Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 513
มองดูนักโทษคนสุดท้ายที่ตายด้วยมงกุฎเพลิงของจิ้งจอกอัคคีเก้าหางอย่างอนาถ ถิงหลันกลับไร้สีหน้าใด ๆ
ไม่ว่าจะฆ่านักโทษมากเพียงใด ก็ไม่สามารถทำให้ใจของเธอสงบลงได้ ไม่สามารถทำให้หลีจ่านมีชีวิตขึ้นมาได้ นึกถึงตรงนี้ เธอรีบขี่ดวงวิญญาณหมวดปีกบินไปยังบริเวณที่มีหลุมยักษ์ใหญ่ คิดจะหาศพของหลีจ่าน
ชู่มู่ไม่พูดอะไรอีก เก็บแหวนนักโทษทั้งหมดที่คลายผนึกออกจากตัวนักโทษ
นักโทษขั้นแปดสี่คน นักโทษขั้นเจ็ดสิบสองคน ทั้งหมดเป็นเงินหนึ่งพันสี่ร้อยล้าน !!!
“ชิงจือ ชิงจือ !!! ” ทันใดนั้น เสียงรีบร้อนของถิงหลันดังขึ้น
“ทำไมเหรอ” เย้ชิงจือถามขึ้น
ตอนที่อยู่ในตำหนักวิญญาณเย้ชิงจือได้รู้จักกับถิงหลันแล้ว เย้ชิงจือเคยไปเมืองศักดิ์สิทธิ์เชิญหงส์กับถิงหลันครั้งหนึ่ง ถิงหลันเองก็ได้ช่วยเย้ชิงจือให้ได้วัตถุดิบยาที่ไม่ขายในตำหนักวิญญาณมา
“หลีจ่าน…หลีจ่าน เขาเหมือน…เขาเหมือนจะยังมีชีวิตอยู่…” เสียงของถิงหลันปนด้วยความดีใจที่เก็บไว้ไม่อยู่ !
เย้ชิงจืออึ้งเล็กน้อย พาวารีจันทราและภูตไม้หมุนวิ่งไปยังตำแหน่งที่ถิงหลันอยู่
ถิงหลันให้ดวงวิญญาณเหล่านั้นย้ายหินที่ทับบนตัวหลีจ่านออก ในไม่ช้าหลีจ่านที่ร่างกายเน่าเหมือนศพได้ปรากฏข้างใต้หิน
โชคดีอย่างมากคือ หัวของหลีจ่านอยู่ระหว่างช่องว่างของหินก้อนใหญ่สองก้อนพอดี ได้ปกป้องหัวของหลีจ่านเอาไว้
ตอนที่เย้ชิงจือพาวารีจันทราวิ่งมา ถิงหลันได้ขุดหลีจ่านออกมาแล้ว และด้านหน้าหลีจ่าน เต็มไปด้วยเกราะที่ปนด้วยเลือดมากมาย เกราะเหล่านี้เป็นเกราะของอสูรเกราะที่มีการป้องกันแข็งแกร่งตัวหนึ่งของหลีจ่าน
ไม่เห็นศพของอสูรเกราะตัวนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่า ได้กลายเป็นเศษในตอนที่ถูกเหล่านักโทษโจมตีก่อนหน้านั้นแล้ว หรือเป็นเพราะการพลีชีพของอสูรเกราะ ถึงทำให้เจ้าของของมันยังมีชีวิตอยู่ได้
ร่างกายของหลีจ่านเน่าเปื่อยอย่างมาก แขนทั้งสองแทบขาดออกจากกัน หน้าอกข้างขวาถูกระเบิดจนเต็มไปด้วยเลือด ถ้ารูเลือดนี้เอียงไปทางซ้ายอีก หัวใจของหลีจ่านจะสลายแน่นอน
บนตัวของหลีจ่านมีประกายแสงดาวที่อ่อนแออย่างมากอยู่ นั่นเป็นผลของเกราะวิญญาณขั้นแปด
