พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2245 หวาดระแวงกลัว
ไม่เหมือนตอนสมัยของประมุขชิง วังสวรรค์ในตอนนี้มีเรือนว่างจำนวนมาก ครอบครัวที่ติดตามแม่ทัพบางส่วนถูกจัดให้อยู่ในเรือนพักบริเวณมุมหนึ่งของวังสวรรค์
เสวี่ยหลิงหลงรู้สึกทึ่งมาก มองเรือนพักที่ขาวสวยเหมือนหยกแกะสลักครั้งแล้วครั้งเล่า ชื่นชมและชื่นชมอีก นึกไม่ถึงว่าตัวเองจะมีโอกาสได้เข้ามาในวังสวรรค์ ทั้งยังได้พักอาศัยด้วย แน่นอนว่ารู้เช่นกันว่าได้อาศัยบารมีของสามี เมื่อพูดเรื่องอาศัยบารมี นางก็แอบตื่นเต้นดีใจไม่หยุด สวีถังหรานแอบบอกไว้ชัดเจนมากแล้ว เขาอาจจะได้กลายเป็นบุคคลที่เหมือนกับทูตตรวจการขวาซือหม่าเวิ่นเทียน ซือหม่าเวิ่นเทียนเป็นบุคคลที่ขุนนางผู้มีอำนาจทั้งราชสำนักเกรงกลัว ฐานะค่อนข้างพิเศษ รู้สึกเป็นเกียรติ นางจะไม่ตื่นเต้นดีใจได้อย่างไร
พอหันกลับไปมอง ตัวสวีถังหรานอยู่ไหนล่ะ? เมื่อครู่นี้ยังอยู่ข้างหลังตัวเองอยู่เลย
นางเดินเลี้ยวกลับไปหา พบว่าสวีถังหรานยืนอยู่หน้ากระถางต้นไม้ใบหนึ่ง กำลังมองดอกไม้อย่างเหม่อลอย เห็นได้ชัดว่าใจลอยแล้ว ตรงหว่างคิ้วเผยความกังวลเล็กน้อย
เสวี่ยหลิงหลงก้าวขึ้นมาตีเขา “เป็นอะไรไปแล้ว?”
“ไม่เป็นอะไร” สวีถังหรานดึงสติกลับมาแล้วส่ายหน้ายิ้มแห้ง ยื่นมือไปประคองหลังเอวนาง แล้วเดินเล่นเป็นเพื่อนต่อไป
เพราะว่าผ่านไปครู่เดียว หยางเจาชิงก็ส่งข่าวมาแล้ว สวีถังหรานหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อ แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน
เมื่อเห็นเขาหน้านิ่วคิ้วขมวดขื่นขมยิ่งกว่ามะระ เป็นภาพที่เห็นได้ไม่บ่อย เสวี่ยหลิงหลงก็ขมวดคิ้วถาม “เป็นอะไรไป? ข้าสงสัยว่าวันนี้เจ้าเป็นอะไรกันแน่?”
สวีถังหรานถอนหายใจ “เหนียงเหนียงให้พวกเราไปพบนาง”
“ไปพบก็ไปพบสิ มีอะไรน่ากังวล ปกติเจ้าอยากจะเข้าหาแทบแย่แล้วไม่ใช่เหรอ?” เสวี่ยหลิงหลงถามอย่างสบายๆ
“ข้าเพิ่งคุยกับฝ่าบาท ให้ฝ่าบาทแต่งตั้งหวงฝู่จวินโหรวของสมาคมวีรชนเป็นสนม ฝ่าบาทก็คล้อยตาม ใส่รายชื่อหวงฝู่จวินโหรวไว้ในทะเบียนแต่งตั้งสนมสวรรค์” สวีถังหรานกล่าวด้วยสีหน้าหวาดระแวง
เสวี่ยหลิงหลงงงไปชั่วขณะ เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว จึงถามอย่างหงุดหงิดว่า “อยู่ดีๆ เจ้าจะไปยุ่งเรื่องนี้ทำไม? บางครั้งเหนียงเหนียงก็ไม่มีทางเลือก เรื่องบางเรื่องก็ทำได้เพียงปิดตาข้างเดียว ใต้หล้านี้มีผู้หญิงคนไหนยินดีแบ่งปันผู้ชายตัวเองให้คนอื่นใช้ล่ะ? ปกติเจ้าแทบจะประจบเอาใจเหนียงเหนียงไม่ทันด้วยซ้ำ ไปกินยาผิดมาหรือไง พิษเข้าสมองแล้วเหรอ?”
