พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2232 คุยโวโอ้อวด
มีหลายคนที่ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่โกวเยว่หมายความว่าอะไร แต่สีหน้าของเกาจื่อเซวียนตกอยู่ในสภาพดิ้นรนหวาดกลัวแล้ว นางพอจะรู้อะไรบางอย่างแล้วนิดหน่อย แต่ยังคงแกล้งโง่ “พ่อบ้าน เป็นหลงซิ่นที่ฆ่าเกาเหยียน เกาจื่อหูอดทนความโกรธนี้ไว้แล้ว ทำไมถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก?”
โกวเยว่กล่าวเสียงเรียบว่า “ได้ยินว่าในปีนั้น คนที่ชอบเมียของหลงซิ่นก็คือเกาจื่อหู และเป็นเกาจื่อหูที่บงการโจวจ้าวลูกชายของโจวอ้าวหลินลงมือ! แน่นอน คำพูดนี้ไม่มีหลักฐานอะไร แต่เรื่องราวเป็นอย่างนี้หรือไม่ เกาจื่อหูก็รู้ชัดที่สุด สิ่งที่บ่าวอยากจะบอกก็คือ ถ้ามีเรื่องนี้อยู่จริง หนิวโหย่วเต๋อกำลังจะปกครองใต้หล้าแล้ว หลงซิ่นเป็นลูกน้องคนสนิทของหนิวโหย่วเต๋อ ตอนนี้คนในใต้หล้าที่กล้ามีเรื่องกับหลงซิ่นคงมีไม่มากแล้ว และตระกูลของเราก็สูญสิ้นอำนาจแล้ว ต่อไปถ้าหลงซิ่นจะมาคิดบัญชี นี่เป็นความแค้นที่โดนแย่งภรรยา เกรงว่าใช้วิธีฆ่าล้างตระกูลเพื่อชำระแค้นก็ไม่ถือว่าเกินไป อาศัยวิธีการที่เขาทำกับเกาเหยียนในปีนั้นก็รู้แล้ว! ฮูหยินใหญ่ต้องพิจารณาให้ชัดเจน ตระกูลก่วงเดินมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ควรจะผูกความแค้นกับหลงซิ่นอีกแล้ว ไม่อย่างนั้นจะเป็นการรนหาทางตาย!”
เกาจื่อเซวียนสีหน้าแย่มาก คำพูดนี้ทำให้นางตัวสั่นทั้งที่ไม่ได้หนาว
ผู้หญิงกลุ่มนี้ตกใจจนขวัญผวา ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเรื่องอย่างนี้อยู่ด้วย พวกนางไม่ได้เข้าใจอะไรมาก แต่กลับรู้ว่าหลงซิ่นเป็นผู้ตรวจการขวาทัพอารักขาของหนิวโหย่วเต๋อ เรือสูงขึ้นตามน้ำ แค่คิดก็รู้แล้วว่าต่อไปหลงซิ่นจะมีอำนาจมากขนาดไหน ไปยั่วโมโหศัตรูใหญ่ขนาดนี้ไม่ใช่การรนหาที่ตายหรอกหรือ?
