พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2218 ภายในวุ่นวาย
มังกรยักษ์หลายตัวที่ลากโซ่เข้ามารวมกับฝูงมังกรและหงส์อย่างรวดเร็ว
มังกรและหงส์ที่รวมฝูงกันพลันพลันก่อความวุ่นวาย พุ่งชนตัดเข้ามาในค่ายทัพฝั่งนี้ราวกับลมพัดเมฆกระเจิง มังกรและหงส์พ่นไฟและน้ำแข็งออกมา ทำลายล้างอย่างกําเริบเสิบสาน สร้างความปั่นป่วนเป็นแถบๆ
กำลังพลของชิงและพุทธะที่รับมือไม่ทันได้แต่โจมตีกลับอย่างฉุกละหุก ดาบทวนกระบี่ง้าวฟันไปบนเกล็ดย้อนอันทนทานบนตัวมังกรยักษ์จนเกิดประกายไฟ ทิ้งรอยลึกเอาไว้หลายรอย แต่กลับโจมตีให้แตกออกได้ยาก เข้ามังกรสามารถต้านทานได้อย่างน่าทึ่ง
พอเหยียนซู่ที่คุมอยู่ในทัพกลางเห็นมังกรและหงส์ในค่ายทัพของอีกฝ่ายก่อกบฏ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกฮึกเหิม รู้ว่าการสนับสนุนที่สำคัญจากเหมียวอี้ปรากฏออกมาแล้ว
พอเงยหน้ามองมังกรดำและหงส์รุ้งสองตัวที่บินวนอยู่ด้านบนอีกครั้ง ในใจเหยียนซู่ก็แอบทึ่ง มีโหงวเฮ้งของราชันจริงๆ ด้วย แม้แต่เผ่ามังกรและหงส์ก็ยังสามารถควบคุมได้
เมื่อเห็นว่ามังกรและหงส์กำลังก่อกวนอยู่กลางทัพใหญ่ของตน แต่ค่ายทัพไปตัวเองก็ดันไม่สะดวกจะตั้งค่ายธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์โจมตี ประมุขชิงที่หลบหางมังกรได้หนึ่งครั้ง ตอนนี้สีหน้าครึ้มเหมือนพยับเมฆ เขาขยุ้มมือ กระบี่ใหญ่สีดำขลับปรากฏอยู่ในมือแล้ว ตัวกระบี่ใหญ่โตจนดูก้าวร้าว เป็นกระบี่ผลึกพิเศษที่พบเห็นได้น้อยมาก ไม่แปลกใจที่ประทานกระบี่เก้าเตาให้หวังติ้งเฉาได้ เพราะมีอาวุธใหม่ที่คมกว่ามาแทนที่แล้วนี่เอง
พอกระบี่มาอยู่ในมือ ประมุขชิงก็พลันถลันตัวออกมา มังกรยักษ์ตัวหนึ่งที่พุ่งชนเข้ามาถูกเขาคว้าเขามังกรเอาไว้แล้วกดจนหัวเบี่ยงทิศทาง มังกรยักษ์สะบัดหางฟาดเข้ามา ประมุขชิงโบกกระบี่ขึ้นมาพร้อมเงามายา ฟันหางมังกรที่ฟาดเข้ามาจนขาดภายในครั้งเดียว แล้วก็โบกกระบี่ฟันลงข้างล่างอีก กระบี่ตัดหัวมังกรใหญ่ขาดลงมาทั้งเป็นๆ แล้ว
มังกรยักษ์ที่แข็งแกร่งเหนียวแน่นจนอาวุธฟันแทงไม่เข้า ไม่น่าเชื่อว่าจะต้านทานกระบี่วิเศษของประมุขชิงไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียว โดนฟันจนเลือดสาดเป็นน้ำฝน
ประมุขชิงที่โจมตีสำเร็จไปหนึ่งครั้งถลันตัวออกมา โบกกระบี่ฟันอีกครั้ง ฝนเลือดสดระเบิดออกมาเป็นสาย “กรรรร!” มังกรยักษ์ตัวหนึ่งเปล่งเสียงร้อง อันเศร้าสลดน่าตกใจ โดนกระบี่ฟันขาดสองท่อนคาที่
ประมุขพุทธะก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน ดาบพระเล่มใหญ่สีดำขลับปรากฏอยู่ในมือ เงาร่างถลันวูบต่อเนื่องกัน ฟันมังกรฆ่าหงส์
ชิงและพุทธะลงมือด้วยตัวเอง ต้องการจะใช้กำลังอันแข็งแกร่งของตัวเองกำราบความโกลาหลภายในให้สงบโดยทันที
อู๋ฉวี่ที่ถือดาบตัดม้าใบหน้านิ่งเกร็ง ตัวอยู่ในการคุ้มครองของทัพกลาง กำลังบัญชาการทัพใหญ่ออกทำศึก
มังกรดำและหงส์รุ้งสองตัวที่บินวนกลายร่างเป็นคนแล้ว กลับมาอยู่ข้างกายเหยียนซู่เหมือนเดิม เฮยทั่นร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนว่า “ซ่างกวนชิง ถ้าไม่เคลื่อนไหวตอนนี้ แล้วจะรอถึงเมื่อไหร่?”
