พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2233 ความแค้นของเฉาหม่าน
หวงฝู่ตวนหรงกับอู่หนิงทำสีหน้าแปลกๆ ไม่น่าเชื่อว่าท่านโหวตำหนักสวรรค์จะมอบของขวัญเอาใจผู้จัดการใหญ่สมาคมวีรชน ทำไมรู้สึกว่ากลับกันล่ะ?
สองสามีภรรยาย่อมรู้ว่าสาเหตุที่สวีถังหรานประจบเอาใจคืออะไร เพียงแต่ทำอย่างชัดเจนขนาดนี้จะเกินไปหรือเปล่า?
หวงฝู่จวินโหรวแทบอยากจะร้องไห้แล้ว รีบโบกมือปฏิเสธเช่นกัน “ไม่ต้องหรอก ไม่ต้อง”
“สมควรแล้ว สมควรแล้ว ขอตัวก่อน ไม่รบกวนแล้ว ท่านอยู่ตรงนี้แหละ!” เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยไป สวีถังหรานวางกำไลเก็บสมบัติไว้บนโต๊ะเสียเลย พยักหน้าโค้งเอวด้วยรอยยิ้ม แล้วก็วิ่งออกไปอย่างนั้น
หลังจากสามพ่อแม่ลูกมองคล้อยหลังเขาจากไปแล้ว หวงฝู่ตวนหรงก็เดินมาข้างโต๊ะ หยิบกำไลเก็บสมบัติขึ้นมาดู แล้วอุทานด้วยความตกใจ “ควักให้แบบใจถึงจริงๆ ดูท่าแล้วยามปกติจะกอบโกยได้ไม่น้อย!” นางถือโบกไปโบกมาให้ลูกสาวดู “ไม่อยากได้จริงเหรอ? ถ้าไม่อยากได้ข้าเก็บแล้วนะ” นางกล่าวด้วยสีหน้าหยอกล้อ
นางจะไปรู้ได้อย่างไรว่าของขวัญนี้เป็นสิ่งที่ท่านปู่นางมอบให้สวีถังหราน แล้วสวีถังหรานก็แค่เลือกบางส่วนมาจากในนั้นก็เท่านั้นเอง
เมื่อเห็นมารดากำลังหยอกล้อตัวเอง หวงฝู่จวินโหรวก็ถามอย่างเขินอาย “ท่านแม่ ท่านไหวหรือเปล่า?”
อู่หนิงยืนสีหน้าราบเรียบอยู่ข้างๆ ไม่พูดอะไรสักคำ ในใจรู้สึกไม่สบอารมณ์มาก
ผ่านไปไม่นาน หวงฝู่เลี่ยนคงก็ส่งคนมาแล้ว บอกให้สามคนนี้ไปพบสักรอบ สามคนนี้ย่อมไปพบตามคำสั่ง
ตำหนักหลักของตำหนักใต้ดิน เมื่อเห็นสามพ่อแม่ลูกมาถึง สายตาของหวงฝู่เลี่ยนคงก็ไปหยุดอยู่บนหน้าอู่หนิง ในใจแอบรู้สึกสะท้อนใจ แม้แต่องครักษ์ก็ยังถูกหนิวโหย่วเต๋อซื้อตัวไปแล้ว ไม่แปลกใจที่ประมุขชิงแพ้
หลังจากสามพ่อแม่ลูกทำความเคารพ หวงฝู่ตวนหรงก็ถามอย่างนอบน้อม “ท่านปู่ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรจะกำชับหรือคะ?”
นางสังเกตสีหน้าท่าทางของสามพ่อลูกครู่หนึ่ง หวงฝู่เลี่ยนคงยิ้มอย่างเป็นกันเอง แต่หวงฝู่จัวกับหวงฝู่เกากลับฝืนยิ้มนิดหน่อย เห็นได้ชัดว่าพยายามเจียดรอยยิ้มออกมา
หวงฝู่เลี่ยนคงเอามือไขว้หลังเดินเข้ามา เดินตรงไปตรงหน้าหวงฝู่จวินโหรว จ้องประเมินศีรษะจดเท้า แล้วกล่าวอย่างทอดถอนใจ “ชั่วพริบตาเดียวก็ผ่านไปแล้วหลายปี นางหนูโหรวโหรวเติบโตแล้วจริงๆ สามารถแบกรับหน้าที่เพียงลำพังได้แล้ว ปกติติดต่อกับหนิวโหย่วเต๋อบ่อยหรือเปล่า?”