เม่ยเหนียงจ้องเกาจื่อเซวียนไม่ละสายตา ไม่เพียงแค่กังวลว่าจะทำให้ตระกูลก่วงเดือดร้อนไปด้วย นางกังวลว่าจะทำให้ลูกสาวตัวเองเดือดร้อนไปด้วย หลงซิ่นยังเป็นลูกน้องคนสนิทของหนิวโหย่วเต๋อ ย่อมไปมาหาสู่กับลูกน้องคนสนิทคนอื่นๆ ของหนิวโหย่วเต๋อเป็นปกติอยู่แล้ว หยางเจาชิงก็เป็นผู้การใหญ่ของหนิวโหย่วเต๋อ ขอเพียงหลงซิ่นบอกหยางเจาชิง ถึงตอนนั้นเกรงว่าจะทำให้ลูกสาวของตัวเองทรมานจนอยู่มิสู้ตาย
เกาจื่อเซวียนกลืนน้ำลายอย่างคอแห้ง ในใจรู้สึกเศร้ารันทด ตอนนี้เพิ่งจะรู้อย่างลึกซึ้งว่ารสชาติยามเสาหลักในบ้านล้มลงเป็นอย่างไร นางกล่าวอย่างทุกข์ใจว่า “เรื่องนี้ข้าไม่รู้ชัดว่าอะไรเป็นอะไร ในเมื่อพ่อบ้านพูดอย่างนี้แล้ว พ่อบ้านทำเพราะหวังดีกับทุกคนในตระกูลก่วงด้วย ให้พ่อบ้านเป็นคนตัดสินใจทุกอย่างแล้วกัน”
คำตอบรับนี้เท่ากับยอมส่งเกาจื่อหูให้แล้ว ผู้หญิงกลุ่มนี้โล่งใจแล้ว
ทว่าโกวเยว่ถอนหายใจ “ในเมื่อทำเรื่องนี้แล้ว ก็ต้องตัดปัญหาที่จะตามมาในภายหลังให้ถึงที่สุด เกาจื่อหูคนเดียวเกรงว่าจะดับไฟโกรธของหลงซิ่นไม่ได้ บ่าวเตรียมจะส่งทั้งตระกูลของเกาจื่อหูไปให้หลงซิ่นจัดการ ฮูหยินใหญ่คิดว่าอย่างไร?”
เกาจื่อเซวียนมองเขาด้วยสีหน้าคับแค้น นี่กำลังจะกวาดล้างทั้งตระกูลของน้องชายนาง กำจัดตระกูลของน้องชายนางเพื่อปกป้องทั้งตระกูลก่วง แต่นางก็รู้เช่นกัน ว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว โกวเยว่มาเจรจากับนางก็ถือว่าไว้หน้านางแล้ว แค่นางตอบตกลงก็พอ ต่อให้นางไม่ตอบตกลงก็ไม่มีประโยชน์ เพราะโกวเยว่ก็จะทำอย่างนี้อยู่ดี นางพยักหน้าอย่างยากลำบาก “ขอเพียงปกป้องให้ตระกูลก่วงสงบสุข พ่อบ้านจัดการตามเห็นสมควรเถอะ”
“ขอรับ!” โกวเยว่โค้งตัวเล็กน้อย แล้วก็โค้งตัวให้ผู้หญิงกลุ่มนี้อีก เมื่อกล่าวอำลาแล้วก็จากไปอย่างรวดเร็ว
เกาจื่อเซวียนยืนน้ำตาไหลเงียบๆ อยู่อย่างนั้น ส่วนผู้หญิงกลุ่มนี้ไม่ว่าในใจจะกำลังมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นหรือไม่ แต่ก็พากันก้าวเข้ามาใช้คำพูดดีๆ ปลอบใจ ไม่มีใครจดจำน้ำใจของเกาจื่อเซวียน แต่คนที่แอบหัวเราะเยาะที่กรรมตามสนองและสมน้ำหน้ากลับมีไม่น้อย
เมื่อออกจากถ้ำภูเขามาแล้ว โกวเยว่โบกมือเรียกไป่เจ๋อและเซี่ยงหม่านถังซึ่งเป็นผู้ตรวจการทัพอารักขาของก่วงลิ่งกงเข้ามา
เมื่อทั้งสองมาแล้ว ไป่เจ๋อก็ถามว่า “ท่านอ๋องเป็นยังไงบ้าง?”
