พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2228 อย่าทำให้ฝ่าบาทลำบากใจ
“บีบจนพวกเขาไม่มีทางรอดชีวิต พวกเขาจะต้องสู้ตายเพื่อเอาชีวิตรอดแน่นอน ทำให้ฝั่งพวกเราเสียหายไม่น้อยอยู่ดี ในเมื่อชิงและพุทธะสิ้นแล้ว ก็ไม่จำเป็นแล้ว ข้าจะโน้มน้าวฝ่าบาทสักหน่อย”
เฉิงไท่เจ๋อพูดทิ้งท้าย เตรียมจะไปพูดต่อหน้าเหมียวอี้ แต่ใครจะคิดว่าหยางชิ่งจะกล่าวว่า “ท่านอ๋องเฉิง อย่าเกลี้ยกล่อมจะดีกว่า”
“ท่านบุรุษหยางมีความเห็นอันสูงส่งอะไรหรือ?” เฉิงไท่เจ๋อหันกลับมาถาม
“ถ้าไม่เกลี้ยกล่อม ก็แค่ทำให้คนพวกนี้ตาย แต่ถ้าเกลี้ยกล่อม เกรงว่าคนที่ฝ่าบาทต้องการจะสังหารคงไม่ได้มีแค่นั้น!” หยางชิ่งกล่าวเสียงเรียบ สายตาชำเลืองเฉิงไท่เจ๋อ กล่าวเสริมอีกว่า “หลังจากศึกนี้แล้ว ฝ่าบาทก็จะเป็นประมุขของใต้หล้าอย่างแท้จริง!”
เมื่อกล่าวเช่นนี้ เฉิงไท่เจ๋อก็ตกใจตื่นทันที แทบจะเหงื่อชุ่มเต็มหลัง เพิ่งรู้ว่าตัวเองเกือบชนเข้ากับคมดาบแล้ว
เถิงเฟย หวงฮ่าว ลั่วหม่าง และพวกกูอวี้เฉิงทำสีหน้าแตกต่างกันไป สีหน้าหนักใจเล็กน้อย ทุกคนล้วนเงียบงัน เข้าใจความหมายในคำพูดหยางชิ่งแล้ว
หลังจากจบศึกนี้ หนิวโหย่วเต๋อก็จะเก็บรวมอำนาจทางทหารทั้งใต้หล้า ไม่ยอมให้เกิดรูปแบบการคานอำนาจของสี่ทัพอีก ไม่มีทางปล่อยให้ใครหน้าไหว้หลังหลอก ท้าทายอำนาจบารมีของตำหนักสวรรค์อีก ศึกใหญ่กำลังจะจบแล้ว การสังหารคนพวกนี้ก็เพื่อสร้างบารมี ให้ทุกคนได้เป็นพยานว่าอำนาจในการสังหารอยู่ในมือใคร!
และคนที่ห้ามก็คือคนที่ท้าทายหนิวโหย่วเต๋อ จะมีผลอะไรตามมาเกรงว่าเดาได้ไม่ยาก เอาเป็นว่าผลที่ตามมาต้องไม่ดีแน่นอน ต้องทราบไว้ว่าบนสนามรบ ไม่จำเป็นต้องมีข้อห้ามอื่นใดทั้งนั้น แค่ ‘ฝ่าฝืนคำสั่งทางทหาร’ ประโยคเดียวก็เพียงพอที่จะประทานผลลัพธ์ที่พังพินาศย่อยยับแล้ว!
