พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2205 โจมตีเขาหลิงซาน
“ขอรับ!” หยางเจาชิงเอ่ยรับแล้วไปปฏิบัติตาม
ส่วนเหมียวอี้ก็ใช้ตาทิพย์สังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวของกำลังพลสองฝั่งไม่หยุด…
ในหุบผาลึก เหยียนซิววางระฆังดารา แล้วประกาศต่อพวกจินม่านว่า “บุกโจมตีตามแผนเดี๋ยวนี้ เลื่อนเวลาไม่ได้แล้ว!”
เมื่อเขาประกาศเช่นนี้ พวกหั่วเจินจวินที่อยู่ข้างๆ ก็ฮึกเหิมทันที มีคนเริ่มขยับหัวไหล่ยืดเส้นยืดสายแล้ว
ประเดี๋ยวเดียวกำลังพลกลุ่มนี้ก็พุ่งไปทางดาราจักร พุ่งไปยังเขาหลิงซานด้วยความเร็วทั้งหมดที่มี…
เขาหลิงซาน ท่ามกลางขุนเขาด้านหลังวัดต้าเหลยอิน ยอดเขาสีดำลูกหนึ่งดูโดดเด่นเป็นพิเศษท่ามกลางขุนเขา บนยอดเขาเต็มไปด้วยรูเหมือนรวงผึ้ง เป็นรูจำนวนนับไม่ถ้วน ส่วนรอบๆ ภูเขาสีดำก็เป็นป่าเจดีย์จำนวนมาก ในเจดีย์ทุกหลังล้วนมีพระสงฆ์หนึ่งรูปนั่งขัดสมาธิหน้าออกไปหายอดเขาสีดำนอกหน้าต่าง
พระทุกรูปล้วนกำลังนั่งขัดสมาธิ ประนมมือหลับตา พึมพำสวดมนต์ บนยอดเจดีย์ทุกหลังมีไอสีดำลอยออกมาหลายชั้น ลอยไปยังภูเขาสีดำที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลางระหว่างนั้น ยามมองลงไปจากท้องฟ้า ก็จะเหมือนกับมีเส้นด้ายสีดำนับหมื่นนับพันห้อยอยู่ มีพลังอย่างอธิบายไม่ถูก เป็นภาพที่โอ่อ่าอลังการ
ยอดเขาสีดำตั้งตระหง่านอยู่ที่นี่นานมากแล้ว ตั้งแต่วันแรกที่ตั้งตระหง่าอยู่ที่นี่ พระนับแสนรูปที่อยู่ในเจดีย์หนึ่งแสนหลังรอบๆ ก็สับเปลี่ยนกันมาประจำอยู่ที่นี่ เสียงสวดมนต์ดังทั้งวันทั้งคืนปีแล้วปีเล่าโดยไม่หยุดพัก เปลี่ยนเมลว่าเป็นสถานที่แห่งการเคารพเลื่อมใสที่สุดของเขาหลิงซาน
เงาคนกลุ่มหนึ่งเหาะเข้ามาอย่างหนาแน่น จินหลัว ศิษย์เอกของประมุขพุทธะจินหลัวอยู่ข้างหน้า นำลูกศิษย์ในสำนักจำนวนห้าแสนมาด้วยตัวเอง
ลูกศิษย์ห้าแสนนี้กับลูกศิษย์หนึ่งแสนในเจดีย์ก็คือสาเหตุที่ทำให้ในป่าเจดีย์แห่งนี้มีเสียงสวดมนต์ดังไม่หยุดพัก