ซ่างกวนชิง? เหยียนซู่หันกลับมามองเฮยทั่นอย่างงงงวย อย่าบอกนะว่าผู้การใหญ่ซ่างกวนชิงก็เป็นคนของพวกเราด้วย?
เสียงตะโกนนี้ทำให้แม้แต่เหยียนซู่ก็ยังต้องปาดเหงื่อแทนประมุขชิง ถึงขั้นทำให้ขวัญกำลังใจทหารของชิงและพุทธะปั่นป่วนแล้ว แม้แต่จังหวะการโจมตีก็เริ่มเสียระเบียบนิดหน่อย
ชิงและพุทธะ ซือหม่าเวิ่นเทียนและพวกอู๋ฉวี่หันขวับไปมองซ่างกวนชิงพร้อมกัน
หมายความว่าอะไร? แม้แต่ซ่างกวนชิงเองก็ยังงง
ทว่าต่อให้เขางงก็ไม่มีประโยชน์ ประเด็นก็คือลูกน้องของเขาไม่งง องครักษ์เงาหลายร้อยที่คุ้มกันอยู่ในทัพกลางพลันเผยดาบใหญ่สีเลือดพร้อมกัน แล้วรวมตัวกันพุ่งไปหาอู๋ฉวี่ในศูนย์บัญชาการ เงาดาบที่บ้าระห่ำระเบิดพลังทำลายล้างออกมา โจมตีการป้องกันของศูนย์กลาง มุ่งตรงไปที่อู๋ฉวี่
ซ่างกวนชิงตระหนกจนตับไตแทบจะเด้งออกมา เขายังไม่ทันรู้ตัวว่าอะไรเป็นอะไร ก็มีเงาคนคนหนึ่งแฉลบผ่านมาตรงหน้าแล้ว พอโบกดาบขึ้นก็ฟันทันที เป็นประมุขชิงที่กำลังมีสีหน้าเดือดแค้นสุดขีด
การเคลื่อนไหวของประมุขชิงเร็วเกินไป ซ่างกวนชิงไม่มีแม้แต่โอกาสจะอธิบาย ถึงขั้นคิดไม่ทันด้วยซ้ำว่าจะอธิบายอย่างไร ได้แต่โบกกระบี่ขึ้นมาต้านโดยสัญชาตญาณ
“โจรกบฏ!” ในเสียงคำรามของประมุขชิงเผยความเคียดแค้นปนเศร้าสลดไร้ที่เปรียบ นึกไม่ถึงว่าคนสนิทที่อยู่ข้างกายตัวเองมาตลอดจะเป็นคนทรยศ แค่คิดก็รู้แล้วว่าในใจโกรธเคืองแค่ไหน ความโกลาหลอันต่อเนื่องภายในวังสวรรค์นี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าคนทรยศคนนี้แสดงบทบาทไปมากเท่าไหร่
กระบี่แห่งความโกรธแค้นของเขานี้ เรียกได้ว่าฟันออกมาเต็มแรง
แกร๊ง! กระบี่วิเศษในมือซ่างกวนชิงขาดเป็นท่อน เป็นเพราะกระบี่วิเศษของประมุขชิงแหลมคมเกินไป ทั้งตัวถูกกระบี่ที่ฟันต่อเนื่องไม่พักตัดขาดเป็นสองท่อน ฟันเฉียงตั้งแต่ไหล่ซ้ายลงมาข้างเอว ท่ามกลางน้ำเลือดที่สาดกระจาย ซ่างกวนชิงที่ตัวขาดสองท่อนเบิกตาโพลง มีทั้งความหวาดกลัวและความเหลือเชื่อ
ศูนย์บัญชาการที่ถูกองครักษ์เงาโจมตีวุ่นวายใหญ่โต ถึงแม้อู๋ฉวี่จะต้านการโจมตีหมู่จากองครักษ์เงามากขนาดนั้นไม่ไหว แต่คนเหล่านั้นก็ต้องถอยออกไปเพราะมีทหารจำนวนมากคุ้มครองอย่างสุดชีวิต