ท่านอ๋องและจอมพลที่ต้องมอบอำนาจทางทหารให้ ในใจรู้สึกหนักหน่วงเป็นพิเศษ นึกถึงคำสัญญาที่หนิวโหย่วเต๋อให้กับพวกเขาไว้ตอนที่เกลี้ยกล่อมให้ยอมสวามิภักดิ์ ตอนนี้พวกเขามอบอำนาจทางทหารให้แล้ว ทั้งยังถูกควบคุมอยู่ในทัพกลางของหนิวโหย่วเต๋ออีก ไม่แน่ว่าหนิวโหย่วเต๋อทำอย่างนี้เพราะอาจจะรอให้พวกเขาไปเกลี้ยกล่อมก็ได้ ในมือกำลังถือข้อหา ‘ฝ่าฝืนคำสั่งทางทหาร’ ไม่รู้ว่าควรจะไปใช้กับใครดี ถามหน่อยว่าหลังจากเฉิงไท่เจ๋อเข้าใจจุดนี้แล้ว จะไม่เหงื่อแตกด้วยความกลัวได้อย่างไร
คำสัญญาที่จะแต่งตั้งให้เป็นอ๋อง หนิวโหย่วเต๋อจะเบี้ยวสัญญาหรือเปล่า พวกเขาก็ไม่รู้ แต่อย่างน้อยพวกเขาเองก็ไม่กล้าเอ่ยถึงเรื่องนี้อีกแล้ว
พอนึกถึงตรงนี้ ก็มีคนอดไม่ได้ที่จะนึกถึงในปีนั้นที่ประมุขชิงให้สัญญากับพวกสี่อ๋องสวรรค์ไว้ บอกไว้แล้วว่าจะแบ่งใต้หล้าให้ แต่สุดท้ายประมุขชิงก็ฉีกสัญญาทิ้ง ฆ่าคนไปแล้วไม่น้อย เปลี่ยนให้คนกลุ่มนี้เป็นขุนนางของตัวเอง พอมานึกถึงตรงนี้ หนิวโหย่วเต๋อกับประมุขชิงมีอะไรแตกต่างกัน?
ที่โหดร้ายยิ่งกว่านั้นก็คือ ในปีนั้นสี่อ๋องสวรรค์ยังกุมอำนาจทางทหารเอาไว้ไม่ปล่อย แต่พวกเขากลับถูกสถานการณ์บีบบังคับให้ส่งมอบอำนาจทางทหารให้ แล้วตัวเองก็อยู่ในการควบคุมด้วย เมื่อเทียบกับประมุขชิงแล้ว หนิวโหย่วเต๋อกลับกุมอำนาจทางทหารทั้งใต้หล้าเอาไว้ในมือมากกว่า สิ่งที่แตกต่างก็คือ ในปีนั้นสี่อ๋องสวรรค์กับพวกประมุขชิงร่วมมือกัน แต่พวกเขากลับสวามิภักดิ์ต่อหนิวโหย่วเต๋อ แม้แต่คนในครอบครัวก็เป็นตัวประกันอยู่ในมือหนิวโหย่วเต๋อแล้ว
การเข่นฆ่าอันดุเดือดยังคงดำเนินต่อไป
บนสนามรบอีกแห่งหนึ่ง การเข่นฆ่ายังคงดำเนินต่อไปเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเหยียนซู่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องพ่ายแพ้ กำลังพลหนึ่งพันล้านเหลืออยู่ไม่ถึงร้อยล้าน กำลังต้านการล้อมโจมตีจากกำลังพลหกร้อยล้านที่นำโดยอู๋ฉวี่
เหยียนซู่ยังคงดันทุรังต้านไว้ รอให้กองหนุนตามมาอย่างยากลำบาก รู้เช่นกันว่ากองหนุนใกล้จะมาถึงแล้ว
“จอมพลเหยียน ฝ่าบาทได้รับชัยชนะยิ่งใหญ่ ชิงและพุทธะถูกฝ่าบาทประหารแล้ว กำลังพลของพวกเขากำลังจะถูกกำจัด!” เฮยทั่นที่เก็บระฆังดารารายงานสถานการณ์บนสนามรบอีกฝั่งอย่างดีใจ
“ดี!” เหยียนซู่ฮึกเหิมมีชีวิตชีวา ทั้งฝั่งซ้ายฝั่งขวาล้วนรายงานข่าวดี ในใต้หล้านี้ดอกไม้จะโปรยใส่บ้านใครก็ไม่ต้องพูดมากแล้ว แม่ทัพที่ติดตามออกรบด้วยอย่างพวกเขาก็ย่อมได้ผลประโยชน์ด้วยอยู่แล้ว
อู๋ฉวี่ที่ตัวอยู่ทัพกลางกลับกุมระฆังดารา ในมือสั่นเทิ้ม น้ำตารื้นตรงหางตา พึมพำว่า “ฝ่าบาท!”