“เฮ้อ!” โกวเยว่ถอนหายใจเบาๆ จ้องทั้งสองคนพลางกล่าวช้าๆ ว่า “ทางหนิวโหย่วเต๋อกำลังกวาดล้างชิงกับพุทธะแล้ว พวกเรากลายเป็นตะปูตอกตาเขา ยื่นคำขาดสุดท้ายให้พวกเราแล้ว พวกเราไม่มีทางเลือกแล้ว”
“คุณหนูเป็นสตรีที่งดงามล้ำเลิศ แต่งงานกับเขาก็นับว่าเขาได้กำไรแล้ว ตอนที่เพิ่งส่งตัวไปเขายังดีใจจนแต่งตั้งเป็นสนมสวรรค์เลย ทำไมล่ะ? พอได้คนไปแล้วก็คิดจะแปรพักตร์เบี้ยวสัญญาเหรอ?” เซี่ยงหม่านถังถามอย่างโมโห
โกวเยว่ส่ายหน้า “ตอนนี้ไม่เหมือนตอนนั้นแล้ว ที่เขาแต่งตั้งคุณหนูเป็นสนมสวรรค์ก็เพื่อทำให้ทัพตะวันตกสงบ ตอนนี้พรรคพวกของชิงและพุทธะถูกกวาดล้างแล้ว เขาไม่มีอะไรต้องห่วงหน้าพะวงหลังแล้ว เขาไม่กลัวทัพตะวันตกจะก่อความวุ่นวายอีก ย่อมมีแผนการอย่างอื่นเตรียมไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้ส่งคุณหนูไปเพื่อให้เขาสงบ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเพิ่งแต่งตั้งคุณหนูเป็นสนมสวรรค์ จนไม่กล้าทำอะไรที่ดูละโมบเกินไป เกรงว่าคงลงมือกับพวกเราไปแล้ว มาพูดอะไรพวกนี้อีกก็ไม่มีความหมาย เป้าหมายที่เสียสละคุณหนูคืออะไรล่ะ? ก็เพื่อช่วงชิงโอกาสให้เหล่าพี่น้องไม่ใช่เหรอ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว พวกเจ้านำเหล่าพี่น้องไปสวามิภักดิ์เถอะ ไม่อย่างนั้นนอกจากการส่งคุณหนูไปจะไม่มีคุณค่าอะไรแล้ว ยังจะทำให้คุณหนูลำบากไปด้วย”
ไป่เจ๋อมองไปทางถ้ำ ขมวดคิ้วถามว่า “นี่เป็นประสงค์ของท่านอ๋องเหรอ?”
“ถ้าท่านอ๋องไม่ยอม พวกเราก็ไม่ยอมเหมือนกัน อย่างมากก็แค่สู้กันให้แหลกราญไปพร้อมกัน?” ไป่เจ๋อถาอมย่างเด็ดเดี่ยว
โกวเยว่ตะคอกว่า “เลอะเลือน! เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ไม่ได้แล้ว ข้าทุ่มเทความคิดแบบนี้ไปเพื่ออะไรล่ะ? ยอมถือวิสาสะตัดสินใจส่งคุณหนูไปให้หนิวโหย่วเต๋อเพราะอะไรล่ะ? ก็เพราะคำนึงถึงทุกคนไม่ใช่หรือ ก็เพราะจะปกป้องศักดิ์ศรีสุดท้ายของท่านอ๋องไม่ใช่หรือ จะให้ท่านอ๋องยอมสวามิภักดิ์ได้ยังไง? จะให้ท่านอ๋องยืนขึ้นมาสวามิภักดิ์ด้วยตัวเองเหรอ พวกเจ้าอยากจะบีบให้ท่านอ๋องตายเหรอ?”
ทั้งสองก้มหน้าอย่างหดหู่
โกวเยว่หยิบกำไลเก็บสมบัติสองอันยื่นให้ทั้งสอง “ข้ารวบรวมทรัพย์สินไว้จำนวนหนึ่งแล้ว พวกเจ้านำไปแบ่งกับพวกพี่น้อง เมื่อแบ่งให้ถึงมือทุกคนแล้วก็ไม่เยอะเท่าไร แต่ก็นับว่าเป็นน้ำใจจากท่านอ๋อง อย่าลืมอธิบายกับพี่น้อง ว่าตั้งแต่นี้ไป ทุกคนต่างคนต่างมีอนาคต ขอเพียงมีทางออก ต่อให้เหยียบย่ำ,ท่านอ๋องเพื่อปกป้องตัวเอง ท่านอ๋องก็สามารถเข้าใจได้ และไม่โทษพวกเจ้าด้วย ขอเพียงพวกเจ้าอยู่ดีมีสุขก็พอ แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ต้องจำไว้ ตั้งแต่นี้ไปพวกเจ้าไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับท่านอ๋องอีก แบบนี้จะดีกับทั้งตัวเองและท่านอ๋อง เรื่องเหตุผลคงไม่ต้องให้ข้าพูดเยอะ เข้าใจสิ่งที่ข้าพูดไหม?”