รวบรวมลูกศิษย์ห้าแสนและนำมาที่นี่ด้วยตัวเอง จะเห็นได้ว่าจินหลัวให้ความสำคัญกับสิ่งนี้ขนาดไหน
“อามิตตาพุทธ!” จินหลัวพนมมือหันหน้าไปทางยอดเขาโดดเดี่ยวสีดำ จากนั้นก็กางแขนสองข้างอย่างช้าๆ ลอยขึ้นมาในท่าโอบกอดฟ้าดิน
ลูกศิษย์ห้าแสนบนป่าเจดีย์กระจายตัวไปรอบๆ ทันที ทยอยกันเหาะลงจากฟ้า แล้วนั่งขัดสมาธิใต้เจดีย์แต่ละหลัง หลับตาประนมมือสวดมนต์
เสียงสวดโอมโอมเริ่มดังเป็นวงกว้างไร้ขอบเขต ทำให้คนรู้สึกถึงการสะเทือนอันลึกลับของฟ้าดิน ถ้าคนธรรมดาบุกเข้ามา เกรงว่าคงหลงทางอยู่ท่ามกลางเสียงสวดมนต์นี้
ป่าเจดีย์หนึ่งแสนหลัง ไอสีดำบนหลังคาของเจดีย์ทุกหลังเปลี่ยนเป็นแข็งแรงใหญ่โต
ในรูจำนวนนับไม่ถ้วนบนยอดเขาโดดเดี่ยวสีดำ เริ่มมีแสงเปล่งออกมาทีละน้อย ค่อยๆ ปรากฏแต่งสีทองอ่อน
ในขณะนี้เอง ศิษย์คนหนึ่งข้างกายจินหลัวรีบรายงานว่า “ท่านพุทธะ ด้านนอกปรากฏกำลังพลจำนวนมาก กำลังสังหารมาทางนี้!”
จินหลัวที่กำลังจ้องความเคลื่อนไหวของยอดเขาสีดำพลันเบิกตากว้าง สายตาเปลี่ยนเป็นเยียบเย็นพร้อมบอกว่า “สกัดไว้ คนที่บุกเข้าเขาหลิงซาน ฆ่าไม่ละเว้น!”
“รับทราบ!” ลูกศิษย์ประนมมือเอ่ยรับ แล้วรีบใช้ระฆังดาราส่งข่าว
ในดาราจักร กองทัพพระนับร้อยล้านโผล่ออกมาจากดาวเคราะห์ที่ตั้งของเขาหลิงซาน พวกเขาจัดกระบวนทัพ ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์นับไม่ถ้วนกำลังตั้งท่ารออยู่แล้ว
ที่นี่คือเขตหวงห้ามของชาวพุทธ เมื่อมีคนบุกเข้ามา ก็ย่อมถูกสังเกตเห็นก่อนที่จะเข้าใกล้ที่นี่ได้
พวกเหยียนซิวที่กำลังเร่งออกมาทางนี้ ขอเพียงไม่ได้ตาบอด ก็ยังมองเห็นว่ามาเพื่อสกัดทัพใหญ่
อวิ๋นอ้าวเทียนตะโกนว่า “ในมืออีกฝ่ายมีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์เยอะขนาดนั้น แต่ในมือพวกเรามีแค่เท่าไหร่เอง? ฝืนโจมตีไม่ได้ รอให้กองหนุนมาก่อนดีกว่า!”
เหยียนซิวกล่าวเสียงเย็นว่า “รอไม่ทันแล้ว ต่อให้แลกด้วยอะไรก็ต้องชิงเจดีย์สยบปีศาจมาให้ได้ นี่คือบัญชาของฝ่าบาท!”