ถามถึงหนิวโหย่วเต๋อต่อหน้าแบบนี้ หวงฝู่จวินโหรวเก้อเขินเล็กน้อย ถ้าจะให้พูดขึ้นมาจริงๆ ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับหนิวโหย่วเต๋อไม่ใช่เรื่องที่มีเกียรติเท่าไรนัก นางรู้สึกไม่มั่นใจกับเรื่องในด้านนี้มาตลอด ที่จริงนางก็รู้ว่าการที่ตัวเองกับหนิวโหย่วเต๋อแอบลักลอบเจอกันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แต่ในเรื่องของความรู้สึก ต่อให้รู้ว่าตัวเองทำผิดแต่ก็ยากจะควบคุมตัวเองได้
เมื่อรู้ว่าลูกสาวเขินอาย หวงฝู่ตวนหรงก็คอยช่วยพูดเปลี่ยนประเด็นอยู่ข้างๆ “นางยังอเด็กเกินไปที่จะแบกรับหน้าที่เพียงลำพัง โชคดีที่ท่านปู่และพวกท่านอาคอยช่วยมาตลอด”
หวงฝู่เลี่ยนคงหัวเราะเบาๆ “ไม่ต้องพูดจาตามมารยาทแล้ว คนครอบครัวเดียวกันไม่ต้องอ้อมค้อม เมื่อครู่นี้ข้าปรึกษากับท่านอาทั้งสองของเจ้าแล้ว ค่าเตรียมจะถอยออกจากตำแหน่งหัวหน้าตระกูลแล้ว เตรียมจะส่งต่อให้โหรวโหรว”
อู่หนิงพลันเงยหน้า
“…” หวงฝู่จวินโหรวพลันเงยหน้าเช่นกัน ยังนึกว่าตัวเองฟังผิดไป
หวงฝู่ตวนหรงอุทาน “หา” บนใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเมื่อนายท่านถอยออกจากตำแหน่งแล้ว เบื้องล่างยังมีลูกชายอีกสองคนและหลานชายอีกเป็นกองเป็นตัวเลือก เหตุใดตำแหน่งหัวหน้าตระกูลจึงมาตกอยู่ในมือหลานสาวนอกรุ่นที่สี่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะอู่หนิงแต่งงานเข้าตระกูล หวงฝู่จวินโหรวก็จะเป็นคนนอกแซ่ไปเลย ไม่ว่าจะพูดจากมุมไหน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะรับช่วงตำแหน่งหัวหน้าตระกูล แม้แต่นางเองก็ยังรู้สึกว่าทำอย่างนี้เกินไปหน่อย
นางรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “ท่านปู่ โหรวโหรวยังเด็กอยู่ แบกรับหน้าที่สำคัญอย่างนี้ไม่ไหว”
หวงฝู่เลี่ยนคงก็ไม่เปลืองคำพูด หันกลับไปมองลูกชายสองคนแล้วถามว่า “พวกเจ้ามีอะไรไม่เห็นด้วยหรือเปล่า?”
ลูกชายทั้บสองสอบตากันแวบหนึ่ง แล้วเดินเข้ามา แสดงท่าทีพร้อมกัน “พวกเราจะสนับสนุนโหรวโหรวเต็มที่”
หวงฝู่เลี่ยนคงขานรับแล้วบอกว่า “พวกเจ้าได้ยินหมดแล้วนะ ตาแก่คนนี้ก็มีเจตนานี้ จะเด็กหรือไม่เด็กนั้นไม่สำคัญ ไม่ว่าใครก็เริ่มต้นจากตอนอายุยังน้อยทั้งนั้น ตราบใดที่มีทุกคนสนับสนุนก็พอ ถ้าใครไม่ยอม ก็พูดออกมาได้เลย!”