เขาได้รับรายงานจากกองทัพองครักษ์ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง กำลังพลไม่กี่ร้อยล้านที่เหลืออยู่ทางฝั่งนั้นกำลังถูกกองทัพหลายพันล้านล้อมโจมตี ประมุขชิงกับประมุขพุทธะตายแล้ว
สำหรับอู๋ฉวี่ วิธีการที่ดีที่สุดตอนนี้ก็คือ นำกำลังพลที่อยู่ข้างกายหนีไปให้ไกลัทันที หลบหลีกคมดาบของหนิวโหย่วเต๋อ แต่ปัญหาก็คือ หากใต้หล้านี้ถูกครอบครองโดยหนิวโหย่วเต๋อแล้ว แล้วพวกเขาจะไปไหนได้ล่ะ? กองทัพองครักษ์ถูกควบคุมอยู่ในมือวังสวรรค์มาตลอด ตัวเองไม่มีช่องทางอะไรชดเชยให้ในภายหลังทั้งนั้น ต่อไปคนมากมายขนาดนี้จะใช้ชีวิตอย่างไร? มิหนำซ้ำบนสนามรบก็ยังมีพี่น้องกองทัพองครักษ์อีกตั้งเยอะที่กำลังพัวพันอยู่กับการเข่นฆ่า ไม่มีทางปลีกตัวออกมาได้ในทันที จะให้เขาไปโดยทิ้งพี่น้องพวกนั้นไว้เหรอ กองทัพองครักษ์ไม่มีการทอดทิ้งพี่น้องแล้วหนีไป
“ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ให้พี่น้องบนสนามรบถอย!” อู๋ฉวี่ออกคำสั่งเสียงต่ำ
“นายท่าน กำลังจะชนะอยู่แล้วขอรับ!” ผู้ช่วยผู้บัญชาการข้างๆ ถามอย่างตกใจ
ผู้บัญชาการที่อยู่ทางซ้ายและขวาก็มองอู๋ฉวี่อย่างตกใจเช่นกัน เหมือนจะยอมรับคำสั่งนี้ได้ยาก คนตายไปมากขนาดนี้ เห็นอยู่ชัดๆ ว่ากำลังจะชนะ ตอนนี้จะให้ถอยเหรอ?
เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าชิงและพุทธะตายแล้ว
อู๋ฉวี่ขบกรามแน่นพลางตะคอก “ปฏิบัติตามคำสั่ง ถอยทัพ!” ตอนนี้เขายังไม่ประกาศข่าวการตายของชิงและพุทธะ ไม่อย่างนั้นจะทำให้ขวัญกำลังใจทหารปั่นป่วน
แม่ทัพทางซ้ายและขวาจนใจ ทำได้เพียงถ่ายทอดคำสั่งทางทหารลงไป
กำลังพลกองทัพองครักษ์ที่ล้อมโจมตีเริ่มถอยกลับ ขณะเดียวกันกำลังพลกองทัพองครักษ์ที่แฝงตัวเข้าไปในร่วมรบอยู่ในขบวนรบกับถอนตัวออกมาเช่นกัน
“จอมพล! ทัพฝ่ายข้าศึกคิดจะหนี!” ผู้ช่วยผู้บัญชาการที่อยู่ข้างกายเหยียนซู่เอ่ยเตือน
เหยียนซู่เผยสีหน้าดุร้าย “ถ่ายทอดคำสั่งลงไป กองหนุนของพวกเรากำลังจะมาถึงแล้ว ยอมแลกทุกอย่างเพื่อถ่วงพวกเขาเอาไว้ อย่าให้พวกเขาหนีไปได้เด็ดขาด! ทุกคน นี่คือโอกาสสร้างผลงานครั้งสุดท้ายของพวกเจ้าแล้ว ถ้าพลาดครั้งนี้ไป เกรงว่าในภายหลังคงไม่มีโอกาสดีอย่างนี้แล้ว!”