ประมุขพุทธะพุ่งเข้ามาเปิดฉากสังหารองครักษ์เงาที่กำลังโจมตีแล้ว
ความโกรธแค้นในหัวใจประมุขชิงนั้นยากจะบรรยายออกมาได้ ตอนนี้เขาแทบจะมั่นใจได้เลย ว่าซ่างกวนชิงเป็นคนปล่อยข่าวให้เหมียวอี้รู้ว่าโพ่จวินกับจ้านหรูอี้หนีออกไปก่อน เขาโบกกระบี่ฟันอย่างโมโห แม้จะสับร่างของซ่างกวนชิงจนเละเทะ แต่ก็ยังระบายความโกรธแค้นในหัวใจไม่หมด
ฉากนี้ทำให้ซือหม่าเวิ่นเทียนเสียวสันหลังวาบ ซ่างกวนชิงที่รับใช้เหมือนวัวเหมือนม้ามาหลายปี ไม่น่าเชื่อว่าจะมีจุดจบอย่างนี้ อย่าบอกนะว่าเกาก้วนถูกกดดันและทำร้ายจริงๆ?
ฉากที่กำลังพลตำหนักสวรรค์เกิดความปั่นป่วนภายในใหญ่โต ภาพเหตุการณ์ที่ประมุขชิงใช้กระบี่ฟันซ่างกวนชิงอย่างเกรี้ยวกราด ทำให้เหยียนซู่ตกตะลึงอ้าปากค้างนิดอยู่บ้าง แม้แต่เขาเองก็ยังทำใจเชื่อได้ยาก ไม่น่าเชื่อว่าข้างกายประมุขชิงจะเหลวแหลกถึงขั้นนี้? ไม่แปลกใจที่หนิวโหย่วเต๋อมีความมั่นใจไปท้ารบ!
“กรรร!” เฮยทั่นกับเทพสตรีทั้งสองร้องเสียงแหลมอีกครั้ง
องครักษ์เงาที่จู่โจมไม่สำเร็จรีบรวมตัวกันอพยพหนี พุ่งฝ่าการปิดล้อมของทัพใหญ่ออกไปภายใต้การคุ้มครองอันเหนียวแน่นของเผ่ามังกรและหงส์ หนีไปยังจุดลึกในดาราจักร
เป็นเพราะอานุภาพการพุ่งชนของเผ่ามังกรโหดเกินไป ภายในต้านไม่อยู่เลย ทำได้เพียงปล่อยให้อีกฝ่ายฝ่าออกไป ลูกธนูดาวตกที่ยิงตามไปอย่างฉุกละหุกก็แสดงประโยชน์ไม่ได้มากนัก ไม่ได้สร้างภัยคุกคามต่อองครักษ์เงากับมังกรและหงส์ที่หลบหนีไปได้มากนัก
ประมุขชิงโบกกระบี่ชี้ไป ต้องการจะสั่งทัพใหญ่ให้ไล่สังหาร แต่กลับถูกประมุขพุทธะคว้าข้อมือเอาไว้ บอกใบ้เขาว่าอย่าวู่วาม เป้าหมายหลักตอนนี้ไม่ใช่การไล่สังหารคนทรยศพวกนี้ แต่เป็นการโจมตีฝ่ากำลังกับก่วงลิ่งกง จะปล่อยให้แผนชั่วของหนิวโหย่วเต๋อสำเร็จไม่ได้ การกระจายกำลังทหารตอนนี้ไม่ใช่การกระทำที่ชาญฉลาดเลยจริงๆ
เหยียนซู่เอียงหน้ามามองข้างกายอีกครั้ง เห็นเพียงเทพสตรีผู้พิทักษ์ทั้งสองกางแขนสองข้างโอบกอดดาราจักร ในกำไลเก็บสมบัติบนข้อมือที่ขาวดุจหยกมีอัคคีน้ำแข็งสว่างวิบวับพ่นออกมาไม่หยุด อัคคีน้ำแข็งพุ่งขึ้นฟ้าราวกับมังกรเพลิง พุ่งไปทางดาราจักรและกระจายกลายเป็นหงส์อัคคีน้ำแข็งตัวแล้วตัวเล่า กระพือปีกบินร่อนไปทางทัพใหญ่ของชิงและพุทธะ
“ยิงธนู!”
