พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2231 เริ่มต้นกวาดล้างครั้งใหญ่
กำลังพลกลุ่มใหญ่ที่ลอยนิ่งอยู่ในดาราจักรมองหน้ากันเลิกลั่ก ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อครู่นี้ทั้งสองคุยอะไรกัน
“ฝ่าบาท ปล่อยพวกเขาไปอย่างนี้น่ะเหรอ?” หยางชิ่งลองถาม
เหมียวอี้เข้าใจความหมายที่เขาสื่อ ปล่อยคนที่วางแผนพลิกแพลงสถานการณ์เก่งอย่างประมุขไป๋ไปถือเป็นภัยพิบัติแอบแฝง แต่เขากลับไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้เผยความคิดใดๆ ให้หยางชิ่งรู้ ได้แต่มองเรือมังกรอเวจีลอยจากไปไกล
บนเรือมังกรอเวจี เกิดความวุ่นวายเล็กน้อย สายตาของประมุขไป๋ไปหยุดอยู่บนตัวพวกอู๋ฉางที่อยู่เบื้องล่าง เห็นพวกเขากำลังล้อมไป๋เหนียงจื่อเอาไว้
ประมุขไป๋ถลันตัวลงมือ เหยียบลงข้างๆ พวกเขาแล้วถามว่า “มีเรื่องอะไร?”
“นางไม่ยอมไปกับพวกเรา” อู๋ฉางกล่าว
ประมุขไป๋มองไป๋เหนียงจื่อ แล้วถามด้วยรอยยิ้มบางๆ “ในปีนั้นข้าบอกไว้แล้ว ว่าหลังจากจบเรื่องจะพาพวกเจ้าไปด้วยกัน ไปดินแดนที่ดีหรือว่าเจ้าเปลี่ยนความคิดแล้ว?”
ไป๋เหนียงจื่อถอนหายใจ “ไปไหนก็เหมือนกัน ที่สำคัญอยู่ที่ใจ”
“อืม ที่ใดมีคนที่นั่นมีบุญคุณความแค้น” ประมุขไป๋พยักหน้า แสดงออกว่าเข้าใจสภาพจิตใจของผู้ที่ฝึกพุทธธรรมอย่างนาง แต่ก็ยังโน้มน้าวว่า “เจ้าอยากจะอยู่ต่อก็ไม่เป็นไร ตามแต่ใจเจ้าปรารถนา ข้าไม่ฝืนใจ แต่เจ้าจะลงเรือตรงนี้ไม่ได้” เขาหันกลับไปมองทัพใหญ่ที่ดำเป็นพืดแวบหนึ่ง แล้วกล่าวอย่างห่อเหี่ยวเล็กน้อย “ความคิดของคนที่ปกครองใต้หล้าแตกต่างจากพวกเรา สำหรับพวกเขา ตอนนี้คือจุดหัวเลี้ยวหัวต่อของความสำเร็จและความพ่ายแพ้ที่สำคัญที่สุด กฏกติกาบางอย่างถ้าทำลายแล้วไม่สร้างขึ้นมาอีก ไม่มีใครสามารถควบคุมเขาได้ ตอนนี้ไม่ว่าสำหรับใคร เขาก็อยู่ในสภาวะที่อันตรายถึงขีดสุด เป็นเวลาที่ในมือกุมกำลังพลมหาศาลกวาดล้างใต้หล้า สภาพจิตใจยังไม่เดินออกมาจากการช่วงชิงใต้หล้า ถ้าใครขัดขวางก็อาจทำให้เขาลงมือได้ การที่วรยุทธ์ของเจ้าถึงระดับวิญญาณศักดิ์สิทธืถือเป็นความผิด ตอนนี้เจ้ากำลังบาดเจ็บสาหัส ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา ถ้าลงเรือเมื่อไร ต่อให้หนิวโหย่วเต๋อไม่สังหารเจ้า คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขาก็จะบีบให้เขาสังหารเจ้าอยู่ดี เพื่อป้องกันภัยพิบัติแฝงเร้น! เชื่อข้า อย่าเพิ่งลงเรือ อีกประเดี๋ยวค่อยหาสถานที่เหมาะสมปล่อยเจ้าลงเรือ รอให้เจ้าฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บก่อน ใต้หล้านี้ถึงจะยอมให้เจ้าไปได้!”
