พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2193 กำลังพลปริศนาเข้าใกล้ฝั่งนี้
เถิงเฟยเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว “เจ้าหมายถึงธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์เหรอ?”
โค่วหลิงซวีตอบว่า “ใช่แล้ว! ข้าตอบตกลงช่วยเหลือเจ้า ส่วนเจ้าก็ใช้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ตอบแทน ข้าพูดไม่ผิดใช่ไหม?”
เถิงเฟยเผยสีหน้าเคียดแค้น แสยะหัวเราะไม่หยุด ไม่ใช่ความแค้นที่เสแสร้ง แต่แค้นใจจริงๆ เพราะเขามองเข้าใจแล้ว ว่าโค่วหลิงซวีต้องการจะสู้กับเขาจริงๆ มองเห็นเขาเป็นเนื้อบนเขียง เป็นเนื้อปลาที่จะทำอะไรก็ได้ แต่ละคนล้วนเห็นว่าเขาน่ารังแก เขาอยากจะเห็นนักว่าโค่วหลิงซวีที่ฮุบเหยื่อแล้ว ประเดี๋ยวจะร้องไห้อย่างไร
ทว่าละครก็ยังต้องแสดงต่อไป เถิงเฟยหยิบแผ่นหยกออกมาแผ่นดิน ชูขึ้นพร้อมกล่าวเสียงดังว่า “โค่วหลิงซวี ของก็ส่งให้เจ้าแล้ว แผ่นหยกที่เป็นหลักฐานการแลกเปลี่ยนของก็อยู่ที่นี่ ถ้าเจ้าคิดจะเบี้ยวสัญญาก็บอกมาให้ชัดเจน ไม่จำเป็นต้องมาทำตัวไร้ยางอายตรงนี้!”
โค่วหลิงซวีไม่สะทกสะท้าน กล่าวด้วยแววตาสงบนิ่ง “พี่เถิง ที่ให้ของมานั้นถูกต้องแล้ว ข้าไม่ถึงขั้นเบี้ยวสัญญาหรอก แต่ราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการช่วยเหลือเจ้าครั้งนี้เกินกว่าที่คาดคะเนไว้ ลูกน้องของข้าหลายสิบล้านตายไปเพราะช่วยเจ้า เราจะอธิบายยังไง? ต่อให้ข้ายอมตกลง แต่เกรงว่าพี่น้องเบื้องล่างคงไม่ยอมตกลง ถ้าไม่เชื่อก็ลองถามพวกเขาดู ว่าธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์สองล้านคันแลกกับชีวิตพี่น้องหลายสิบล้านได้หรือเปล่า?”
“ไม่ได้!” แม่ทัพคนหนึ่งที่อยู่ข้างกายเขาพลันยกมือตะโกนเสียงดัง
“ไม่ได้!”
“ไม่ได้!”
กำลังพลทัพเหนือตะโกนขานรับรับทันที ตะโกนเสียงดัง กลุ่มคนเดือดแค้นเป็นอย่างยิ่ง เสียงดังกระเพื่อมตามคลื่นพลังอิทธิฤทธิ์ แค่คิดก็รู้แล้วว่าฉากที่กำลังพลสามร้อยล้านตะโกนเสียงดังเป็นอย่างไร
โค่วเจิงที่ยืนอยู่ข้างกายบิดาชำเลืองมองเถิงเฟย บนใบหน้าเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
ยามเผชิญหน้ากับเสียงดังสะเทือนเลือนลั่นแบบนี้ เถิงเฟยกลับสงบนิ่งมาก ไม่มีท่าทีว่าจะตกใจเลยสักนิด
กลับเป็นกำลังพลเบื้องล่างที่ไม่ล่วงรู้ถึงแผนการ แต่ละคนทำสีหน้าตกใจแล้ว
โค่วหลิงซวียกมือขึ้น เสียงตะโกนที่ดังต่อเนื่องเป็นระลอกสงบลงอย่างรวดเร็ว “พี่เถิง ไม่ใช่ว่าข้าอยากทำให้เจ้าลำบาก เจ้าก็ได้ยินความเห็นของบรรดาพี่น้องแล้ว”
“เจ้าคิดจะเอายังไง?” เถิงเฟยถาม
โค่วหลิงซวีตอบว่า “เอาอย่างนี้ไหมล่ะ ส่งมอบธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ทั้งหมดในมือเจ้ามา แล้วเรื่องนี้ก็จะผ่านไป ข้าเองก็จะให้คำชี้แจงกับพี่น้องทุกคนในทัพเหนือได้เช่นกัน เจ้าว่าเป็นยังไง?”
เถิงเฟยอดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้ม วิธีการพูดแบบนี้น่าขำจริงๆ ต่อให้เขาส่งมอบธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ในมือได้ทั้งหมด ก็ยังไม่ต้องพูดถึงว่าโค่วหลิงซวีจะรักษาคำพูดหรือเปล่า แต่ต้องทำอย่างไรถึงจะนับว่าส่งมอบให้ทั้งหมดละ? ถ้าเจ้าส่งมอบให้ทั้งหมดแล้ว แต่ถ้าอีกฝ่ายหาเรื่องเจ้าไม่จบไม่สิ้น เจ้าจะทำอย่างไร?
อาศัยแค่วิธีพูดแบบนี้ ก็รู้ชัดแล้วว่าอีกฝ่ายต้องการจะหาเรื่อง ไม่คิดจะปล่อยให้เจ้าออกไปอย่างปลอดภัยได้เลยโดยสวัสดิภาพ
“แล้วถ้าข้าไม่ให้ล่ะ?” เถิงเฟยตะคอกถาม ถ้าเปลี่ยนเป็นยามปกติ ให้เขาสู้กับโค่วหลิงซวีอาจจะไม่มีความมั่นใจ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว
“พี่เถิง สุราคำนับไม่ดื่ม ต้องดื่มสุราทัณฑ์” โค่วหลิงซวียกมือขึ้น ส่งสัญญาณมือแล้ว
กำลังพลที่ล้อมอยู่เคลื่อนไหวทันที ตั้งกระบวนทัพเตรียมโจมตีแล้ว
เถิงเฟยหันกลับมามองข้างหลังแวบหนึ่ง แม่ทัพคนหนึ่งที่สวมหน้ากากอยู่ข้างหลังพยักหน้าเบาๆ ดังนั้นเถิงเฟยจึงไม่พูดอะไรอีก
แม่ทัพที่สวมหน้ากากยืนอยู่ตรงตำแหน่งบัญชาการแล้ว ทันใดนั้นก็ชักกระบี่มาไว้ในมือ กำลังพลที่ล้อมพิทักษ์เผยธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์เล็งไปรอบทิศทางทันที
“ยิงธนู!” แม่ทัพที่สวมหน้ากากโบกกระบี่ตะโกนเสียงแหลม
เสียงปั้งๆ ดังถี่อยู่ในดาราจักร ลำแสงนับไม่ถ้วนยิงไปทั้งสี่ด้านแปดทิศ
พวกโค่วหลิงซวีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่าเถิงเฟยไม่แม้แต่จะเจรจาต่อแล้วด้วยซ้ำ ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าลงมือก่อน ดูท่าแล้ว ถ้าไม่โจมตีอีกฝ่ายก็คงทำให้อีกฝ่ายยอมศิโรราบไม่ได้
ทัพอารักขาที่อยู่ข้างหน้ารีบยกโล่ขึ้นให้เขาถอยเข้ามาอยู่ในกระบวนทัพใหญ่
ทัพเหนือก็ไม่ใช่ไก่อ่อนเช่นกัน ใช้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์โจมตีกลับ เริ่มรุกโจมตีอย่างเป็นทางการ กระบวนทัพเกราะที่เหมือนมังกรหลายตัวพุ่งโจมตีฝ่าฝนธนูออกมา เสียงเข่นฆ่าอันดุเดือดดังสะท้านดาราจักร
“ไม่ได้เห็นศึกใหญ่ขนาดนี้มาหลายปีแล้ว!”