“แน่ใจนะว่าตอนหลังกองหนุนจะมา?” มู่ฝานจวินถาม
“ใกล้แล้ว กำลังจะถึงเดี๋ยวนี้ ผู้ตรวจการขวาหลงซิ่นนำทัพใหญ่สองร้อยล้านมาด้วยตัวเอง” เหยียนซิวตอบ
“ในเมื่อไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อโจมตีอีกฝ่ายให้แพ้ ในเมื่อเป้าหมายหลักของพวกเราคือเจดีย์สยบปีศาจ เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องทำตามลำดับขั้นตอนแล้ว ทัพใหญ่กระจายกันบุก ทุกคนต่างคนต่างบุก กำลังพลนับร้อยล้านเพ่นพ่านไปทั่ว ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ของอีกฝ่ายยิงรวมกันก็ไม่ได้อานุภาพเท่าไหร่หรอก พวกเราสนใจแค่ไปชิงเจดีย์สยบปีศาจก็พอ ค่ายกลใหญ่ส่งให้กองหนุนที่ตามมาข้างหลังจัดการ ทุกคนคิดว่ายังไง?” มู่ฝานจวินถาม
อินเอ้อร์หลางยกนิ้วให้มู่ฝานจวิน “วิธีการของพวกป้าๆ ก็ไม่เลว!”
มู่ฝานจวินสะบัดหน้ามองมาด้วยแววตาโกรธเคืองทันที เหมือนกำลังถามว่า เจ้าเรียกใครว่าพวกป้าๆ?
“ไม่เลว!” คนอื่นพากันพยักหน้าเห็นด้วย
เหยียนซิวมองซ้ายมองขวา ถามความเห็นของทุกคน สำหรับการนำทัพไปออกรบ ประสบการณ์ของเขายังไม่มากพอ และหลายคนที่อยู่ตรงนี้ก็เป็นขุนพลเก่าทั้งนั้น
เห็นเพียงจินม่านพยักหน้าเห็นด้วย “วิธีการก็ไม่เลว แต่ต้องทำให้รวดเร็ว ฉวยโอกาสตอนที่อีกฝ่ายยังไม่รู้ตัว ไม่มีทางจัดทัพใหญ่ได้ทันเวลา พวกเราต้องลงมือกะทันหัน ชักช้าไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นถ้าให้อีกฝ่ายรู้ตัวแล้ว อีกฝ่ายก็จะถอนกำลังกลับมาเฝ้าอยู่ตรงเป้าหมายอย่างเข้มงวดทันที แบบนั้นจะกลายเป็นศึกที่บุกโจมตีลำบาก แบบนั้นก็ยุ่งแล้ว”
“ดี เช่นนั้นก็จัดการตามนี้ ลงมือ!” เหยียนซิวสั่งทันที
ชั่วพริบตานั้น เงาคนขยายออกเป็นชั้นๆ ทัพใหญ่แดนอเวจีนับร้อยล้านปรากฏตัว ตั้งกระบวนทัพใหญ่พุ่งไปยังทัพใหญ่ที่มาขัดขวางตรงหน้าแล้ว
“ฆ่า!” ตามคำสั่งของหกลัทธิ จู่ๆ ทัพใหญ่ก็เสียระเบียบ กองทัพแตกฮือแล้ว กระจายกันพุ่งเข้าไปมั่วๆ เรากับตาข่าย
กำลังพลของสิบปราสาทดำเนินยังไม่ได้เผยตัวออกมาทั้งหมด ลี่หัว เวินหวนเจินรวมทั้งพวกหั่วเจินจวินส่งสายตาให้กันแล้วพยักหน้า จากนั้นก็รวมตัวกันพุ่งไปยังทิศทางเดียว
ผู้บัญชาการกองทัพพระเหาะผ่านฟ้าเข้ามา ตั้งขบวนรบเรียบร้อยแล้ว เป็นหนึ่งในผู้พิทักษ์ของประมุขพุทธะ ชื่อว่าหลานมู่ เตรียมตัวทำศึกใหญ่กับกองทัพฝ่ายศัตรูแล้ว แต่ใครจะคิดว่าจู่ๆ ทัพใหญ่แดนอเวจีจะกระจายกันเพ่นพ่านเป็นทั่วเหมือนปล่อยฝูงแกะ หลานมู่งงเป็นไก่ตาแตกกันที
สองทัพประจัญหน้ากัน ทัพใหญ่เข่นฆ่า ไม่เคยเห็นวิธีการต่อสู้อย่างนี้มาก่อน
ไม่ใช่กระจัดกระจายธรรมดา แต่กระจัดกระจายไปทั่วสี่ด้านแปดทิศ ไม่มีแบ่งแยกลำดับความสำคัญ ทุกที่มีคนเพ่นพ่านไปทั่ว ทยอยกันหลบกำลังหลักของฝั่งนี้ เจ้าไม่รู้เลยว่าจะไปสกัดทางไหนดี
บรรดาแม่ทัพพระที่อยู่ฝั่งซ้ายและขวาก็งงเช่นกัน พากันมองไปที่หลานมู่ เหมือนกำลังถามว่า แล้วจะสู้กันอย่างไร?
