พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2243 พี่ใหญ่เยี่ยน
เมื่อออกจากเรือนเล็ก โกวเยว่ที่ออกมาก็พบกับเม่ยเหนียงที่รออยู่ตรงประตู
สิ่งที่เรียกว่าสัตว์ร้อยเท้าแม้ตายร่างก็ยังไม่แน่นิ่ง เม่ยเหนียงรู้ชัดอยู่แก่ใจ ตระกูลก่วงยังมีทางที่จะลอยขึ้นเหนือน้ำอยู่บ้าง โกวเยว่จะต้องมีแผนในใจกับเรื่องภายนอกอยู่แล้ว แต่เรื่องบางเรื่อง โกวเยว่ก็ไม่ค่อยเป็นฝ่ายบอกนางก่อน ดังนั้นนางจึงจับตาดูก่วงลิ่งกงมาตลอด รู้ว่าเมื่อโกวเยว่มาแล้วแสดงว่าจะต้องมีเรื่องอะไรแน่นอ ในตอนนี้ถ้าจะไม่ให้สนใจก็คงยาก
“ท่านอ๋องเป็นยังไงบ้าง?” เม่ยเหนียงถามตามปกติ
โกวเยว่ยังคงส่ายหน้าถอนหายใจ
เม่ยเหนียงถามอีกว่า “ทำไมถึงกักบริเวณพวกเราไม่ปล่อยเสียที หนิวโหย่วเต๋อคิดจะทำยังไงกับพวกเรากันแน่?” คำถามเดียวกันนี้ ผู้หญิงคนนี้อื่นของก่วงลิ่งกงก็ถามเขาบ่อยเช่นกัน ทุกคนต่างสื่อว่าลูกสาวเจ้าได้กลายเป็นสนมสวรรค์แล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงไม่แสดงบทบาทอะไรสักนิดเลยล่ะ?
นางเครียดมาก ถ้าก่วงลิ่งกงเป็นอย่างนี้จริงๆ ทางฝั่งก่วงเม่ยเอ๋อร์ก็หวังอะไรไม่ได้ ลูกชายเหล่านั้นของก่วงลิ่งกงคงไม่ยอมให้ผู้หญิงที่เข้ามาเป็นนายหญิงที่หลังอย่างนางมีอำนาจตัดสินใจที่ตระกูลก่วงอีก แม้ตระกูลก่วงจะพ่ายแพ้ตกต่ำแล้ว ต่อให้อาหารในจานจะน้อยสักแค่ไหน แต่ก็ยังหวังจะมีอำนาจในการแบ่งสรรปันส่วน คนกลุ่มนี้จะสามารถล้มนางได้ง่ายๆ ให้นางเจอกับฉากอันหนาวเหน็บน่ารันทดได้เลย นี่คือเรื่องที่นางหวาดกลัวและทำใจรับได้ยาก
“นี่เพิ่งกักบริเวณไม่กี่วันเอง ความคิดของหนิวโหย่วเต๋อยังอยู่กับการเก็บกวาดสถานการณ์ที่กำลังพังพินาศย่อยยับของใต้หล้า ยังไม่มีอารมณ์มานึกถึงพวกเรา” โกวเยว่ปลอบโยน รู้เช่นกันว่านางกำลังกังวลอะไร จึงเกริ่นว่า “คุณหนูยังไม่เข้าห้องหออีกหรือขอรับ?”