ไป๋เหนียงจื่อเงียบไป หลังจากครุ่นคิดแล้ว ก็พยักหน้าเบาๆ ถือว่าตอบตกลงแล้ว
ประมุขไป๋ถลันตัวกลับมาบนตึกเรือ เข้ามาในห้องเพื่อหลบสายตาของทุกคน ในมือเผยลูกประคำสีเขียวเข้มเม็ดนั้น เห็นเพียงแสงสลัวกะพริบอยู่บนลูกประคำนั้น เงาคนคนหนึ่งปรากฏให้เห็น ปรากฏประมุขไป๋อีกคนหนึ่ง
ทั้งสองสบตากันขณะเดินเข้ามา และสุดท้ายก็หลอมรวมเป็นร่างเดียวกัน
เกาก้วนหันกลับมาเห็นภาพเหตุการณ์นี้ผ่านหน้าต่าง รู้สึกพูดไม่ออกนิดหน่อย ตอนนี้ถึงได้เข้าใจ ว่าร่างทิพย์หนึ่งร่างของท่านนี้อยู่บนตัวหนิวโหย่วเต๋อมาตลอด ผ่านทุกสิ่งทุกอย่างด้วยกันกับหนิวโหย่วเต๋อมาตลอด มิน่าล่ะถึงรู้สถานการณ์ทางฝั่งหนิวโหย่วเต๋ออย่างทะลุปรุโปร่งมาตลอด ให้ความร่วมมือกับฝั่งเขาอย่างต่อเนื่อง เขาก็ยังนึกว่ามีสายลับที่ไหนแทรกอยู่ข้างกายหนิวโหย่วเต๋อเสียอีก ที่แท้สายลับคนนี้ก็คือตัวเขาเอง
เมื่อออกจากห้องมาแล้ว ประมุขไป๋ก็ยื่นมือเก็บกู่ฉินโบราณขนาดใหญ่หลังนั้น
เกาก้วนเอียงหน้ามองเขา ถ่ายทอดเสียงถามว่า “ร่างทิพย์ของเจ้าอยู่บนตัวเขา เมื่อครู่ไม่ได้บอกเขาเหรอ?”
ประมุขไป๋ยิ้มโดยไม่ตอบอะไร หันกลับไปมองทางฝั่งเหมียวอี้ เรื่องบางเรื่องไม่สำคัญพอจะบอกให้คนนอกรู้ ตอนแรกไม่บอกเหมียวอี้ ก็เพราะจะเก็บร่างทิพย์นี้ไว้เป็นทางหนีทีไล่ การเติบโตในช่วงหลังของเหมียวอี้ทำให้เขารู้สึกถึงอันตราย ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่นิ่งดูดายปล่อยให้พระปีศาจออกมาเช่นกัน เมื่อเริ่มจนใจกับการใช้งาน ถึงได้ใช้แผนสำรองที่อันตรายที่สุด เขาไม่อยากให้วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของพระปีศาจหวนคืนกลับมาอีก เขาสามารถอาศัยเกาก้วนให้เตือนชิงและพุทธะได้เลย ในปีนั้นหนานโปคงหนีออกจากสถานที่ผนึกไม่ได้ จะต้องตายแน่นอน
และถ้าให้เหมียวอี้รู้เรื่องนี้ เมื่อเหมียวอี้หลุดจากการควบคุมเมื่อไร ก็อาจจะตัดทางหนีทีไล่ของเขาได้ เขาไม่อาจเสี่ยงอันตรายนี้