ฝนลูกธนูดาวตกในทัพใหญ่ของชิงและพุทธะแบ่งกันยิงสกัด ทว่าหงส์อัคคีน้ำแข็งเหล่านั้นไม่ใช่ร่างจริง ลูกธนูทำได้เพียงลดความเร็วในการบุกเข้ามาของหงส์อัคคีน้ำแข็งเท่านั้น ทำให้ร่างของหงส์อัคคีน้ำแข็งสั่นไหวเหมือนระลอกคลื่นอยู่พักหนึ่ง แต่กลับไม่สามารถต้านทานการรุกล้ำเข้ามาของพวกมันได้ ต่อให้หงส์อัคคีน้ำแข็งถูกโจมตีแตกแล้ว แต่ก็รวมกลุ่มกันขึ้นมาได้อีกครั้งอยู่ดี
หงส์อัคคีน้ำแข็งจำนวนมหาศาลบุกเข้ามาในทัพใหญ่ของชิงและพุทธะ พ่นอัคคีน้ำแข็งออกมามาสายแล้วสายเล่า บินโฉบอยู่ในทัพใหญ่อย่างกําเริบเสิบสาน เผาจนเสียงร้องโอดครวญดังอย่างต่อเนื่อง
แต่การโจมตีหงส์อัคคีน้ำแข็งที่ไม่ใช่ร่างจริงพวกนี้อย่างบ้าระห่ำ ก็ไม่ได้ผลอะไรทั้งนั้น
ทัพใหญ่ของชิงและพุทธะเกิดความวุ่นวายภายในเรื่องแล้วเรื่องเล่าจริงๆ ไม่จบไม่สิ้นเสียที ประมุขชิงโมโหจนตาแทบถลน ประมุขพุทธะเริ่มหัวตากระตุกแล้ว
“ใช้ของวิเศษดูดเก็บ!” ประมุขพุทธะพลันตะโกนสั่ง
และสำหรับทัพใหญ่ของเหยียนซู่ที่มาสกัดไว้ ความหวาดหวั่นในใจเริ่มสงบลงทีละน้อยแล้ว เห็นภายในทัพฝ่ายศัตรูชุลมุนไม่หยุด ขวัญกำลังใจทหารของทั้งสองฝ่ายเพิ่มลดสวนทางกัน แม้แต่ทัพใหญ่ของชิงและพุทธะเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนหลังจะเกิดความวุ่นวายอะไรอีก ป้องกันไม่ชนะเลยจริงๆ!
