Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 514
“ตรงพวกข้ามีคนได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องการความช่วยเหลือ รบกวนพี่ผู้เฝ้าคนนี้พาพวกข้าออกจากภูเขาเวหาอมตะทีเถอะ” ถิงหลันชี้ไปยังหลีจ่านที่อ่อนแออย่างยิ่ง
ด่านที่แปดเป็นขีดสุดของถิงหลันแล้ว เธอในตอนนี้แค่อยากพาหลีจ่านกลับตำหนักวิญญาณ แล้วให้นักวิญญาณเฒ่าหลีดูแลสถานการณ์ของเขา
ผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลองเห็นหลีจ่านอย่างรวดเร็ว เขาไม่พูดอะไรอีก รีบกระโดดลงจากดวงวิญญาณหมวดปีก ยกหลีจ่านขึ้นหลังของดวงวิญญาณหมวดปีก
“ดวงวิญญาณหมวดปีกของข้าบรรทุกได้แค่คนเดียว ถ้ามากเกินไปจะส่งผลกระทบต่อความสมดุลและความเร็ว ข้าพาเขาลงภูเขาไปก่อน จะให้คนรักษาเขาทันที” ผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลองบอก
ถิงหลันกับซ่างเหิงคิดจะออกจากการฝ่าด่านแล้ว ทว่า พวกเขาก็รู้ว่าหลีจ่านต้องรักษาทันที จึงพยักหน้า ให้ผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลองพาหลีจ่านลงเขา
ผู้คนมองดูหมวดปีกของผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลองบินขึ้น มองมันบินลงเขาอย่างรวดเร็ว
“พวกเราก็ออกจากที่นี่เถอะ” ชู่มู่บอก
ชู่มู่รู้สึกว่า ผู้แข็งแกร่งนักโทษคนนั้นอาจจะยังอยู่ที่นี่ ถ้าอยู่ที่นี่นานเกินไปอาจได้เจอกับเขา
ชู่มู่ในตอนนี้ก็ไม่อยากสู้กับคนที่แข็งแกร่งมากเกินไปเร็วเกินไป แบบนั้นจะเปลืองพลังต่อสู้ ในตอนนี้เขาจึงให้ปีศาจนักรบไม้ปล่อยรากออกไป ก่อเป็นรากที่ปีนได้บนชั้นหน้าผาร้อยเมตรนั้น…
หน้าผาหินเป็นสิ่งที่น่าปวดหัวที่สุดเวลาที่ไม่มีจุดลงเท้า หลังจากปีนตามรากของปีศาจนักรบไม้ ไปถึงจุดสูงได้ง่ายขึ้นมาก
“ชู่เฉิง พวกข้าคิดจะออก ไม่จำเป็นต้องลากพวกเจ้าไปด้วย” ถิงหลันเห็นว่า ชู่มู่มีท่าทีจะพาพวกเขามุ่งหน้าต่อไป จึงพูดกับชู่มู่
ดวงวิญญาณไม่น้อยของซ่างเหิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ถ้าสู้ต่อไปก็ไม่มีความหมายมากเท่าไร ดังนั้น เขาจึงไม่คิดจะมุ่งหน้าต่อไปแล้ว
“แถวนี้มีนักโทษที่มีความสามารถแข็งแกร่งมากคนหนึ่ง พวกเจ้าอยู่ที่นี่ต่อไป ถ้าผู้เฝ้าอีกคนไม่ทันได้พาพวกเจ้าออกไป พวกเจ้าจะมีอันตรายถึงชีวิตอีกครั้ง” เย้ชิงจืออธิบายแทนชู่มู่ “ดังนั้น พวกเจ้าออกจากที่นี่พร้อมพวกข้าก่อน”
“แบบนี้…จะรบกวนพวกเจ้าอีกแล้ว” ถิงหลันพยักหน้า
…
ในตอนกลางคืน ผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลองพาหลีจ่านบินผ่านหมอกที่ลอยตัวระหว่างภูเขา มุ่งลงใต้ภูเขา
ผู้เข้าแข่งขันคนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสมากจริง ๆ ต้องทำการรักษาโดยเร็ว ดังนั้น ผู้เฝ้าจึงไม่รอช้า
บินไปประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง ด้านหน้าผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลองมีเงาสีทองเงาหนึ่งปรากฏตัวขึ้น
ผู้เฝ้ามีการแบ่งระดับเช่นกัน ความสามารถของผู้เฝ้าเกราะทองแข็งแกร่งยิ่งกว่า ผู้เฝ้าเกราะเงินต่ำกว่าเล็กน้อย โดยปกติจะจัดแบ่งโดยตำแหน่งในอำนาจต่าง ๆ ของพวกเขา
“ทำไมเหรอ” ชายเกราะสีทองขี่ดวงวิญญาณหมวดปีกของเขา มองดูผู้เฝ้าเกราะเงินนี้บินลงเขาอย่างรีบร้อน
“มีผู้เข้าแข่งขันกลุ่มใหญ่ถูกนักโทษโจมตี ได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องรักษา บริเวณเหวยังมีผู้เข้าแข่งขันสองคนจะออกจากการประลอง ถ้าเป็นทางบ้านของเจ้าก็ไปตรงนั้นหน่อย พาผู้เข้าแข่งขันสองคนที่ได้รับบาดเจ็บออกจากการประลองด้วยเถอะ” ผู้เฝ้าเกราะเงินบอก
“เป็นใครกัน” ผู้เฝ้าเกราะทองถามขึ้น
“เป็นคนของตำหนักวิญญาณ ข้าเห็นคุณถิงหลันของตำหนักวิญญาณ และมีชู่เฉิงตำหนักวิญญาณที่มีชื่อเสียงอย่างมากในช่วงนี้ด้วย” ผู้เฝ้าเกราะเงินบอก “ข้าขอช่วยคนก่อน ขอลงภูเขาไปก่อนนะ”
“อืม ไปเถอะ” ผู้เฝ้าเกราะทองพยักหน้า
หลังจากผู้เฝ้าเกราะเงินพาหลีจ่านจากไปอย่างรวดเร็วแล้ว ใบหน้าใต้เกราะสีทองกลับเยือกเย็นขึ้น !
ใบหน้าของชายผู้นี้ซีดขาว ใบหน้าเหนื่อยล้า แต่ดวงตากลับเฉียดแหลมราวกับเหยี่ยว โดยเฉพาะในตอนที่ส่องประกายความแค้นและความโกรธเคืองออกมา ยิ่งน่ากลัวมากขึ้น !
“ในตอนแรก ถ้าไม่ได้เป็นเพราะการมีอยู่ของราชันภูตวิญญาณจักรวาลฟ้า ต่อให้เจ้ากลายร่างเป็นครึ่งมารได้ ข้าเซี่ยกว่างหานก็บีบเจ้าให้ตายได้ ตอนนี้ข้าจะดูว่าเจ้าจะเอาอะไรมาสู้กับข้าได้” ชายเกราะสีทองฉีกยิ้มออกมา
ช่วงเวลานี้เขาบินอยู่กลางอากาศตลอด ก็เพื่อตามหาชู่มู่ท่ามกลางผู้เข้าแข่งขันมากมาย ในตอนนี้ได้การชี้ทางบ้างแล้ว เขาไม่ปล่อยให้ชู่มู่หายไปแน่นอน !
ผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลองที่สวมชุดเกราะสีทองคนนี้ คือเซี่ยกว่างหาน !
ตอนอยู่บ้านแห่งภูตวิญญาณ เซี่ยกว่างหานไม่กล้าอัญเชิญดวงวิญญาณหลักทั้งหมด อีกทั้งมังกรทรายเหลืองที่มีพลังต่อสู้อยู่ในระดับจักรพรรดิขั้นสูงและมีราคาสูงยิ่งตัวนี้ถูกชู่มู่ฆ่าตายหมด !
ในตอนนั้นมังกรทรายเหลืองอยู่แค่ลักษณะเจ็ด ถ้าตอนนั้นไม่ตาย เกรงว่าตอนนี้คงฝึกไปจนเกือบถึงลักษณะสิบแล้ว ถ้านำค่ารักษาตัวทั้งหมดมาเพิ่มความแข็งแกร่งให้มังกรทรายเหลืองอีกละก็ เซี่ยกว่างหานในตอนนี้อาจมีจักรพรรดิชั้นยอดที่ถึงลักษณะสิบตัวหนึ่งแล้ว !
ถ้ามีจักรพรรดิชั้นยอดถึงลักษณะสิบแล้ว ตำแหน่งของเซี่ยกว่างหานคงไม่เหมือนในตอนนี้ แต่ว่าทั้งหมดเป็นเพราะการต่อสู้ที่บ้านแห่งภูตวิญญาณครั้งนั้น ดวงวิญญาณหลายตัวของเขาที่มีพลังต่อสู้สูงมากถูกชู่มู่ฆ่าตายหมดแล้ว !