สวีถังหรานสะบัดมือแล้วบ่นว่า “ฮูหยินของข้าเอ๋ย เจ้าคิดว่าข้าอยากทำเรื่องนี้เหรอ? ข้าก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกัน เป็นฝ่าบาทที่แอบแนะนำให้ทำ ข้ากล้าไม่เชื่อฟังด้วยเหรอ? รู้อยู่แจ่มแจ้งว่าเป็นกับดัก ขอให้สนใจก็ต้องกระโดดลงไป!”
“เป็นประสงค์ของฝ่าบาทเหรอ?” เสวี่ยหลิงหลงอึ้งอีกครั้ง จากนั้นก็ถามอย่างสงสัย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แสดงว่าฝ่าบาทจะต้องมีความหมายลึกซึ้งอะไรสักอย่างแน่นอน น่าจะไม่ต้องกังวลมากเกินไป”
สวีถังหรานกลอกตามองบน แล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “ความหมายลึกซึ้งบ้าอะไรล่ะ เขาบอกกับเจ้าตรงๆ เลยแล้วกัน หวงฝู่จวินโหรวได้กับฝ่าบาทตั้งนานแล้ว เป็นผู้หญิงที่ฝ่าบาทเลี้ยงเอาไว้ข้างนอก ถ้าไม่มีฝ่าบาทหนุนหลัง เจ้าคิดว่าในตระกูลหวงฝู่จะตอบตกลงให้หลานสาวนอกรุ่นที่สี่มาเป็นเจ้าบ้านได้เหรอ?”
เสวี่ยหลิงหลงเหม่อทันที ตอนนี้เข้าใจแล้ว สงสัยฝ่าบาทคงอยากจะฉวยโอกาสนี้นำชู้รักที่เลี้ยงไว้ข้างนอกเข้ามาอยู่ในวังอย่างชอบธรรม แสดงว่าสถานการณ์ของหวงฝู่จวินโหรวไม่เหมือนกับคนอื่นที่เข้าวังมา ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้หญิงคนไหนก็ยอมรับได้ยากทั้งนั้น มิหนำซ้ำ ราชินีสวรรค์ที่กุมอำนาจมหาศาลของวังหลังก็แข็งกร้าวขนาดนี้ ไม่ใช่คนที่เซี่ยโห้วเฉิงอวี่จะเทียบติด ถ้าให้ราชินีสวรรค์รู้เรื่องนี้จะไม่แย่หรอกหรือ? นางเองก็ร้อนใจแล้วเช่นกัน หยิกสวีถังหรานอย่างแรงหนึ่งที “เจ้าบ้าไปแล้วสินะ ไปทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง เหนียงเหนียงเป็นคนยังไงเจ้ายังไม่รู้ชัดเจนอีกเหรอ? กับเรื่องในด้านนี้แม้แต่ฝ่าบาทก็ยังกลัวนาง เจ้ากล้าออกหน้าได้ยังไง?”
สวีถังหรานยักไหล่สองข้าง “เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาทต้องการให้ข้าเป็นแพะรับบาป แล้วข้าจะทำยังไงได้?”
เสวี่ยหลิงหลงกลายเป็นมดที่ลนลานอยู่ในหม้อร้อนทันที นางเดินกลับไปกลับมา ถามอย่างกระวนกระวายว่า “ทำยังไงดีล่ะ ทำยังไงดี ไม่ใช่ว่าเหนียงเหนียงรู้แล้วหรอกนะ ต้องการจะคิดบัญชีกับพวกเราใช่ไหม?”
สวีถังหรานถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม “ข้าก็กังวลเหมือนกัน ตามหลักแล้วเหนียงเหนียงไม่น่าจะรู้เรื่องรักลับๆ ระหว่างฝ่าบาทกับหวงฝู่จวินโหรวสิ ถ้ารู้แค่ว่าข้าเป็นคนเสนอแนะ อย่างมากก็แค่โดนตำหนิ แบบนี้ข้าก็ยอมรับได้ ตอนอยู่ข้างกายฝ่าบาท เดิมทีข้าก็ทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว ได้รับความไม่ยุติธรรมนิดหน่อยก็ไม่เป็นอะไร กลัวก็กลัวแต่ว่า…” พูดจบก็ส่ายหน้า
“ต่อให้เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดคิด เราเองก็ต้องบอกฝ่าบาทก่อนสักหน่อย ไม่อย่างนั้นพวกเราก็ทนความเกรี้ยวกราดของเหนียงเหนียงไม่ไหวหรอก!”เสวี่ยหลิงหลงเร่งให้เขารายงานเหมียวอี้
สวีถังหรานยิ้มเจื่อน “ยังต้องบอกฝ่าบาทอีกเหรอ ฝ่าบาทคงจะกลัวจนเครียดแล้วเหมือนกัน หยางเจาชิงบอกข้าแล้ว ฝ่าบาทไม่รู้ก็คงแปลก”
ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ในตำหนักดาราจักร เหมียวอี้ถือรายชื่ออยู่ในมือ เห็นชื่อของหวงฝู่จวินโหรวถูกขีดทิ้งแล้ว รู้สึกปวดประสาทนิดหน่อย อุตส่าห์สิ้นเปลืองกำลังความคิดเพื่อจะทำให้เรื่องนี้ผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ใครจะคิดว่าจะโดนอวิ๋นจือชิวตัดทิ้งอย่างไม่ลังเล
เขาย่อมเคยถามสถานการณ์ในตอนนั้นกับหยางเจาชิงมาแล้ว คนอื่นผ่านได้อย่างราบรื่นหมด มีเพียงหวงฝู่จวินโหรวที่ถูกตัดรายชื่อทิ้ง แล้วจะไม่ให้เขาอกสั่นขวัญแขวนได้อย่างไร เขากังวลว่าอวิ๋นจือชิวจะรู้อะไรบางอย่างมาแล้วหรือเปล่า แล้วเรื่องนี้เขาก็ดันไม่มีทางเจรจากับอวิ๋นจือชิวได้ อ้างว่าเป็นข้อเสนอแนะของสวีถังหรานก็ยังปิดบังได้นิดหน่อย ให้สืบลึกลงไปกว่านี้ไม่ได้เลย ถ้าสืบให้กระจ่างขึ้นมาจริงๆ ก็ถือว่าล้ำเส้นอวิ๋นจือชิวแล้ว อวิ๋นจือชิวไม่สนหรอกว่าเจ้าจะเป็นราชันสวรรค์หรือไม่ใช่ราชันสวรรค์ จะต้องสู้ตายกับเจ้าแน่นอน
ถ้าราชันสวรรค์ผู้สง่าผ่าเผยแตกหักกับราชินีสวรรค์เผื่อผู้หญิงภายนอกคนเดียวจริงๆ จะให้เขาทนความรู้สึกได้อย่างไร แบบนั้นเขาก็ไม่ต่างอะไรกับประมุขชิง เสียหน้าแบบนั้นไม่ไหว
แต่ถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป ปล่อยให้หวงฝู่จวินโหรวได้รับความอยุติธรรมหลายปีขนาดนี้ ถ้าไม่ให้คำชี้แจงก็รู้สึกผิดต่ออีกฝ่ายมาก
หยางเจาชิงยืนอยู่เบื้องล่าง ได้แต่ก้มหน้าก้มตา ไม่พูดอะไรสักคำ เขาจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องนี้เด็ดขาด ไม่แสดงท่าที กับเรื่องพรรค์นี้ เมื่อก่อนเขาเคยโดนอวิ๋นจือชิวเตือนแล้วรอบหนึ่ง ถ้ามีอีกครั้ง คิดว่าราชินีสวรรค์เป็นคนถือศีลกินเจเหรอ? นางจะต้องสั่งสอนเขาแน่ ทำให้เขาได้บทเรียนกลับไปแน่นอน
ตอนนี้หยางเจาชิงกังวลฝั่งสวีถังหราน คาดว่าสวีถังหรานคงเกิดความคิดอยากตายแล้ว? ถ้างานพังเพราะเรื่องนี้จริงๆ นอกจากจะไม่ได้ผลงานอะไรแม้แต่น้อยแล้ว แม้แต่คนช่วยพูดให้ก็คงไม่มี ทั้งยังกลายเป็นที่น่าหัวเราะเยาะอีก ไม่ได้รับความเป็นธรรมที่สุด…
จะเป็นบุญวาสนาหรือบาปเคราะห์ ถ้าเป็นบาปเคราะห์ก็หนีไม่พ้น สวีถังหรานกับเสวี่ยหลิงหลงแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและแข็งใจมาที่ตำหนักนารีสวรรค์