หวงฝู่จวินโหรวเริ่มกลัวแล้ว “ท่านปู่ทวด ความสามารถของข้ามีจำกัด คือว่า…”
หวงฝู่เลี่ยนคงยกมือตัดบท “ไม่ต้องพูดจาถ่อมตัวแล้ว ที่ข้าให้เจ้ารับช่วงต่อตำแหน่งหัวหน้าตระกูล ก็ย่อมต้องพิจารณามาแล้ว ไม่ใช่การตัดสินใจที่บุ่มบ่าม ใต้หล้านี้กำลังจะถูกกวาดล้างครั้งใหญ่ หลายปีมานี้ตระกูลหวงฝู่ล่วงเกินคนอื่นไว้ไม่น้อยทั้งในที่ลับและในที่แจ้ง ใครๆ ก็รู้ว่าในอดีตมีใครหนุนหลัง ยังไม่ต้องพูดถึงว่าจะโดนคิดบัญชี แต่ความยุ่งยากคงหนีไม่พ้น ภูตผีปีศาจสายต่างๆ เยอะเกินไป ถ้าไร้อำนาจอิทธิพล ใช้เงินไล่อย่างเดียวก็ไล่ไม่หมด ตอนนี้คนที่จะช่วยให้ตระกูลผ่านวิกฤตไปได้ก็มีเพียงเจ้าคนเดียว พูดจาอ้อมค้อมไปก็ไม่มีความหมาย ตอนนี้หนิวโหย่วเต๋อมีอำนาจตัดสินใจต่อใต้หล้านี้ ดูออกเลยว่าหนิวโหย่วเต๋อชอบจะมา มีหนิวโหย่วเต๋อหนุนหลังเจ้าต่างหากที่สำคัญที่สุด ที่ให้เจ้าเป็นหัวหน้าตระกูล ก็เพราะต้องการให้เจ้าบังลมบังฝนให้ลูกหลานในตระกูลอยู่อย่างสงบสุข ถ้าสามารถรักษาทรัพย์สินเงินทองไว้ได้ก็ยิ่งดี ให้เจ้ารับผิดชอบ เข้าใจไหม?”
“…” หวงฝู่จวินโหรวพูดไม่ออก
หวงฝู่ตวนหรงลองถามว่า “ท่านปู่ นี่เป็นความคิดของหนิวโหย่วเต๋อหรือคะ? ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็ให้โหรวโหรวไปคุยกับหนิวโหย่วเต๋อให้ชัดเจน ตำแหน่งหัวหน้าตระกูลไม่เหมาะกับโหรวโหรวจริงๆ” นางนึกว่าเหมียวอี้เป็นคนดิบบังคับ
“ทำไมกัน? ก่อนที่สวีถังหรานจะออกไป ไม่ได้พูดเรื่องสถานการณ์บนสนามรบให้เจ้ารู้เหรอ?” หวงฝู่เลี่ยนคงถามกลับ
หวงฝู่ตวนหรงส่ายหน้าอย่างงุนงง “เรื่องสงครามจบแล้วหรือคะ?”