เม่ยเหนียงส่ายหน้า “หนิวโหย่วเต๋อไม่ได้มาเจอหน้าเม่ยเอ่อร์เลย” นี่คือเรื่องที่นางกังวลใจที่สุด
โกวเยว่พูดปลอบใจอีกว่า “เหนียงเหนียงวางใจได้ ตอนนี้หนิวโหย่วเต๋อยังไม่มีเวลามาคิดเรื่องนั้น รออีกประเดี๋ยวให้เขาว่างแล้ว ด้วยความงดงามของคุณหนู ไม่มีเหตุผลที่หนิวโหย่วเต๋อจะไม่หวั่นไหว เพียงแต่ว่า…เหนียงเหนียงก็ต้องพยายามโน้มน้าวให้คุณหนูเป็นฝ่ายรุกบ้าง อย่าเอาแต่บลุกอยู่ในห้อง บ่าวเองก็เข้าใจว่าการแย่งชิงความโปรดปรานเป็นสิ่งที่ทำให้คุณหนูสุดจะทนได้ แต่ความจริงก็คือความจริง หนิวโหย่วเต๋อตัดสินชะตากรรมของทุกคนในตระกูลก่วงได้ ต่อให้คุณหนูไม่คำนึงถึงตัวเอง แต่ก็ต้องคำนึกถึงสถานการณ์ของบิดามารดาด้วยมิใช่หรือขอรับ? เหนียงเหนียงควรจะอธิบายถึงความยากลำบากของตัวเองให้คุณหนูฟังมากๆ หน่อย โน้มน้าวมากๆ หน่อยขอรับ”
สามารถพูดอย่างนี้กับเม่ยเหนียงได้ ที่จริงเขาก็กังวลเช่นกัน อนุภรรยาของหนิวโหย่วเต๋อก็มีคนที่ตระกูลก่วงส่งไป พอจะรู้สถานการณ์ในวังอยู่บ้าง รู้แล้วว่าหนิวโหย่วเต๋อเข้าห้องกับผู้หญิงเพิ่มอีกคนแล้ว แต่งตั้งสนมสวรรค์เพิ่มอีกคน แม้จะเดาออกจึงเจตนาที่หนิวโหย่วเต๋อแต่งตั้งซิงเป็นสนมสวรรค์ แต่ถ้ามองจากอีกมุม ก็เหมือนจะเดาได้เช่นกันว่าก่วงเม่ยเอ๋อร์หมดคุณค่าให้หนิวโหย่วเต๋อใช้ประโยชน์แล้ว เหมือนจะถูกหนิวโหย่วเต๋อลืมแล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปจะไหวเหรอ? ทว่าตระกูลก่วงก็หาสิ่งที่มีมูลค่ามากพอเพื่อไปสนับสนุนก่วงเม่ยเอ๋อร์ไม่ได้เหมือนกัน ตอนนี้ต้นทุนอย่างเดียวที่มีมูลค่ามากที่สุดของก่วงเม่ยเอ๋อร์ก็คือความงามของตัวเอง ถ้าก่วงเม่ยเอ๋อร์สามารถแสดงบทบาทของตัวเองได้ ก็เป็นการลงทุนน้อยแต่ได้ผลตอบแทนมากที่สุด
เรื่องที่เกี่ยวจ้องกับอนาคตของทุกคนในตระกูลก่วง สำหรับโกวเยว่ ไม่ว่าก่วงเม่ยเอ๋อร์จะเต็มใจทำหรือไม่ เขาก็จะคิดหาทางบีบให้ก่วงเม่ยเอ๋อร์ทำอย่างนั้น
พอนึกถึงตรงนี้ ความคิดแบบในปีนั้นที่ก่วงลิ่งกงอยากจะให้ก่วงเม่ยเอ๋อร์ไปเป็นฮูหยินเอกของหนิวโหย่วเต๋อ ตอนนี้โกวเยว่ไม่หวังแล้ว ถ้าตอนนี้ไปแข่งกับอวิ๋นจือชิวก็เท่ากับรนหาที่ตายโดยแท้ แค่อวิ๋นจือชิวดีดนิ้วครั้งเดียวก็ทำให้ทั้งตระกูลก่วงกลายเป็นเถ้าถ่ายได้แล้ว ตอนนี้หวังแค่ให้หนิวโหย่วเต๋อไปนอนกับก่วงเม่ยเอ๋อร์ก็พอ
