องการจะซื้อใจคน
แต่อีกฝ่ายใช้มีดกับตัวเองแล้ว ทำถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่มีทางที่จะไม่ไว้หน้า ทำได้เพียงรับมีดสั้นมา กรีดบนหลังมือตัวเอง ยื่นกำปั้นที่มีเลือดออกมาเช่นกัน
ทั้งสองคนชกกำปั้นใส่กันเบาๆ ตรงรอยแผลที่มีเลือดไหลสัมผัสกันแล้ว ทั้งคู่สบตากันแล้วหัวเราะลั่น เหมียวอี้เรียกว่า “พี่ชาย” อย่างจริงใจ
“น้องชาย!” เฉิงไท่เจ๋อก็ตะโกนเรียกอย่างแฝงความหมายลึกซึ้งเช่นกัน ความขื่นขมในใจมีเพียงตัวเองเท่านั้นที่รู้ชัดเจน
แม่ทัพคนเมื่อครู่นี้ที่เพิ่งคัดค้านชะงักไป พบว่าหนิวโหย่วเต๋อไม่เลวเลย ไม่ใช้อำนาจข่มเหงคนอื่น ขนาดท่านอ๋องเป็นฝ่ายขอทำงานรับใช้ก็ยังปฏิเสธ ตอนนี้กลายเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันแล้ว…ความรู้สึกไม่ยุติธรรมในใจเขาหายไปแล้วเช่นกัน
หยางเจาชิงยิ้มตาหยีอยู่ข้างๆ
หยางชิ่งแอบพยักหน้า ในใจรู้สึกปลงอนิจจังมาก นึกถึงเหมียวอี้ในปีนั้น แล้วก็ดูเหมียวอี้ในตอนนี้ เมื่ออยู่ตำแหน่งไหนก็ทำเรื่องอย่างนั้นจริงๆ ด้วย
เขาเองก็เข้าใจความรู้สึกของเหมียวอี้ในตอนนี้ ภายใต้สถานการณ์ตอนนี้ เหมียวอี้แพ้ไม่ไหวจริงๆ ดื้อรั้นทำตามความคิดตัวเอง จุดชนวนศึกใหญ่ขนาดนี้ ถ้าแพ้ขึ้นมา ความรับผิดชอบก็อยู่ที่เขาคนเดียว ไม่มีทางชี้แจงต่อกำลังพลเบื้องล่างได้ ชีวิตของคนทั้งครอบครัวก็อยู่ในอันตรายเช่นกัน พยายามดึงกำลังพลของเฉิงไท่เจ๋อมาเป็นพวกเดียวกันให้เร็วที่สุด ก็คือเรื่องที่จำเป็นมาก
“ประกาศต่อทั้งกองทัพเดี๋ยวนี้ ท่านอ๋องเฉิงเป็นพี่ชายร่วมสาบานของข้าแล้ว ต่อไปนี้ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ห้ามละเลย!” เหมียวอี้หันกลับมาตะโกนบอกหยางเจาชิง
หยางเจาชิงรู้อยู่แก่ใจ กำลังพลเบื้องล่างก็ไม่ได้โง่ ทำศึกกับกองทัพองครักษ์แบบนี้ ถ้าพอจะมีสมองอยู่บ้านก็จะรู้ว่ากำลังพลขอฝท่านอ๋องได้รับความเสียหายไม่น้อย ในเวลานี้ประกาศข่าวดีต่อทั้งกองทัพ ให้กำลังพลเบื้องล่างรู้ว่าท่านอ๋องไม่เพียงแค่ไม่สูญสียกำลัง แต่ยังได้กำลังเพิ่มด้วย ต้องให้ความมั่นใจกับทุกคนได้แน่นอน ขวัญกำลังใจทหารเพิ่มขึ้นแล้ว!
แน่นอน ทางฝั่งเหยียนเสี้ยวที่กำลังบัญชาการกำลังพลของเฉิงไท่เจ๋อ ก็ต้องแจ้งให้รู้เป็นพิเศษเช่นกัน ให้เหยียนเสี้ยวบอกกำลังพลของเฉิงไท่เจ๋อ ว่าเฉิงไท่เจ๋อกับท่านอ๋องเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันแล้ว
อยู่ข้างกายเหมียวอี้มาหลายปีขนาดนี้ เหมียวอี้แค่สงสัยตานิดเดียว เขาก็ย่อมเข้าใจแล้วว่าหมายความว่าอะไร
“ขอรับ!” หลังจากได้รับแล้วเขาก็หยิบระฆังดาราออกมาถ่ายทอดคำสั่งทันที
พอหันกลับมาอีกครั้ง เหมียวอี้ก็พูดกับเฉิงไท่เจ๋ออย่างจริงใจว่า “พี่ชาย เรื่องกำจัดกำลังพลของฮวาอี้เทียน ต้องเร่งมือให้เร็วที่สุดนะ ถ้าเสียเวลาจนกองหนุนของประมุขชิงมาถึง ก็จะไม่เป็นผลดีต่อเจ้ากับข้าแล้ว ตอนนี้ต่อให้กำลังพลของข้าจะตามไปช่วย แต่บ่อน้ำที่อยู่ไกลดับกระหายไม่ได้
!”