ในศาลา หลังจากคำนับแล้ว อวิ๋นจือชิวที่กำลังนั่งอย่างสง่าก็ยกถ้วยชาขึ้นมาจิบช้าๆ ยังไม่ได้พูดอะไร เพียงมองสองสามีภรรยาด้วยใบหน้าอมยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม มองจนสองสามีภรรยาอกสั่นขวัญผวา อึดอัดไปทั้งตัว
สุดท้ายก็เป็นเสวี่ยหลิงหลงที่ก้าวขึ้นมายิ้มอย่างงดงาม “เหนียงเหนียง มีเรื่องอะไรจะกำชับให้เหล่าสวีไปทำหรือเพคะ? หากมีเรื่องท่านก็กำชับมาได้เลย เขาไม่กล้าปฏิเสธแน่นอน” พูดจบก็ถือโอกาสยื่นมือไปรินน้ำชาให้อวิ๋นจือชิว
“ใช่ๆๆ มีเรื่องอะไรเหนียงเหนียงก็กำชับมาได้เลยขอรับ ต่อให้ตายข้าน้อยก็ไม่ปฏิเสธ” สวีถังหรานพยักหน้าคงเอวซ้ำๆ
อวิ๋นจือชิวยิ้มอย่างสบายๆ “ทำอย่างนั้นไม่ไหวหรอก ข้าเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น จะกล้ากำชับนายท่านสวีได้อย่างไร ถ้าทำให้นายท่านสวีไม่พอใจขึ้นมา แล้วส่งยอดหญิงงามแห่งยุคไปไว้ข้างกายฝ่าบาท ไม่แน่ว่าผู้หญิงคนนั้นอาจจะมาแทนที่ข้าในทันทีก็ได้ ข้าแถบจะไปประจบนายท่านสวีไม่ทันด้วยซ้ำ นายท่านสวี ท่านว่าไหมล่ะ?”
เสวี่ยหลิงหลงยิ้มค้างทันที คำพูดแต่ละประโยคช่างแทงใจจริงๆ สวีถังหรานฟังแล้วเหงื่อแตก โบกมืออย่างหวาดกลัว “เหนียงเหนียง ท่านอย่าพูดเช่นนี้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นข้าน้อยก็มีแต่ต้องใช้ความตายเพื่อชดเชยความผิด เอาเป็นว่าความผิดทุกอย่างล้วนเป็นของข้าน้อย ต่อไปนี้ข้าน้อยไม่บังอาจแล้วขอรับ”
“ไม่บังอาจเหรอ? ข้าเห็นว่าเจ้าใจกล้ามากนี่” อวิ๋นจือชิวพูดเหน็บแนม “ว่ามาซิ เรื่องของหวงฝู่จวินโหรวเป็นความคิดใคร? เป็นความคิดของฝ่าบาทใช่ไหม?”
มีหรือที่สวีถังหรานจะกล้าทรยศเหมียวอี้ แบบนั้นเท่ากับเบื่อไหนที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว เขาลนลานโบกมือ “ไม่เกี่ยวกับฝ่าบาทแม้แต่น้อย เป็นข้าน้อยเองที่เลอะเลือน”
“พูดแบบนี้ แสดงว่าอีกฝ่ายให้ผลประโยชน์เจ้าเหรอ?” อวิ๋นจือชิวเลิกคิ้ว
สวีถังหรานไม่กล้าบอกเช่นกันว่าได้รับผลประโยชน์จากอีกฝ่าย วิธีการติดสินบนเพื่อจะเข้ามาอยู่ในวังสวรรค์ ความผิดนี้หวงฝู่จวินโหรวรับไม่ไหวเช่นกัน อวิ๋นจือชิวกำลังหัวร้อน ถ้าอาศัยเรื่องนี้กำจัดหวงฝู่จวินโหรวขึ้นมาจริงๆ ก็เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่ชอบธรรม หากหวงฝู่จวินโหรวต้องตายเพราะเรื่องนี้ เขาก็ไม่มีทางชี้แจงกับเหมียวอี้ได้
เขาโบกมืออย่างหวาดกลัวอีก “เปล่าขอรับๆ เรื่องนี้หวงฝู่จวินโหรวไม่รู้เลยสักนิด เป็นเพราะข้าน้อยรู้สึกว่าจะได้ควบคุมสมาคมวีรชนได้สะดวก ถึงได้ออกความคิดว่าโง่ๆ นี้ เป็นความผิดของข้าน้อย ข้าน้อยผิดไปแล้ว”
“อ้อ! ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” อวิ๋นจือชิวพยักหน้าเหมือนเข้าใจ “เจ้าเองก็มีเจตนาดี ข้าเข้าใจได้ เพียงแต่เรื่องนี้ แค่สมาคมวีรชนเล็กๆ ในปีนั้นประมุขชิงส่งซ่างกวนชิงไปคนเดียวก็ควบคุมได้แล้ว ฝ่าบาทที่รวมใต้หล้าเป็นหนึ่งเดียวได้จะเทียบประมุขชิงไม่ได้เชียวหรือ เรื่องเล็กแค่นี้ยังต้องให้ฝ่าบาทลงมือด้วยตัวเองอีกหรือไง? แต่วิธีการของเจ้าก็ใช่ว่าจะไม่ดี เอาอย่างนี้แล้วกัน ข้าตัดสินใจเรื่องนี้ให้เอง หวงฝู่จวินโหรวนั่นน่ะ เจ้าแต่งเองแล้วกัน!”