ตอนนี้ไม่บอกเหมียวอี้ ก็เพราะเขารู้ความลับเกี่ยวกับเหมียวอี้มากเกินไป ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น ถ้าเขาเผยความลับให้เฉาหม่านรู้ หลังจากเฉาหม่านรู้ตัวแล้วก็จะต้องจัดระเบียบใหม่ทันที เพื่อให้ตระกูลเซี่ยโห้วหลุดออกจากการควบคุมของเหมียวอี้ เหมียวอี้ยอมจ่ายไปมากขนาดนั้น เสียสละชีวิตกำลังพลไปมากขนาดนั้น มีหรือที่จะนิ่งดูดายปล่อยให้ตระกูลเซี่ยโห้วหลุดจากการควบคุมแล้วเกิดสถานการณ์อึดอัดเหมือนชิงและพุทธอีก จะให้นำทั้งใต้หล้ามาเดิมพันกับคำสัญญาปากเปล่าประโยคเดียวของเจ้าเหรอ? นั่นเป็นของเด็กเล่นชัดๆ! ดังนั้นถ้าให้เหมียวอี้รู้แล้ว ก็จะบีบให้ขวางเขาเอาไว้ บีบให้เหมียวอี้แตกคอกับเขา อย่างน้อยก็ต้องควบคุมอิสระของเจ้าก่อน รอให้แก้ไขปัญหาเรื่องตระกูลเซี่ยโห้วก่อนแล้วค่อยว่ากัน มีหรือที่จะปล่อยให้เจ้าหนีไปง่ายๆ
เรื่องบางเรื่องถ้าไม่พูดออกมาจะดีกับทุกคนที่สุด!
เกาก้วนเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง “เจ้าไม่กล้าบอกเขาล่ะสิ?”
คนที่อยู่ไกลมองเห็นไม่ชัดเจนแล้ว ประมุขไป๋กล่าวเสียงเรียบ “ที่จริงเขาก็ไม่ใช่คนเลว ไม่อย่างนั้นคงไม่ลงมือช่วยที่เขาหลิงซาน”
“ไม่ใช่คนเลวแล้วยังไง? ในสายตาของคนอื่น เรื่องเลวๆ ที่เขาทำมีน้อยเสียที่ไหน? เขาฆ่าคนไปมากมายขนาดนั้นจนเดินมาถึงทุกวันนี้ได้ ศัตรูทั้งที่รู้ตัวและที่ไม่รู้ตัวมีมากขนาดไหน ขนาดตัวเขาเองยังนับไม่หมด เขากล้าทิ้งอำนาจในมือตอนนี้หรือเปล่าล่ะ? ถ้าทิ้งอำนาจที่อยู่ในมือตอนนี้ อย่าว่าแต่ศัตรูพวกนั้น ถ้าคนที่มาแทนที่เขาคิดจะนั่งในตำแหน่งอย่างมั่นคง กลัวว่าเขาจะกลับคำพูด เรื่องแรกที่จะทำก็คือตัดรากถอนโคนเขา เขาไม่มีทางเลือก…” เกาก้วนกล่าว
บนสนามรบยังคงกวาดล้างต่อไป เหล่าแม่ทัพทันมองไปรอบๆ ความองอาจห้าวหาญในใจ ทั้งยังมีความสะท้อนใจ รู้ว่าถ้าศึกนี้สงบ ภายในเวลาสั้นๆ นี้ใต้หล้าคงไม่มีศึกใหญ่อีก
มีคนไม่น้อยแอบมองไปทางเหมียวอี้ที่มีสีหน้าเรียบเฉย ทุกคนล้วนเข้าใจ อุปสรรคทางความคิดของสี่อ๋องสวรรค์กับชิงและพุทธะถูกปราบโดยสิ้นเชิงแล้ว
ลั่วหม่างก้าวขึ้นมาถามว่า “ฝ่าบาท ทางฝั่งก่วงลิ่งกงจะจัดการยังไงขอรับ?”