เผ่ามังกรและหงส์กลับองครักษ์เงาที่หลบหนีเหาะอ้อมดาราจักรรอบหนึ่ง ด้วยการสนับสนุนของเฮยทั่น พวกเขากลับมาอยู่ฝั่งเหยียนซู่แล้ว มาเป็นทหารคุ้มกันในทัพกลางอันแข็งแกร่งให้เหยียนซู่
และในตอนนี้อวี้หลัวช่ากับทหารกบฏกองทัพองครักษ์ที่หนีไปก็อ้อมกลับมาแล้ว กลับเข้ามาร่วมคุ้มกันทัพกลางของเหยียนซู่
อวี้หลัวช่านำกำลังพลของตัวเองมาสองร้อยล้าน ทั้งหมดมาสนับสนุนอยู่ฝั่งเหยียนซู่
ส่วนแม่ทัพกองทัพองครักษ์ที่ก่อกบฏพวกนั้นกลับไม่มีทางนำกองทัพองครักษ์ร้อยล้านกว่าออกมาสนับสนุนเหยียนซู่ได้ กำลังพลกองทัพองครักษ์ที่ถูกแม่ทัพพวกนี้พามายังคงอยู่ในกระเป๋าสัตว์และถูกระงับใช้ระฆังดารา ไม่มีทางรู้เลยว่าข้างนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้น ถ้าให้พวกเขาเข้าใจจริงๆ ว่าข้างนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้น แล้วพวกเขาจะยังสนับสนุนฝั่งนี้อยู่หรือเปล่า
แต่แม่ทัพกองทัพองครักษ์ที่ก่อกบฏพวกนี้กลับเก็บยึดธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ของกำลังพลกองทัพองครักษ์ในกระเป๋าสัตว์เอาไว้ทั้งหมดแล้ว ได้ประมาณร้อยล้านกว่าคัน
ทั้งยังมีแม่ทัพของกองทัพพระที่ทรยศด้วย ไม่วางใจที่จะปล่อยกองทัพพระร้อยล้านกว่าที่พามาด้วยออกมาใช้งาน เพียงแต่เก็บยึดธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ร้อยล้านกว่าคันไว้แล้วเหมือนกัน
เดิมทีกองทัพพระพวกนี้ใช่ว่าทุกคนจะมีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หมด แต่กักตุนไว้ในมือประมุขพุทธะจำนวนไม่น้อย ก่อนเปิดฉากต่อสู้ถึงได้แจกให้กำลังพลเบื้องล่าง เมื่อศึกนี้จบแล้วก็ต้องส่งคืนขึ้นไปอีก สถานการณ์ทางฝั่งแดนสุขาวดีมีจุดแตกต่างกับกับฝั่งตำหนักสวรรค์ที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ต้องควบคุม
ทัพกบฏของชิงและพุทธะส่งมอบธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์เกือบสามร้อยล้านคันให้เหยียนซู่ เหยียนซู่ดีใจมาก สั่งให้คนแจกจ่ายลงไปทันที
บวกกับมีกองทัพพระสองร้อยล้านของอวี้หลัวช่าที่มีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ทั้งหมดคอยช่วยเหลือ เหยียนซู่ตื่นเต้นฮึกเหิมมากจริงๆ นอกจากกำลังฝ่ายตัวเองจะเพิ่มสวนทางกับกำลังฝ่ายศัตรูที่ลดลงแล้ว ก็มีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์มาโจมตีสกัดเพิ่มขึ้นเยอะขนาดนี้อีก ทำให้เขามีความมั่นใจต่อภารกิจโจมตีสกัดที่เหมียวอี้มอบหมายให้มากขึ้นแล้ว
มารอบนี้เหมียวอี้ให้การสนับสนุนเขาเป็นธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์สามร้อยล้านคัน กำลังพลหนึ่งพันล้านพร้อมธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์สามร้อยล้านคันนับว่าเป็นสัดส่วนที่สูงจริงๆ บวกกับธนูที่ได้จากทัพกบฏอีกสามร้อยล้านคัน ทั้งยังมีจากลูกน้องของอวี้หลัวช่าอีกสองร้อยล้านคัน ฝั่งนี้มีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ติดตัวแล้วแปดร้อยล้านคัน เหยียนซู่ย่อมมีความมั่นใจแล้ว