ทั้งสองหยิบกำไลเก็บสมบัติแล้วพยักหน้าเงียบๆ
โกวเยว่ตบบ่าทั้งสองคน ถอนหายใจแล้วบอกว่า “ไปเถอะ รีบไปให้เร็วที่สุด ทางนั้นอดทนรอไม่ไหวแล้ว อย่าทำให้อีกฝ่ายมีข้ออ้างในการลงมือ คิดเสียว่าทำไปเพื่อปกป้องท่านอ๋อง เรื่องนี้จะชักช้าไม่ได้ รีบไป!”
คนหนึ่งเม้มริมฝากแน่น คนหนึ่งขบกรามแน่น ทั้งสองถอยหลังพร้อมกัน โค้งตัวกุมหมัดคารวะค้างไว้สักพัก จากนั้นก็เลี้ยวเดินไปอย่างยากลำบาก
โกวเยว่ยืนมองคล้อยหลังทั้งสองจากไป เงาร่างที่โดดเดี่ยวดูอ้างว้างเล็กน้อย น้ำตาค่อยๆ ไหลอาบแก้ม…
ในตำหนักใต้ดิน สวีถังหรานมีสีหน้าเร่าร้อนฮึกเหิม เร่งฝีเท้าเดินเข้ามาอย่างผึ่งผาย ข้างหลังมีทหารอารักขาติดตามกลุ่มหนึ่ง
พอเดินมาถึงประตูตำหนักใต้ดิน สวีถังหรานก็ยกมือบอกใบ้เล็กน้อย พวกทหารอารักขารออยู่นอกประตู ส่วนเขาเดินก้าวยาวเข้าไป
หวงฝู่เลี่ยนคง หวงฝู่จัวและหวงฝู่เกาสามพ่อลูกยืนขึ้น โดยเฉพาะหวงฝู่เลี่ยนคง ชิงถามก่อนเลยว่า “ไม่ทราบว่าสถานการณ์รบของฝ่าบาทเป็นยังไงบ้าง?”
สวีถังหรานยืนอมยิ้มอยู่ตรงหน้าทั้งสาม รอยยิ้มเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะดังลั่น ท่าทางเหมือนสบายอกสบายใจมาก
สามพ่อลูกสบตากันแวบหนึ่ง เหมือนจะเดาอะไรบางอย่างได้แล้ว หวงฝู่จัวเผยสีหน้ายินดี “ท่านโหว มีข่าวดีหรือเปล่า?”
“ฝ่าบาทมีกลยุทธ์อันปราดเปรื่อง ข่าวดีเป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้ว!” สวีถังหรานกระชุ่มกระชวย ชี้นิ้ววาดเท้าอธิบาย “ฝ่าบาทรับอ๋องสวรรค์เถิงและอ๋องสวรรค์เฉิง ยึดทัพตะวันตก แล้วก็ฆ่าโค่วหลิงซวีเอาทัพเหนือ บีบให้ก่วงลิ่งกงยอมสวามิภักดิ์ ทำศึกตัดสินกับชิงและพุทธะทัพใหญ่ เอาชนะศัตรู
ได้ในรวดเดียว ชิงและพุทธะถูกฝ่าบาทสังหาร ตำหนักสวรรค์กับทัพใหญ่แดนพุทธพินาศย่อยยับ ฝ่าบาทแค่ดีดนิ้ว ฟ้าดินก็เปลี่ยนสี ใต้หล้ารวมเป็นหนึ่ง!”