สถานการณ์ทั้งใต้หล้าตอนนี้ ถ้าลองมองไป ก็มีแต่ฝั่งก่วงลิ่งกงที่ยังรวบรวมกำลังพลสองร้อยล้านเอาไว้ ยังไม่มีท่าทีว่าจะมาสวามิภักดิ์ ลั่วหม่างกังวลนิดหน่อยว่าเหมียวอี้จะลงมือกับก่วงลิ่งกง ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ กำลังพลเล็กน้อยเท่านั้นก็ต้านการกวาดล้างของเหมียวอี้ไม่ไหวเลย ไม่ว่าเขาจะทรยศก่วงลิ่งกงหรือไม่ ตอนนี้เขาก็ยังอยากจะหยั่งท่าทีของเหมียวอี้สักหน่อย ยังอยากช่วยพูดให้ก่วงลิ่งกง
“เขายังไม่ยอมสวามิภักดิ์อีกเหรอ?” เหมียวอี้เหล่ตามถามอย่างเหยียบเย็น
ลั่วหม่างแอบหัวใจกระตุกวูบเพราะคำถามนี้ ทำไมกลายเป็นไม่ยอมสวามิภักดิ์แล้วล่ะ? ตอนที่จะเอาลูกสาวของเขา เจ้าไม่ได้มีท่าทีแบบนี้เลยนะ
เขารู้สึกได้ถึงอันตรายรุนแรงของการช่วยก่วงลิ่งกงแล้ว จึงกุมหมัดคารวะทันที “ฝ่าบาท เขาสวามิภักดิ์แน่นอนอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นกตอนที่พวกเรามาสวามิภักดิ์ต่อฝ่าบาท ก็ไม่มีทางที่เขาจะไม่ห้าม” เขาชะงักไปชั่วครู่ แล้วกล่าวเสริมอีกว่า “ไม่อย่างนั้นคงไม่มอบสนมสวรรค์ให้” เขากำลังเตือนเหมียวอี้ ว่าเมื่อครู่เจ้าเพิ่งแต่งตั้งก่วงเม่ยเอ๋อร์เป็นสนมสวรรค์อันเล่อ ตอนนี้ถ้าจะลงมือกับก่วงลิ่งกงอีกก็จะไม่เหมาะสม
เหมียวอี้คิดจะสังหารก่วงลิ่งกงจริงๆ แต่เมื่อได้ยินเอ่ยถึงก่วงเม่ยเอ๋อร์ เจตนาสังหารในใจก็เริ่มถูกกดลงไป ไม่ใช่เพราะความงามของก่วงเม่ยเอ๋อร์ แต่เป็นเพราะเมื่อคู่เพิ่งแต่งตั้งให้ก่วงเม่ยเอ๋อร์เป็นสนมสวรรค์เพื่อทำให้ทัพตะวันตกที่ยอมสวามิภักดิ์สงบใจ ตอนหลังถ้าคิดจะลงมือสังหารอีก เกรงว่าเบื้องล่างจะคิดว่าเขาใช้ประโยชน์เสร็จแล้วก็ทิ้ง
“หวังว่าจะเป็นอย่างนี้ เช่นนั้นก็ให้จอมพลลั่วติดต่อไปแล้วกัน โน้มน้าวสักหน่อย ถ้าบีบให้ข้าส่งทัพใหญ่ไปโน้มน้าว เกรงว่าจะทำให้สนมสวรรค์ปวดใจ” เหมียวอี้กล่าวอย่างไม่หยี่ระ
“ขอรับ!” ลั่วหม่างเอ่ยรับ รู้สึกแผ่นหลังชุ่มไปด้วยเหงื่อ เมื่อครู่จู่ๆ ก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันใหญ่หลวง ตระหนักได้ว่าภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ เขาที่เป็นลูกน้องเก่าของก่วงลิ่งกงมาพูดอะไรแบบนี้เพื่อก่วงลิ่งกงนั้นไม่เหมาะสม ชั่วพริบตานั้นเขารู้สึกกดดันยิ่งกว่าตอนเผชิญหน้ากับประมุขชิงในปีนั้นเสียอีก
หลังจากนั้นตัวเดินจากไปแล้ว ก็หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อโกวเยว่เงียบๆ