เป็นเพราะเรื่องสงครามจบแล้ว สวีถังหรานถึงมีภารกิจอื่นให้ทำและกล่าวอำลาออกไป แต่ไม่ได้บอกว่าเรื่องทำศึกจบลงแล้ว ที่สำคัญเป็นเพราะสวีถังหรานไม่สะดวกจะพูดว่าเป็นเพราะหนิวโหย่วเต๋อช่วงชิงใต้หล้าได้แล้ว เขาถึงได้ทำตัวเคารพนอบน้อมไปส่งของขวัญประจบเอาใจหวงฝู่จวินโหรว
“ดูท่าแล้วพวกเจ้าคงยังไม่รู้ความจริง” หวงฝู่เลี่ยนคงส่ายหน้าถอนหายใจ เดินไปเดินมาอยู่ในตำหนัก ขณะที่ครุ่นคิดก็ค่อยๆ เล่าให้ฟัง “ก่อนหน้านี้ได้ข่าวบางอย่างมาจากซ่างกวนชิง เชื่อมโยงกับข่าวที่สายลับพวกนั้นเพิ่งว่างส่งมา ตอนนี้ข้ารู้ความเป็นมาเป็นไปคร่าวๆ แล้ว สาเหตุที่ประมุขชิงกับชิงหยวนจุนกลายเป็นศัตรูกัน คงจะเป็นหนิวโหย่วเต๋อเสี้ยม แล้วก็อาศัยให้ฝั่งเถิงเฟยก่อเรื่อง บวกกับโค่วหลิงซวีและก่วงลิ่งกงสร้างแรงกดดันให้ประมุขชิง ล่อให้ประมุขชิงติดกับดัก สังหารชิงหยวนจุน จับเซี่ยโห้วเฉิงอวี่เป็นตัวประกัน ฮุบกลืนทัพใหญ่แดนรัตติกาล แล้วก็ใช้วิธีการอย่างต่อเนื่องบีบให้เฉิงไท่เจ๋อหมดหนทางจนต้องนำกำลังพลมาสวามิภักดิ์ กองทัพองครักษ์แปดร้อยล้านของประมุจชิงติดกับดักของหนิวโหย่วเต๋อ ถูกตีพินาศย่อยยับ ทำให้ประมุขชิงสูญเสียกำลังเยอะมาก จำเป็นต้องออกรบด้วยตัวเอง แล้วหนิวโหย่วเต๋อก็ฉวยโอกาสบีบให้เถิงเฟยยอมสวามิภักดิ์อีก จากนั้นก็สู้กับโค่วหลิงซวี ทำให้ทั้งตระกูลโค่วหลิงซวีถูกสังหารหมด บีบให้ก่วงลิ่งกงหนีหัวซุกหัวซุน หนิวโหย่วเต๋อนำทัพใหญ่ไล่สังหาร กวาดล้างตลอดทางจนถึงเขาหลิงซาน บีบบังคับให้ก่วงลิ่งกงยอมสวามิภักดิ์ จากนั้นก็มาทำศึกตัดสินกับชิงและพุทธะทัพใหญ่ ตอนนี้ทัพใหญ่ของชิงและพุทธะพินาศย่อยยับหมดแล้ว ชิงและพุทธะก็ถูกหนิวโหย่วเต๋อประหารเช่นกัน
ตอนนี้ใต้หล้ารวมเป็นหนึ่งเดียว หนิวโหย่วเต๋อกลายเป็นประมุขของใต้หล้าเพียงคนเดียวแล้ว! รายละเอียดในระหว่างนั้นถึงแม้จะไม่รู้ชัดเจน แต่ดูสถานการณ์คร่าวๆ ก็ยิ่งใหญ่อลังการมาก ทำให้คนดวงตาพร่าพราย ดูการต่อสู้จนตาลาย ใช้วิธีการที่คาดเดาได้ยากอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นหนึ่งในใต้หล้า เป็นสิงห์ร้ายทะเยอทะยานแห่งยุคจริงๆ ตระกูลหวงฝู่ของข้ามีหรือจะกล้าลูบหนวดเสือ จะไม่ยอมศิโรราบได้อย่างไร!”