ก่อนหน้านี้ตอนเขาเพิ่งได้รับข่าวเรื่องการรบ เขาก็ดีใจจนแทบบ้า อนาคตที่สดใสรุ่งโรจน์ปูอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
ชิงและพุทธะจบสิ้นอย่างนี้แล้วเหรอ? สามพ่อลูกมองหน้ากันเลิกลั่ก ในใจปลงอนิจจังไม่หยุด พอเห็นสวีถังหรานก็เข้าใจได้เช่นกัน เจ้าหลานคนนี้ประจบสอพลออยู่ข้างกายหนิวโหย่วเต๋อจนชื่อเสียงโด่งดัง เป็นลูกน้องคนสนิทของหนิวโหย่วเต๋อ ตอนนี้กำลังจะได้เลื่อนตำแหน่งแบบก้าวกระโดดแล้ว
“ฝ่าบาทองอาจปราดเปรื่อง ตาแก่คนนี้นับถือจนอยากหมอบกราบ!” หวงฝู่เลี่ยนคงกุมหมัดคารวะต่อท้องฟ้า เป็นการแสดงความเคารพต่อเหมียวอี้ จากนั้นก็กุมหมัดคารวะต่อสวีถังหรานและยิ้มเอาใจ “ท่านโหวเป็นขุนนางคนสำคัญของฝ่าบาท หวังว่าต่อไปจะช่วยพูดสิ่งดีๆ เพื่อตระกูลหวงฝู่”
หวงฝู่จัวกับหวงฝู่เกาแม้จะรู้สึกเซ็งในใจ แต่ก็ยังฝืนยิ้มพร้อมกุมหมัดคารวะ
หลังจากหวงฝู่เลี่ยนคงกล่าวถ่อมตัวสองสามประโยค ก็ถามอีกว่า “ท่านโหว แบบนี้ก็แสดงว่าพวกเราสามารถโผล่หน้าออกไปได้แล้วใช่ไหม?”
“เหอะๆ หัวหน้าตระกูลตัดสินใจเองได้เลย ข้าเพิ่งได้รับบัญชาจากฝ่าบาท ฝ่าบาทมอบหมายภารกิจสำคัญให้ สั่งให้ข้าช่วยบัญชาการทัพใหญ่สี่พันล้านมากวาดล้างพรรคพวกของชิงและพุทธะ เป็นเพราะเรื่องนี้ชักช้าไม่ได้จริงๆ ข้าต้องรีบปฏิบัติภารกิจให้เร็วที่สุด!” สวีถังหรานส่ายหน้า คุยโวโอ้อวดด้วยสีหน้าจริงจัง
ทัพใหญ่สี่พันล้าน? สามพ่อลูกตกใจทันที สบตากันอีกครั้ง ในใจทั้งสามกำลังสงสัยว่า จริงหรือโกหก? อาศัยคนขี้ประจบยังเจ้าน่ะหรอ หนิวโหย่วเต๋อจะส่งทัพใหญ่สี่พันล้านให้เจ้าบัญชาการเหรอ? นักรบผู้หยิ่งผยอง
ที่ทำศึกชนะพวกนั้นจะเชื่อฟังเจ้าเหรอ?
สวีถังหรานหันกลับมา แล้วกำชับด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เรื่องปราบปรามพรรคพวกที่เหลือของชิงและพุทธะ สมาคมวีรชนก็ต้องออกแรงเหมือนกัน ต้องติดต่อประสานงานกับข้าเอาไว้ ถ้าต้องการกำลังพลสนับสนุน ก็ติดต่อข้าได้ทุกเมื่อ!”