เป็นพี่น้องกันแล้ว ถ้ายังไม่ช่วยเหลือสุดกำลังอีกก็จะฟังดูเหลวไหล นี่เท่ากับบีบให้ตัวเองยอมจ่ายทุกอย่าง! เฉิงไท่เจ๋อแอบทอดถอนใจ แต่ภายนอกกลับกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “แน่นอนอยู่แล้ว ถ้าจะกระตุ้นพวกเขาเดี๋ยวนี้!” พูดจบก็หยิบระฆังดาราออกมาพูดเร่ง
ในขณะนี้เอง เหิงอู๋เต้าก็นำทัพใหญ่มารายงานผลภารกิจ
ชิงเยว่รับกำลังพลมา สั่งให้คนหนึ่งร้อยล้านจัดกลุ่มธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์สิบกลุ่มนอกขบวนรบ แต่ละกลุ่มมีคนสิบล้านคน กระจายกันล้อมรอบขบวนรบ ถ้ามีข้าศึกหนีออกจากสนามรบหรือกองทัพฝ่ายศัตรูที่ปรากฏตัวอยู่นอกขบวนรบ ก็ให้ยิงสังหารทันที ส่วนกำลังพลที่เหลือเข้าสู่สนามรบหมด มีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์จำนวนมากอยู่ในมือแล้ว ทั้งยังมีกำลังพลเหลือเฟือ ชิงเยว่ไม่ต้องใช้วงล้อมดักไว้อีกแล้ว รวบรวมกำลังพลแต่ละสายเสียบเข้าไปในกองทัพศัตรูโดยตรง ร่วมมือกันสังหารทั้งข้างนอกข้างใน
กำลังทหารที่ได้เปรียบกว่าโดยสิ้นเชิงบุกเข้าไปแบ่งกันล้อมกราบในขบวนรบ สถานการณ์รบเปลี่ยนไปมากทันที
“นายท่าน ฝ่ายศัตรูมีเยอะกว่า ป้องกันไม่ไหวแล้ว ฝ่าวงล้อมเถอะ!” ตรงใจกลางขบวนรบ รองแม่ทัพคนหนึ่งกล่าวกับฉวี่ฉางเทียนด้วยน้ำเสียงโศกเศร้า
ฉวี่ฉางเทียนพยายามหลับตาลง เขารู้ถึงผลที่ตามมาจากการฝ่าวงล้อม ทัพใหญ่ถูกกองทัพฝ่ายศัตรูพัวพันไว้แล้ว ถ้าฝ่าวงล้อมไป จะต้องมีพี่น้องจำนวนมากถูกทิ้งไว้ที่นี่เพื่อถ่วงกองทัพฝ่ายศัตรูไว้ เท่ากับให้พวกเขาเอาชีวิตไปทิ้ง แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าถ่วงเวลาต่อไปไม่ว่าใครก็ไม่รอด ถ้าไปได้ส่วนหนึ่งก็ควรไป
“รวบรวมกำลังพลกลุ่มหนึ่ง แสร้งฝ่าวงล้อมไปทางขวาตลอดทาง ส่วนทางซ้ายตามข้าฝ่าวงล้อมไป!” ฉวี่ฉางเทียนกล่าวอย่างยากลำบาก
ไม่นาน กำลังพลกลุ่มหนึ่งที่รวมตัวกันได้หลายสิบล้านคนก็ตะโกนเสียงดังว่าฆ่า แล้วพุ่งไปทางขวามือโดยตรง
และรอบกายฉวี่ฉางเทียนก็รวบรวมกำลังพลหลายสิบล้านเงียบๆ เตรียมตัวรอให้กำลังพลกลุ่มนั้นหลอกล่อกำลังพลฝ่ายศัตรูไปสกัดขวาง หลังจากลดความกดดันในการฝ่าวงล้อมอีกฝั่งได้แล้ว ก็ค่อยฉวยโอกาสสังหารออกไปอีกที
สถานการณ์ในขบวนรบ ชิงเยว่ไม่สะทกสะท้าน นางออกคำสั่งให้รวมธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์สามสิบล้านคันจากสามจุดที่ทัพฝ่ายศัตรูจะฝ่าวงล้อมไป แล้วจ้องมองอย่างดุร้าย รอจนทัพฝ่ายศัตรูพุ่งไปถึงชายขอบขบวนรบ ชิงเยว่ก็พลันสั่งให้ทัพใหญ่สองฝั่งที่เข่นฆ่าอยู่แถวนั้นหลีกทางให้
ทัพฝ่ายศัตรูที่เพิ่งจะโผล่หัวฝ่าออกมาโดนลำแสงนับไม่ถ้วนถล่มยิงอย่างบ้าคลั่ง ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์สามสิบล้านคันผลัดกันยิง ไม่ให้โอกาสทัพฝ่ายศัตรูได้มาข้างหน้าต่อแม้แต่ก้าวเดียว ในขณะเดียวกันนี้เอง ชิงเยว่ก็ออกคำสั่งอีก ให้กำลังพลสองฝั่งที่เพิ่งหลีกทางเข้ามาจู่โจมสองปีกของทัพฝ่ายศัตรูที่เพิ่งฝ่าวงล้อมไป ชั่วพริบตาเดียวก็ทำให้ทัพใหญ่ที่ฝ่าวงล้อมกระจัดกระจายมั่วไปหมด เมื่อไม่มีแรงขับเคลื่อนที่จะรวมตัวกันฝ่าออกไปข้างนอก คนที่พุ่งไปข้างหน้าก็เท่ากับเอาชีวิตไปทิ้ง
…………………………