“ฝ่าบาท เหยียนซู่กวาดหลังสนามรบเรียบร้อยแล้ว กำลังตามมาทางนี้” ชิงเยว่เข้ามารายงาน
“กำลังพลของเหยียนซิวอยู่ตรงตำแหน่งไหนแล้ว?” เหมียวอี้ถาม
“เข้าไปในอาณาเขตดาวนิรนามแล้ว กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เช่นกัน” ชิงเยว่ตอบ
เหมียวอี้หันกลับไปมองหยางชิ่งแวบหนึ่ง หยางชิ่งกุมหมัดคารวะรอฟังคำสั่งทันที
เหมียวอี้ถ่ายทอดเสียงบอกว่า “บอกเหยียนซิวว่าไม่ต้องมาแล้ว ให้เขานำกำลังพลเร่งไปตามจุดต่างๆ ทันที ขุดรากถอนโคนบุคคลสำคัญที่อยู่ตามแต่ละจุดของตระกูลเซี่ยโห้ว กำจัดกำลังของตระกูลเซี่ยโห้วรวดเดียว! แล้วเจ้าก็นำกำลังพลหนึ่งพันล้านไปสมทบอีก”
“ขอรับ!” หยางชิ่งเอ่ยรับ คิดในใจว่า ตอนนี้การกวาดล้างครั้งใหญ่ของใต้หล้ากำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว
“อวี้หลัวช่า!” เหมียวอี้เรียกอีก
อวี้หลัวช่าจีบนิ้วตรงหน้าอก โค้งตัวทำความเคารพเล็กน้อย
“เจ้านำกำลังพลของตัวเอง เจิ้นจะดึงกำลังพลอีกสองพันล้านให้เจ้า นำไปรวมกับคนของเหยียนซู่ แล้วเจ้าสองคนก็ช่วยกันบัญชาการ ทัพใหญ่สี่พันล้าน แบ่งกำลังพลไปตั้งแต่ละจุด กวาดล้างผู้รอดชีวิตที่อยู่ฝั่งชิงและพุทธะให้สิ้นซาก! เดี๋ยวเจิ้นจะส่งสวีถังหรานไปร่วมด้วย ให้ไปช่วยเหลือพระเจ้า!” เหมียวอี้กล่าว
เขากลัวว่าเหยียนซู่กับอวี้หลัวช่าจะใจอ่อนปรานี เปิดตาข่ายให้คนพวกนั้นหนีออกไป จึงส่งคนโหดไปจับตาดู กับเรื่องแบบนี้ส่งสวีถังหรานไปทำนั้นเหมาะสมที่สุดแล้ว สวีถังหรานจะต้องปฏิบัติตามบัญชาอย่างสุดกำลังแน่นอน
“รับทราบ!” อวี้หลัวช่าเอ่ยรับคำสั่ง เหมือนกับหยางชิ่ง ไปดึงกำลังพลจากชิงเยว่ก่อน
ในใจคนพวกนี้รู้สึกทอดถอนใจ ส่งกำลังพลสี่พันกว่าล้านไปปราบเชียวนะ การกวาดล้างครั้งใหญ่เริ่มขึ้นแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีคนตายอีกตั้งเท่าไหร่
แต่จะว่าไปแล้ว ถ้าพูดจากบางมุม คนส่วนใหญ่ที่อยู่ตรงนี้ก็เห็นด้วยที่ทำอย่างนี้ ถ้าเหลือผู้รอดชีวิตฝั่งชิงและพุทธะเยอะเกินไป ก็จะไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของทุกคน…
โกวเยว่เดินออกจากห้องก่วงลิ่งกง เดินไปหาเม่ยเหนียงที่นั่งอยู่กลางวงกลุ่มผู้หญิงในศาลา
พอพวกผู้หญิงเห็นเขามาก็หลีกทางให้ โกวเยว่กุมหมัดคำนับเม่ยเหนียง เม่ยเหนียงมองเข้าไปในห้องปราดหนึ่ง แล้วถามว่า “ท่านอ๋องเป็นยังไงบ้าง?”