ชิงและพุทธะตายแล้ว? อู่หนิง หวงฝู่ตวนหรงและหวงฝู่จวินโหรวตกตะลึงพรึงเพริด ยังนึกว่าศึกนี้จะสู้กันนานเสียอีก นึกไม่ถึงว่าจะตัดสินแพ้ชนะไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าหนิวโหย่วเต๋อจะกำจัดชิงและพุทธะที่เป็นหนึ่งในใต้หล้าแล้ว ในที่สุดตอนนี้ก็เข้าใจการตัดสินใจของตระกูลแล้ว
เหตุผลก็ไม่ได้ซับซ้อน เพราะสถานการณ์ไม่เหมือนตอนที่เคยอยู่ในมือชิงและพุทธะแล้ว หนิวโหย่วเต๋อยังต้องการให้สมาคมวีรชนดำรงอยู่หรือไม่ก็ไม่แน่ ถ้าผลักดันให้หวงฝู่จวินโหรวขึ้นตำแหน่งหัวหน้าตระกูล ต่อให้หนิวโหย่วเต๋อต้องการจะกำจัดสมาคมวีรชน แต่ก็หวังว่าหวงฝู่จวินโหรวจะแสดงประโยชน์ได้เมื่ออยู่ต่อหน้าหนิวโหย่วเต๋อ อย่างน้อยก็ปกป้องทั้งตระกูลหวงฝู่เอาไว้
เมื่อเห็นสองแม่ลูกไม่พูดอะไร หวงฝู่เลี่ยนคงก็รู้ว่าพวกนางเข้าใจแล้ว จ้องหวงฝู่จวินโหรวพร้อมบอกว่า “โหรวโหรว เรื่องในตระกูลเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ต้องสนับสนุนเจ้าเต็มที่แน่นอน ส่วนทางด้านหนิวโหย่วเต๋อเจ้าก็ต้องทุ่มเทความคิดสักหน่อย อย่าให้ขาดความโปรดปราน! ตอนนี้เขาปกครองใต้หล้าแล้ว ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว สภาพจิตใจจะเริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อย อย่าหวังว่าเขาจะปฏิบัติต่อเจ้าเหมือนเมื่อก่อนตลอดไป เวลาที่เจ้าควรเป็นฝ่ายรุก เจ้าก็ต้องกระตือรือร้น!”
หวงฝู่จวินโหรวไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี ก่อนหน้านี้กังวลว่าตระกูลจะคัดค้าน ตอนนี้กลับเกลี้ยกล่อมให้นางเป็นฝ่ายรุก ทั้งยังพูดอย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้อีก สมจริงเกินไปแล้ว จะให้นางทนความรู้สึกได้อย่างไร เพียงแต่พอคิดว่าหนิวโหย่วเต๋อกำลังจะปกครองใต้หล้า นางก็ยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไร พอนึกถึงว่าผู้ชายที่ตัวเองแอบลักลอบพบกันกำลังจะกลายเป็นราชัน ก็รู้สึกราวกับฝันไป
หวงฝู่ตวนหรงก้มหน้าไม่พูดจา อู่หนิงขบกรามแน่น จะให้ลูกสาวของเขาไปช่วงชิงความโปรดปราน เขาต่างหากคือคนที่ทนความรู้สึกนี้ไม่ได้ที่สุด…
หุบผาชันในภูเขาลึก เงาคนคนหนึ่งถลันเหยียบลงมา เป็นเฉาหม่านที่ปลอมตัวแล้ว เหยียบลงริมลำธารแล้วมองซ้ายมองขวาด้วยแววตาฉงนสนเท่ห์
เขาได้รับข้อความจากเว่ยซู บอกว่านายท่านใหญ่ต้องการพบเขา บอกว่ามีเรื่องจะสั่ง แต่เมื่อมาถึงที่นี่แล้วกลับไม่เห็นเงาคน ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องอะไรกันแน่ ทำได้เพียงรออยู่ที่นี่
ทว่าแทบจะในทันที ด้านนอกก็มีเสียงต่อสู้ดังสะเทือนเลือนลั่น ทั้งยังไม่รอให้เขาออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เห็นด้านบนของหุบผาชันปรากฏกำลังพลกลุ่มใหญ่กะทันหัน ล้อมเขาไว้ในหุบผาชันแล้ว ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์จำนวนมากเล็งมาที่เขา ใบหน้าเยียบเย็นที่อยู่หน้าสุดไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเหยียนซิวนั่นเอง
เมื่อเห็นเหยียนซิว เฉาหม่านก็เข้าใจแล้ว ว่าคงจะเป็นหนิวโหย่วเต๋อที่ลงมือกับตน เสียงต่อสู้ด้านนอกคงจะเป็นทหารอารักขาของตัวเอง เพียงแต่เขาไม่เข้าใจว่าใครกำลังทรยศเขากันแน่ เว่ยซู? ท่านพ่อ? หรือเป็นชีเจวี๋ย? เพียงแต่เขาตัดชีเจวี๋ยออกอย่างรวดเร็ว เพราะชีเจวี๋ยไม่รู้ว่าเขามาที่นี่
อย่าบอกนะว่าท่านพ่ออยากจะเปลี่ยนหัวหน้าตระกูลอีกแล้ว? พอนึกถึงตรงนี้ เฉาหม่านก็เผยสิหน้าดุร้าย ในใจแค้นมาก!