“แน่นอนอยู่แล้ว ข้าจะจดจำไว้” หวงฝู่เลี่ยนคงพยักหน้าเอ่ยรับ จากนั้นก็หยิบกำไลเก็บสมบัติมามอบให้อีก “หลายวันมานี้ท่านโหวทุ่มเทความคิดเพื่อตระกูลหวงฝู่ ในใจข้ารู้สึกเกรงใจเช่นกัน นี่เป็นน้ำใจเล็กน้อย หวังว่าท่านโหวจะไม่รังเกียจ”
สวีถังหรานรับมาดู พบว่าทรัพย์สินที่อยู่ข้างในมีมากจนน่าตกใจ เรียกได้ว่าเป็นของขวัญที่ล้ำค่าจริงๆ เขากระแอมหนึ่งทีแล้วรับไว้เสียเลย “ทัพใหญ่ทำศึกอย่างยากลำบาก กำลังต้องการเหรียญฉลองพอดี ข้าจะรับเอาไว้แทนพวกเขาแล้วกัน” ขณะที่กล่าวประโยคนี้ หน้าไม่แดงหัวใจไม่เต้นแรง
“ท่านโหวพูดถูก ทุกอย่างล้วนให้ท่านโหวตัดสินใจ” หวงฝู่เลี่ยนคงสรรเสริญไม่หยุด ท่าทีที่ปฏิบัติต่อกันเปลี่ยนไปมาก
เดิมทีเขาต้องการจะไปส่งสวีถังหรานด้วยตัวเอง แต่เป็นสวีถังหรานที่ปฏิเสธ
หลังจากในตำหนักเหลืออยู่แค่สามพ่อลูก ยามเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ต้องเปลี่ยนเจ้านายใหม่ ก็จำเป็นต้องปรึกษาหารือกันอย่างจริงจัง ตระกูลถึงอย่างไรหวงฝู่ก็เคยเป็นคนของวังสวรรค์ ไม่รู้ว่ามีคนตั้งมากมายเท่าไหร่ที่ไม่ชอบพวกเขา จะมีปัญหาอะไรตามมาทีหลังหรือไม่ก็ต้องป้องกันไว้ก่อน
ยามเผชิญหน้ากับครอบครัวของหวงฝู่ตวนหรง สวีถังหรานก็มีท่าทีอีกแบบ สงบเสงี่ยมเลิกทำตัวอวดดีแล้ว หลังจากทักทายหวงฝู่ตวนหรงและอู่หนิงตามมารยาทแล้ว ก็สอดส่องไปในห้องศิลาเหมือนหัวขโมย พร้อมหัวเราะแห้งๆ “ทำไมไม่เห็นผู้จัดการใหญ่แล้วล่ะ?”
เมื่อรู้ว่าเขาคือลูกน้องคนสนิทของเหมียวอี้ ทางนี้ก็รีบเชิญหวงฝู่จวินโหรวออกมา
หวงฝู่จวินโหรวไม่ค่อยกลัวสวีถังหรานเท่าไร ความมั่นใจมาจากไหนก็ไม่ต้องพูดแล้ว นางถามอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “ท่านโหวมาข้าหามีอะไรเหรอ?”
สวีถังหรานเรียกได้ว่าพยักหน้าโค้งเอวอย่างนอบน้อม ยิ้มแย้มเอาใจ “เพิ่งได้รับบัญชาจากฝ่าบาท มีภารกิจให้ข้าน้อยไปปฏิบัติ เลยตั้งใจมากล่าวอำลาผู้จัดการใหญ่สักหน่อย!”
“อ้อ! เช่นนั้นข้าจะไปส่งท่านโหว” หวงฝู่จวินโหรวยื่นมือเชิญ นางอยากจะให้สวีถังหรานออกไปไวๆ ไม่อย่างนั้นนางจะรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว แม้แต่สายตาที่บิดามารดามองนางก็ยังแปลกอย่างเห็นได้ชัดเจน ทั้งยังมีคนที่อยู่รอบตัวอีก เคยเห็นท่านโหวของตำหนักสวรรค์ทำตัวเกรงใจผู้จัดการใหญ่สมาคมวีรชนขนาดนี้เสียที่ไหนกัน ถึงแม้บิดามารดาจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างนางกับหนิวโหย่วเต๋อ แต่ท่าทีที่สวีถังหรานมีต่อนางก็ดูเกรงใจจนไร้เหตุผล ทำไมคนนี้กลายเป็นอย่างนี้ไปได้?
“ไม่ต้องๆ อยู่ที่นี่เถอะ ไม่กล้ารบกวน” สวีถังหรานรีบโบกปฏิเสธ แล้วหยิบกำไลเก็บสมบัติวงหนึ่งออกมา เลือกสมบัติล้ำค่าจำนวนหนึ่งมาจากของขวัญที่หวงฝู่เลี่ยนคงมอบให้ แล้วใช้สองมือยื่นให้นาง “ช่วงนี้รบกวนผู้จัดการใหญ่แล้ว ขออภัยจริงๆ นี่คือของขวัญเล็กน้อยแสดงน้ำใจ หวังว่าผู้จัดการใหญ่จะไม่รังเกียจ”
………………