“รับทราบ!” ฝั่งซ้ายและฝั่งขวาเอ่ยรับ กลุ่มแม่ทัพออกจากทัพกลาง นำกำลังพลของตัวเองฝ่าออกไป โจมตีสกัดไว้ ยอมแลกทุกอย่างเพื่อพัวพันไม่ให้กองทัพองครักษ์หนีไป
ในขณะนี้เอง อู๋ฉวี่หันขวับ เห็นเพียงตรงจุดลึกในดาราจักรมีคนนับหมื่นเหาะเข้ามา แต่ไม่ได้พุ่งตรงมาที่สนามรบ โอบเข้ามาทางฝั่งซ้ายและขวาของสนามรบ
อู๋ฉวี่หัวใจกระตุกวูบ รู้ว่ากองหนุนฝ่ายศัตรูมาแล้ว พอมองไปทางกำลังพลกองทัพองครักษ์ที่ถูกพัวพันไว้บนสนามรบอีก ก็พบว่าปลีกตัวออกไปไม่ได้ง่ายๆ อีกแล้ว ร้อนใจเหมือนถูกไฟเผาจริงๆ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทิ้งพี่น้องร้อยสองร้อยล้านเอาไว้ แล้วพาหนีไปเพียงคนอื่นๆ
ที่จริงแล้วอู๋ฉวี่ขาดข่าวกรองสนับสนุน จะมาตัดสินใจตอนนี้ก็สายไปแล้ว กองหนุนฝ่ายศัตรูจะมาถึงเมื่อไร เขาก็ไม่รู้ข้อมูลเลยสักนิด รอจนกองหนุนมาถึงตรงหน้าแล้ว ถ้าคิดจะถอนทัพอีกจะไปทันได้อย่างไร
คนนับหมื่นที่มาล้อมไว้รอบด้าน ในที่สุดก็ปล่อยกำลังพลออกมาสองพันล้าน “ฆ่า!” เสียงจะโกนฆ่าดังสนั่นหวั่นไหว พุ่งชนเข้ามาในสนามรบเหมือนกระแสน้ำไหลบ่า
กำลังพลนับร้อยล้านประชิดเข้ามาตรงหน้า ลูกธนูดาวตกยิงเข้ามาอย่างหนาแน่น บีบให้อู๋ฉวี่จำต้องนำทัพกลางถอยกลับเข้ามาเข่นฆ่าบนสนามรบ
กำลังพลของอู๋ฉวี่ที่ต้องการจะถอยหนีออกไปไม่ได้สมปรารถนา กลับถูกกำลังพลที่นำโดยหยางเจาชิงเร่งตามมาล้อมไว้แล้ว
หยางเจาชิงถือกระบี่วิเศษเล่มหนึ่งไว้ในมือ ฟันซ้ายฟันขวาตลอดทาง นำกลุ่มยอดฝีมือที่คุ้มกันสังหารมาตลอดทาง จนมาถึงตรงหน้าทัพกลางจองเหยียนซู่ ในที่สุดก็ได้เจอเหยียนซู่แล้ว
“จอมพลลำบากแล้ว!” พอเจอหน้ากัน หยางเจาชิงถือกระบี่กุมหมัดคารวะทันที
มีกองหนุนมาเสริมมากขนาดนี้ เหยียนซู่เบิกบานใจมาก เรียกได้ว่าเหมือนมีดอกไม้เบ่งบานในใจ กุมหมัดคารวะกล่าวว่า “รบกวนให้ผู้การใหญ่นำทัพใหญ่มาช่วยด้วยตัวเองแล้ว!”
“โชคดีที่ตามมาทัน ถ้าทำให้งานของจอมพลเสียหาย เกรงว่าหยางคงจะหนีโทษตายหมื่นครั้งไม่พ้น” หยางเจาชิงกล่าว
“ผู้การใหญ่มาได้ทันเวลาพอดี!” เหยียนซู่ชี้ไปยังกองทัพฝ่ายศัตรูที่โดนล้อม “พลิกสถานการณ์ไม่ได้แล้ว อู๋ฉวี่หมดหวังที่จะพลิกกระดานแล้ว!”
