Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 512
ความสามารถของผู้นำชั้นยอดเทียบเท่ากับจักรพรรดิขั้นกลาง แต่มั่วเย้กลับสูงกว่าพวกมันถึงสองขั้น ตามการช่วยเหลือของภูตไม้หมุนกับวารีจันทรา ต่อให้มั่วเย้เผชิญหน้ากับผู้นำชั้นยอดทั้งสามก็ยังมีแรงเหลือเฟือ !
ในไม่ช้า ผู้นำชั้นยอดตัวหนึ่งถูกหางของมั่วเย้เหวี่ยงขึ้น ด้วยพลังของเก้าหางมังกรดับ ทำให้สูญสิ้นพลังต่อสู้ด้วยหางเก้าเส้นทรงพลังนี้ทันที นักโทษขั้นแปดคนนั้นจำต้องกัดฟันแล้วเก็บดวงวิญญาณตัวนี้กลับไปในช่องว่างดวงวิญญาณ !
หนึ่งต่อสี่ !
สีหน้าของนักโทษขั้นแปดทั้งสี่คนแย่มากแล้ว ก่อนหน้านี้หัวหน้านักโทษขั้นแปดผมฟูยังคิดว่า ตัวเขาคนเดียวก็จัดการชู่มู่ได้แล้ว และแล้วตามเวลาที่ต่อสู้ ดวงวิญญาณนี่สิบเอ็ดตัวของนักโทษลดลงเกินครึ่งแล้ว ในนั้นยังมีนักโทษขั้นเจ็ดหลายคนตายด้วยทักษะอันทรงพลังของดวงวิญญาณทั้งสามด้วย
จนถึงตอนนี้ พวกเขาทำได้แค่พึ่งพิงผู้นำชั้นยอดสี่ตัวที่เหลืออยู่
“อ๊า !!! ”
ทันใดนั้น เสียงร้องแหลมดังขึ้น หัวหน้าผมฟูหันกลับไปมอง พบว่านักโทษขั้นแปดคนหนึ่งล้มอยู่กับพื้น แขนของเขาแยกจากร่างกาย เลือดสดทะลักออก
ด้านข้างนักโทษคนนี้ ลำตัวของผู้นำชั้นยอดที่สู้กับอสูรนกสวนสงครามได้นอนอยู่บนพื้น แผลลึกเส้นหนึ่งลากยาวตั้งแต่หัวไปจนถึงบริเวณเอวของผู้นำชั้นยอด !
ผู้นำชั้นยอดตัวนี้ได้สิ้นชีวิตลงแล้ว แต่แผลของมันยังคงถูกพลังมืดกัดกร่อน กล้ามเนื้อและกระดูกกลายเป็นเลือดสีดำอย่างช้า ๆ ไหลออกจากแผลไม่หยุด !
“ตาย…ตายอีกตัวแล้ว !!! ” สีหน้าของหัวหน้าผมฟูหมองคล้ำอย่างมาก ผู้นำชั้นยอดหกตัวถูกฆ่าตายไปแล้วสามตัว สามตัวที่เหลืออยู่แทบรับมือไม่ได้ !!!
“ฝ่ายตรงข้ามมีดวงวิญญาณเสริมสองตัว สามารถรักษาได้ พวกเรา…พวกเราสู้กับพวกเขานานขนาดนี้แล้ว ดวงวิญญาณของพวกเขากลับไม่มีตัวใดได้รับบาดเจ็บสาหัส ! ” น้ำเสียงของนักโทษขั้นแปดอีกคนหนึ่งอ่อนแรงอย่างมาก มองดูไม่มีความคิดที่จะสู้ต่อแล้ว !
ดวงวิญญาณทั้งหมดยี่สิบเอ็ดตัวของเหล่านักโทษ หลังจากสิบสามอัคคีที่พุ่งลงได้ฆ่าตายไปสี่ตัว บาดเจ็บสาหัสสามตัว พูดได้ว่า ทักษะเดียวก็ทำให้ดวงวิญญาณเจ็ดตัวหมดประโยชน์แล้ว ในนั้นยังมีดวงวิญญาณหมวดปีกสามตัวถูกถิงหลันควบคุมเอาไว้ ดวงวิญญาณสิบเอ็ดตัวที่เหลือได้รับบาดเจ็บในระดับหนึ่ง สุดท้ายยังถูกมั่วเย้และอสูรนกสวนสงครามลึกลับฆ่าตายไปหลายตัว !
ก่อนหน้านี้เหล่านักโทษถือว่าคนเยอะจะได้เปรียบกว่า แต่จำนวนของดวงวิญญาณละลงอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน นักโทษขั้นเจ็ดถูกฆ่าตายอย่างต่อเนื่องอีก จำนวนคนน้อยลงอย่างมากแล้ว !