ความคิดแบบนี้แม้จะหยาบคายเกินทน และฟังดูน่าสงสารมาก แต่ต่อให้เป็นเม่ยเหนียงเอง ก็เฝ้ารอความเคลื่อนไหวในวังตาปริบๆ รอให้หนิวโหย่วเต๋อมาค้างกับลูกสาวตัวเอง ต่อให้มาค้างรอบเดียวก็ยังดี ขอเพียงมีข่าวนี้ส่งมา ก็จะช่วยให้พวกที่เตรียมจะเล่นงานนางในตระกูลก่วงหยุดทันที
ตอนนี้เม่ยเหนียงเริ่มตระหนักได้แล้ว คงหวังไม่ได้อีกแล้วว่าก่วงลิ่งกงจะฮึกเหิมขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าก่วงลิ่งกงกลับมามีชีวิตชีวาเหมือนมังกรอีกครั้ง เกรงว่าคงทำให้หนิวโหย่วเต๋อระแวดระวังทันที แบบนั้นไม่ใช่เรื่องดีสำหรับตระกูลก่วง เพื่อทั้งตระกูลก่วง เกรงว่าก่วงลิ่งกงคงจะทิ้งนาง คงจะนิ่งดูดายปล่อยให้นางโดนโค่นตำแหน่ง และมีความเป็นไปได้สูงว่าคนในตระกูลก่วงที่เตรียมจะเล่นงานนางจะคำนึงถึงจุดนี้แล้ว…
ในสวนกลางเขียวขจี เทพธิดากลุ่มหนึ่งกำลังยุ่งอยู่กับการทำงาน นำดอกไม้แปลกหน้าขุดใส่กระถาง รวบรวมเมล็ดพันธุ์ของพืชชนิดต่างๆ
สนมนักโทษร้อบกว่าคนที่ไม่ได้ออกจากสวนกลางเขียวขจี ตอนนี้ก็ถอดชุดชาววังที่งดงามหรูหราแล้วเช่นกัน เปลี่ยนเป็นเครื่องแต่งกายของเทพธิดาแบบธรรมดา กำลังติดตามทำงานอยู่กับทุกคน
แม่เฒ่าลวี่ยืนค้ำไม้เท้าอยู่ระหว่างนั้น คอยสั่งและกำชับ
เฟยหงเดินออกมาจากจุดไกลๆ ติดตามอยู่ข้างกายแม่เฒ่าลวี่ นางมองอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “จำเป็นต้องรีบร้อนขนาดนี้เชียวหรือคะ?”
แม่เฒ่าลวี่ถอนหายใจ “ให้เวลาพวกเจ้าแค่สองวัน จะย้ายทั้งสวนกลางเขียวขจีไปที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์ก็ไม่ได้ พืชพรรณที่สวนกลางเขียวขจีมีเยอะมาก แค่เก็บรวบรวมแต่ละชนิดก็มีไม่น้อยแล้ว”
นางได้รับบัญชาจากวังสวรรค์แล้ว ว่าต้องย้ายทุกตำแหน่งของสวนกลางเขียวขจีไปที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์
“จะให้ข้าเชิญกำลังพลกลุ่มหนึ่งมาช่วยหรือไม่?” เฟยหงถาม
แม่เฒ่าลวี่โบกมือ “ไม่ต้องแล้ว พืชบางชนิดก็บอบบางมาก ถ้าคนที่ไม่เข้าใจเข้ามายุ่งก็กลับจะวุ่นวายด้วยซ้ำ พวกเราเร่งมือกันเองก็สามารถทำได้ดี ใช่แล้ว จะให้สวนกลางเขียวขจีย้ายไปที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์หมายความว่าอย่างไร อย่าบอกนะว่าศูนย์กลางตำหนักสวรรค์จะย้ายไปที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์?”
“เหมือนจะเป็นอย่างนี้ค่ะ” เฟยหงพยักหน้า
ในตำหนักสวรรค์ เยี่ยนเป่ยหงหันตัวไปเงียบๆ เดินก้าวยาวไปนอกตำหนัก หงซิ่ว หงฝูย่อตัวคำนับเหมียวอี้ แล้วหันตัวเดินตามไป
เหมียวอี้ที่มองตามพลันตะโกนเรียก “พี่ใหญ่เยี่ยน!”