หลานมู่รู้ตัวเร็วมาก อีกฝ่ายไม่อยากสู้กับเจ้าเลย เป้าหมายหลักคือพุ่งไปหาเจดีย์สยบปีศาจ ยอมแลกกับทุกอย่างเพื่อสิ่งนี้
“ยิงธนู! ต่างคนต่างหาเป้าหมายแล้วยิงธนู!” หลานมู่คำรามอย่างเกรี้ยวกราด
ปั้งๆๆ! ลำแสงนับไม่ถ้วนกระจัดกระจายไปทุกที่ราวกับเปลวเพลิง
บนสนามรบชุลมุนวุ่นวาย และโหดร้ายที่สุดเช่นกัน
จินม่านที่พุ่งเข้ามาพร้อมเหยียนซิวโบกมือยกโล่ขึ้นมาป้องกัน โล่สะเทือนเสียงดังแกร๊ง จินม่านก็แค่แขนสะเทือนอย่างรุนแรง อาศัยวรยุทธ์ของนาง ลูกธนูที่พุ่งเข้ามาโจมตีดอกเดียวทำให้นางบาดเจ็บไม่ได้แม้แต่น้อย
แต่บางคนที่วรยุทธ์ค่อนข้างต่ำก็สะเทือนจนกระอักเลือดทันที
มีบางคนโชคดี ไม่มีลูกธนูดาวตกยิงไปที่เขาสักดอก และมีคนโชคร้ายเช่นกัน คนเดียวบังเอิญโดนลูกธนูนับร้อยดอกเล็งมา ชีวิตจบสิ้นอยู่ในดาราจักรผืนนี้ตลอดไป
การยิงมั่วโดยไร้จุดหมายอย่างนี้ สกัดกำลังพลที่พุ่งเข้ามาจากสี่ด้านแปดทิศไม่ได้เลย หลานมู่กระโดดโลดเต้นอย่างร้อนรน ชี้ซ้ายชี้ขวา ชี้บนชี้ล่าง ตะโกนโหวกเหวกโวยวายไม่หยุด “สกัดไว้! สกัดไว้…”
ใช้เวลาไม่นาน ทัพใหญ่ที่เข้ามาสกัดขวางก็วุ่นวายเสียระเบียบ โจมตีสกัดทุกด้าน
ไม่เป็นฝ่ายรุกโจมตีคงไม่ได้ อีกฝ่ายไม่เล่นกับเจ้า กระจายตัวกันแล้ว อ้อมหนีเจ้าไป ถ้าเจ้าไม่กระจายตัวกันแล้วเป็นฝ่ายดักไว้ก่อน ฝ่ายศัตรูก็จะหนีไปได้
ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ก็ยังมีคนไม่น้อยที่อ้อมการดักสกัดของทัพใหญ่ ฝ่าชั้นบรรยากาศข้างล่างไปได้แล้ว
เพี้ยะ! หลานมู่เอามือตบหน้าผาก ทำสีหน้าหงุดหงิด แล้วโบกแขนนำกำลังพลส่วนหนึ่งถอยไปข้างหลัง ค่อยไปยังจุดหมายปลายทางที่ฝ่ายศัตรูอาจจะไปถึง
เขาอยากจะเรียกทัพใหญ่ให้ถอยหลังมาทั้งหมด แต่ก็ไม่ทันแล้ว คนของทั้งสองฝ่ายจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังตะลุมบอนอยู่ด้วยกัน ถ้าจะให้ทัพใหญ่ถอนตัวออกจากความวุ่นวายตอนนี้ ก็จะกลายเป็นการไล่ตามสังหารข้างเดียว ถ้าเกิดสถานการณ์ทัพถูกตีพ่ายเหมือนภูเขาพังทลายก็จบเห่แล้ว