ซ่างเหิงมาค่อนข้างช้า เดิมเขาคิดจะต่อสู้ด้วยแผลที่อยู่บนตัว อย่างไรก็ตาม จำนวนของนักโทษมากเกินไป และแล้วในตอนที่เขามาถึงที่นี่ สถานการณ์ต่อสู้แทบไม่ต้องการเขาแล้ว ภารกิจของเขากลายเป็นให้จัดการนักโทษขั้นเจ็ดที่เสียดวงวิญญาณสองตัวและคิดที่จะหนีไปเหล่านั้น !
การต่อสู้กลางอากาศของถิงหลันก็ใกล้จะจบลงแล้ว ดวงวิญญาณหมวดปีกทั้งสามตัวเริ่มถูกดวงวิญญาณของเธอหักปีกแล้ว
มองจากที่สูงลงมา ถิงหลันสามารถมองเห็นเงาสีดำที่ขี่จิ้งจอกอัคคีเก้าหางมงกุฎเพลิงนั้นได้ เธอจับจ้องไปยังชู่มู่ มองดูชายผู้เยือกเย็นที่ทะลุไปมาระหว่างนักโทษเหล่านั้น
ผู้นำสองตัวที่เหลือต่อให้จัดการยากเพียงใดก็ไม่สามารถขวางมั่วเย้ที่มีความเร็วสูงได้ ต่อไปจะเป็นช่วงเวลาฆ่าล้างของมั่วเย้ !!!
นักโทษขั้นเจ็ดทั้งหมดสิบสองคน เช่นเดียวกับที่ชู่มู่บอกก่อนหน้านี้ ชู่มู่ไม่คิดว่า นักโทษเหล่านี้เป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นนักโทษที่วิญญาณได้รับบาดเจ็บนอนอยู่กับพื้น หนือจะเป็นนักโทษที่ขี่ดวงวิญญาณที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ ทุกครั้งที่ชู่มู่กับจิ้งจอกอัคคีเก้าหางปรากฏตัวขึ้น จะต้องมีนักโทษตายด้วยกรงเล็บโหดร้ายนี้แน่นอน !!!
“อ๊า !!! อ๊า !!! ”
เสียงร้องดังขึ้นไม่หยุด ก่อนหน้านี้ไม่นาน เสียงหัวเราะอันน่ารังเกียจของเหล่านักโทษยังดังก้องกังวานในหูของเธอ ทำให้เธอเกือบเสียสติ แต่ในตอนนี้ เหล่านักโทษได้รับโทษที่พวกเขาควรได้รับแล้ว แต่ละคนตายลงด้วยความหวาดกลัว เสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งได้กลายเป็นเสียงร้องโอดครวญไว้ชีวิต !
และทั้งหมดนี้ เป็นเพราะชายที่ปล่อยพกลิ่นอายอาฆาตของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่คนนั้น
ก่อนด่านที่เจ็ด ถิงหลันคิดว่า ความสามารถของชู่มู่ไม่ต่างจากเธอและซ่างเหิงมากเท่าไร แต่ว่าสิ่งที่เธอเห็นในตอนนี้กลับเป็นความสามารถอันแท้จริงของชายที่ได้ฝึกตัวอยู่ด้านนอกท่ามกลางความนองเลือดมาตลอด !
เหล่านักโทษที่ถิงหลัน หลีจ่าน ซ่างเหิงยากที่จะรับมือได้ ตอนนี้กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ปล่อยให้ชู่มู่ฆ่าล้างได้ ส่วนนักโทษที่ยังมีชีวิตอยู่กลับถูกปกคลุมด้วยเงาแห่งความตาย พวกเขาต่างเป็นผู้คุมดวงวิญญาณที่มีชีวิตมาแล้วสามสิบกว่าปี จากความเข้าใจของพวกเขา ในรุ่นวัยหนุ่มแทบไม่มีคนที่จะเอาชนะฝูงนักโทษอย่างพวกเขาได้
และแล้วพวกเขายังคงเจอกับวัยหนุ่มระดับผิดปกตินี้ ตอนนี้กลับถูกฆ่าตายอย่างต่อเนื่องราวกับสัตว์เดรัจฉาน !
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้…พวกเรามีคนเยอะขนาดนี้…” นักโทษขั้นแปดที่ผู้นำชั้นยอดสองตัวถูกฆ่าตายราวกับได้เสียวิญญาณไป ยืนอยู่ท่ามกลางศพและกองเลือดด้วยความอึ้ง
ในสิบนาทีก่อนหน้านี้ นักโทษคนนี้ยังจินตนาการถึงร่างของผู้คุมดวงวิญญาณหญิงอยู่ สิบนาทีหลังจากนั้น หัวของเขากลับถูกเติมเต็มด้วยความหวาดกลัว จะมีความคิดร้ายแม้แต่นิดได้อย่างไร อีกทั้งวิญญาณที่ได้รับบาดเจ็บทำให้พวกเขาไม่มีแม้แต่แรงที่จะหนีไป !