เยี่ยนเป่ยหงไม่ได้ขานรับ ไม่ได้หันกลับมา นำหงซิ่วกับหงฝูหายไปจากสายตาเหมียวอี้
ที่จริงตอนที่ทำศึกใหญ่กับชิงและพุทธะ เยี่ยนเป่ยหงก็อยู่ข้างกายเหมียวอี้ สำหรับเหมียวอี้แล้ว เยี่ยนเป่ยหงอยากจะรนหาที่ตายโดยแท้ เพราะเยี่ยนเป่ยหงกระหายอยากจะสู้กับชิงและพุทธะ ต่อให้เป็นพระปีศาจหนานโปก็ได้ ให้เหมียวอี้หาโอกาสให้เขา
แม้เหมียวอี้จะตอบรับเขาแล้ว แต่กลับเตรียมป้องกันเหตุไม่คาดคิดเท่านั้น ถ้าไม่หมดทางเลือกจริงๆ เขาก็จะไม่คิดจะให้เยี่ยนเป่ยหงไปเสี่ยงอันตราย
ผลปรากฏว่าชิงและพุทธะตายแล้ว แม้แต่พระปีศาจหนานโปก็ตายแล้วเช่นกัน เหมียวอี้ไม่ได้ทำให้เยี่ยนเป่ยหงสมปรารถนา
เมื่อครู่นี้ เหมียวอี้เล่าสถานการณ์ในปัจจุบันให้เขาฟัง บอกว่าตัวเองช่วงชิงใต้หล้ามาได้แล้ว แอบบอกใบ้ว่าไม่อยากให้เยี่ยนเป่ยหงก่อความวุ่นวายในใต้หล้านี้ต่อไป หวังว่าเยี่ยนเป่ยหงจะมาช่วยเขาอีกแรง
เยี่ยนเป่ยหงปฏิเสธที่จะเป็นลูกน้องของเขา ขณะเดียวกันก็บอกว่าจะไม่ทำให้เขาลำบากใจ จะไม่ก่อความวุ่นวายในใต้หล้าของเหมียวอี้ แต่ก็ไม่อยากอยู่ที่นี่อย่างสงบเสงี่ยมเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าต้องการจะไปอาณาเขตดาวนิรนามหรือไม่ก็ค้นหาพิภพใหม่
เหมียวอี้โน้มน้าวไม่ได้ผล เยี่ยนเป่ยหงตัดสินใจจากไปอย่างไม่ลังเล…
ภายใต้ม่านราตรี หยางชิ่งเหาะลงมาจากฟ้า เหยียบลงตรงหน้าประตูเรือนพักที่งดงามราบเรียบหลังหนึ่งของอุทยานหลวง ทหารอารักขาที่ติดตามหยุดรออยู่ข้างนอก หยางชิ่งเดินก้าวยาวเข้าไป
ในสวน ชิงเหมยเข้ามาต้อนรับ แล้วเดินเข้าห้องหนังสือด้วยกัน
หยางชิ่งนั่งลงหลังโต๊ะหนังสือ ชิงเหมยนำน้ำชาถ้วยหนึ่งมาวาง แล้วถามว่า “นายท่านงานยุ่งจนกลับมาดึกขนาดนี้ หรือว่าเรื่องศึกภายนอกเกิดเหตุไม่คาดคิดอะไรคะ?”
หยางชิ่งยกถ้วยน้ำชาจิบคำหนึ่งแล้ววางลง “เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ไม่ได้แล้ว การต่อสู้เล็กๆ พลิกฟ้าไม่ได้ ความสนใจของฝ่าบาทย้ายไปอยู่กับการสร้างแนวทางของใต้หล้าแล้ว จะจัดวางคนยังไง จะแบ่งตำแหน่งยังไง ทำแบบไหนถึงจะปกครองให้สงบสุขได้นาน ตอนนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่ที่สุดที่เขากำลังพิจารณา ต้องปรึกษากันมากๆ หน่อย ก็เลยคุยจนดึกโดยไม่รู้ตัว”
ชิงเหมยเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วถามว่า “นายท่านเข้าไปยุ่งด้วยลึกเกินไปหรือเปล่า?”
