Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 503
ชู่มู่เดินไปยังหน้าผาที่สภาพดูไม่ได้ ได้เจอแหวนนักโทษขั้นแปดระหว่างซอกหินนั้น แล้วเก็บแหวนวงนี้ไว้
ชู่มู่คาดว่าถ้าจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้ภูตพันวายุจนถึงจักรพรรดิขั้นสูง ต้องใช้เหรียญทองประมาณสามพันล้าน ความจริงวัตถุวิญญาณประมาณหนึ่งพันล้าน ก็เพิ่มความแข็งแกร่งให้ภูตพันวายุจนถึงจักรพรรดิชั้นสูงได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าจะต้องใช้วัตถุวิญญาณหนึ่งพันล้านที่อาจไม่สำเร็จไปเพิ่มความแข็งแกร่งให้ภูตพันวายุ ชู่มู่ยอมที่จะซื้อวัตถุวิญญาณราคาสูงกว่าที่มีโอกาสสำเร็จมากกว่า เพื่อให้ในดวงวิญญาณของตัวเองมีจักรพรรดิขั้นสูงเพิ่มขึ้นอีกตัว !
ดังนั้น ในด่านที่แปดนี้ ชู่มู่จำต้องเก็บแหวนช่องว่างมหาศาล เพื่อหวังจะให้มีดวงวิญญาณที่แข็งแกร่งขึ้นในด่านที่เก้า !
“พวกเราไปกันเถอะ” ชู่มู่บอกกับเย้ชิงจือ
“อืม” เย้ชิงจือพยักหน้า กระโดดขึ้นหลังอสูรนิมิตชุดม่วง เดินมุ่งหน้าไปตามหลังของชู่มู่
…
มองดูแผ่นหลังของชู่มู่ที่เดินอยู่ด้านหน้า เย้ชิงจือใช้ความคิดเล็กน้อย ดวงตาถูกปกคลุมด้วยสีสันพิเศษ พูดกับชู่มู่เสียงเบาว่า “ชู่มู่ หลังจากการประลองฟ้าดินแล้วเจ้าคิดจะไปไหน จะอยู่ในเมืองเทียนเซี่ยต่อเหรอ”
“น่าจะไม่ ข้าจะมุ่งหน้าไปทางตะวันออก” ชู่มู่ตอบ
“ทำไมเหรอ” เย้ชิงจือถามขึ้น
“มีผู้เฒ่าคนหนึ่งบอกกับข้าว่า ให้มุ่งหน้าไปทางตะวันออก…” ชู่มู่ไม่ได้หันกลับมา หลังจากตอบแล้วก็มุ่งหน้าต่อไป
“อ้อ” เย้ชิงจือพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรอีก
ชู่มู่เหมือนจะรู้สึกถึงบางอย่าง หันกลับไปมองเย้ชิงจือ พบว่าเย้ชิงจือกำลังก้มหน้าคิดบางอย่างอยู่ จึงฉีกยิ้มแล้วถามขึ้นว่า “ชิงจือ เจ้าจะไปกับข้าไหม”
“อาจจะ” เย้ชิงจือพยักหน้าแล้วบอก
“อาจจะงั้นหรือ” ชู่มู่ยักคิ้วขึ้น น้ำเสียงหนักแน่นขึ้น
“แน่นอน” เย้ชิงจือขยิบตาให้ชู่มู่ พูดพร้อมเปลี่ยนน้ำเสียง
“อย่างนั้นก็ดี”
…
แสงแดดในตอนกลางวันสาดส่องลงบนยอดเขาของภูเขาเวหาอมตะ หินสีดำกับสีน้ำตาลนั้นกำลังดูดซึมพลังร้อนเหล่านี้ ทำให้ภูเขาทั้งลูกนี้เริ่มร้อนขึ้น บางครั้งอาจเห็นควันสีขาวได้ นั่นเป็นการะเหยของน้ำอย่างรวดเร็ว..
ทันทีที่อยู่ในสภาพอากาศท้องฟ้าปลอดโปร่ง ภูเขาเวหาอมตะจะมีไอร้อนลอยตัวขึ้น เหมือนเป็นยักษ์สีดำที่เหงื่อกำลังไหล…
เดินไปมาบนทางเดินหินนี้ ชายที่สวมชุดธรรมดาอย่างมากกำลังเดินอยู่บนทางเดินหินที่ร้อนระอุนี้ด้วยเท้าเปล่า
แต่ละก้าวที่ชายคนนี้เดินจะเกิดควันสีขาวใต้เท้า เขาเดินอย่างช้ามาก เหมือนเป็นผู้ลี้ภัยที่เหนื่อยล้าอย่างมาก กำลังเดินมุ่งหน้าไปยังเส้นทางภูเขาไร้ที่สิ้นสุดแห่งนี้อย่างช้า ๆ
นิ้วของเขาแห้งกราน บริเวณตำแหน่งนิ้วชี้มีแหวนรูปร่างพิเศษอย่างหนึ่ง นี่ไม่ใช่แหวนช่องว่างที่ผู้คุมดวงวิญญาณทุกคนมี แต่เป็นแหวนนักโทษวงหนึ่ง !