ตอนนี้เซี่ยกว่างหานฟื้นกลับมาแล้ว เขาในตอนนี้มีเพียงดวงวิญญาณหลักสามตัว แต่ว่าดวงวิญญาณหลักทั้งสามตัวเป็นถึงความสามารถที่แท้จริงของเซี่ยกว่างหาน !!!
…
…
“อู อู อู”
มั่วเย้น้อยกระโดดไปมาระหว่างหินอย่างคล่องแคล่ว กระโดดกลับข้างกายชู่มู่
“มีนักโทษสองคนเหรอ” ชู่มู่ถาม
“อู อู อู” มั่วเย้น้อยพยักหน้าอย่างน่ารัก
ชู่มู่ในตอนนี้มีทั้งหมดสองพันสี่ร้อยล้าน เงินแค่นี้ไม่พอแน่นอน ในเมื่อมีนักโทษปรากฏตัว เขาย่อมต้องเก็บชีวิตพวกเขา !
“พวกเจ้าพักผ่อนที่นี่ ข้าไปแล้วเดี๋ยวกลับมา” ชู่มู่พูดกับเย้ชิงจือ ถิงหลัน และซ่างเหิง
ผ่านการรักษาของดวงวิญญาณเย้ชิงจือ แผลของถิงหลันกับซ่างเหิงฟื้นกลับมาครึ่งหนึ่งแล้ว วิญญาณของทั้งสองคนไม่ได้รับบาดเจ็บ ดังนั้น ถ้าฟื้นพลังวิญญาณกับบาดแผลของดวงวิญญาณได้ ยังคงมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากอยู่
ตกดึกแล้ว เย้ชิงจือให้กระดิ่งแก้วตาวางกับดักกล่อม เพื่อไม่ให้ถูกสังเกตได้ง่ายโดยรอบ ๆ และป้องกันไม่ให้คนอื่นแอบเข้าใกล้
“พวกเจ้าพักผ่อนเถอะ ตรงนี้น่าจะปลอดภัยหน่อย” เย้ชิงจือบอก
ซ่างเหิงพยักหน้า เขาที่เหนื่อยล้านั่งพักผ่อนอยู่ด้านข้าง ส่วนถิงหลันกับดวงวิญญาณของเธอพักอยู่ด้านข้าง เธอที่เจอทั้งเรื่องดีและร้ายมากมายแบบนี้ต้องการนอนหลับพักผ่อนจริง ๆ
…
อีกด้านของภูเขา ชู่มู่เหยียบลงบนศพของนักโทษขั้นเจ็ดสองคนอย่างไร้สีหน้าใด ๆ นำแหวนนักโทษในมือของพวกเขาออก
บวกกับแหวนนักโทษสองคนนี้ ชู่มู่ได้เงินทั้งหมดเป็นสองพันห้าร้อยล้าน
ตามการประเมินของชู่มู่ เมื่อถึงวันหลัง ๆ ตอนที่จำนวนของผู้เข้าแข่งขันกับนักโทษเท่ากันแล้ว หากชู่มู่คิดจะเก็บแหวนนักโทษ ก็ต้องแย่งจากผู้เข้าแข่งขันคนอื่น
ถึงตอนนั้น จะกลายเป็นการต่อสู้ระหว่างผู้เข้าแข่งขันกันเอง !