“ฝ่าบาทเรียกหาแล้ว ไม่สะดวกจะปฏิเสธ” หยางชิ่งส่ายหน้า
ชิงเหมยลังเลนิดหน่อย ก่อนจะนำกระดาษม้วนหนึ่งออกจากแหวนเก็บสมบัติ กางออกตรงหน้าหยางชิ่งช้าๆ กดสองด้านเอาไว้ บนกระดาษมีตัวหนังสือตัวใหญ่เขียนว่า : ทำสำเร็จแล้วถอนตัว!
ขณะจ้องตัวอักษรสี่ตัวนี้ หยางชิ่งตกอยู่ในสภาพห่อเหี่ยวทันที เหม่อลอยแล้ว
ชิงเหมยกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “นี่คือสิ่งที่นายท่านเขียนด้วยตัวเอง ตอนแรกบอกให้บ่าวเก็บรักษาไว้ให้ดี บอกบ่าวว่าอย่าลืมเตือน สิ่งที่นายท่านบอกไว้ตอนแรก บ่าวจดจำได้เหมือนเกิดขึ้นใหม่ ไม่ทราบว่านายท่านยังจำได้หรือเปล่าคะ?”
หยางชิ่งพยักหน้าเงียบๆ เอามือลูบรอยบนกระดาษ กล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “วิหคสิ้นเกาทัณฑ์ซ่อน กระต่ายม้วยย่างสุนัข! ข้ากังวลมาตลอด มีหรือจะข้าจะจำไม่ได้ วันนี้เผยเค้าลางแรกแล้ว ฝ่าบาทกำลังเริ่มเก็บยึดธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์จากมือทัพใหญ่แต่ละทัพแล้ว ใต้หล้าไม่มีอำนาจใดมาตีเสมอกับฝ่าบาทแล้ว ฝ่าบาทเผยความปรารถนาที่จะยึดกุมฟ้าดินทั้งหมดแล้ว ครั้งนี้เกรงว่าจะไม่ได้มีแค่ข้า ต่อไปถ้ามีคนไม่ยอมปล่อยอำนาจทางทหารในมือ เกรงว่าจุดจบคงจะอนาถมาก ไม่แน่ว่าอาจจะมีการเชือดไก่ให้ลิงดูก็ได้!”
เมื่อเห็นเขามีแผนอยู่ในใจแล้ว ชิงเหมยก็สงบใจแล้วเช่นกัน ถามอีกว่า “ได้ยินว่าฝ่าบาทต้องการจะสร้างวังสวรรค์ใหม่ที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์หรือคะ?”
หยางชิ่งตอบว่า “ฝ่าบาทเปลี่ยนความคิดแล้ว เตรียมจะย้ายทั้งสวรรค์ไปที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์ กำหนดที่ตั้งไว้ที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์แล้ว อีกไม่กี่วันก็จะเริ่มย้าย”
“ย้ายทั้งวังสวรรค์ไปที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์? ของใหญ่โตอลังการขนาดนี้ ไม่มีทางเก็บเข้าแหวนหรือกำไลเก็บสมบัติได้ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าตอนข้ามประตูดวงดาวจะเปลืองกำลังคนขนาดไหน ได้ยินว่าอยู่ที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์เหาะไม่ได้ วังสวรรค์ที่ใหญ่โตขนาดนี้ ถ้าลากอยู่บนพื้นแดนมรณะดึกดำบรรพ์จะต้องใช้ก่อสร้างมากขนาดไหนเชียว?” ชิงเหมยตกใจไม่เบา
หยางชิ่งบอกว่า “ฝ่าบาทตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ตอนนี้เป็นเวลาที่ฝ่าบาทจะแสดงอำนาจบารมีในการสั่งการต่อใต้หล้า จะทำงานใหญ่สักสองสามเรื่องเพื่อแสดงให้เห็นก็ไม่แปลก ลองโน้มน้าวแล้วไม่ได้ผล ก็เลยไม่มีใครห้ามแล้ว กำลังพลกลุ่มใหญ่กำลังเตรียมตัว” พูดจบก็โบกมือถามว่า “ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว พวกเวยเวยออกเดินทางแล้วหรือยัง?”