·”บึ้ง บึ้ง บึ้ง”
ทันใดนั้น ด้านหลังชายคนนี้มีเสียงไล่ของดวงวิญญาณดังขึ้น !
ฝุ่นฟุ้งตลบ ด้านล่างทางเดินภูเขา มีนักโทษที่ขี่ผู้นำลักษณะสิบหกคนกำลังวิ่งมาด้วยความเหนื่อยล้า ท่าทีของพวกเขาบ้าคลั่งอย่างมาก เต็มไปด้วยพลัง เป็นนักโทษที่ดุร้ายอย่างมาก !
“เจ้าคนที่อยู่ด้านหน้า หยุดลงเดี๋ยวนี้ ! ” หัวหน้าเป็นชายที่มีอายุประมาณสี่สิบปี ชายคนนี้สวมชุดของผู้คุมดวงวิญญาณวัยหนุ่ม เห็นได้ชัดว่า ได้ปล้นผู้เข้าแข่งขันรุ่นวัยหนุ่มด่านที่แปดบางคนแล้ว และแหวนนักโทษขั้นที่แปดได้เผยตัวตนที่แท้จริงของเขาออกมา
“สือโหย่ง คนนี้เหมือนจะคุ้นหน้า” นักโทษขั้นเจ็ดที่อยู่ด้านข้างหัวหน้าพูดเสียงเบา
“คุกอลวนใหญ่แค่นั้น จะมีนักโทษกี่คนที่ข้าไม่คุ้นหน้ากัน” นักโทษขั้นเจ็ดคนหนึ่งพูดเย้ยหยัน
“ไม่ว่าเขาเป็นใคร ไม่เข้ากลุ่ม ก็ไปตาย” หัวหน้านักโทษที่ชื่อสือโหย่งเผยความโกรธออกมา ขี่ดวงวิญญาณมุ่งตรงไปยังนักโทษที่อยู่คนเดียวทันที คิดจะทับนักโทษคนที่เดินอยู่คนเดียวนั้นโดยตรง !
“บึ้ง บึ้ง บึ้ง”
สือโหย่งขี่ผู้นำอสูรเกราะที่มีขนาดตัวถึงห้าเมตรตัวหนึ่ง ตอนที่วิ่งทำให้ทั้งเส้นทางภูเขานี้สั่นสะเทือน ถ้าทับคนละก็ จะถูกบดเป็นเศษแน่นอน !
“ไปตายซะ ! ” สายตาของสือโหย่งดุร้ายขึ้น ตอนที่ห่างจากนักโทษคนนี้เพียงยี่สิบเมตร ให้อสูรเกราะผู้นำปล่อยทักษะออกมาโดยตรง !
และในตอนนี้ นักโทษที่อยู่ลำพังคนนี้สังเกตเห็นการโจมตีที่มาจากด้านหลัง เขาหยุดเดินทันที เท้าที่ร้อนจนพองนั้นเหยียบบนหินที่ร้อนระอุอย่างนิ่ง
เขาหันหลังกลับ ดวงตาสีเหลืองผิดปกติคู่นั้นส่องประกายดุร้ายราวกับอสูรร้าย จับจ้องไปยังอสูรเกราะเขาผู้นำชั้นยอดอย่างเยือกเย็น !
ร่ายวิญญาณที่แข็งแกร่งได้กลายเป็นพลังเย็นเยียบที่พุ่งออกจากดวงตาของนักโทษคนนี้ สะท้อนเข้าไปในโลกแห่งจิตของอสูรเกราะ !
ร่างกายของอสูรเขาเกราะสั่นเล็กน้อย ลำตัวขนาดห้าเมตรนี้ชะงัดลงทันที ดวงตาที่เต็มไปด้วยความดุร้ายในตอนนั้นเผยความกลัวออกมาทันที !
ในขณะเดียวกัน สือโหย่งนักโทษขั้นแปดที่ขี่อสูรเขาเกราะนี้ได้รับการจับจ้องด้วยความดุร้ายด้วย เขาอยู่ในภาวะแข็งทื่อทันที…
“เจ้า…เจ้าคือ…เจ้าคือ…” สีหน้าที่เต็มไปด้วยพลังอย่างยิ่งนั้นกลับประหลาดอย่างยิ่ง เหงื่อไหลออกจากหน้าผากไม่หยุด แม้แต่พูดยังพูดไม่ออก!