“วิญญาณของเขากำลังกระจายออก” สีหน้าของเย้ชิงจือหนักหน่วงขึ้น ประกายของเกราะวิญญาณกำลังกระจายออกมาด้านนอก เท่ากับว่าเกราะวิญญาณนี้ได้แตกสลายแล้ว และวิญญาณกำลังจะตายลง อย่างไรก็ตาม เกราะวิญญาณได้แนบติดบนวิญญาณ
ดวงตาของถิงหลันเป็นสีแดงอีกครั้ง ทำได้แค่ใช้ดวงตาคู่นั้นจับจ้องไปยังเย้ชิงจือ หวังว่าเย้ชิงจือจะช่วยให้หลีจ่านมีชีวิตกลับมาได้
ชู่มู่กับซ่างเหิงได้เดินมาที่นี่เช่นกัน ชู่มู่มองไปยังบาดแผลอันน่ากลัวบนตัวหลีจ่าน
ในภาวะปกติ แผลแบบนี้ต้องตายลงแล้ว ทว่า พลังชีวิตของหลีจ่านกลับดื้อดันอย่างมาก จนถึงตอนนี้ยังมีลมหายใจอยู่
“ข้าต้องให้กระดิ่งแก้วตามใช้เกสรรักษาวิญญาณของเขา” เย้ชิงจือก็ไม่รับประกันว่า ตัวเองจะช่วยให้หลีจ่านมีชีวิตรอดมาได้ อย่างไรก็ตาม แผลบนตัวหลีจ่านสาหัสเกินไปแล้ว มีหลายจุดต้องใช้เวลารักษานานถึงจะฟื้นกลับมาได้ ในตอนที่บาดแผลสาหัสทั้งหมดนี้ตกอยู่บนร่างเดียว แล้วมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ได้ก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์อย่างหนึ่งแล้ว
หลังจากพูดจบ เย้ชิงจือเก็บภูตไม้หมุนกลับช่องว่างดวงวิญญาณ อัญเชิญกระดิ่งแก้วตาดวงวิญญาณหมวดดอกไม้ออกมา
กระดิ่งแก้วตาเป็นดวงวิญญาณที่ชู่มู่จับได้ตอนอยู่ในป่าไม้ปีศาจบรรพกาล เย้ชิงจือต้องการดวงวิญญณหมวดดอกไม้พอดี จึงกลายเป็นดวงวิญญาณของเย้ชิงจือ
การโจมตีของกระดิ่งแก้วตาแทบจะเป็นศูนย์ ดวงวิญญาณแบบนี้เน้นการรักษาและการช่วยเหลือที่สุด ความสามารถในการเยียวยาของมันแข็งแกร่งกว่าวารีจันทราของเย้ชิงจืออีก โดยเฉพาะในตอนที่วิญญาณได้รับบาดเจ็บสาหัส
“ข้าลองดูว่ารอบ ๆ นี้มีเรื่องอะไรอีก นักโทษรวมตัวกันแบบนี้เป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างมาก” ชู่มู่บอก
ในเรื่องช่วยคนอื่นชู่มู่ช่วยอะไรไม่ค่อยได้ ดังนั้น ยืนอยู่ตรงนี้ก็ไร้ประโยชน์
“ระวังตัวหน่อย” เย้ชิงจือพยักหน้า หลังจากพูดจบได้ร่ายคาถาขึ้น เริ่มรวมทักษะวิญญาณ ป้องกันไม่ให้วิญญาณของหลีจ่านกระจายออก
…
“อู อู อู อู”
หลังจากจบการต่อสู้ มงกุฎเพลิงบนตัวมั่วเย้ลุกโชนขึ้น ได้กลายเป็นร่างจิ๋วท่ามกลางเปลวไฟ กระโดดขึ้นบนไหล่ของชู่มู่อย่างคล่องแคล่ว หางแปดเส้นห้อยลงจากคอของชู่มู่ ส่วนหางอีกเส้นหนึ่งพันรอบคอของชู่มู่…