เสวี่ยหลิงหลงหน้าเขียวแล้ว
“หา!” สวีถังหรานตกใจจนตัวสั่น หน้าซีดขาว ล้อเล่นอะไรกัน จะให้เอาผู้หญิงของฝ่าบาทกลับบ้าน ต่อให้อยากตายแต่ก็ไม่ควรตายด้วยวิธีนี้ เขาแทบจะร้องไห้ออกมา “เหนียงเหนียง ข้าน้อยเคยสาบานต่อหลิงหลงไว้แล้ว ว่าชาตินี้จะไม่รับอนุภรรยา หากท่านไม่เชื่อก็ลองถามหลิงหลงดูขอรับ”
เสวี่ยหลิงหลงพยักหน้าอย่างหวาดกลัว “ใช่แล้วเพคะ เหนียงเหนียง หม่อมฉันเป็นพยานได้”
“ถ้าไม่แต่งกลับบ้าน แอบเลี้ยงไว้ข้างนอกก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ แค่อาศัยสิ่งนี้เพื่อควบคุมสมาคมวีรชนไว้ได้ก็พอ” อวิ๋นจือชิวกล่าวยังไม่หยี่ระ
สวีถังหรานรีบส่ายหน้า “ข้าน้อยรักเดียวใจเดียวต่อหลิงหลง ไม่ทำเรื่องผิดต่อหลิงหลงเด็ดขาดขอรับ”
อวิ๋นจือชิวร้องอ๋อ ยกนิ้วโป้งให้สวีถังหรานอย่างสนใจ “ดี ไม่เลวเลย! สวีถังหราน ข้าจะจำคำพูดนี้ไว้ หวังว่าเจ้าจะไม่หลอกลวงข้า ถ้าวันไหนให้ข้ารู้ว่าเจ้าแอบไปมีผู้หญิงข้างนอก ข้าก็ไม่เชื่อหรอกว่าคำสั่งของข้าจะจัดการเจ้าไม่ได้!”
“…” สวีถังหรานอ้าปากค้างพูดไม่ออก คนที่อยู่ในระดับเขา จะไม่ให้ออกไปหาความสำราญบ้างเลยได้อย่างไร วันนี้นับว่ายกหินทุ่มใส่เท้าตัวเองแล้ว ทำไมถึงรู้สึกว่าอวิ๋นจือชิวกำลังอาศัยโอกาสนี้ลงโทษเขา เขาสงสัยนิดหน่อยว่าอวิ๋นจือชิวรู้อะไรมาบ้างแล้วหรือเปล่า แต่เขาก็ยังฝืนยิ้มพยักหน้ารับไว้ “ใช่ๆๆ ข้าน้อยซื่อสัตย์ต่อหลิงหลงแน่นอนขอรับ ยินดีถูกเหนียงเหนียงจับตาดู”
เสวี่ยหลิงหลงก็พูดไม่ออกมากเช่นกัน ถึงแม้การทำอย่างนี้จะทำให้นางดีใจ แต่ในใจนางก็รู้อย่างชัดเจนมาก ว่ายามปกติสวีถังหรานออกไปหาความสำราญนอกบ้านไม่ขาด วันนี้รับปากอย่างง่ายดาย ต่อไปไม่รู้ว่าจะเกิดปัญหาอะไรตามมาเพราะเรื่องนี้อีก
อวิ๋นจือชิวยืนขึ้นอย่างช้าๆ แล้วจู่ๆ ก็คว้าถ้วยน้ำชาทุ่มลงพื้นจนแตกดังเพล้ง
จู่ๆ ก็ทำอย่างนี้ บวกกับสีหน้าเยียบเย็นน่าตกใจของอวิ๋นจือชิว ทำให้สวีถังหรานตกใจจนคุกเข่าทันที
ทหารองครักษ์กลุ่มหนึ่งที่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงแล้วพุ่งเข้ามาทันที ล้อมศาลาแห่งนั้นเอาไว้แล้ว