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว!” หยางเจาชิงพยักหน้า ชี้ไปยังกำลังพลที่ล้อมโจมตีอยู่รอบๆ “ข้านำกองหนุนสองพันล้านมาแล้ว ตอนนี้ส่งต่อให้จอมพลบัญชาการอย่างเป็นทางการ”
เหยียนซู่เองก็ไม่เกรงใจ ในเวลานี้การบัญชาการรวมต่างหากที่จะสอดคล้องกันดีที่สุด เขารับอำนาจบัญชาการมาทันที อาศัยกำลังทหารที่ได้เปรียบกว่ามาล้อมกำลังพลของอู๋ฉวี่ไว้ เตรียมจะกำจัดในรวดเดียว
อู๋ฉวี่กำลังรบไปด้วยระดมพลไปด้วย นำกำลังพลดันทุรังฝ่าวงล้อมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทว่าแรงต้านมากเกินไป ทัพใหญ่ที่บุกโจมตีอยู่บนทางก็ถูกโจมตีสกัดจนหายไปครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ง่ายเลยกว่าจะฝ่าออกไปได้ พอโผล่หัวออกไปก็โดนธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ด้านนอกยิงโจมตีอย่างบ้าระห่ำ ถูกบีบให้กลับเข้ามาอีก
เมื่อเป็นอย่างนี้ซ้ำๆ เห็นกำลังพลหลายร้อยล้านของกองทัพองครักษ์เหมือนสัตว์ที่อยู่ในกับดัก ไม่มีหวังที่จะรอดออกไปแล้ว อู๋ฉวี่ก็หันมองรอบๆ เห็นบรรดาพี่น้องลดจำนวนลงเรื่อยๆ ฝั่งนี้ไม่มีกองหนุนตามมาข้างหลังอีก ในขณะที่ฝ่ายศัตรูจะมีกำลังพลมาถึงมากกว่านี้ ในใจเขาเรียกได้ว่าศร้าโศกอ้างว้าง ตกอยู่ในสภาพสิ้นหวังอย่างลึกซึ้ง
“ติดต่อฝ่ายตรงข้าม พวกเรายอมแพ้!”
สุดท้าย อู๋ฉวี่ก็ตัดสินใจอย่างนี้ออกมาด้วยความยากลำบาก
หน่วยองครักษ์ทั้งซ้ายและขวาตกใจมาก ผู้บัญชาการหน่วยทัพองครักษ์ขวาผู้สง่าผ่าเผย ไม่น่าเชื่อว่าจะออกคำสั่งให้ยอมแพ้ นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนไม่มีทางจิตนาการได้ ขนาดผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์ซ้ายยังสู้ตายไม่ยอมแพ้แม้จะเหลือกำลังพลอยู้น้อยนิด ฝั่งนี้ยังเหลือกำลังพลอีกหลายร้อยล้าน แต่กลับยอมแพ้แล้ว จะให้ทุกคนทนความรู้สึกได้อย่างไร?
“นายท่าน ฝ่าบาทไม่มีทางยอมรับคำสั่งนี้ แล้วทุกคนก็คงไม่เชื่อฟังด้วย!” แม่ทัพคนหนึ่งกล่าวเสียงต่ำ
คนที่ควรจะทรยศก็ทรยศไปหมดแล้ว คนที่ควรหนีก็หนีไปหมดแล้ว คนที่ยังอยู่สู้ตายจนถึงตอนนี้ แสดงว่าเป็นกำลังพลผู้จงรักภักดีของกองทัพองครักษ์อย่างแท้จริง
อู๋ฉวี่หลับตาลงช้าๆ “ฝ่าบาทกับประมุขพุทธะสิ้นแล้ว เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ไม่ได้แล้ว เหตุใดต้องพาพี่น้องมากมายเอาชีวิตไปทิ้ง!”
“อะไรนะ?” หน่วยองครักษ์ทั้งซ้ายและขวาตกใจจนหน้าถอดสี
พวกเขาไม่สนใจกฏกองทัพอะไรแล้ว พากันหยิบระฆังดาราขึ้นมายืนยันสถานการณ์
เมื่อได้รับข่าวร้ายที่สุดบนสนามรบของอีกฝั่ง หลังจากยืนยันแล้วว่าความจริงเป็นเช่นนี้ ก็มีคนเงยหน้าหลั่งน้ำตา บางคนก็เอามือปิดหน้าร้องไห้อย่างปวดใจ บางคนหดหู่ใจ เพราะปวดใจกับการตายของคนที่ตัวเองจงรักภักดีด้วย ที่มากกว่านั้นรับไม่ได้เพราะศรัทธาที่ตัวเองมีมาหลายปีพังทลาย
ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่กองทัพองครักษ์ กองทัพองครักษ์ก็ไม่มีหลักการของการยอมแพ้ แต่ตอนนี้กลับจะให้พวกเขารวมตัวกันยอมแพ้ จะให้ทนความรู้สึกได้อย่างไร!