ภาวะอาวรณ์ของมั่วเย้จะช่วยให้มันเก็บพลังงานได้ และจะทำให้แรงกายฟื้นกลับมาเร็วขึ้นเล็กน้อยด้วย มั่วเย้น้องก็ชอบหมอบอยู่บนไหล่ของชู่มู่ ทำท่าทีพร้อมหลับ แต่ดวงตาที่มีชีวิตชีวาคู่นั้น คอยสังเกตสถานการณ์รอบ ๆ
เหล่านักโทษส่วนใหญ่ถูกสมาชิกฝ่ายจัดการประลองแบ่งกระจายออก ในเวลาและสถานที่ต่างกัน อย่างกลุ่มของไช่จี้ก่อนหน้านี้นับว่าเป็นรูปเป็นร่างแล้ว
และแล้ว บวกกับนักโทษที่ถูกซ่างเหิง หลีจ่าน ถิงหลันฆ่าตายก่อนหน้านี้ มีนักโทษทั้งหมดเกือบยี่สิบคน นักโทษเป็นกลุ่มแบบนี้เมื่ออยู่รวมกันยากที่จะรับมือได้ อีกทั้งเหตุการณ์แบบนี้ก็ประหลาดอย่างมาก
“รวมคนเยอะขนาดนี้ได้ เท่ากับว่าจะมีคนที่มีความสามารถแข็งแกร่งอย่างมาก ที่จะทำให้นักโทษเหล่านี้สะเทือนได้ใช่ไหมล่ะ มิฉะนั้น ด้วยนิสัยของนักโทษแล้ว จะรวมกลุ่มเกือบยี่สิบคนได้อย่างไร” ชู่มู่คาดเดา
เหล่านักโทษต่างเป็นคนที่เห็นแก่ตัว ยี่สิบคนอยู่ด้วยกันแบบนี้ คาดว่าพวกเขาทั้งหมดคิดจะจับผู้เข้าแข่งขันเกือบร้อยคนเพื่อลดโทษ นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แน่นอน ดังนั้น พวกเขาทำแบบนี้ได้อาจเป็นเพราะใครบางคน
ในไม่ช้า ชู่มู่นึกถึงศพที่อยู่บนเส้นทางภูเขาไม่กี่วันก่อนหน้านี้ หรือนั่นเป็นนักโทษที่มีความสามารถแข็งแกร่งจนไม่อาจเดาได้
ความสามารถของนักโทษยี่สิบคนนี้ธรรมดาอย่างมาก อย่างน้อยไม่มีคนใดแข็งแกร่งกว่าไช่จี้ และชู่มู่ได้จงใจมองไปรอบๆ ไม่พบเงาของนักโทษคนนั้น ท่าทางเขาไม่อยู่ในกลุ่มนักโทษเหล่านี้
แน่นอนว่า ถ้านักโทษเหล่านี้รวมตัวเพราะคนๆหนึ่งละก็ เขาจะต้องอยู่แถวนี้แน่นอน แต่ไม่รู้สถานการณ์ในตอนนี้ หรือว่า เขารู้ว่าผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลองจะมาถึงที่นี่ในไม่ช้า ไม่กล้าใกล้ที่นี่แล้ว
หลังจากแน่ใจว่ารอบ ๆ ปลอดภัยแล้ว ชู่มู่ได้กลับไปที่ชั้นเหวอย่างรวดเร็ว
หลังจากชู่มู่กลับมา เย้ชิงจือได้ทำการรักษาเบื้องต้นให้หลีจ่านเรียบร้อยแล้ว ที่ทำให้ชู่มู่ประหลาดใจอย่างมากคือ เจ้าคนที่มีพลังชีวิตดื้อดันคนนี้กลับฟื้นขึ้นมาได้
“เขาได้กินวัตถุวิญญาณเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเองไม่น้อย ที่มีพลังชีวิตแข็งแกร่งกว่าผู้คุมดวงวิญญาณทั่วไปหลายเท่า วิญญาณของเขาอยู่ในภาวะที่อ่อนแอมาก กระดิ่งแก้วตาของข้าทำได้แค่ให้วิญญาณของเขาฟื้นกลับมาเล็กน้อย ถ้าจะให้รักษาจนพ้นอันตรายจำต้องใช้เกสรเยียวยาวิญญาณกับน้ำค้างหล่อเลี้ยงวิญญาณ…” เย้ชิงจือพูดกับถิงหลันและซ่างเหิง