เมื่อส่งต่ออำนาจบัญชาการทัพใหญ่ให้แม่ทัพใหญ่คนหนึ่งแล้ว โค่วหลิงซวีที่ยืนมองการต่อสู้อยู่ในกระบวนทัพก็กล่าวอย่างสะท้อนใจ ตรงหว่างคิ้วฉายแววกังวลเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะกังวลว่าจะต่อสู้ไม่ชนะ แต่ท่าทางของเถิงเฟยที่ยืนกรานต่อต้านทำให้เขากังวลนิดหน่อย ถ้าเป็นอย่างนี้จริงๆ การบาดเจ็บล้มตายจะต้องมหาศาลแน่นอน ไม่สอดคล้องกับความปรารถนาดั้งเดิมในการลงมือ
เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัย อย่าบอกนะว่าความเกรงขามของตาเฒ่าคนนี้ เมื่อเทียบกับหนิวโหย่วเต๋อแล้วห่างชั้นกันมากขนาดนี้? เถิงเฟยเผชิญหน้ากับหนิวโหย่วเต๋อก็แต่หนีเท่านั้น แต่ยามเผชิญหน้ากับข้า ต้องการจะสู้ตายอย่างนั้นหรือ?
ความกังวลใจของเขาไม่ได้อยู่ต่อเนื่องเป็นเวลานาน
กำลังพลที่ห้าวหาญไม่กลัวตายของเขาโจมตีจุดป้องกันของทัพใหญ่เถิงเฟยแตกแล้วจุดหนึ่ง ทำให้แนวป้องกันเกิดช่องโหว่ทันที โจมตีจนการยิงธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ของฝ่ายตรงข้ามเสียจังหวะ ทำให้ทัพใหญ่ที่ตามมาทีหลังสังหารจนเกิดทางเลือดตลอดทาง เขายังกังวลว่าศึกนี้จะเสียเวลานานเกินไป นึกไม่ถึงว่าทหารผู้กล้าเบื้องล่างจะแก้ไขสถานการณ์ให้เขาได้เร็วขนาดนี้ แบบนี้ต้องลดความเสียหายให้ทางการรบให้เขาได้ตั้งเท่าไรกัน ไม่มีทางวัดมูลค่าได้เลย!
“ดี! สมกับเป็นทหารกล้า!” โค่วหลิงซวีพลันปรบมือกล่าวชม ตื่นเต้นฮึกเหิมจนหน้าแดง ชี้ไปยังช่องโหว่ตรงแนวป้องกัน พลางกล่าวเสียงดังว่า “กำลังพลกลุ่มไหนที่นำโจมตีไปก่อน? จะปฏิบัติต่อทหารกล้าที่ถวายชีวิตรับใช้ข้าอย่างอย่างขาดความยุติธรรมไม่ได้ ต้องปกป้องพวกเขาให้ดี เดี๋ยวนำตัวมาพบข้าด้วย ข้าจะบันทึกผลงานใหญ่ของพวกเขาไว้ ตบรางวัลอย่างงาม! ตบรางวัลอย่างงาม! ตบรางวัลอย่างงาม!”
คำว่า ‘ตบรางวัลอย่างงาม’ สามครั้งได้อธิบายความรู้สึกของเขาชัดเจนแล้ว อธิบายชัดเจนแล้วว่าเขาชื่นชมกำลังพลที่บุกสังหารเข้าไปก่อนขนาดไหน
กำลังพลข้างเคียงที่ได้ยินคำพูดนี้ของท่านอ๋อง แต่ละคนเลือดเดือดปุดๆ อยากจะพุ่งเข้าไปสร้างผลงานเสียตอนนี้ ไม่อย่างนั้นถ้าเปลี่ยนเป็นช่วงเวลาปกติ ต้องทนไปถึงเมื่อไหร่กว่าจะได้ประสบความสำเร็จได้?