“ค่ะ ตอนนี้อยู่ระหว่างทางแล้ว” ชิงเหมยเอ่ยรับ แล้วถามอย่างลังเลอีกว่า “เรื่องของซูอวิ้น ต่อไปจะอธิบายกับฮูหยินยังไงคะ? แล้วจะอธิบายกับซูอวิ้นเรื่องฮูหยินยังไง?”
หยางชิ่งหลับตาลงช้าๆ “ถ้าอยากจะคิดเล็กคิดน้อยก็คิดไป ตามใจพวกนางเถอะ”
ชิงเหมยพูดไม่ออกมาก…
วังสวรรค์ เหยียนซิวเหยียบเข้ามาอย่างเป็นทางการครั้งแรก
สำหรับสมาชิกคนสำคัญของตระกูลเซี่ยโห้ว เหมียวอี้รู้ข้อมูลโดยละเอียดตั้งนานแล้ว เหยียนซิวนำคนไปกำจัดทิ้ง มีเป้าหมายชัดเจนจึงไม่เปลืองแรงสักเท่าไร ส่วนรายละเอียดด้านอื่นๆ ก็ไม่จำเป็นต้องให้เหยียนซิวไปจัดการเองแล้ว หลังจากเขารับช่วงต่องานแล้ว เหยียนซิวก็กลับไปรับพวกฉินเวยเวยที่พิภพเล็กทันที
ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่เดินตามหลังเหยียนซิวก็เพิ่งมาเหยียบวังสวรรค์เป็นครั้งแรกเช่นกัน ฉินเวยเวยและพวกจีเหม่ยลี่พากันมองไปรอบๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นตลอดทาง
คนกลุ่มนี้เข้าไปที่วังสวรรค์ก่อน หลังจากคำนับอวิ๋นจือชิวแล้ว เหยียนซิวก็ให้พวกฉินเวยเวยอยู่ก่อน ไม่เข้าไปร่วมวงกับกลุ่มผู้หญิง เดินเข้าไปในตำหนักสวรรค์เพียงลำพัง
ในตำหนักสวรรค์ เมื่อไม่มีบุคคลที่สาม หลังจากเหยียนซิวคำนับแล้ว เหมียวอี้ก็ถามอย่างร้อนใจทันที “ยังไม่เจอเยว่เหยาอีกเหรอ?”
เหยียนซิวส่ายหน้า “ไร้ร่องรอย ไม่ทราบว่าไปไหนแล้วขอรับ”
เหมียวอี้นั่งลงอย่างหมดแรง สีหน้าเศร้าสลด เยว่เหยาไปแล้ว ก่อนไปนางติดต่อมาหาเขา บอกว่าต้องการจะไปตระหนักและชื่นชมดาราจักรอันกว้างใหญ่ไพศาลที่ยังไม่รู้จัก จนกระทั้งตอนที่เขาติดต่อให้คนอื่นไปห้ามไว้ ตัวเยว่เหยาก็หายไปแล้ว ตอนหลังจึงตรวจสอบอย่างเข้มงวด หนึ่งในสาวใช้ที่แดนโพ้นสวรรค์บอกว่า เคยมีพระรูปหนึ่งปรากฏตัวกะทันหันและหายไปกะทันหันมาพบกับเยว่เหยา จากนั้นเยว่เหยาก็ไปแล้ว เมื่อถามเวลาโดยละเอียดและหน้าตาของพระรูปนั้น เหมียวอี้ก็แน่ใจได้ว่าพระรูปนั้นคือศีลแปด
เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ศีลแปดมีสถานการณ์อย่างไรกันแน่ ไม่รู้ว่าศีลแปดกับเยว่เหยาพบกันแล้วคุยอะไรกัน
สรุปก็คือ ติดต่อศีลแปดไม่ได้แล้ว ติดต่อเยว่เหยาไม่ได้แล้ว เจ้ารองจากเขาไปแล้ว เจ้าสามก็จากเขาไปแล้วเช่นกัน
และในครั้งนี้เทพธิดาหงเฉินก็ไม่ได้ตามเหยียนซิวมาด้วย นางไม่ยอมมา ยินดีที่จะอยู่พิภพเล็กเท่านั้น
…………………………