“ถ้าไม่อยากตายก็ยอมให้จับแต่โดยดี จะได้ทรมานน้อยๆ หน่อย!” เหยียนซิวมองลงมาจากข้างบนพร้อมกล่าวเสียงเย็นยะเยือก
หลังจากได้รับคำสั่งจากเหมียวอี้ให้ขุดรากถอนโคนอำนาจของตระกูลเซี่ยโห้ว เหยียนซิวกับหยางชิ่งก็ปรึกษากัน ด้วยคำแนะนำของหยางชิ่ง เหยียนซิวนำคนกลุ่มหนึ่งรีบมาจับตัวเฉาหม่านไว้ก่อน
เบื้องลึกของตระกูลเซี่ยโห้ว ถึงแม้ฝั่งเหมียวอี้จะรู้อย่างชัดเจนแล้ว แต่เบื้องลึกของเฉาหม่านกลับไม่มีใครรู้ เฉาหม่านจะต้องมีกำลังพลที่ตัวเองแอบเลี้ยงไว้อย่างลับๆ แน่นอน หยางชิ่งกลัวว่าถ้าลงมือกับจุดอื่นก่อนแล้วจะทำให้เฉาหม่านไหวตัวทัน เพราะตอนนี้เฉาหม่านคือจุดศูนย์กลางของตระกูลเซี่ยโห้ว ดังนั้นพอลงมือก็ต้องควบคุมเฉาหม่านให้ได้ก่อน จะปล่อยให้เฉาหม่านกระจายข่าวไปถึงอำนาจแต่ละแห่งของตระกูลเซี่ยโห้วไม่ได้
ยามเผชิญหน้ากับการล้อมของทัพใหญ่ เฉาหม่านไม่มีทางเลือกอื่น สุดท้ายก็ถูกส่งตัวมาตรงหน้าเหยียนซิว หน้ากากที่ใส่ไว้บนใบหน้าก็ถอดออกแล้ว
“ชีเจวี๋ยอยู่ที่ไหน?” เหยียนซิวถาม
ชีเจวี๋ยเป็นลูกน้องคนสนิทของเฉาหม่าน รู้เรื่องเยอะเกินไป ต้องจับตัวมาให้ได้
“เป็นใครที่ทรยศข้า?” เฉาหม่านแยกเขี้ยวยิงฟันถามกลับ
เหยียนซิวขี้คร้านจะเปลืองคำพูด ธงเรียกวิญญาณหมุนวนอยู่ในมือ แสงสีดำสายหนึ่งกรอกเข้าไปในร่างกายเฉาหม่าน
ทว่าผลที่ได้รับก็ทำให้เหยียนซิวแปลกใจมาก ไม่น่าเชื่อว่าเฉาหม่านก็ไม่รู้เช่นกันว่าชีเจวี๋ยอยู่ที่ไหน ชีเจวี๋ยหายตัวไปแล้ว เฉาหม่านเองก็กำลังติดต่อหาชีเจวี๋ยเช่นกัน นี่มันเรื่องอะไรกัน?
เขาภูตพเนจร ในหุบเขาที่มืดสลัวแห่งหนึ่ง เฉาเฟิ่งฉือถลันตัวเข้าไป นางได้รับสัญญาณจากเฉาหม่านเรียบกให้มาเจอกัน
ทว่าเพิ่งจะเข้าไป เฉาเฟิ่งฉือที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดระแวงก็ถอยออกมาช้าๆ เห็นเพียงกำลังพลกลุ่มหนึ่งถือธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์บีบให้นางถอยออกมา
พอมองไปข้างหลังอีก ก็พบว่ายังมีด้านบนหุบผาชันด้วย มีกำลังพลกลุ่มใหญ่ปรากฏตัวและล้อมนางไว้แล้ว…