ทุกคนเข้าใจชัดเจนว่าคำพูดนี้ของท่านอ๋องมีน้ำหนักขนาดไหน ท่านอ๋องพูดออกมาต่อหน้าฝูงชน ก็ย่อมไม่กลืนคำพูดอยู่แล้ว ต่อไปคนเหล่านั้นก็จะถูกท่านอ๋องเรียกพบด้วยตัวเอง ได้รับการสรรเสริญสูงส่งขนาดนี้ ต่อไปนี้แต่ละคนอนาคตยาวไกลไร้ขอบเขต ไม่ขาดเกียรติยศความร่ำรวยแน่ เลื่อนขั้นร่ำรวย สาวงามห้อมล้อม ทุกอย่างได้มาอย่างง่ายดาย!
ถังเฮ่อเหนียนเผยรอยยิ้มบางๆ เขาเองก็คิดว่าผู้ที่สร้างผลงานการรบแบบนี้ต้องได้รับรางวัลอย่างงามเพื่อปลุกเร้าขวัญกำลังใจให้ทหาร ไม่อย่างนั้นภายหลังใครจะยังบุกไปสู้ตายข้างหน้าอีกล่ะ ดังนั้นไม่เพียงแค่ต้องตบรางวัลอย่างงาม แต่ยังต้องตบรางวัลจนทุกคนเห็นแล้วอิจฉาด้วย ตบรางวัลจนทุกคนเห็นแล้วน้ำลายไหล ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าคุ้มค่าที่จะขายชีวิต!
เขาเอียงหน้าโบกมือบอกใบ้แม่ทัพที่อยู่ข้างๆ อีกฝ่ายไปสืบข้อมูลทหารกล้ากลุ่มนั้นทันที ต้องการจะดำเนินการดูแล
โค่วเจิงก็ปรบมือด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจเช่นกัน ในใจครุ่นคิดว่าต่อไปจะรับกำลังพลกลุ่มนี้มาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเองดีไหม
ตามที่กำลังพลกลุ่มหนึ่งของทัพเหนือบุกสังหารเข้าไป แล้วก็มีกำลังพลข้างหลังโจมตีขยายช่องโหว่อีก ทำให้แนวป้องกันทั้งหมดของเถิงเฟยพังททลายรอบด้าน ไม่มีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ให้ใช้แล้ว กำลังพลทัพเหนือจำนวนมากทะลักเข้าไป ทั้งสองฝ่ายประจันบาญกันแล้ว การสู้รบเข้าสู่จุดเดือดอย่างรวดเร็ว
เสียงเข่นฆ่า เสียงตะโกน เสียงกรีดร้อง เสียงระเบิดรุนแรงกำลังดังก้องไม่หยุดอยู่ในดาราจักร
ทว่าไม่นานโค่วหลิงซวีก็พบความไม่ชอบมาพากล ขมวดคิ้วถามว่า “กำลังพลของเถิงเฟยมีพลังรบแข็งแกร่งขนาดนี้เชียวหรือ?”
เขาพบว่าในระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายเข่นฆ่ากัน กำลังพลของเถิงเฟยค่อนข้างห้าวหาญ ไม่ได้โจมตีให้ล้มได้ง่ายๆ ขนาดนั้น
หารู้ไม่ว่า มีกำลังพลที่เป็นกำลังพลทัพใต้ของเหมียวอี้ เดิมทีผ่านศึกใหญ่จนคัดคนออกไปบ้างแล้ว บางคนมีประสบการณ์ในศึกใหญ่อย่างนี้มาแล้วไม่มากก็น้อย เรื่องให้ความร่วมมือกับสมาชิกข้างกายในการรุกโจมตีและป้องกัน ก็ถือว่ามีประสบการณ์ในระดับหนึ่ง อย่างน้อยก็ไม่ลนลานหวาดกลัวง่ายๆ ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่คัดเลือกมาจากกำลังพลของเถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อ เป้าหมายของเหมียวอี้ก็เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดง่ายๆ
แม่ทัพที่อยู่ข้างๆ สังเกตเห็นปัญหาอีกอย่างหนึ่งแล้ว “ท่านอ๋อง ทำดูแม่ทัพหลักที่บัญชาการอยู่ฝ่ายตรงข้ามสิ ทำไมต้องใส่หน้ากากด้วย? ยังมีแม่ทัพที่บัญชาการอยู่ตามกลุ่มเล็กๆ เบื้องล่างอีก ส่วนใหญ่จะใส่หน้ากากกันหมดเลย”
พวกเขาลองสังเกตอย่างละเอียด พบว่าเป็นอย่างนี้จริงๆ
ชั่วขณะนั้นไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร ไม่นานก็พบอีกว่าการเคลื่อนย้ายของกำลังพลในขบวนรบฝ่ายตรงข้ามค่อนข้างไม่สมเหตุสมผล เหมือนกำลังเข้าใกล้กำลังพลที่รวมตัวกันอยู่วงนอกขบวนรบฝั่งนี้ เห็นได้ชัดตอนที่กำลังโจมตีก็พยายามเข้าใกล้ไปด้วย อย่าบอกนะว่ายังคิดจะจู่โจมฝั่งนี้อีก?