ลี่หัวและพวกสิบปราสาทดำเนินห้าวหาญมาก ทั้งหมดล้วนเป็นยอดฝีมือ คนที่มาสกัดพวกเขาไว้ก็โชคร้ายเช่นกัน เพราะสกัดพวกเขาไม่ไหวเลย คนกลุ่มนี้พุ่งตรงไปยังเป้าหมายโดยไร้อุปสรรคขวางกั้น
เหยียนซิวเปลี่ยนลักษณะท่าทางอย่างฉับพลัน ผมหงอกขาวปลิวสะบัด เล็บมือสีเขียวคล้ำทั้งสิบเปลี่ยนเป็นยาวแหลม ทั้งตัวมีปราณผีเยียบเย็นลอยวนเวียน พวกจินม่านที่ติดตามมาด้วยพากันตกใจ สิ่งที่ทำให้พวกจินม่านขนลุกยิ่งกว่านั้นก็คือ ไม่ว่าศัตรูคนไหนที่เข้ามาขวาง ก็ต้านการโจมตีของเงาร่างที่เหมือนผีไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียว กรงเล็บของเหยียนซิวเจาะทำลายเกราะราวกับหั่นเต้าหู้ ไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธเลย สองมือก็คืออาวุธที่เฉียบแหลมไร้ที่เปรียบ
คนกลุ่มหนึ่งสังหารไปทางเขาหลิงซานอย่างรวดเร็ว
ท่ามกลางกลุ่มคนที่รบราฆ่าฟันกันชุลมุน อวิ๋นรั่วซวงที่มีบุคลิกของสตรีออกเรือนแล้วดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ นางกับฉู่หยวนผู้เป็นสามีกำลังตกอยู่ในวงล้อมโจมตีของศัตรูหลายสิบคน ระหว่างทั้งสองยังมีหญิงสาววัยแรกรุ่นผู้เลอโฉมอยู่คนหนึ่ง หน้าตาคล้ายกับอวิ๋นรั่วซวงอยู่หลายส่วน เป็นบุตรสาวของทั้งสองนั่นเอง
พ่อแม่ลูกกำลังดิ้นรนโจมตีฝ่าออกไปอย่างสุดชีวิต ความคิดหลักๆ ของสองสามีภรรยาก็คือปกป้องลูกสาว ทั้งสองไม่อยากให้ลูกสาวมาร่วมรบ แต่ทัพใหญ่แดนอเวจีเทรังออกมาหมด ธรรมเนียมของตระกูลอวิ๋นก็เป็นอย่างนี้ คนที่สามารถออกรบได้ต้องมากันครบ ลูกสาวของพวกเขาก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
เมื่อจินหลัวที่ลอยอยู่บนฟ้าเหนือป่าเจดีย์รู้ว่าการโจมตีสกัดข้างนอกวุ่นวายแล้ว ก็ตะคอกอย่างโมโห “โง่เง่า! ไม่รู้เหรอว่าต้องถอนกำลังกลับมาป้องกันทันที?”