ถิงหลันพยักหน้าแรง ๆ เห็นหลีจ่านลืมตาขึ้น สะอื้นจนพูดไม่ออก แต่น้ำตากลับไหลไม่หยุด
สติของหลีจ่านยังไม่ดีเท่าไร แต่เห็นถิงหลันปลอดภัย ได้ฝืนยิ้มด้วยใบหน้าซีดขาวออกมา
หลังจากนั้น เหมือนหลีจ่านนึกบางอย่างขึ้นมาได้ สีหน้าตึงเครียดทันที ใช้เสียงที่แผ่วเบาพูดขึ้นว่า “นัก…นักโทษพวกนั้นละ…”
“ไม่ต้องห่วง นักโทษพวกนั้นถูกชู่เฉิงฆ่าตายไปแล้ว” ซ่างเหิงพูดพร้อมรอยยิ้ม
“ชู่…ชู่เฉิงงั้นหรือ” หลีจ่านพูดด้วยเสียงแผ่วเบา
“ใช่แล้ว ชู่เฉิงกับเย้ชิงจือช่วยพวกเราเอาไว้” ถิงหลันบอก
สีหน้าของหลีจ่านยังคงแข็งทื่ออย่างมาก แต่ยังคงเห็นความสะพรึงจากนัยน์ตาของเขาได้ !
หลีจ่านย่อมไม่รู้ว่า ทำไมชู่เฉิงถึงมีความสามารถแบบนี้ได้ ฆ่านักโทษสิบหกคนได้หมด ต้องรู้ว่าก่อนหน้านี้แม้แต่หลีจ่านไม่เคยคิดว่า ชู่เฉิงที่มีชื่อเสียงเลื่องลือจะอยู่ในรายชื่อคู่ต่อสู้ของตัวเอง !
ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงในขั้นสองของตำหนักวิญญาณเป็นฟางเจ๋อ หลัวปิง ความสามารถของหลีจ่านที่จัดว่าอ่อนกว่ายังอยู่ในลำดับที่สาม แทบไม่มีใครนำหน้าได้ ถ้าบอกว่า ชู่มู่กับเย้ชิงจือฆ่านักโทษมากมายขนาดนี้ได้ เท่ากับว่าความสามารถของชู่เฉิงอาจถึงระดับของหลัวปิงหรือนายท่านฟางเจ๋อแล้ว
“พวกเจ้า…พวกเจ้า…ทำไม…ถึงช่วยพวกข้า” นอกจากตกใจกับความสามารถของชู่มู่ หลีจ่านยิ่งไม่เข้าใจว่า ต่อให้เป็นสมาชิกตำหนักวิญญาณเหมือนกัน ก็ไม่จำต้องเอาตัวเข้าเสี่ยงเพื่อช่วยคนที่จะตายอย่างเขาและเผชิญหน้ากับศัตรูมากมายขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม ในการประลองฟ้าดินนี้ต่อให้เป็นสมาชิกอำนาจเดียวกันก็อาจกลายเป็นศัตรูในตอนท้ายก็ได้
หลีจ่านถามแบบนี้ ดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาของถิงหลันได้จับจ้องไปยังชู่มู่ นี่เป็นครั้งที่สองที่ชู่มู่ช่วยเธอเอาไว้แล้ว คำว่าขอบคุณคงไม่พอที่จะบอกความตื้นตันใจของเธอได้แล้ว
“นี่เป็นนิสัยของชู่เฉิง!และเป็นความมุ่งมั่นและคำสั่งของตำหนักวิญญาณ ไม่ว่าจะอยู่ในการประลองฟ้าดิน เมื่อเพื่อนพ้องตกอยู่ในความลำบาก เขาจะมาช่วยแน่นอน…”ซ่างเหิงพูดพร้อมตบไหล่ของชู่มู่