โค่วหลิงซวีมองซ้ายมองขวา แม้ตัวเองจะไม่ได้นำคนเข้าไปร่วมรบด้วยตัวเอง แค่ดูการรบอยู่นอกขบวนรบ แต่ถึงอย่างไรข้างกายของตัวเองก็มีทัพอารักขาห้าสิบล้านคอยคุ้มกัน จะโจมตีได้ง่ายขนาดนั้นเสียที่ไหนกัน
ในขณะนี้เอง แม่ทัพที่รับผิดชอบสังเกตการณ์โดยรอบก็รีบรายงานว่า “ท่านอ๋อง มีกำลังพลที่ไม่ทราบตัวตนแน่ชัดกำลังเข้าใกล้ตรงนี้ขอรับ!”
หลายคนที่อยู่ตรงนั้นมองตามไปทางที่เขาชี้ เห็นเพียงกำลังพลนับพันกำลังเร่งความเร็วมาทางฝั่งนี้
“ยังมีทางนั้นอีก!” มีคนตะโกนบอกอีกครั้ง พอหันไปมอง ก็เห็นคนจำนวน หนึ่งพันพุ่งมาทางนี้ด้วยความเร็วสูงอีก
โค่วหลิงซวีค้นพบอย่างรวดเร็วว่าไม่ได้มีแค่เท่านี้ ทั้งสี่ด้านแปดทิศล้วนมีคนกำลังพุ่งเข้ามาทางฝั่งนี้ ทัพอารักขารีบเตรียมพร้อมป้องกัน
และในเวลานี้เอง กลุ่มคนหนึ่งพันจากทัวทิศทางที่พุ่งเข้ามาก็เพิ่มจำนวนกำลังพลขึ้นอย่างกะทันหัน ทัพใหญ่มหึมาสุดลูกหูลูกตานับไม่ถ้วนกำลังล้อมเข้ามาที่สนามรบ
“เป็นทัพใต้! หนิวโหย่วเต๋อ…” โค่วเจิงชี้บอกอย่างตกใจ
เหมียวอี้ที่สวมเกราะรบนำทัพใหญ่ตามมาอย่างด้วยลักษณะท่าทางดุดัน ตัวเขาอยู่ข้างหน้าสุด เห็นได้ชัดเจนมาก
“แม่ทัพหลักของฝ่ายศัตรูคือชิงเยว่ แย่แล้ว พวกเราตกหลุมพรางแล้ว!” มีอีกคนชี้ไปยังแม่ทัพหลักของฝ่ายศัตรูในขบวนรบ เห็นเพียงชิงเยว่ฉีกหน้ากากออก กำลังมองมาทางฝั่งนี้ด้วยสีหน้าที่เหมือนกำลังมองตัวตลกที่กระโดดโลดเต้น
โค่วหลิงซวีสีหน้าเปลี่ยนไปมาก กล่าวอย่างร้อนใจว่า “รีบไปรวมกับทัพใหญ่!”