ทว่าในเมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้ว มานึกเสียใจทีหลังก็ไม่มีประโยชน์
เขาเงยหน้ามองเงาคนที่ปรากฏรางๆ บนท้องฟ้า แล้วก็ก้มหน้ามองแสงสีทองที่เริ่มผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ในรูนับไม่ถ้วนบนยอดเขาโดดเดี่ยวสีดำ เมื่อเห็นว่าค่ายกลใหญ่กำลังจะเปิดใช้งาน จะมาล้มเหลวตอนท้ายไม่ได้เด็ดขาด เขาประนมมือสองข้าง แล้วกล่าวเสียงดังว่า “อามิตตาพุทธ! ทุกสิ่งล้วนเป็นสังขตธรรม ดุจภาพฝันมายา ดุจน้ำค้างดุจสายฟ้า ควรพินิจเช่นนี้ ปิดประสาทสัมผัสทั้งหก เฉกเช่นพระอจละ!”
ลูกศิษย์หกแสนที่ป่าเจดีย์ด้านล่างพลิกฝ่ามือสองข้าง ร่ายอิทธิฤทธิ์ปิดประสาทสัมผัสทั้งหกของตัวเอง ไม่รับผลกระทบจากสิ่งภายนอกอีก สวดมนต์ด้วยความเลื่อมใส
เวลานี้ต่อให้ฟ้าร้องครืนๆ หรือมีสายฟ้าฟาดลงมาก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขาแล้ว
บนท้องฟ้า คนกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามาสังหาร โจมตีมาตลอดทาง คนหนึ่งแสนกว่าของสิบปราสาทดำเนินปรากฏตัวทั้งหมด หลานมู่นำกำลังพลหนึ่งล้านมาสกัดอย่างสุดชีวิต ทว่าคนจำนวนหนึ่งแสนกว่าของสิบปราสาทดำเนินมีพลังแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ กอปรกับอีกฝ่ายยอมแลกทุกอย่างเพื่อบุกลงมา กำลังพลหนึ่งล้านที่เขานำมาจึงยากจะต้านไหว
เมื่อเห็นแสงสีทองที่ผลุบโผล่จากรูนับไม่ถ้วนในยอดเขาโดดเดี่ยวสีดำสว่างโชติช่วงขึ้นเรื่อยๆ อู๋ฉาง หั่วเจินจวินและอินเอ้อร์หลางที่พุ่งเข้ามาก็เผยสีหน้าร้อนรน ทันใดนั้นก็ร่วมมือกันพุ่งฝ่าวงล้อม ทั้งสามร่วมมือกันพุ่งลงมาข้างล่างอย่างสุดชีวิต
จินหลัวพลันเงยหน้ามองบนท้องฟ้า ประนมมือแล้วสะบัดแขนเสื้อไปด้านหลัง บนตัวมีเงามายาลอยสูงขึ้นมาเป็นพรวน ชั่วพริบตาเดียวก็พุ่งไประหว่างสามคนนั้น เงาฝ่ามือที่หมุนรอบตัวถล่มไปทั้งสี่ด้านแปดทิศ
ปีศาจเฒ่าทั้งสามร่วมมือกันล้อมโจมตี แต่กลับโดนเงาฝ่ามือที่ถล่มเข้ามาจนกระอักเลือด ทั้งสามเงยหน้าพ่นเลือดสดออกมาอย่างบ้าคลั่ง พร้อมทั้งกระเด็นออกไปเพราะแรงสะเทือน
เงาคนคนหนึ่งบนฟ้าเหาะเข้ามาราวกับเทพธิดา ลี่หัวพุ่งลงมาข้างล่างราวกับดาวตก นางชี้นิ้วลงมาพร้อมเสียงแหลม แสงสีเงินสายหนึ่งตรงปลายนิ้วยิงตรงลงมาหาจินหลัวที่อยู่ด้านล่าง
จินหลัวที่หมุนวนอยู่บนท้องฟ้าตบฝ่ามือ นอกร่างกายก็มีเงามายาที่เหมือนรอยแยกมิติครอบหนึ่งชั้น แสงสีเงินที่ยิงลงมาจมหายไปในนั้น ทำอะไรจินหลัวไม่ได้แม้แต่น้อย
…………………