“ซัวะ !!!”
เงาสีเงินตวัดผ่านข้างการของนักโทษขั้นแปดคนนี้อย่างลึกลับ นักโทษขั้นแปดคนนี้นิ่งอึ้ง เงยหน้าขึ้น กลับเห็นสายตาเฉยเมยของชายชุดดำที่อยู่บนจิ้งจอกอัคคีเก้าหางตัวนั้น
ความรู้สึกเย็นเยียบบริเวณลำคอกระจายไปทั่วร่าง นักโทษขั้นแปดคนนี้ใช้มือลูบคอของตัวเองด้วยสัญชาตญาณ แต่เลือดสดกลับทะลักออกมาอย่างไม่หยุด !
“อู อืม” ลำคอถูกตัดออก เสียงร้องเจ็บปวดแทบร้องออกมาไม่ได้
ในไม่ช้า นักโทษขั้นแปดเบิกตากว้าง ล้มลงอย่างช้า ๆ ตายไปอย่างสิ้นเชิง !
นักโทษขั้นแปดสี่คน ตอนนี้เหลือเพียงสองคน ใบหน้าของหัวหน้านักโทษขั้นแปดยังกระตุกอยู่ สีหน้าแย่มาก
เขารู้ว่าหมดอำนาจแล้ว เขากวาดตามองไปยังนักโทษอีกคนที่อยู่ด้านข้าง อาศัยตอนที่ผู้นำชั้นยอดของนักโทษขั้นแปดคนนี้ถูกมั่วเย้ไล่โจมตี ได้เปลี่ยนทิศทางกะทันหัน…
หัวหน้านักโทษขั้นแปดคิดที่จะหนีไป !
ในบรรดานักโทษทั้งหลาย ที่ถิงหลันแค้นที่สุดคือหัวหน้านักโทษคนนี้ ปล่อยนักโทษคนอื่นไปได้ แต่ตัวการที่ฆ่าหลีจ่านและหัวเราะเย้ยหลีจ่านนี้จะปล่อยไปไม่ได้เด็ดขาด
มองดูหัวหน้าคนนั้นจะหนีไป ถิงหลันรีบขี่ดวงวิญญาณหมวดปีกพุ่งลง มุ่งตรงไปยังนักโทษขั้นแปดคนนั้น
“ข้าเอง” เย้ชิงจือใช้ร่ายวิญญาณพูดกับถิงหลัน
ดวงวิญญาณหมวดปีกของถิงหลันได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างมากแล้ว ใช่ว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของผู้นำชั้นยอดตัวนั้นได้ อีกทั้งนักโทษขั้นแปดคนนั้นเจ้าเล่ห์อย่างมาก ถ้าไม่ระวังตัวถิงหลันอาจถูกหลอกได้
ถิงหลันไม่ได้ฝืนตัว ขี่ดวงวิญญาณหมวดปีกบินวนเหนือหัวนักโทษขั้นแปดคนนั้น
นักโทษขั้นแปดเห็นถิงหลันไม่พุ่งลงมา ใบหน้ากระตุกเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่า เขาจะหลอกให้ถิงหลันไล่ตามมา แล้วใช้เธอเป็นตัวประกัน
หลังจากอสูรนกสวนสงครามของเย้ชิงจือได้จัดการผู้นำชั้นยอดสองตัวนั้นแล้ว ได้กลายเป็นกริดสีดำอันแหลมคม ในเวลาไม่กี่วินาทีได้ไล่ตามนักโทษขั้นแปดที่คิดจะหนีไปคนนั้นทัน !!!
“คิดว่าข้าหลงซุ่ยเป็นคนที่ใครก็ฆ่าได้เหรอ ! ” หัวหน้าขั้นแปดคนนี้ตะโกนด้วยเสียงโกรธ บนตัวผู้นำชั้นยอดที่เขาขี่อยู่ถูกปกคลุมด้วยกลิ่นอายอสูรอย่างหนึ่ง กล้ามเนื้อบนตัวเพิ่มมากขึ้น ราวกับจะดันผิวหนังให้แตกออกจากกัน !!!
“อี๊ !!! ” ผู้นำชั้นยอดยกแขนอันแข็งแรงขึ้น ทุบไปยังอสูรนกสวนสงครามที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูง !
“บึ้ง บึ้ง บึ้ง !!! ”
อสูรคลั่งตัวนี้มีพลังหมวดหิน ตอนที่แขนอันเต็มไปด้วยพลังหมวดอสูรฟ้าลงทำให้เกิดหนามหินสิบกว่าเส้น กระจายไปในพื้นที่เกือบร้อยเมตร !!!