หลังจากจัดการนักโทษสองคนนี้แล้ว ชู่มู่ได้เดินกลับทางเดิม
“อู อู อู” ทันใดนั้น มั่วเย้น้อยส่งเสียงร้องให้ชู่มู่มาตรงนี้อย่างประหลาด
ชู่มู่เดินเข้าไป พบว่ามีของเหลวบางอย่างที่ข้นเหนียวใต้ดิน มองดูเหมือนของเหลวของดวงวิญญาณหมวดแมลงบางอย่าง
“นี่…ทำไมรู้สึกเหมือนของเหลวของปีศาจแมลงตะกละ” ชู่มู่พึมพำ
ชู่มู่ได้รับมือกับปีศาจแมลงตะกละเป็นเวลานานมากแล้ว ชู่มู่จำกลิ่นของเหลวพวกนี้ได้ดี เขาแอบตกใจว่า หรือว่าในด่านที่แปดจะมีคนมีดวงวิญญาณที่น่ากลัวและพบเห็นได้ยากอย่างร้อยแม่นี้อยู่
“แห้งบ้างแล้ว เหมือนจะทิ้งไว้ก่อนหน้านี้แล้ว” ชู่มู่บอก
“อู อู อู” มั่วเย้น้อยพยักหน้า
“กลับไปก่อนเถอะ ให้พวกเขาเตรียมใจไว้ก่อน ถ้าเป็นปีศาจแมลงตะกละละก็ พวกมันจะมีความสามารถอำพรางตัว ต้องระวังตัวให้มากขึ้น” ชู่มู่บอก
…
ชู่มู่กลับไปยังที่พัก นำเรื่องเกี่ยวกับปีศาจแมลงตะกละบอกกับเย้ชิงจือ
เย้ชิงจือขมวดคิ้วเข้าหากัน ปีศาจแมลงตะกละเป็นพวกที่จัดการยากยิ่งจริง ๆ โดยเฉพาะพวกมันมีความสามารถในการอำพราง หากไม่ระวังจะเสียชีวิตได้
“นักโทษที่ควบคุมปีศาจแมลงตะกละคนนั้นน่าจะไม่อยู่ที่นี่ในตอนนี้ อัญเชิญอสูรนิมิตชุดม่วงของเจ้าออกมาเถอะ ถ้ามีสถานการณ์ผิดปกติมันจะรับรู้ได้ทันที” ชู่มู่บอกกับเย้ชิงจือ
เย้ชิงจือพยักหน้า เก็บภูตอัคคีน้ำแข็งที่ความเร็วค่อนข้างช้ากลับเข้าช่องว่างดวงวิญญาณ แล้วอัญเชิญอสูรนิมิตชุดม่วงออกมา
อสูรนิมิตชุดม่วงของเย้ชิงจือแข็งแกร่งกว่าเย้ของชู่มู่อย่างมาก ชู่มู่ในตอนนี้เน้นการโจมตีเป็นหลัก อสูรสายฟ้านิมิตราตรีไม่เหมาะกับการโจมตีที่ดุเดือดเกินไป ดังนั้น ชู่มู่จึงไม่ได้อัญเชิญมันออกมา
เย้ชิงจือมอบยาพลังวิญญาณให้กับชู่มู่ พูดกับชู่มู่ว่า “นี่ทำให้พลังวิญญาณของเจ้าฟื้นกลับมาทวีคูณได้ คืนนี้ถ้าเจ้าทำสมาธิละก็ จะฟื้นพลังวิญญาณที่ใช้ไปก่อนหน้านี้ได้”
“อืม” ชู่มู่กินยาพลังวิญญาณลงไป สัมผัสได้ว่า พลังวิญญาณของตัวเองเกิดการเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ในตอนนั้นจึงนั่งพิงข้างหิน
“อู อู”
ถ้าชู่มู่ทำสมาธิละก็ มั่วเย้น้อยมักจะกระโดดเข้าไปนอนในตักของชู่มู่ ทว่า ครั้งนี้มั่วเย้กลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกระโดดไปมาบนตัวปีศาจนักรบไม้อย่างตื่นเต้น
“ชู่มู่ ช่วงนี้มั่วเย้น้อยของเจ้าเหมือนจะสดใสเป็นพิเศษ” เย้ชิงจือนั่งอยู่ข้างชู่มู่ ยิ้มแล้วมองไปยังมั่วเย้น้อย
ชู่มู่ลืมตามขึ้น พบว่ามั่วเย้น้อยวิ่งไปบนหัวของสิงโตปีกดาบสายฟ้าของซ่างเหิงด้วยความซน พูดพร้อมรอยยิ้มว่า “อืม ช่วงนี้มันไม่ค่อยนอน เมื่อก่อนแค่กินอิ่มก็นอนแล้ว…”
ร่างของสิงโตปีกดาบสายฟ้าใหญ่โตมาก แต่มั่วเย้น้อยไวเกินไป เหวี่ยงอย่างไรก็ไม่ลงมา ทำได้แค่ปล่อยให้จิ้งจอกน้อยตัวนี้ดึงขนของมันด้วยสีหน้าเอือมระอา
“เมื่อดวงวิญญาณเกิดปรากฏการณ์ประหลาด เป็นลางของเหตุการณ์พิเศษบางอย่าง เจ้าต้องใส่ใจมากขึ้น” เย้ชิงจือพูดเตือน
“ลางเหตุการณ์พิเศษงั้นหรือ” ชู่มู่ลูบคางแล้วใช้ความคิด
จะว่าไป มั่วเย้ห่างจากการแปรเปลี่ยนตระกูลครั้งก่อนเป็นเวลานานมากแล้ว อีกทั้งชู่มู่จำได้ว่า ผู้เฒ่าหลีเคยบอกกับตัวเอง ในตอนที่จั้นเย้ตกลงไปในเหว สภาพของมั่วเย้แปลกอย่างมาก