ทัพใหญ่ของชิงและพุทธะเหมือนจะหาวิธีรับมือกับหงส์อัคคีน้ำแข็งได้แล้ว นำของวิเศษที่สามารถดูดเก็บได้ออกมาไม่หยุด ดูดเก็บหงส์อัคคีน้ำแข็งพวกนั้นเข้ามาในของวิเศษแล้ว
อานุภาพการโจมตีของหงส์อัคคีน้ำแข็ง ที่จริงก็ไม่ได้มากมายเท่าไหร่ แต่ประเด็นก็คืออัคคีน้ำแข็งที่พ่นออกมาไม่จบไม่สิ้น แต่กลับไร้ความสามารถที่ต้านทานของวิเศษที่ดูดกลืนได้
เมื่อเห็นสถานการณ์อย่างนี้ เหยียนซู่ก็ออกคำสั่งต่อเทพสตรีทันที ให้เก็บหงส์อัคคีน้ำแข็งกลับมา ให้หงส์อัคคีน้ำแข็งถอนกำลังกลับมาอยู่เป็นกองหน้าของค่ายทัพฝ่ายตัวเอง ใช้สกัดศัตรู จะใช้สิ้นเปลืองไปกับการก่อกวนที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ไม่ได้
หงส์อัคคีน้ำแข็งที่เสียหายไปแล้วสองสามร้อยตัวรีบถอนกำลังกลับมา กลับมาเตรียมตัวอยู่หลังกองหน้าตามคำสั่งของเหยียนซู่
ทัพใหญ่ของชิงและพุทธะโจมตีอย่างดุเดือด กระบวนทัพรูปลิ่มที่เหมือนมังกรนับไม่ถ้วนยกโล่พุ่งรับกับฝนลูกธนูอย่างบ้าระห่ำ
เผชิญหน้ากับการรุกโจมตีที่แข็งกร้าวขนาดนี้ ถึงแม้ฝั่งนี้จะมีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์จำนวนมากแล้ว แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่เคยใช้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์มาก่อน กอปรกับของพึ่งมาถึงมือ ไม่มีเวลาได้ปรับตัวด้วยซ้ำ ไม่ชำนาญการร่วมมือกันโจมตีหมู่ด้วยธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ แทบจะถูกทัพฝ่ายศัตรูตีแนวป้องกันแตกหลายครั้งแล้ว
โชคดีที่เหยียนซู่เตรียมตัวไว้แต่เนิ่นๆ เมื่อเผชิญหน้ากับกระบวนทัพรูปลิ่มที่เกือบตีฝ่าแนวป้องกันมาได้ หงส์อัคคีน้ำแข็งก็ออกไปรับหน้าโจมตีทันที กรอกอัคคีน้ำแข็งเข้าไปในกระบวนทัพรูปลิ่มของฝ่ายตรงข้าม ภายใต้ความร่วมมือของธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์จำนวนมาก โจมตีกระบวนทัพรูปลิ่มที่บุกเข้ามาจนแตกพังซ้ำแล้วซ้ำอีก เฝ้าพิทักษ์แนวป้องกันเอาไว้อย่างแนบแน่น ไม่ให้ทัพฝ่ายศัตรูโจมตีเข้ามา
เมื่อเห็นสถานการณ์ดังนี้ ชิงและพุทธะก็สบตากันแวบหนึ่ง พยักหน้าให้กัน ต่างคนต่างเรียกกำลังพลหนึ่งร้อยล้านเก็บเข้ากระเป๋าสัตว์แล้ว
เห็นเพียงสองคนนี้สังหารออกมาจากขบวนรบด้วยตัวเอง ทั้งคู่ล้วนฉายเดี่ยว พุ่งไปข้างหน้ารับกับฝนลูกธนู
คนหนึ่งมีไอสีเขียวหมุนรอบกายด้วยความเร็วสูง ปัดลำแสงที่ยิงเข้ามาจนปลิวออกไป อีกคนมีรอยแยกมิติอยู่รอบกาย ลำแสงที่ยิงเข้ามาจมหายเข้าไปในนั้นแล้ว
แม้พลังอิทธิฤทธิ์ของทั้งสองจะล้ำเลิศ แต่ก็ไม่กล้าดันทุรังต้านการโจมตีหมู่จากลูกธนูดาวตกที่มีจำนวนมหาศาลเกินไป ในขณะที่ตั้งสองฝ่ามาตลอดทาง ก็ถลันหลบฝูงลำแสงที่ยิงเข้ามาอย่างรวดเร็ว พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้โดนฝนลูกธนูโจมตีมากเกินไป
ผ่านไปครู่เดียว ทั้งสองก็ต่างคนต่างสังหารเข้าไปถึงแนวหน้าทัพของเหยียนซู่ ราวกับหินก้อนหนึ่งที่กระแทกกำแพงเมือง โบกอาวุธโจมตีฝ่าแนวป้องกันอย่างบ้าคลั่ง ตรงจุดไหนที่คนสังหารไปถึง ตรงนั้นก็พินาศย่อยยับ ไม่มีใครต้านไหว ทั้งสองกวาดล้างจนเกิดช่องโหว่อย่างรวดเร็ว จากนั้นทยอยปล่อยกำลังพลออกมา
…………………………