ชู่มู่ไม่พูดอะไร กลับพูดอย่างเรียบ ๆ ว่า “นักโทษขั้นแปดสี่คน นักโทษขั้นเจ็ดสิบสองคน ทั้งหมดหนึ่งพันสี่ร้อยล้าน ข้าต้องการเงินทุนมหาศาลเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ดวงวิญญาณของข้า”
หลังจากซ่างเหิงได้ยินคำพูดนี้ของชู่มู่ กลับอึ้งเล็กน้อย หรือว่าเหตุผลที่ชู่มู่ลงมือก็เพราะแหวนนักโทษของนักโทษฝูงใหญ่
ถิงหลันเองก็กะพริบตาคู่งามมองไปยังชู่มู่
ถิงหลันพบว่า คนอย่างชู่มู่มีข้อเสียอย่างมากคือ เป็นคนที่ซื่อสัตย์เกินไปแล้ว !
ต่อให้มาเพื่อเงินก้อนใหญ่ ก็ไม่จำต้องพูดออกมาก็ได้ เช่นเดียวกับตอนที่นำภูตพันวายุกลับมาในครั้งก่อน ไม่ต้องบอกว่าตัวเองอยากได้ภูตพันวายุ ถิงหลันจะต้องซาบซึ้งกับการกระทำของชู่มู่อย่างมากแน่นอน
เย้ชิงจือเองก็หัวเราะเล็กน้อย ใช้ร่ายวิญญาณพูดกับชู่มู่ว่า “ทำไมไม่เอาทั้งชื่อเสียงและผลประโยชน์ไปด้วยเลยล่ะ ถิงหลันบอกว่าครั้งที่แล้วเจ้าก็เป็นแบบนี้…”
ชู่มู่หันกลับมามองเย้ชิงจือที่มีรอยยิ้มมากเสน่ห์ พูดอย่างจริงใจว่า “นอกจากเจ้า ข้าจะไม่ทำเรื่องที่ไม่มีผลตอบแทนให้ใคร..”
“เหลวไหล” แก้มของเย้ชิงจือกลายเป็นสีแดง ไม่กล้ามองไปยังดวงตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของชู่มู่อีก
…
“ฮู ฮู ฮู ฮู ฮู”
ลมที่พัดอย่างยุ่งเหยิงมาจากกลางอากาศ ตามด้วย เงายักษ์ใหญ่ที่ปกคลุมบนหัวของพวกเขาทั้งหลาย
“ผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลองมาถึงแล้ว” ซ่างเหิงเงยหน้าขึ้น เห็นผู้เฝ้าฝ่ายจัดการปรอลองที่สวมชุดเกราะสีเงินทันที
หลังจากผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลองเห็นศพที่กระจายทั่วพื้นแล้ว ได้เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา ดวงวิญญาณหมวดปีกของเขาได้ลงจอดตรงหน้าของพวกชู่มู่อย่างรวดเร็ว
“พวกเจ้าฆ่าทั้งหมดนี่เหรอ” ผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลองถามอย่างประหลาดใจ
ที่นี่มีศพของดวงวิญญาณเกือบสามสิบศพ อีกทั้งต่างอยู่ในระดับผู้นำลักษณะสิบ คนเท่านี้ได้ฆ่าดวงวิญญาณมากมายขนาดนี้เหรอ แม้แต่ผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลองเองก็ไม่มั่นใจว่า จะจัดการทั้งหมดนี้ได้ด้วยตัวคนเดียว !