อสูรนกสวนสงครามยากที่จะหลบแล้ว ในไม่ช้าถูกพลังของหมวดอสูรและหมวดหินนี้กระแทก ร่างกายที่ได้รับแรงสะเทือนจนบาดเจ็บนี้ยังถูกหนามหินอันแหลมคมบาดผิว !
“หึ คิดจะฆ่าหลงซุ่ยเหรอ กลับไปฝึกอีกซะ !!!” หลงซุ่ยยิ้มอย่างเยือกเย็น ไม่สนใจความเป็นตายของนักโทษขั้นแปดอีกคน ขี่ดวงวิญญาณตัวนี้คิดจะหันหลังหนีไป
และแล้ว หลงซุ่ยเพิ่งหันหลังกลับ เต็มไปด้วยเหงื่อทันที !!!
ชุดดำทั้งตัว ขี่จิ้งจอกอัคคีเก้าหางที่หางเข้าเส้นสยายออก นักโทษขั้นแปดที่ทำชั่วมามากยังรู้สึกถึงการสั่นของวิญญาณ ไม่รู้ว่าชายคนนี้ปรากฏตัวในเส้นทางที่เขาคิดจะหนีไปตั้งแต่เมื่อไร !!!
ดวงตาที่เยือกเย็นราวกับใบมีดจับจ้องไปที่เขา วิธีของหลงซุ่ยอาจหลอกถิงหลันกับเย้ชิงจือได้ แต่เขารู้ว่า ไม่ว่าวิธีของตัวเองจะเป็นอย่างไรก็ไม่อาจหนีรอดจากดวงตาอันน่ากลัวของชายคนนี้ได้ !
ดวงตาของมั่วเย้ไม่ได้จับจ้องไปที่อสูรคลั่งที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อตัวนั้น ดวงตาของมันกลับจับจ้องไปยังพื้น !
ความสามารถของผู้นำชั้นยอดที่มีหมวดรองเป็นหมวดหินนี้แทบไม่เพิ่มขึ้น ร่างบนพื้นนี้เป็นร่างหินเสมือนที่นักโทษขั้นแปดคนนี้ให้ผู้นำชั้นยอดปล่อยทักษะออกมา คิดจะใช้กล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้นลวงตาทั้งหมด !
การอำพรางแบบนี้รอดสายตาของชู่มู่ไม่ได้ !
“มั่วเย้” ชู่มู่ออกคำสั่งกับมั่วเย้อย่างราบเรียบ
“โซ”
เงาของมั่วเย้หายไปทันที แทบไม่ต้องเพิ่มความเร็วก็มีความเร็วถึงขีดสุดได้แล้ว ความเร็วสุดแบบนี้ทำให้การโจมตีของมั่วเย้เพิ่มความแข็งแกร่งจนถึงที่สุด !!!
“เงาลวงตา !!! ”
เงาของมั่วเย้แยกออกเป็นห้าอัน เปลวไฟร้อนระอุทั้งห้าวิ่งไล่ไปตามเงาของจิ้งจอกอัคคีเก้าหาง !
“กรงเล็บมงกุฎเพลิง !!! ”
ประกายกรงเล็บทั้งห้าเส้นตวัดจากบนลงล่าง ฉีกไปยังใต้ดิน !!!
“ซัวะ ซัวะ ซัวะ ซัวะ ซัวะ !!! ”
กรงเล็บมงกุฎเพลิงทั้งห้าฉีกใต้ผิวดินออกเป็นหลุมอันใหญ่ยักษ์ มีความยาวนับร้อยเมตร !
ภายใต้รอยแยก สามารถมองเห็นเลือดสดที่ไหลออกไปตามรอยแยกหินได้ ตามด้วย เปลวไฟทั้งสองกริดที่แผดเผาร่างกายและเลือดของผู้นำชั้นยอดตัวนี้ เห็นได้ชัดว่า ใต้ดินนี้เป็นร่างจริงของผู้นำชั้นยอด
หัวหน้านักโทษขั้นแปดก็ไม่อาจหนีรอดจากกรงเล็บมงกุฎเพลิงเช่นกัน เช่นเดียวกับดวงวิญญาณของเขา ร่างถูกฉีกออกก่อน ตามด้วยการแผดเผาด้วยเปลวไฟทั้งสองชนิด !!!
“อ๊า !!! ”
เสียงร้องแหลมดังขึ้น หลังจากนักโทษขั้นแปดถูกมั่วเย้โจมตีกลับไม่ตายไปทันที และเท่ากับว่านักโทษคนนี้จำต้องทนต่อการแผดเผาของมงกุฎเพลิงหลังจากนี้ แล้วตายไปท่ามกลางกองไฟ !!!