กำลังพลหลายสิบล้านที่คุ้มครองอยู่ข้างกายไปผนึกกำลังกับขบวนรบทันที ไม่รวมกับทัพใหญ่ไม่ได้หรอก อาศัยแค่กำลังพลที่อยู่ข้างกายเขาจะต้านทานการโจมตีจากทัพใหญ่ของหนิวโหย่วเต๋อได้อย่างไร
ทว่าพอบุกเข้ามาในขบวนรบก็ตระหนักได้ถึงปัญหาทันที พวกโค่วหลิงซวีเพิ่งจะเข้าใจว่าทำไมก่อนหน้านี้อีกฝ่ายถึงระดมกำลังอย่างไม่สมเหตุสมผล ชิงเยว่นำทัพใหญ่ทอดข้ามเข้ามาขัดขวางพวกเขาในขบวนรบอย่างแนบเนียนตั้งแต่แรกแล้ว ก่อนหน้านี้มองเบาะแสไม่ออก ตอนนี้ถึงได้รู้ว่าต้องการกันโค่วหลิงซวีไหว หลีกเลี่ยงไม่ให้โค่วหลิงซวีมารวมกับกำลังพลของตัวเอง
ชั่วขณะนั้น กำลังพลที่โค่วหลิงซวีนำมาเองโจมตีอย่างบ้าระห่ำ ส่วนกำลังพลในขบวนรบก็ดิ้นรนฝ่าออกไปอย่างบ้าคลั่ง ต้องการจะไปรวมกับโค่วหลิงซวี
แต่มีหรือที่ชิงเยว่จะปล่อยให้พวกเขาสมหวัง นางบัญชาการอย่างต่อเนื่อง ยอมจ่ายอย่างเพื่อขัดขวางไว้
“ฆ่า!” ด้านนอกพลันมีเสียงตะโกนฆ่าดังขึ้น
พอเหมียวอี้โบกมือออกคำสั่ง ในทัพใหญ่ที่ตามมาล้อมก็มีกำลังพลห้าสิบล้านพุ่งออกมาจากสี่ด้านแปดทิศ พุ่งเข้ามาในขบวนรบ ไปช่วยกำลังพลที่กำลังโดนทัพเหนือโจมตีอย่างบ้าคลั่งเนื่องจากขัดขวางไม่ให้สองหน่วยของทัพเหนือรวมตัวกัน กำลังพลสองร้อยล้านสังหารเข้ามา ทำให้กำลังพลที่แบกรับภาระหนักไม่ไหวลดความกดดันไปได้เยอะมากในชั่วพริบตาเดียว ยิ่งไปกว่านั้นก็ทำให้กำลังพลที่อยู่กับโค่วหลิงซวีไปรวมตัวกับกำลังพลทั้งทัพเหนือไม่ได้
“ยิงธนู!”
ลำแสงนับไม่ถ้วนยิงไปทางกำลังพลห้าสิบล้านของโค่วหลิงซวีที่ถูกกันไว้ ชั่วพริบตาเดียวก็เกิดภาพอันน่าเวทนา
ทัพอารักขาโจมตีกลับ แนวโล่ป้องกันพยายามป้องกันสุดชีวิต ดิ้นรนคุ้มครองโค่วหลิงซวีเอาไว้ตรงกลาง
โค่วหลิงซวีตาแทบถลน จ้องเหมียวอี้ที่กำลังมองมาทางนี้ด้วยสีหน้าเย็นชา
ตอนนี้เขารู้ได้โดยไม่ต้องอธิบาย ว่านี่คือกับดักของหนิวโหย่วเต๋อ กำลังพลของเถิงเฟยเป็นเพียงเหยื่อล่อ เป้าหมายก็คือรุมเร้าทัพใหญ่ของเขาเอาไว้ ไม่ให้กำลังพลของเขาหนีไป ไม่แปลกใจที่โจมตีฝ่าแนวป้องกันของเถิงเฟยได้ง่ายขนาดนั้น เห็นได้ชัดว่าโดนล่อให้เข้ามาลึกแล้วพัวพันเอาไว้ เสียแรงที่เขาตะโกนว่าทหารกล้า ช่างเป็นเรื่องที่น่าขำที่สุดในโลกจริงๆ!
………………