“จอมพล อู๋ฉวี่รู้ว่าเปลี่ยนสถานการณ์อะไรไม่ได้แล้ว สั่งให้คนส่งข่าวไป บอกว่ายินดียอมแพ้!”
ผู้ช่วยผู้บัญชาการคนหนึ่งกุมหมัดคารวะรายงานเหยียนซู่
เหยียนซู่ได้ยินข่าวแล้วดีใจมาก ถ้าบีบให้รับกองทัพองครักษ์มากขนาดนี้ยอมแพ้ได้ ก็ถือเป็นเรื่องดีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน คะแนนการรบมากขนาดนี้ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นผลงานที่ใหญ่ขนาดไหน ในภายหลังหากเอ่ยถึงก็จะมีหน้ามีตามาก จึงสั่งทันทีว่า “ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ขอเพียงอีกฝ่ายยอมวางมือ กำลังพลของข้าห้ามบุกโจมตีอีก เตรียมตัวรับทหารที่ยอมแพ้!”
“ช้าก่อน!” หยางเจาชิงที่อยู่ข้างๆ ห้ามไว้
เหยียนซู่หันกลับมาถาม “ผู้การใหญ่มีอะไรจะชี้แนะ?”
“ฝ่าบาทมีคำสั่ง ไม่รับทหารที่ยอมแพ้ ฆ่าไม่ละเว้น อย่าเก็บไว้แม้แต่คนเดียว!” หยางเจาชิงกล่าวเนิบๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“อะไรนะ?” เหยียนซู่ตกใจมาก ถามว่า “เพราะอะไรล่ะ?”
“ไม่ใช่เพราะอะไร จอมพลทำตามคำสั่งก็พอ!” หยางเจาชิงส่ายหน้า
“ในเมื่อผู้การใหญ่มีบัญชานี้ ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?” เหยียนซู่กล่าวเสียงต่ำ เหมือนทำได้รับได้ยาก “นี่คือกำลังพลกองทัพองครักษ์หลายร้อยล้าน เป็นทหารที่เก่งกาจทั้งนั้น ยังไม่ต้องพูดถึงว่าฆ่าหมดแล้วน่าเสียดายขนาดไหน ถ้าบีบให้พวกเขาสู้ตาย ความเสียหายของฝ่ายพวกเราก็ใกล้เคียงกัน ในเมื่ออีกฝ่ายยอมแพ้แล้ว เหตุใดจึงไม่ยอมรับ? ข้าควรจะเกลี้ยกล่อมให้ฝ่าบาทคืนคำสั่ง!” พูดจบก็หยิบระฆังดาราออกมา
หยางเจาชิงกลับยื่นมือไปคว้าข้อมือเขา แล้วส่ายหน้าสื่อความหมายล้ำลึก เปลี่ยนเป็นถ่ายทอดเสียงบอกว่า “ก่อนหน้านี้จอมพลเหยียนเผชิญความกดดันใหญ่หลวง ตัวตกอยู่ในอันตราย แต่กลับยังคำนึงถึงความปลอดภัยของฝ่าบาท ส่งเทพสตรีผู้คุ้มกันทั้งสองให้ไปช่วยฝ่าบาท ฝ่าบาทได้ข่าวแล้วชื่นชมมาก ชมว่าจอมพลเป็นทหารกล้าที่จงรักภักดีอย่างแท้จริง! ดังนั้นเรื่องนี้ ใครจะเกลี้ยกล่อมก็ได้ แต่ฝ่าบาทกลับไม่หวังจะเห็นจอมพลเหยียนฝ่าฝืนคำสั่งแล้วเกลี้ยกล่อม ยิ่งไม่หวังจะเห็นจอมพลเหยียนเป็นแกนนำเรื่องนี้ จอมพลอย่าทำให้ฝ่าบาทลำบากใจเลย!”
…………………………