“ตว้าน…ตว้านซิงเจ๋อ เจ้าคือตว้านซิงเจ๋อ !!! ” ในที่สุด หัวหน้านักโทษสือโหย่งนี้จำนักโทษน่ากลัวคนนี้ได้ !
·สือโหย่งเป็นนักโทษขั้นแปด เป็นหัวหน้าของเหล่านักโทษขั้นเจ็ด ดังนั้น จึงทำท่าทีข่มผู้อื่นตลอด
และแล้ว คนที่อยู่ตรงหน้าเขา คือนักโทษขั้นเก้า ตว้านซิงเจ๋อ !!!
นี่เป็นนักโทษขั้นเก้าที่มีความสามารถแข็งแกร่งจนชวนขนลุก แทบไม่ใช่ผู้คุมดวงวิญญาณธรรมดาที่อยู่ในระดับเจ้าวิญญาณด้วยอายุสี่สิบอย่างสือโหย่งจะเทียบได้ !
ตอนที่นักโทษคนนี้หันกลับมา นักโทษขั้นเจ็ดห้าคนที่เหลือต่างหน้าซีด มองไปยังชายที่มีชื่อเสียงดุร้ายอย่างยิ่งในคุกอลวน
“อย่าตื่นเต้น ข้าในตอนนี้มีแค่ญาณเดียว…” ตว้านซิงเจ๋อเผยรอยยิ้มที่น่าเกลียดอย่างมากออกมา
ตว้านซิงเจ๋อเหมือนกับพี่ชายของเขา ตว้านซิงเหอ มีใบหน้าที่ทำให้คนกลัวและรังเกียจตั้งแต่เกิด และในตอนที่ฉีกยิ้มออกมากลับชวนขนลุก
สือโหย่งรู้ตัวดี ต่อให้ตว้านซิงเจ๋อมีแค่ญาณเดียว ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนอย่างพวกเขาจะรับมือได้ เพราะญาณเดียวของเขาก็เพียงพอที่จะสร้างปีศาจแมลงตะกละกินคนนับไม่ถ้วนแล้ว !
“พี่…พี่ตว้าน พวกเรา…พวกเราในตอนนี้อยู่ในภาวะเดียวกัน ดังนั้น…ดังนั้น…” สือโหย่งรีบกระโดดลงจากอสูรเกราะผู้นำของเขา
“เมื่อกี้เจ้าบอกว่าอะไร ถ้าไม่เข้ากลุ่ม ก็ไปตายเหรอ” ตว้านซิงเจ๋อจับจ้องไปยังสือโหย่ง เผยความขี้เล่นออกมาในสายตา
“ไม่ ไม่ ไม่ พวกเราเข้ากลุ่ม พวกเราเข้ากลุ่มของท่าน จะฟังคำสั่งของท่าน” สือโหย่งพูดเสียงเบา
“พี่ชายสือโหย่ง…” ในตอนนี้ เสียงร่ายวิญญาณของนักโทษคนหนึ่งดังขึ้นในหูของสือโหย่ง “พี่สือโหย่ง ข้าได้ยินว่าปีศาจแมลงระดับจักรพรรดิขึ้นไปของตว้านซิงเจ๋อถูกปิดผนึกหรือฆ่าตายหมดแล้ว ดวงวิญญาณที่เขาอัญเชิญออกมา อย่างมากก็แค่ปีศาจแมลงตะกละผู้นำชั้นยอดลักษณะสิบตัวหนึ่งเท่านั้น ความจริงแทบไม่ต้องกลัวเขา ! ”
“เจ้าแน่ใจเหรอ” สือโหย่งรีบใช่ร่ายวิญญาณถามขึ้น
“ก็จริง เจ้าคิดดู ถ้าความสามารถของเขาไม่ถูกควบคุมเอาไว้ ฝ่ายจัดการประลองเทียนเซี่ยจะปล่อยเขาไว้ในสนามประลองด่านที่แปดขั้นที่สองหรอก ถ้าทำอย่างนั้นเท่ากับจะให้วัยหนุ่มขั้นสองทั้งหมดตายไม่ใช่เหรอ” นักโทษขั้นเจ็ดคนนั้นบอก
ตว้านซิงเจ๋อเหมือนกับพี่ชายของเขา ในตอนที่ความสามารถอยู่ในขั้นสุดเพียงพอที่จะต่อต้านกับผู้แข็งแกร่งระดับขั้นสิบของอำนาจต่าง แต่ในตอนนี้ดวงวิญญาณแข็งแกร่งทั้งหมดของพวกเขาถูกฆ่าตายหมดแล้ว ปีศาจแมลงตะกละที่แข็งแกร่งจริงของตว้านซิงเจ๋อก็เหลืออยู่ไม่กี่ตัว !
“ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้ ! พวกเราทั้งหมดใช้ทักษะวิญญาณไม่ได้ ต่อให้ร่ายวิญญาณของเขาสูงเท่าไรก็ไร้ประโยชน์ ในเมื่อเป็นแบบนี้ จัดการเขาซะเลย !!! ” สือโหย่งเกิดความคึกคะนองขึ้นมาทันที !
นี่เป็นโอกาสอันดีที่จะได้ฆ่าตว้านซิงเจ๋อ ทันทีที่เจ้านี่ตาย แล้วพวกเขาได้ลดโทษกลับไปยังคุกอลวน ก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวต่อความบ้าพลังของเจ้านี่แล้ว !
“ที่แท้เจ้ากลายเป็นเศษขยะแล้ว ฮะ ฮะ ! ” สือโหย่งหัวเราะออกมา
“เศษขยะเหรอ ข้ากลายเป็นเศษขยะแล้วจริง ๆ ” ตว้านซิงเจ๋อบอก
“เหล่าพี่น้อง อาศัยตอนนี้ฆ่าเขาซะ !!! ” สือโหย่งบอกจะลงมือก็ลงมือ กระโดดขึ้นหลังของอสูรเขาเกราะทันที อัญเชิญดวงวิญญาณจักรพรรดิลักษณะสิบอีกตัวของเขา
“ฆ่า !!! ฆ่า !!! ”
นักโทษห้าคนที่เหลือรู้ว่า ตว้านซิงเจ๋อได้กลายเป็นเศษขยะแล้ว ยิ่งไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวแล้ว ออกคำสั่งให้ดวงวิญญาณของพวกเขาโจมตีไปยังตว้านซิงเจ๋อ
ตว้านซิงเจ๋อยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าที่ถูกแดดเผาฉีกยิ้มออกมา รอยยิ้มนี้ทั้งน่าเกลียดและเจ้าเล่ห์ แต่กลับเต็มไปด้วยความโหดร้ายของนักฆ่า
“ทว่า ต่อให้ตอนนี้ข้ากลายเป็นเศษขยะแล้ว แต่ยังคงจัดการพวกเศษสวะอย่างพวกเจ้าได้อย่างง่ายดาย !!! ”
ดวงตาของตว้านซิงเจ๋อเผยความอาฆาตออกมาแล้ว เขาเผชิญหน้ากับดวงวิญญาณมากมาย ร่ายคาถาขึ้นอย่างแน่นิ่ง ประกายสีเลือดส่องประกายข้างตัวเขา…
…
…
เวลาบ่ายโมง
แสงแดดยังคงสาดส่องจนแสบตัว หินสีน้ำตาลดำที่อยู่กลางแดดนั้น เกิดรอยแยกไปตามพื้น
กลิ่นที่เหม็นจากการถูกแผดเผาลอยอยู่ทั่วอากาศ นี่เป็นกลิ่นของเลือด
ไม่ว่าจะเป็นเลือดสดหรือจะเป็นเลือดที่แห้ง ชู่มู่จะได้กลิ่นทันที ในตอนที่ชู่มู่กับเย้ชิงจือเดินบนเส้นทางเขาแห่งนี้ ทั้งสองคนต่างหยุดเดิน…
เพราะด้านหน้าชู่มู่กับเย้ชิงจือ มีศพมากมายของดวงวิญญาณและผู้คุมดวงวิญญาณ!!
“โหดร้ายอย่างมาก…ถูกตัดหัวโดยตรง…รวมถึงผู้คุมดวงวิญญาณด้วย…” เย้ชิงจือหยุดอยู่ตรงหน้ากองศพ นัยน์ตาเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
“เลือดถูกตากแดดประมาณหกชั่วโมง น่าจะถูกฆ่าเมื่อเช้า ว่าแต่…รอยเล็บแบบนี้เหมือนจะเคยเห็นที่ใดมาก่อน” ชู่มู่เดินไปข้างศพอย่างไม่เกรงกลัว พลิกศพเหล่านั้นโดยตรง
“ชู่มู่ แหวนนักโทษเหล่านี้ไม่ถูกเอาไป” เย้ชิงจือชี้ไปยังแหวนนักโทษที่เปื้อนเลือดเหล่านั้น
ชู่มู่อึ้งเล็กน้อย และแล้วพบว่า แหวนนักโทษเหล่านี้ยังอยู่
“ผู้เข้าแข่งขันที่มีความสามารถแข็งแกร่งจนฆ่าพวกเขาได้น่าจะรู้กติกาของแหวนนักโทษ ดังนั้น พวกเขามีความเป็นไปได้ที่จะถูกนักโทษอีกคนฆ่าตายมากกว่า ! ”