โกวเยว่ส่ายหน้า ก่วงลิ่งกงยังหลบอยู่ในมุมเงียบๆ ไม่ยอมพูดจา เขาบอกสิ่งที่ลั่วหม่างฝากมาบอกแล้ว แต่ก่วงลิ่งกงก็ยังไม่พูดอะไร
เม่ยเหนียงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบาๆ รู้ว่าเรื่องในครั้งนี้ทำให้ก่วงลิ่งกงสะเทือนใจ
อนุภรรยาบางส่วนมองไปทางในห้อง ในใจเหยียดหยามนิดหน่อย ปกติน่าเกรงขามมาก ทำเหมือนเก่งมาก ตอนนี้ความน่าเกรงขามไปไหนแล้ว?
โกวเยว่รายงานว่า “เหนียงเหนียง ทัพใหญ่ของชิงและพุทธะถูกหนิวโหย่วเต๋อปราบแล้ว ชิงและพุทธะก็ถูกหนิวโหย่วเต๋อสังหารแล้วเช่นกัน หนิวโหย่วเต๋อกำลังกวาดล้างใต้หน้า ตอนนี้พวกเราก็ต้องไปสวามิภักดิ์เช่นกัน หากช้ากว่านี้เกรงว่าจะมีภัยทั้งตระกูล!”
ชิงและพุทธะถูกกวาดล้างแล้ว? กลุ่มผู้หญิงสูดหายใจลึกอย่างตระหนก ตกตะลึงไม่หยุด มีบางคนหลุดอุทานว่า “แล้วหนิวโหย่วเต๋อนั่นจะไม่ปกครองตั้งใต้หล้าแล้วหรอกเหรอ?”
“จะพูดอย่างนั้นก็ได้ขอรับ” โกวเยว่พยักหน้า
ผู้หญิงกลุ่มนี้ทำสายตาล่อกแล่ก บางคนแอบมองเม่ยเหนียง แม้ก่อนหน้านี้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ก็ยังอิจฉาริษยามากอยู่ดี ลูกสาวของผู้หญิงที่มีชาติกำเนิดต่ำต้อยคนนี้กลายเป็นผู้หญิงของผู้ชายที่มีอำนาจมากที่สุดในใต้หล้าแล้ว สนมสวรรค์คนแรกของผู้ชายที่มีอำนาจที่สุดในใต้หล้า จะไปทวงความยุติธรรมนี้ที่ไหนได้
เม่ยเหนียงเองก็ตกตะลึงไม่เบา ในปีนั้นบอกว่าหนิวโหย่วเต๋อจะประสบความสำเร็จ เขาก็ประสบความสำเร็จแล้วจริงๆ ทั้งยังถูกทำให้สะเทือนใจไม่เบา ในใจเต็มไปด้วยความเสียดาย น่าเสียดายที่ในปีนั้นจัดการเรื่องแต่งงานไม่สำเร็จ ไม่อย่างนั้นลูกสาวของตัวเองก็จะเป็นใหญ่ท่ามกลางผู้หญิง เป็นราชินีสวรรค์มารดาแห่งใต้หล้าแล้ว!
นางถอนหายใจแล้วบอกว่า “เรื่องบางเรื่องผู้หญิงอย่างพวกเราไม่เข้าใจ ในเมื่อท่านอ๋องให้เจ้าจัดการ เช่นนั้นก็ให้พ่อบ้านมีอำนาจตัดสินใจทุกอย่างแล้วกัน!”
“ขอรับ!” โกวเยว่เอ่ยรับ หลังจากยืนตัวตรงแล้ว ก็มองไปทางเกาจื่อเซวียน อนุภรรยาห้องใหญ่ของก่วงลิ่งกงอีก กุมหมัดคารวะกล่าวว่า “ฮูหยินใหญ่ ครั้งนี้เกรงว่าต้องให้ท่านสละสิ่งของบางอย่างเหมือนกัน มอบให้ไปอยู่ข้างกายหนิวโหย่วเต๋อ”
“ใต้หล้าเป็นของเขาหมดแล้ว ที่ข้ายังมีของอะไรที่เขาหมายตาอีกเหรอ?” เกาจื่อเซวียนแปลกใจ